ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง{ขุนพันธ์​ : หลวงโอฬาร}​

ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง{ขุนพันธ์​ : หลวงโอฬาร}​

ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง

...บทกวีเอ่ยคำขานคราแรก...

...บทลำนำที่ 1 ฤดูใหม่แด่เธอ...

...ไม่รู้ว่ามันเป็นเพลาที่เท่าใด ไม่รู้ว่าดวงตะวันใกล้ลาลับไปตั้งแต่คราใด แต่สิ่งที่ฉันจดจำไว้ในดวงใจนี้ คือการได้ก้าวเดินไปพร้อมเธอ...

...ได้เอื้อมเอ่ยเงยมองสู่ดวงฤทัยในยามฟ้าคราม...

...ได้ชื่นชมดวงบุหลันในยามราตรีไร้ซึ่งแสงสีส้ม...

...ได้มีเราสองกอดกายจิตเยี่ยงยัวในยามสายวัน...

...ได้มีเราสองย่างก้าวสู่วันใหม่...

...ได้มีเราสองในฤดูใหม่...

...ในโลกใบนี้คนอย่างฉันมิต้องการสิ่งใดอีก เพียงแค่จ้องในดวงตาอัมพร เพียงแค่ได้เอื้อมมือจับจองร่างระหงส์ เพียงแค่ได้ประทับมลทินรอยจูบ เพียงแค่ได้ครองรักเคียงคู่นานเนินใจก็เพียงพอ...

...“ฉันสัญญาจักขอรักแม่แลจากนี้ไปจนชั่วดวงตะวันลาลับจากพื้นแผ่นโลก”...

...“แลแม่อย่าได้หนีจากฉันไปเลยหนาแม่แก้วตา”...

...“ขอให้ฉันได้เป็นร่มเงาปกป้องแม่จากผู้คนนับล้านเถอะหนา”...

...“ฉันสัญญาว่าจักไม่ให้แม่ต้องเสียใจ”...

...“ขอสาบานด้วยสัตย์ว่าจะขอรักแม่แลดูแลแม่”...

...“จนวันที่ฉันสิ้นชีพวา”...

...ฉันจะเป็นสายลม ...

...คอยพัดพาฤดูกาลเปลี่ยนหมุนไป...

...สู่ใจที่อ้างว้าง...

...จะมอบหัวใจ...

...เพื่อให้เธอ...

...เป็นฤดูใหม่...

...ฉันจะรักเธอ...

...ในทุกการเปลี่ยนแปลงของใจ...

...ในทุกการเคลื่อนไหว...

...ผลิใบ...

...เป็นฤดูใหม่...

...ฉันจะรักเธอ...

...ไม่ว่าโลกจะโหดร้ายเพียงใด...

...ในทุกความหวั่นไหว...

...หัวใจ...

...ฉันยังคง..อยู่กับเธอ.......

...“ฉันรักแม่คุณหนา”...

...{ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง}...

ตอนที่ 2

แสงไฟสลัวจากแสงเทียนช่วยส่องสว่างไปทั่วห้องหรูราคาแพง เสียงของเนื้อกระแทกกันดังเป็นจังหวะ ช้าและเร็วสลับผลัดเปลี่ยนไปตามแรงของผู้กระทำ ร่างระอ่อนบนเตียงร้องครวญครางเมื่อถูกกระทำ มือหนาของผู้กระทำอยู่ไม่นิ่งเขาสัมผัสไปทั่วกายาของหญิงสาวใต้อาณัติ ชะโลมเร้าใจให้เหยื่อในเอื้อมมือสติเลื่อนรอย ผู้กระทำค่อยไปกระแทกกระทั้นความเป็นชายเข้าสู่รูสวาทของร่างใต้อาณัติอย่างชำชอง

“อืม..อ่าส์..อร้าส์..”

เสียงครางหวานของร่างใต้อาณัติดังขึ้น เธอใกล้เสร็จสมเสียแล้ว ผู้คุมเกมเริ่มบดขยี้รูสวาทมากขึ้นด้วยความเสียวที่รูของเธอนั้นตอกรัดควยของเขาแน่น 

“ซี้ดส์..อ้าส์...”

ผู้กระทำกัดปากอย่างเสียวซ่าน เขาเริ่มขยี้หน้าอกของร่างใต้อาณัติเอวหนาเริ่มกระแทกแรงขึ้นจนในที่สุดร่างกายทั้งสองก็สุขสมดั่งจิตคนึง

“อืมส์...คุณหลวง...ฉันมีความสุขมากจริงๆ”

เสียงของผู้ถูกกระทำดังอย่างอ่อนหวานแก่ผู้เป็นนายตรงหน้า 

“ฉันเองก็เช่นกันแม่ดวงเดือน”หลวงโอฬาร

เขาคือ'หลวงโอฬาร'เจ้าของสโมสรงาช้างแห่งปักษ์ใต้และเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้นเขายังทำธุรกิจสีเทาลับหลังรัฐบาลและซ่องซุมเลี้ยงโจรอีกด้วย

คุณหลวงเริ่มสวมเสื้อผ้าก่อนจะเดินไปที่ประตู

“อีตัวอย่างเธอทำให้ฉันสุขสมได้เสียจริงนะ”หลวงโอฬาร

เขาพูดอย่างหน้าไม่อาย และเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์คงเพราะอีหญิงที่เขาเล่นรักด้วยนั้นเป็นเพียงกะหรี่ในสายตาของเขาเท่านั้น หล่อนก็แค่ของเล่นในยามเหงา

หญิงสาวที่เป็นเพียงของเล่นก็ยิ้มสีหน้าระรื่นเพราะมันคือเรื่องปกติสำหรับหล่อน คุณหลวงเมื่อไม่มีอะไรให้คาค้างก็ได้เดินออกจากห้อง

เจ้าของสโมสรเดินย่างก้าวอยู่ในโถงทางเดินที่ถูกประดับด้วยของราคาแพง

ตึก

ตึก

จังหวะเดินสม่ำเสมอทุกวินาทีดังกึกก้องไปทั่วสโมสรเวลานี้มันดึกจนไม่มีใครตื่น

เจ้าของสโมสรค่อยๆเดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของตนก่อนที่มือเรียวจะเปิดประตูเพื่อเข้าไปในห้อง

กึก

ร่างหนาได้นั่งลงที่โต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อย เขาพึ่งผ่านภารกิจอันเร้าร้อนบนเตียงมา คงไม่แปลกที่จะเหนื่อย มือเรียวเอื้อมหยิบถ้วยกาแฟอันโปรดที่มีกาแฟร้อนถูกเตรียมไว้อย่างดีขึ้นมาดื่ม รสชาติอันขมละมุนปลายลิ้นช่วยทำให้เขาผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

คุณหลวงได้นั่งครุ่นคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอดชีวิต

เขานั้นเป็นข้าราชการที่ทำธุระกิจสีเทา ทั้งการพนัน การค้าขายเถื่อน พวกสารเสพติดและการเลี้ยงโจร แถมยังมีสโมสรที่แสนหรูหราเกินกว่าใครในปักษ์ใต้จะได้ครอบครอง ไหนจะหญิงนารีและสาเกสุรารสเลิศมากมาย 

แต่ทำไม

เขาถึงยังคงรู้สึกโดดเดี่ยว

ก็จริงอยู่ที่เขามีผู้หญิงรายล้อมมากมาย

แต่มันกลับไม่ได้ช่วยให้เขามีความสุขแม้แต่น้อย

ผู้หญิงพวกนั้นต้องการเพียงเงิน

เขาต้องการผู้หญิง

ผู้หญิงที่รักเขาจากใจจริง

ไม่ใช่รักจากเงินทองและฐานะ

เมื่อคิดได้แบบนั้นคุณหลวงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“แล้วมันจะหาจากที่ไหนวะ”หลวงโอฬาร

เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็คงทำได้แต่เล่นกับพวกอีตัวไปแทนตลอดชีวิต

“ยิ่งคิดยิ่งเครียด”หลวงโอฬาร

เขาพูดพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และเดินไปที่เตียงนอนอันแสนแพง 

ร่างกายเริ่มล้มตัวลงบนเตียงนุ่มชวนให้เคลิ้มำปกับสัมผัสอันอ่อนนุ่ม

เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง สติค่อยๆเลื่อนหายไปช้าๆ

จนในที่สุดก็หลับใหลสู่ห้วงนิทรา

...{ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง}...

ตอนที่  3

ยามเช้าได้ดำเนินมาถึง วันนี้เจ้าของสโมสรก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องทำงานพรางขีดเขียนกองเอกสารนับสิบบนโต๊ะ

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก

ปรากฏร่างของชายท่าทางน่ากลัวผมยาวรุงรังมีรอยสักเต็มร่าง

“มีอะไรอัลฮาวี”หลวงโอฬาร

คุณหลวงได้เอ่ยทักผู้มาเยือนตรงหน้า ส่วนผู้ที่ได้รับคำถามก็ตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“เดี๋ยวนี้มีข่าวลือหนาหูว่ามีตำรวจแฝงตัวมาในสโมสร”อัลฮาวียะลู

โจรร้ายได้ตอบโต้ผู้เป็นนาย

หลวงโอฬารเมื่อได้ยินก็ถึงกับหยุดชะงัก 

ไอพวกรัฐกล้าดีเยี่ยงไรถึงส่งคนมาในเขตพื้นที่ของเขาโดยเฉพาะในสโมสรแสนงามที่เขารักนักรักหนา

“ไปจับหาตัวพวกมันให้ได้”หลวงโอฬาร

เจ้าของสโมสรแสดงท่าทีหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะหยิบยาสูบขึ้นมาและสูบดมกลิ่นอันหอมหวานของมัน 

โจรร้ายใต้อาณัติที่ได้ยินคำสั่งจากผู้เป็นนายก็พยักหน้าเป็นคำตอบและออกไปจากห้อง

กึก

“ไอพวกหมาขี้เรื้อนกล้าบังอาจมายุ่งหยามอำนาจในเขตของฉัน”หลวงโอฬาร

เจ้าพูดด้วยนํ้าเสียงหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแสนหรูแลเดินยํ่าเท้าหนาออกจากห้องทำงาน

ในเพลานี้เจ้าของสโมสรแห่งปักษ์ใต้ได้ออกมาย่างก้าวอยู่นอกสโมสร คงเพราะเจอแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องจากการทำงานจึงต้องการจะผ่อนคลายจิตใจของตน

เท้าหนาเดินก้าวไปที่สวนส่วนตัวที่ถูกจัดแต่งราวกับสวนแห่งเทพธิดาบนชั้นสวรรค์ที่ 7 

หลวงโอฬารดื่มด่ำกับบรรยายรอบตัว แสงดวงอุทัยใกล้ลาลับ ลับแลสู่ขอบหล้าหมู่มวลนกเขาบินร่อนไปทั่วเมฆา ส่งเสียงร้องเริงระบำจำเจ

หลวงโอฬารได้เดินมาหยุดยังที่ประจำของเขา ริมแม่นํ้าที่แสงของดวงอุทัยแก้วสาดส่องกระทบกับพื้นผิวธารายิ่งเป็นภาพชวนจับจ้อง

หลวงโอฬารดื่มด่ำกับบรรยายกาศรอบข้าง เสียงนํ้าไหลตามแรงโน้มถ่วงของโลก เสียงนกน้อยวิหกขับขาน เสียงของพื้นป่าร้องสลับผลัดสายลม 

ยิ่งฟังก็ยิ่งเคลิมเคลิ้มไปกับบทเพลงที่เหล่าธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น

แต่ไม่ทันไรเสียงอันเคลิมเคลิ้มก็ต้องหยุดลงเมื่อมีเสียงฝีเท้าอันเบาบางดังขึ้นจากเหนือหัว

หลวงโอฬารเงยหน้าขึ้นก็พบกับปลายเท้าสีขาวนวลชายกระโปรงสีแดงสดเปรียบกับสีของดวงเดือนอุทัย 

ใบหน้าระหงส์ขาวนวลงดงามดุจเทพธิดาราวัลกลับชาติมาก่อน ริมฝีปากอันอวบอิ่มแดงอมชมพูพานอ่อนช่างน่าหลงใหลแลดึงดูดเพศตรงข้าม

ดวงใจอันเลวทรามของคุณหลวงเริ่มเต้นระรื่นดังขึ้นราวกับเสียงกลองในงานบุญ

เขาไม่เคยหัวใจเต้นระทวยกับสาวเหนือใดมาก่อนแต่ใยเล่าถึงได้ใจแตกเพียงเห็นแค่ปลายเท้าอันขาวนวลเช่นนั้น

หลวงโอฬารได้เงยหน้าบานเชยชมหญิงงามตรงหน้าเขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าหล่อนคนงามเป็นใคร

แต่หากเขาอยากได้เขาก็ต้องได้ครอบครองนาง

หลวงโอฬารยังคงจ้องมองหล่อนอยู่อย่างนั้นและเจ้าหล่อนเองก็เริ่มรู้ตัวว่ามีคนใต้ฝ่าเท้านวลกำลังจ้องมองตนอยู่

หล่อนก้มหน้าลงมาจ้องมองผู้ที่กำลังรำร้องจ้องนาง

สองดวงแก้วได้ประสบสานกันดั่งใจจับวาง

ใบหน้าระหงส์คลี่ยิ้มหวานราวกับบุปผางามให้แก่บุรุษที่กำลังจับจ้องมองนาง

ส่วนบุรุษผู้นั้นก็ยังคงจับจ้องมองนางระหงส์

“ท่านเป็นใครกัน”

...{ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง}...

ตอนที่​ 4 

หล่อนพูดขึ้นด้วยนํ้าเสียงอ่อนหวานเล่นเอาชายใต้ฝ่านวลขาวถึงกับใจสั่น​ หล่อนเหยียดยิ้มสวยพรางมองที่เขาราวกับกำลังหว่านเส่นห์ให้บุรุษสูทขาวหลงใหลในรูปโฉมของตน​ 

ส่วนบุรุษที่ถูกทักทายก็ถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้พบนางฟ้ากานดาที่สวยเพียงนี้ใครเล่าจะไม่ตลึงในรูปโฉมราวัลของนางกัน

"แม่เป็นใครกันใยฉันมิเคยเห็น" หลวงโอฬาร

บุรุษสูทขาวเอ่ยเอื้อเสียงของตนถามต่อแม่รูปโฉมที่กำลังจ้องมองเขาอยู่

"ฉัน​ ฟ้าคราม​ จ้ะ" 

หล่อนพูดพรางยิ้มหวานอีกครา​ แต่ครานี้พ่อหนุ่มอย่างคุณหลวงไม่ได้ตลึงอีกแล​ เพียงแต่ยิ้มพราวเสน่ห์​ตอบใส่นางโฉมงาม​ เขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าหล่อนเป็นลูกเต้าเหล่าใครแค่ได้เยือนยินเพียงชื่อก็อุ่นใจเสียงแล้ว​​​​​

ยังไม่ทันคราวที่คุณหลวงหนุ่มจะได้เอ่ยถามอีก​ แม่โฉมงามราวัลก็ได้กระโจนตัวงาม​ ลงมาจากปลายกิ้งไม้เหนือหัวของเขา

เมื่อปลายเท้านวลกระทบพื้นดินเขียวชอุ่ม​ร่างเล็กได้ยิ้มเริงรมย์​ให้แก่บุรุษตรงหน้าแลรีบวิ่งหายไปในป่าด้านข้างทันที

​​​​​"เดี๋ยวสิ! เธอ!" หลวงโอฬาร

หลวงโอฬารที่ไม่รู้จะขานสรรพนามใดในการเรียกสาวเจ้า​ จึงเลือกใช้คำที่แสนเรียบง่ายแต่ถึงกระนั้นยัยร่างบางผู้โฉมงามก็ไม่หันแลมาหาเขาแม้แต่น้อยเพียงส่งเสียงหวานระรื่นแลหายจางไปในที่สุด

เมื่อแผ่นหลังอันงดงามได้เลื่อนหายไปจากนัยตาของคุณหลวงเขาก็ออกอาการอมยิ้มเล็กน้อย​ 

ดูเหมือนเขาจะเจอแม่บุหลันในใจเสียแล้ว

"ขอให้เราได้เจอกันอีกนะแม่คุณ" 

เมื่อตกดึกเจ้าของสโมสรก็ยังคงร่วมกิจกับหญิงขายตัวในสโมสรของตนเช่นเคยแต่ครานี้มันผิดแปลกไป​ เขาไม่ค่อยมีอารมณ์​ร่วมกับอีกฝ่ายสักเท่าไหร่​ ไม่ยอมที่จะร้องครวญคราง​เวลาที่ร่องของหญิงใต้อาณัติบีบรัดแก่นกาย​ ไม่ยอมแม้แต่จะมีความสุขสม​ มีเพียงแต่หญิงสาวเท่านั้นที่สุขสมอยู่ฝ่ายเดียว

​​​​​​' ฉันเป็นอะไรไป​ '

คำถามเกิดขึ้นในใจของหลวงหนุ่มผู้กะล่อน

ปกติเขาควรมีอารมณ์​ร่วมกับมันสิใยครั้งนี้ถึงไม่แม้แต่จะเสร็จด้วยซํ้า

ในหัวของเขายังคงมีภาพของแม่รูปโฉมที่ได้พานพบในยามสุริยันลาลับ

' ทำไมกันนะใยถึงต้องคนึงถึงนางขนาดนี้​ '

ถึงแม้จะมีคำถามมากเพียงใดแต่เจ้าตัวคงจะรู้ตัวดีว่าตนได้ตกหลุมพรางรักของอีกฝ่ายเป็นแน่

หลังจากที่หลวงโอฬารเสร็จสมกิจที่ไม่ม่แม้แต่ความสุขสม​ ก็ได้เดินตรงไปห้องทำงานทันที

[ห้องทำงาน]​

ในห้องทำงานสุดหรูราคาแพงในตอนนี้มีผู้มาใหม่ถึงสามคนที่ดูจากภาพลักษณ์​ก็คงมิใช่พวกคนรวยมีอิทธิพล​แต่ดูเป็นพวกโจรเสียมากกว่า

"ฉันขอถามพวกแกจริงๆเถอะ​ ที่นี้มีหญิงที่ชื่อ​ ฟ้าคราม​ รึเปล่า" หลวงโอฬาร

หลวงโอฬารได้เอ่ยถามโจรทั้งสามไปตรงๆ​ แต่ทั้งสามนั้นก็มีท่าทีที่แปลกไป​ จากตอนแรกที่ไม่ค่อยสนก็เริ่มหยุดชงักและมองเขาเป็นตาเดียวกัน

"มึงจะถามหาฟ้าครามทำไม" บุหงา

หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มโจรร้ายได้พูดขึ้นด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์​ ดูท่าพวกเขาทั้งสามจะรู้จักแม่หญิงในใจของหลวงโอฬาร

​​

"ฉันแค่ถูกชะตากับนาง" หลวงโอฬาร

หลวงโอฬารได้เอ่ยพรางดื้มเหล้าราคาแพง​ ด้วยใบหน้าระรื่น​ แต่โจรอีกคนกับไม่สบอารมณ์​มากกว่าเก่าเขาลุกขึ้นจากตอนแรกที่นั่งโซฟาแลเดินตรงมาหาหลวงโอฬาร

"มึงจะไปเย็ดกับใครก็ได้แต่อย่ามายุ่งกับน้องสาวกู!" อัลฮาวียะลู

โจรผู้เป็นหัวหน้าได้เอ่ยขึ้นพร้อมขี้หน้าเขา

หลวงโอฬารรู้ได้ทันทีว่าแม่หฐิงงามในใจของเขาเป็นน้องสาวของมหาโจรร้ายอัลฮาวียะลูเป็นแน่

​​​​​​ไม่งั้นบักโจรร้ายผู้นี้คงไม่หงุดหงิด​ขนาดนี้

​​​​​​" อัลฮาวี​ ฉันแค่ถูกชะตาไม่ได้คิดจะเอาน้องสาวผู้เลอโฉมของแกมาเป็นอีตัวส่วนตัวของฉัน" หลวงโอฬาร

หลวงโอฬารรีบพูดให้มันประจักษ์​แต่​ อัลฮาวี​ ที่ได้ยินก็หงุดหงิด​มากเสียกว่าเก่า

"กูจะไม่ให้น้องกูมายุ่งกับคนอย่างมึง!" อัลฮาวี

 ' สายไปแล้ว​ '

หลวงโอฬารคิดในใจพร้อมเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์​ อัลฮาวีรู้ได้ทันทีว่าไอหลวงบ้านี่คงได้พบกับน้องสาวเขาและทำความรู้จักกันแน่​  ไม่งั้นมันคงไม่รู้จักชื่อของน้องสาวเขา

"ถ้ามึงทำอะไรน้องกู​  มึงไม่ตายแน่!"อัลฮาวี

โจรร้ายได้พูดพรางทำท่าจะบีบคอไอหลวงตรงหน้าให้ตายห่าไปถ้าไม่ติดว่าไอนี้มันเป็นคนใหญ่คนโตที่คุมกะลาหัวเขาอยู่ก็คงทำไปแล้ว

"ฉันไม่ทำร้ายน้องสาวนายหรอกอัลฮาวี" หลวงโอฬาร

' แต่ถ้าเป็นเมียก็อีกเรื่อง​ :)​'

​​​​​​

...{ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง}​​​​...

ตอนที่ 5

หลังจากที่คุณหลวงผู้ละโมบโลภมากทั้งตัณหาและกามได้รู้ตัวตนของแม่หญิงงามที่ได้พานพบ เขาก็เริ่มตามหาหล่อนโดยทันที ไม่ว่าจะลองถามไถ่จากคนรับใช้ ในสโมสรหรือพวกนางบำเรอ จนเขาได้รู้ว่าหญิงสาวนั้นอาศัยอยู่ที่เรือนบุปผาหลังสโมสร

หลวงโอฬารไม่รีรอเขาบุกตรงไปที่เรือนบุปผาทันที

ในที่สุดหลวงผู้มากด้วยกิเลสก็ย่างก้าวมาถึงที่เรือนกระจกแก้วที่เต็มไปด้วยบุปผานาๆพรรณที่เขามักจะสั่งมาเพื่อตกแต่งเรือนกระจก

หลวงโอฬารค่อยๆเข้ามาในเรือนแก้วอย่างช้าๆพร้อมพรรณนามองพืชพันธ์ดอกไม้ที่เขาสั่งซื้อจากพวกฝาหรั่ง เมื่อเดินเข้าไปลึกขึ้นก็เริ่มได้ยินเสียงฮัมเพลงที่แสนหวานละมุมคล้ายพวกกินรีหลอกล่อเหยื่อ หลวงโอฬารที่รู้ว่าตนใกล้ถึงแม่ดอกบุปผางามรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ก็เริ่มเปิดเผย

คล้ายดั่งความฝัน คืนวันนั้นช่างเหลือเชื่อ

เสียงหวานจากการฮัมเพลงแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องหลวงโอฬารเริ่มคล้อยตามไปกับเสียงหวานของแม่บุปผา

ถักทอเยื่อใย อิ่มไอรักอันชื่นชวน

ลมอุ่นรอบข้างเริ่มพัดพามาเบาๆยิ่งทำให้รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น

กามเทพเล่นกล บันดาลให้หวน

กลิ่นหอมของดอกไม้เริ่มส่งกลิ่นระรื่นราวกับกำลังเต้นระบำไปกับบทเพลง

คืนคู่ควร รักมั่นฉันและเธอ

หลวงโอฬารเริ่มเดินเข้าไปใกล้เสียงหวานมากขึ้น และเขาก็ได้พบกับนางในฝันอันหวานหอมของเขา แม่กินรีผู้ขับขานบทเพลงให้พรานหนุ่มตกหลุมรัก

เหมือนต้องมนต์ขลัง ภวังค์รักอันล้นทรวง

หญิงสาวผู้งดงามดุจเทพธิดาราวัลกำลังขับขานบทเพลงเพื่อเชิญชวนเหล่าผู้ได้ยืนยิน มือเรียวสวยจัดดอกไม้งามนาม 

ติดตามทวงหวงห่วงใย หัวใจนะเออ

เสียงหวานของแม่บุปผาได้เอื่อเอ่ยทำนองขับขานคล้ายดั่งกินรีหลอกล่อพรานหนุ่ม มือเรียวสวยค่อยๆลูบเกศาของตนอย่างอ่อนช้อย

ต้องเห็นหายห่างไกล ให้เดียวดายเสมอ

ครํ่าครวญละเมอ พรํ่าเพ้อกี่ครา

เธอคือผู้ใด เธอเป็นของใคร

อยู่ที่ไหน ข้ามภพมาใกล้ โอ้ใจปรารถนา

ด้วยใจรักมั่น อธิษฐานข้ามกาลเวลา

ให้ความรักทลายม่านฟ้า ข้ามมาพบกัน

บทเพลงของแม่กินรีน้อยได้จบลง แต่หล่อนก็ยังคงเอ่ยเอื้อนทำนองรักอย่างสุขสมใจ จนทำเอาผู้มากตัณหากิเลสดั่งพรานหนุ่มใจสั่น

'แม่เป็นใครกันหนาใยใจฉันถึงได้คนึงหาแต่แม่'

หลวงโอฬารยังคงจ้องมองหล่อนจากด้านหลังไม่ไปไหน จนแม่กินรีน้อยได้เอายคำพูดหวานละมุมกับนกน้อยที่อยู่คล้ายดั่งเพื่อนแก้เหงาของนาง

“ขมิ้นเธอรู้ไหมว่าตอนนี้หัวใจฉันแทบคลั่งเลยหนา”

แม่กินรีน้อยเอ่ยคำพูดพรางมือเรียวลูบไล้หัวของนกน้อยตรงหน้าอย่างสุขใจ

“เหตุใดในตอนนี้ใจของฉันถึงคนึงหาแต่ผู้ชายคนนั้นกันนะ”

“พานพบกันเพียงคราเดียวแต่ใยใจฉันถึงยังคนึงหาถึงชายผู้นั้น”

แม่กินรีพูดพลางทำใบหน้าคนึงหาชายในฝันที่ตนได้พานพบ

หลวงโอฬารที่รู้ว่าหญิงสาวก็มีใจให้กับเขา ก็เข้าทางของเขาทันที

“ชายในฝันคนนั้นเป็นใครกันนะใยฉันถึงต้องมนต์ขลังเฉกเช่นนี้”

“เขาจะมีคนรักอยู่แลฤาไม่ เขาเป็นของใครฤาไม่”

“ฉันมิรู้เลยแต่ฉันกลับหลงรักเขาไปเสียแล้ว”

หญิงสาวพรํ่าบ่นตนเองก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งปรากฏขึ้นจากด้านหลัง

...“นั้นสินะแม่เป็นผู้ใดกันใยฉันถึงได้หลงรักเฉกเช่นนี้”...

...^^^{*ใต้ร่มเงาพระบารมีหลวง}​^^^...

...จบบริบูรณ์*...

...[ตอนเดียวจบ]​...

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 1

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!