ตัวประกอบขอเป็นนางเอก!
ณ ที่แห่งหนึ่งในซีกโลกตอนใต้ ?!
หญิงสาวที่มีผมยาวสีตาลเช่นเดียวกับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่กลมเกลือนกับผมอย่างชัดเจน จมูกรั้นนิดๆพอดีน่ารัก ปากบางสีชมพู ผิวขาวอมน้ำผึ้ง ซึ่งก็ดูไม่เด่นเท่าไหร่นักในปัจจุบันนี้ที่มีผู้หญิงสวยมากมายจากการปรุงแต่งเสริมนิดหน่อย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด สายแล้วเว้ยยย"
หญิงสาวที่ตอนนี้เข้าย่างสู่วัยสาวเต็มตัว กำลังหยิบชุดมัธยมปลายขึ้นมา แล้วรีบใส่ชุดอย่างทุลักทุเล เพราะวันนี้เป็นวันขึ้นมัธยมปลายปีที่ 2 ของเธอ เธอจะไปสายตั้งแต่วันแรกของการเรียนแบบนี้ไม่ได้นะ -^- ต้องรีบแล้ววว
“นี่ยัยลูกสาวบ้า กรี๊ดจนข้างบ้านด่าแล้วเนี่ย อยากโดนตำรวจจับหรือไง”
อ้อและนี่คุณแม่ของฉันที่ขี้โมโหขี้บ่นทุกวัน แต่ทำอาหารอร่อยนะ ตอนนี้บริษัทแกคงไม่ค่อยจะดีช่วงนี้เลยโมโหง่ายไปหน่อย ชิ(เบ้ปากพร้อมกับยังคงนั่งมองดูพี่แอสเคียลตาไม่กระพริบ)
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ฉันคือฮารุ ที่แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้อายุ 17 ปี ตอนนี้มีความสุขมากกับการที่จะได้ไปเจอเพื่อนๆ ในฤดูหนาวแบบนี้หลังเลิกเรียนก็ต้องไปกินราเม็งร้อนๆ และไปต่อด้วยร้างคาราโอเกะกันให้คอแหก แต่ว่าความสุขนั้นมันกำลังจะหายไป เพราะผู้ชายคนนั้น คนที่เคยเจอเมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ตาบ้านั่นT^T
เมื่อ10 ปี ก่อน
ช่วงเดือนที่หิมะตกและมีความหนาวเหน็บมากที่สุดในรอบปี เด็กหญิงตัวน้อยผมยาวสีตาล ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เป็นจุดเด่นของเธอ ทำให้เธอดูเด่นทั้งสีตาและสีผมที่เหมาะเจาะกับใบหน้าที่ได้รูป ทำให้เพื่อนๆนั่นต่างพากันอิจฉาเธอ นั่นหมายถึงการที่เธอไม่มีเพื่อนสักคน…
เด็กน้อยในชุดเสื้อกันหนาวสีขาวยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆเครื่องเล่นม้าหมุน ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะมาเล่นกับเพื่อนๆแท้ๆ
แต่เด็กน้อยกลับถูกทุกคนรุมไล่ และบอกกับเธอว่าถ้าเข้ามาใกล้อีกจะไม่คุยด้วย เด็กน้อยน้ำตาตกใน แต่ก็ฝืนยิ้มออกไปด้วยแววตาสดใสเหมือนอย่างเคย.. พร้อมบอกกับเพื่อนๆของเธอว่า
“ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่ห่างจากพวกเธอในระยะ1 เมตร เหมือนที่เคยคุยกันไว้”
ฮารุพูดพร้อมกับก้าวถอยหลังไปช้าๆ ในขณะที่มองเพื่อนของเธอเล่นกันต่อไป เธอนั่งลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ในความมืดนั้นสิ่งที่กัดกินจิตใจ ความเศร้า ความเหงา ได้ครอบคลุมจิตใจของเด็กน้อยวัย7 ขวบ เธอไม่สงสัยเลยว่ามันจะมีสิ่งไม่ดีอะไรคลืบคลานเข้ามาจากความมืดนั้น
“นี่แหละ ร้องไห้อีกสิ คร่ำครวญมากกว่านี้สิเด็กน้อย เพื่อนๆของเธอเป็นคนไม่ดี เธอยังจะอยากเป็นเพื่อนกับพวกมันอีกหรอ”
เสียงจากในเงามืดข้างหลังของเธอเอ๋ยออกมาด้วยเสียงชวนขนลุก หากแต่เด็กน้อยนั้นไม่ได้สนใจอีกแล้วเธอเก็บงำความเสียใจมามากพอที่จะรับฟังเจ้าสิ่งนั้น
เธอหันไปมองเพื่อนๆอีกครั้งพร้อมแววตาที่แข็งกระด้าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยสดใสหมองลงไปเหมือนโดนสะกด
“ไม่อีกแล้ว พวกเขาไม่ใช่เพื่อนหนู” เด็กน้อยพูดในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลกำลังแปลเปลี่ยนเป็นสีทับทิมทีละน้อย
“อ้า หนูน้อยดวงตาแบบนี้แหละความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด จะนำพาดวงตานี้มาปรากฏบนหน้าของเจ้าเด็กน้อย”
เจ้าปีศาจร้ายพึมพำด้วยความพึงพอใจ ตั้งแต่มันรู้ว่ามีมนุษย์ได้เกิดมาพร้อมกับดวงตาสีทับทิมหายาก หากเพียงได้ดวงตานั้นมาก็จะมีพลังมหาศาล ดวงตาที่วิเศษนี้เมื่อเป็นสีทับทิมแล้ว สามารถนำมาใช้เป็นยาที่จะทำให้ผู้ที่ดื้มกินเข้าไปสามารถดูดซับพลังของสวรรค์ และปีศาจได้ และมันเป็นยาวิเศษที่รักษาบาดแผลได้ทุกชนิด ไม่ว่าบาดแผลร้ายแรงแค่ไหน และใช่นั่นมันหมายถึงการชุบชีวิตคน! ข้าอยากได้มัน!
หากแต่ว่าตอนนี้มันยังไม่สามารถนำไปได้ แต่ต้องทำให้เจ้าของดวงตานี้ใจสลายจนไม่อยากมีชีวิตต่อไปอีกแล้วเพื่อชิงมันมา และอีกสิ่งหนึ่งสำหรับดวงตานี้คือ หากเจ้าของดวงตาต้องการสิ่งใดที่แน่วแน่สิ่งหนึ่ง สิ่งที่เจ้าของดวงตานี้ปรารถนามากที่สุดเมื่อนั้นอำนาจจากดวงตานี้จะปรากฎขึ้นและจะทำให้มีพลังที่มากพอจะทำสิ่งที่ปรารถนานั้นเป็นจริงในที่สุด หากแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่ผู้ครอบครองดวงตานั้นจะค่อยๆสลายหายไป ถ้าข้าได้มันมาครอบครองข้าก็จะสามารถเป็นเจ้าของโลกทั้งสามนี้ ได้!!!!
โลกทั้งสามนี้ โลกปีศาจ ผู้ที่มีมหาปีศาจปกครอง ผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่จะมีรูปร่างกำยำแข็งแรงดวงตาทองอร่าม ผู้คนที่คิดว่าคนที่มาจากโลกปีศาจนั้นจะอัปลัค หากแต่ไม่เลยสักนิด พวกเขามีใบหน้าที่หล่อเหลาพอๆกับผู้คนบนสวรรค์ แต่พวกเขาจะไม่มีออร่าของความอบอุ่นปนเย็นเหมือนอย่างเทพธิดาหรือเทพบุตร พวกเขาจะมีออร่าของความร้อนแผ่รอบๆตัวพวกเขา ยามใดที่พวกเขาโกรธ หรือ โมโหไอความร้อนนั้นจะปรากฏมาแผดเผาสิ่งรอบๆให้มอดสิ้น ดวงตานั้นก็เกิดจากไอความร้อนนั้น เมื่อครั้งหนึ่งที่เกิดสงคราของสองโลก โลกปีศาจ และสวรรค์ ไอความร้อนและความเย็นหักล้างกันจนเกิดเป็นแสงๆหนึ่งที่เป็นสีทับทิมอ่อนสวยงามสะกดทุกสายตาที่กำลังสู้รบ เหมือนมันดึงความสนใจ ความโลภ ความต้องการออกมาใส่ตัวบุคคลที่จ้องมองมันต้องการได้มันมาครอง แม้แต่เทพธิดาที่ว่าบำเพ็ญระงับความอยาก ตัดความต้องการออกแล้วนั้น ก็ยังต้องการครอบครองมัน
เมื่อผู้นำของทั้งสองฝ่ายเห็นเช่นนั้น จึงร่วมมือกันใช้พลังอำนาจทั้งหมดที่เหลือจากการต่อสู้อันยาวนาน พลักมันออกไปให้ไกล นับจากนั้นมันก็หายไป
ไม่นึกเลยว่ามันจะมาอยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้ เมื่อไม่นานมานี้ พวกของมันได้มารายงานว่า สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของดวงตา ไม่คิดว่าผู้ที่จะได้ครอบครองมันจะยังเด็กอยู่เช่นนี้...
แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น เป็นผู้ซึ่งไม่มีผลต่ออำนาจดวงตานี้เพราะมนุษย์ไม่มีเวทมนย์ที่จะสัมผัสมันได้ พวกเขาจะเห็นเพียงแค่สีทับทิมสวยงามเท่านั้น
เจ้าปีศาจชั้นต่ำนึกถึงสีทับทิมจากสงครามนั้น สิ่งนั้นติดตาตรึงใจของมัน มันทำให้จิตใจของเจ้าปีศาจอยากจะครอบครองสิ่งนี้มากเหมือนมันโดนสะกด มันโหยหาสิ่งนั้นมันอยากจะได้มาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว มันต้องได้มา ดวงตานี้มันเป็นของข้า!!!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ปีศาจชั้นต่ำได้มองลงมาที่เด็กน้อยที่ดวงตากำลังแปลเปลี่ยนเป็นสีทับทิมด้วยความหลงใหล ถ้าหากอยากให้เจ้าเด็กนี้มันใจสลายมากกว่านี้ คงต้องให้มันทำสิ่งที่จะทำให้ทุกคนเกลียดมันไปชั่วชีวิต รวมถึงครอบครัวมัน และคนที่รักมันทั้งหมดต้องเกลียดมัน!
ปีศาจมันเดินไปข้างๆเด็กน้อยจ้องมองดวงตาที่กำลังแปลเปลี่ยนไป พร้อมยื่นมือขึ้นมาพร้อมกับสิ่งของหนึ่งที่มีความวาววับและคมกริบ…
“เจ้าคิดเหมือนข้าใช่ไหมเด็กน้อย ในเมื่อเจ้าไม่เคยทำสิ่งใดผิดเลย ทำไมทุกคนถึงต้องทำแบบนั้นกับเจ้า มันไม่ยุติธรรมจริงไหม?” เด็กน้อยพยักหน้าอย่างช้าเหมือนสมองและจิตใจของเธอนั้นได้เอนเอียงไปตามคำพูดของเจ้าปีศาจตัวนี้ไปซะแล้ว
มันยิ้มขึ้นทันทีพร้อมกับประกายตาที่ลุกโชนด้วยความลิงโลด มันยื่นสิ่งที่อยู่บนมือให้เด็กน้อย
“ใช้นี้สิ เจ้าพวกนั้นไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในโลกนี้พวกมันควรที่จะหายไป” เด็กน้อยหันมามองสิ่งที่อยู่บนมือ ภาพสะท้อนจากสิ่งนั้นสะท้อนเห็นดวงตาสีทับทิมที่เริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่นะ หนูไม่อยากทำแบบนี้” เด็กน้อยตกใจเล็กน้อยกับภาพสะท้อนนั้น เธอมองเห็นเลือดที่อาบอยู่เต็มใบมีดเล่มนั้นพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของเพื่อนๆเธอ
เด็กน้อยผงะถอยหลังไป อัปกริยานั้นทำให้ปีศาจชั้นต่ำใจหายวูบ สิ่งที่มันอยากได้กำลังจะหายไปแล้ว ดวงตานั้นกำลังจะหายไป สีมันกำลังจางหายไป ไม่นะ เอามันกลับคืนมา!!
มันยื่นมากลับไปกระจากเสื้อเด็กน้อย จนเด็กน้อยแทบจะลอยตามแรงกระชากนั้นขึ้นมา เด็กน้อยถูกลากเข้ามาในมุมมืดที่ทุกคนไม่เห็น
“เจ้าเอามันคืนมาเดี่ยวนี้!!” มันตะคอกใส่ เด็กผู้หญิงที่ตอนนี้มีน้ำตาอาบแก้มอีกครั้งและกำลังสั่นด้วยความกลัวสุดขีด เพราะเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้มันกำลังมีเขี้ยวงอกออกมา ดวงตากำลังแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือด ใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความโกรธ ไอร้อนจากรอบตัวๆมันทำให้เธออึดอัดและร้อนผ่าวเหมือนอยู่ในเตา
“กรี๊ดดดด ช่วยด้วยคะแม่หนูกลัวช่วยหนูด้วย!” ฮารุตะโกนสุดเสียง หากแต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับเธอมาเลย
ปีศาจชั้นต่ำเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
“ในเมื่อข้าไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะมีใครได้ดวงตานี้ไปเลย”
มันค่อยๆขยับยื่นมืออันน่ารังเกียจที่มีขนยาวขึ้นเต็มไปหมดมาหาใบหน้าของเด็กน้อย มันกางเล็บขึ้นมาเพื่อหวังที่จะกระชากดวงตานั้นออกไป ถึงแม้จะใช้การไม่ได้แต่มันก็ไม่อยากให้ใครได้มันเช่นกัน
'นี่เราจะต้องตายแล้วหรอ..' เสียงความคิดของเด็กคนนี้ เหมือนเทพเจ้าเบื้องบนจะได้ยิน
เพียงเสี้ยววินาทีที่เล็บนั้นกำลังจะถึงดวงตาสีน้ำตาอ่อนอันเปราะบาง แสงสีทองปรากฏรอบตัวของปีศาจและเด็กน้อย เด็กน้อยหันไปมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า บุคคลที่รูปร่างสูงโปร่งใส่ชุดดูดีเหมือนอย่างบุคคลทั่วไป หากแต่ออร่ารอบๆตัวเขาปรากฏเป็นสีทองเปร่งประกาย มันผลักให้ปีศาจที่จับตัวเธออยู่กระเด็นออกไป ในขณะที่ร่างของเธอกำลังร่วงลงสู่พื้น แขนที่แข็งแรงก็ได้เข้ามารับเธอไว้ได้ทันเวลา
ในขณะนั้นเธอใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่เพียงน้อยนิดลืมตามขึ้นมามองใบหน้าบุคคลที่มาช่วยเธอครั้งนี้ แม้จะเรือนลาง แต่เธอก็เห็นเขา ใบหน้าเรียวได้รูป ผมสีดำ ดวงตาสีเงินลึกล้ำ ที่ตัดกับผิวขาวของเขา ใบหน้าถึงแม้จะเรียวดูบอบบางแต่ก็มีเค้าโครงของความแข็งแกร่งภายใต้ใบหน้านั้น ดวงตาคมสีเงินดูเรียบเฉย แต่กลับทรงอำนาจแม้ไม่ได้หันไปสบตามันก็ตาม
'น่ากลัว!'
นั่นเป็นสิ่งที่ไอ้ปีศาจคิด เจ้าของผมสีดำหันกลับมามองเด็กน้อยในอ้อมแขนพร้อมกับยิ้มมุมปากเหมือนคนเจ้าเล่ห์
“กำจัดมันซะ อย่าให้เหลือแม้แต่รังของพวกมัน"
เสียงเรียบเย็น เอ่ยแบบไร้ความปราณี
"น้อมรับบัญชา องค์ชาย" เหล่าคนที่ติดตาม ที่กำลังคุกเข่าด้วยความเคารพยำเกรงกล่าวตอบรับ ผู้ที่มีอำนาจเหนือตน
"ดวงตานี้เป็นของข้า ข้าต้องรอเวลาอีกหน่อยนางจะมีประโยชน์ต่อข้าในอนาคต” ได้ยินเพียงแค่นั้นเธอก็สลบไปและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นอีกเลย
ณ เวลาปัจจุบัน
ในห้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์แสนน่าเบื่อ
เธอกำลังนึกถึงเขา..
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเธอได้เจอกับเขาอีกครั้ง ผู้ที่เหมือนกับคนในความทรงจำของเธอ เขามีชื่อว่าแอสเคียล
'เจ้าต้องมากับข้า'
'ดวงตาของเจ้าเป็นมากกว่าสิ่งของธรรมดา'
เขาปรากฏตัวในโรงเรียนของเธอในสวนด้านหลังขณะที่เธอกำลังเอาขยะมาทิ้ง เพราะวันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของเธอ เขาพูดพร้อมกับใช้ปลายนิ้วจับใบหน้าของเธอให้เงยขึ้นมาสบตาเขา
'อุ้ย แม่เจ้าอีตาบ้านี่ หล่อวัวตายควายล้มจริงๆ >\~
'อะแฮ่ม' ใบหน้าของแอสเคียลยังเรียบเฉย แต่สายตานั้นมันอะไรกัน ทำไมต้องทิ่มแทงเหมือนจะฆ่ากันแบบนั้นด้วย
'อ้ะ ฉันขอโทษที่จ้องคุณ ฉันมันไร้มารยาท' โถ่เว้ยย เผลอกลัวสายตานั่นจนต้องขอโทษเลยเรา ToT
แอสเคียลมองฮารุที่ตัวสั่น หงึกๆ เหมือนหมาน้อย 'อืมก็เหมือนหมาอยู่นะ' แอสเคียลคิด
'อีกหนึ่งอาทิตย์'
นั่นคือสิ่งที่เขาบอก แล้วก็หายจากไป โถ่เว้ย ไอเจ้าบ้านั่น เป็นตัวอะไรกันแน่ ในโลกนี้มีเวทมนต์จริงๆหรอ หรือเขาจะเป็นผีอะ 0_0!!! แต่..มองยังไงก็หล่อวัวตายควายล้มจริงๆ >///<
แป๊ะ แป๊ะ เอามือตบหน้าตัวเอง ไม่ได้ๆ หนึ่งอาทิตย์นี่หมายความว่าไง พูดไว้แค่นั้นแล้วก็ไป แล้วยังบังอาจมาบอกว่าลูกกะตาฉันเป็นสิ่งของหรอย้ะ ฮึ่ยย โกรธๆๆๆ ><**** แต่ก็อภัยให้หน้าหล่อ ฟะฮุๆ อ้ากกกก เอามือตบหัวตัวเองสี่ที (ตอนนี้คนที่เดินผ่านไปมากระซิบว่า อีบ้านี่เป็นอะไร)
เอ้ะแต่เขาบอกไว้นี่นาว่าจะมารับ หมายความว่าอีกหนึ่งอาทิตย์เขาจะมารับเรางั้นเหรอ _ _?
'เห้อ ความจริงก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วแหละว่าบางทีตาของเราก็เปลี่ยนสีไป'
อย่างเช่นเหมือนอย่างตอนนั้น ตอนที่เราหนีออกจากบ้านไปตอนนั้นเพราะพ่อกับแม่ไม่เข้าใจเลยว่า เราไม่อยากย้ายโรงเรียนขนาดไหน ทำไมต้องย้ายบ้านด้วย ต่อให้เพื่อนๆไม่ค่อยเล่นกับเรา แต่อย่างน้อยพวกนั้นก็ขอให้เราทำนู่นทำนี้ให้
มโนภาพ
'ฮารุไปซื้อขนมให้เราหน่อยสิ'
'ได้จ้าา\~' < ตอบรับด้วยความใสซื้อ
'ฮารุทำการบ้านให้หน่อย'
'ฮารุเอาขยะไปทิ้ง'
'ฮารุๆๆๆ'
เห็นไหมเพื่อนๆก็ต้องการเรานี่นา เราหนีออกจากบ้านตอนนั้น แล้วแอบไปร้องให้ที่สวนหลังบ้านใครสักคน เราไม่อยากย้ายไปมากๆจนร้องไห้แทบเป็นแทบตาย ในใจก็คิดแต่ว่าถ้าหากเราได้อยู่ในที่ๆทุกคนเต็มใจเป็นเพื่อนกับเราบ้างก็คงดี แล้วจู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบ้างอย่างวนรอบตัว รู้สึกอบอุ่นทั้งๆที่อากาสก็หนาวเหมือนดั่งตอนนี้ จู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่ดวงตา เธอจึงหันไปมองกระจกหน้าต่าง สิ่งที่เห็นคือดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีทับทิมอ่อน
'ได้ยังไงกัน?!!' ฮารุตื่นตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ แล้วบอกว่าดวงตาของเธอเปลี่ยนสีแล้ว ตอนนั้นพ่อกับแม่กังวลมาก คิดว่าเธอจะตาบอดหรือเปล่า จึงรีบพาไปโรงพยาบาล แต่หมอกับพยาบาลก็หาสาเหตุไม่ได้ คิดว่าของเป็นปรากฎการ 1 ในล้าน เมล็ดสีตาเกิดการเปลี่ยนแปลงเอง และสาเหตุอาจจะเกิดจากการที่เธอไปโดนแสงที่ตามากไป
หลังจากนั้นเราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ จากที่ตอนแรกพ่อกับแม่จะต้องทิ้งเราไปทำงานที่ต่างประเทศและเราต้องย้ายไปอยู่กับญาติของแม่ พ่อกับแม่ก็ดันได้ทำงานที่ในประเทศ แต่เราก็ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นอยู่ดีเพราะจะได้ใกล้ที่ทำงาน เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองในเทพนิยาย เรื่องเล่าจากแต่ก่อนพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นสถานที่เกิดปฏิหาร จากที่เคยแห้งแล้งกลับเติบโตไปด้วยพรรณไม้ ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้วได้เกิดสงครามระหว่างปีศาจและสวรรค์ สงครามยุติได้อย่างไรไม่รู้ แต่ว่าระหว่างสงครานั้นเกิดแสงสว่างขึ้นและมีสิ่งหนึ่งตกลงมา ทำให้พื้นที่แถบนี้อุดมสมบูรณ์ เหมือนอย่างสวนเอเดนของพระเจ้า มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าละนะ
เราอยู่ที่นี่มาได้ 1 ปีแล้วสินะ ... แต่พอไม่มีสีตาแบบนั้นแล้วทุกคนก็ดีกับเราหมดเลย หรือเพราะดวงตานี้มันประหลาดหรอ แล้วมันเปลี่ยนสีได้ไง...
“พัสดุมาส่งครับบบ” อ้ะๆ พัสดุมาแล้วต้องเป็นอันนั้นแน่ๆ ฮารุรีบวิ่งสี่คูณร้อยไปหน้าประตูภายในเสี้ยววิ
“ยัยลูกคนนี้อย่าวิ่งในบ้านสิ!”
ฮารุรีบวิ่งมาถึงหน้าประตู เธอรีบเปิดประตูด้วยความร้อนรนปนตื่นเต้น วันนี้เป็นวันที่โปสเตอร์ของวงค์ xo อปป้ะรุ้นลิมิเต็ดอิดิชั่น วันนี้ประกาศผลสุ่มคนที่ถูกรางวัลได้ของชิ้นนี้ วันนั้นฉันก็เฝ้ารอตั้งแต่ตีสาม ฝ่าดงขี้ตาตื่นมาลงทะเบียน
ตื่นเต้นจังเลยยย ><\~ เธอคิดแบบนั้นพร้อมรับซองกระดาษสีน้ำตาล
'อะเด้ะ ทำไมมันเล็กจังเลย สงสัยเขาทำเวอชั้นป้ายหดละมั้ง >3<'
แต่ซองนี้ทำไมมีรอยประทับตาอะไรด้วยนะ เธอมองตราประทับนั่น มันช่างดูคุ้นตาจริงๆ ตราเป็นรูปนกกริฟฟินที่โบยบินเคียงคู่ไปกับพระอาทิตย์ เธอค่อยๆแกะตราประทับออกแล้วหยิบกระดาษแข็งลวดลายเหมือนกับที่ตราประทับ กระดาษเป็นสีชมพูอ่อนที่ส่งกลิ่นหอมคล้ายดอกกุหลาบโฉยออกมา และเมื่อเธอกางแผ่นกระดาษนั้นออกมาด้วยใจที่ระถึก
“อะไรวะเนี่ยยยย!!!!!!!!” ฮารุตะโกนขึ้นมาสุดเสียงอีกครั้งที่เธอต้องโดนแม่ของเธอตวาด
มันไม่ใช่โปสเตอร์นี่นา.. บนกระดาษเขียนไว้ว่า สัญญาการเข้าร่วมของราชวงศ์อันเชสเต้ มันคืออะไร?!! เธอพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อดูให้แน่ชัดว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไป
นี่มันตัวอักษรอะไร ทำไมมันรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ.. ทันทีที่นิ้วของเธอสัมผัสตัวอักษรบนกระดาษนั้น อักขระสีดำที่อยู่บนกระดาษก็เรียงตัวออกมา ท่ามกลางแสงสีทอง มันเรียงตัวกันจนเป็นเหมือนสัญลักษณ์กลมๆ ที่ข้างในมีอักษรแปลกตา ก่อนมันจะค่อยๆเปลี่ยนสี จากสี น้ำตาล เป็นสีฟ้า สีแดง สีเขียว สีทอง สีดำ และสีขาว มันวนอยู่แบบนั้นจนหยุดที่สีขาว
มวลอากาสที่ห่อหุ้มห้องไว้ก็หายวับไปทันทีพร้อมกับกระดาษและซองจดหมายนั้น เธอนั่งกระพริบตาปริบๆด้วยความงง แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร ก็ปรากฎกลุ่มก้อนปริศนารอบกายเธอ น่าแปลกมันไม่ได้รัดเธอ หรือทำให้รู้สึกอึดอัด.. แถมกลิ่นนี้ ที่ลอยมาติดจมูกเหมือนกับกลิ่นที่ติดมากับซองจดหมาย กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ กลิ่นนี้ทำไมมันคุ้นเคย อีกแล้ว..? คุ้นเคยหรอ ทำไมถึงคุ้นเคยละ
ขณะที่สติกำลังเลือนลาง เธอเห็นภาพภาพหนึ่ง คือสวนที่มีดอกไม้เต็มไปหมด แต่ที่ชัดเจนคือดอกกุหลาบสีขาวทอดยาวไปจนถึงทะเลสาบที่สะท้อนแสงระยิบระยับ เธอเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่มีผมสีดำกำลังก้มมอง มองมาที่เธอ เราเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่กลิ่นของเขา..นั้นชัดเจน เหมือนกลิ่นในสวนแห่งนี้ คุณเป็นใครกัน.. ทำไมเราถึงรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ อยู่ๆหัวใจก็เหมือนถูกบีบอย่างรุนแรง รู้สึกเศร้าเหลือเกิน อยากจะร้องไห้ให้ขาดใจไปเสียตรงนี้ ขอแค่ได้อยู่ข้างเขา..
'ไดซี่' เสียงของเขา อ่อนโยนจัง..ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป คิดถึงท่านเหลือเกิน.. ดวงใจของข้า
ณ ปราสาทสีดำทมิฬทั้งหลัง ที่ภายในตกแต่งด้วยสีขาวธรรมชาติจากหินอ่อน ชายผู้ครอบครองดวงตาสีเงินคู่สวย กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สีทองแกมแดงกำมะหยี่ดูราคาแพง ห้องโถงที่สามารถจุคนได้หลายพันคน ตรงสุดทางเดินที่มีเก้าอี้อันใหญ่ตรงกลางโถงตั้งอยู่ ปรากฏบุคคลที่นั่งอยู่บนนั้นที่มีดางตาสีทองกำลังยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีเงินกำลังสั่นไหวริกรี้ถึงความตื่นเต้นที่กำลังจะเข้ามา หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบเธอไป
ปกติเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้ แต่จากการทดสอบนั้น มันปรากฏสีขาว สีที่หายากนั้น เวทย์มนตร์แห่งจิตวิญญาณ ทำไมมนุษย์ผู้หญิงที่ดูต่ำต่อยนั่นถึงมีเวทอย์นี้ติดตัว
''เจ้าเป็นใครกัน'' แอสเคียลยิ้มเหี้ยม
“หึหึ ฮารุงั้นสินะ ข้าจะจำเจ้าไว้ ผู้ครอบครองดวงตาสีทับทิม” ใบหน้าหล่อเหลากล่าวพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ เขาเฝ้ารอที่จะควักดวงตาคู่นั้นจากเธอไม่ไหวแล้ว!
และโดยที่พวกเขาทั้งสองไม่ล่วงรู้เลยว่า โชคชะตาที่กำลังรอพวกเขาอยู่กำลังขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments