Chosen By The Past (ยังไม่เปิดให้อ่าน)
บทนำ: จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
“โลกของเรายังมีดวงดาวที่ไม่เคยถูกค้นพบมิติของกาลเวลา และความเป็นไปที่ไม่มีใครล่วงรู้”
ในหนึ่งในมิตินั้น มีอาณาจักรคาเอนเซียร์ แห่งทะเลทรายศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองภายใต้แสงแห่งสวรรค์ ก่อนจะล่มสลายเพราะ ‘บางสิ่ง’ ที่แม้แต่เหล่าเทพยังไม่กล้าเอ่ยนาม เพื่อป้องกันหายนะไม่ให้เกิดซ้ำ
วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของผู้ดูแลโลกทั้ง 14 ชิ้น จึงถูกสร้างขึ้น กระจายไปทั่วทวีป เป็นตราประทับที่ค้ำจุนสมดุลของโลก และเป็นกุญแจที่เชื่อมโยงหัวใจมนุษย์กับความจริงบางอย่าง
หนึ่งในนั้นคือ แผ่นอักขระอัคคีภัณฑ์ กระดาษเวทมนตร์โบราณที่สลักอักษรรูนต้องสาป ว่ากันว่า หากผู้ใดได้ครอบครอง จะสามารถควบคุมกระแสแห่งกาลเวลาได้ชั่วขณะ แต่ถึงจะทรงพลังเพียงใด
มันก็ใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ทั้งหมดนั้น ผมเคยคิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องแต่งในเกมแฟนตาซีต่างโลกอย่าง ECLIPSE: Sands of Divinity เกมที่ผมเล่นมาตลอด เพื่อไล่ล่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 14 ชิ้น
และพยายามไต่ไปให้ถึงชั้นที่ 50 ของหอคอยดันเจี้ยนแห่งดัสทาลอส จุดที่แทบไม่มีใครในประวัติศาสตร์ของเกมเคยไปถึง
เมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าราชบัลลังก์ในพระราชวังโบราณ เสียงกึกก้องประกาศก้องไปทั่วท้องพระโรง ก่อนที่กระดานภารกิจสีฟ้าขนาดใหญ่จะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ
[ภารกิจเริ่มต้น: จงตามหาของศักดิ์สิทธิ์ของผู้ดูแลโลกทั้ง 14 ชิ้น และขึ้นไปถึงชั้นที่ 50 ของดันเจี้ยนแห่งดัสทาลอส]
เหล่าผู้กล้าคนอื่นที่ถูกอัญเชิญมาพร้อมกัน ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือควรจะเริ่มจากตรงไหน ผมหันไปมองพวกเขานิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา เรียบเฉย
"ก็แค่โลกอีกใบ ที่ต้องจบให้ได้เท่านั้นเอง"
มีเพียงสายตาที่มองทะลุ ‘เกม’ เบื้องหน้า ว่านี่อาจไม่ใช่แค่เกมอีกต่อไป และแล้ว เสียงปริศนาก็ดังขึ้น เสียงที่มีเพียงผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่ได้ยิน
“โลกใบนี้ ไม่ได้ถูกสร้างเพื่อให้ใคร ‘ชนะ’ แต่เพื่อให้ทุกคน ‘เลือก’ ว่าจะยอมแพ้ตอนไหน”
“ผู้กล้าทุกคนไม่ได้ถูกเลือกเพราะแข็งแกร่งที่สุด แต่เพราะ ‘บางสิ่ง’ ในใจของพวกเขายังไม่ถูกเปิดผนึก”
“ในทุกอาณาจักร หอคอยจะปรากฏผู้กล้า 3 ถึง 5 คน จะถูกส่งเข้าไป แต่หากไม่มีใครไปถึงชั้นที่ 50 ‘สิ่งนั้น’ ก็จะยังคงหลับใหลรอใครสักคน ที่กล้าเปิดผนึกหัวใจของตัวเองจริงๆ”
“ผู้เล่นหลายร้อยเข้าใกล้จุดจบ สองคนเคยไปถึงมันแต่ยังไม่มีใคร ‘เข้าใจ’ ความจริงเลยแม้แต่คนเดียว
“เพราะในเกมนี้ ไม่มีพระเอก ไม่มีคนดูมี แต่ผู้ที่ต้องเผชิญ ‘อดีต’ ของตัวเอง และตัดสินใจว่าจะเปิดผนึกมัน หรือฝังมันไว้ตลอดกาล”
“นี่ไม่ใช่แค่เกม ไม่ใช่แค่เรื่องแต่ง แต่มันคือ ‘บันทึกของความจริง’ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านความทรงจำที่ยังคงเด่นชัด เพื่อรอให้ใครสักคนปลดล็อกมันอีกครั้ง”
เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปเหลือไว้เพียงความเงียบ และความมืดมิดของห้องบัลลังก์โบราณ และผู้ถูกเลือกเท่านั้น ที่รู้ว่าเส้นทางนี้คือ
Comments