พญาช้างผู้เสียสละ
นานมาแล้วมี “ช้างสีลวะ” พญาช้างร่างใหญ่ที่มีผิวขาวผุดผ่อง มีงวงและงาสวยงามอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์อย่างสงบสุข และด้วยเป็นพญาช้างที่ถือศีลทำให้มีบริวารช้างคอยติดตาม จนกระทั่งวันหนึ่งพญาช้างเกิดรู้สึกอยากออกไปใช้ชีวิตเพียงลำพังจึงได้ปลีกตัวออกมาจากโขลง ต่อมามีพรานป่าจากเมืองพาราณสีได้เดินทางมายังป่าหิมพานต์เพื่อเก็บของป่ าและล่าสัตว์ไปเลี้ยงชีพประทังชีวิต พรานป่าได้เดินลัดเลาะมาเรื่อย ๆ แล้วเกิดหลงป่าหาทางกลับออกไปไม่ได้ เดินหาทางอยู่นานจนหมดแรงจึงได้มานั่งร้องไห้คร่ำครวญระหว่างนั้นพญาช้างสีลวะก็เดินผ่านมาแล้วเกิดได้ยินเสียงร้องไห้ของพรานป่าจึงจะเข้าไปถามไถ่ ฝ่ายพรานป่าที่เห็นพญาช้างตัวใหญ่ก็เกิดรู้สึกกลัวและกำลังคิดจะหนี แต่เมื่อมองดูดี ๆ กลับรู้สึกว่าพญาช้างตัวนี้มีลักษณะสวยงามโดดเด่นจึงได้รวบรวมความกล้ายืนรอให้พญาช้างค่อย ๆ เดินเข้ามาหาตน พญาช้างเข้ามาถามพรานว่าเขามาจากที่ไหน และทำไมมานั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในป่านี้ พรานเห็นว่าพญาช้างดูท่าทางใจดีจึงได้ตอบไปว่าเขามาจากเมืองพาราณสีเข้ามาหาของป่าแล้วเกิดหลงทาง พญาช้างที่ได้ฟังก็บอกว่าจะพาเขาออกไปให้พ้นป่านี้ต่อจากนั้นต้องหาทางกลับเมืองเอง เมื่อทั้งสองตกลงกันได้
พญาช้างก็ให้พรานขึ้นมาขี่หลังของตนจากนั้นก็พาเดินลัดป่าเลาะเขาด้วยความชำนาญ จนกระทั่งมาถึงบริเวณชายป่าพญาช้างก็ให้พรานลงจากหลังพร้อมกับบอกให้เขาใช้เส้นทางนี้เพื่อหาทางกลับเมือง ก่อนไปพญาช้างได้ขอให้พรานป่าเก็บเรื่องที่ได้พบกับพญาช้างในวันนี้เป็นความลับ ซึ่งพรานป่าก็รับปาก จากนั้นพญาช้างก็เดินหายลับไปในป่าต่อมาเมื่อพรานเดินทางไปถึงเมืองพาราณสีเขาก็ได้เดินไปถามกับคนที่ขายงาช้างว่าอยากได้งาของช้าง เป็น ๆ ไหม ซึ่งพ่อค้าก็ตอบว่าอยากได้เพราะงาช้างเป็นมีค่ากว่างาช้างตายมาก ถ้าเขาหามาได้จะรับซื้อในราคาที่ดี เมื่อตกลงกันได้แล้วพรานป่าก็รีบกลับมาที่บ้านแล้วเตรียมเลื่อยเหล็กพร้อมเสบียง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังป่าหิมพานต์ และลัดเลาะไปตามทางที่พญาช้างเคยพาเขามาส่งครั้งก่อน เมื่อมาถึงพญาช้างได้ถามกับพรานป่าว่าทำไมถึงกลับมาที่นี่ เขาจึงตอบว่าครั้งนี้มาหาท่านเพราะต้องการความช่วยเหลือ เขาไม่มีเงินพอเลี้ยงปากท้องและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เขาจึงอยากจะขอตัดงาของพญาช้างเพื่อไปขายเลี้ยงชีพ พญาช้างหลังจากที่ได้ฟังก็สงสารจึงยอมเสียสละให้พรานนั้นตัดงาส่วนปลายของตนไปขายเลี้ยงชีพ ก่อนจะให้งาไปพญาช้างก็ได้ยกงาของตนที่ถูกตัดแล้วชูขึ้นฟ้าพร้อมตั้งจิตปรารถนาขอให้ตนนั้นได้บรรลุ “พระสัพพัญญุตญาณ” และได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า จากนั้นก็ยื่นงาของตนให้กับพรานป่าไป หลังจากนั้นพรานก็ได้นำงาของพญาช้างไปขายแต่เงินที่ได้มาเขาก็นำไปใช้หนี้และใช้เลี้ยงชีพได้เพียงไม่นานเท่านั้น ดังนั้นพรานป่าจึงตัดสินใจเดินทางไปหาพญาช้างอีกครั้งและขอตัดงาส่วนตรงกลางเพื่อนำไปขายเลี้ยงชีพอีกซึ่งพญาช้างก็ยอมให้พรานตัดไป ซึ่งเงินที่ได้จากการขายงาครั้งนี้ก็ทำให้เขาใช้ชีวิตสุขสบายได้เพียงชั่วครู่แล้วก็หมดไป พรานป่าจึงได้กลับไปขอตัดงาของพญาช้างส่วนที่เหลือเพื่อนำไปขาย ซึ่งพญาช้างก็เสียสละงาของตนให้ ตัดถึงจะทำให้เจ็บปวดก็ยอมอดทน ส่วนทางฝั่งพรานป่าหลังจากได้งาของพญาช้างไป ระหว่างทางที่จะนำไปขาย แผ่นดินก็แยกออกแล้วสูบเขาลงไปในเปลวไฟแห่งอเวจี เพราะความจริงแล้วเทวดาได้เฝ้าดูพฤติกรรมของพรานป่ามาตลอด และเห็นว่าคนอกตัญญูอย่างเขานั้นให้ครองทั้งแผ่นดินก็คงไม่หายโลภ ส่วนฝ่ายของพญาช้างสีลวะในท้ายที่สุดก็ล้มตายไปเมื่อถึงอายุขัย....
ข้อคิดคติสอนใจ
นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ผู้อกตัญญูไม่รู้คุณคน แม้ฟ้าดินก็ลงโทษ” คนอกตัญญูนั้นท้ายที่สุดก็จะพบกับความวิบัติล่มจม เพราะฟ้าดินจะต้องลงโทษเหมือนอย่างพรานป่าอกตัญญูต่อพญาช้างสีลวะ แล้วต้องพบกับความวิบัติในที่สุด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments