ตอน5: ไข่สีน้ำเงิน
ทันที่ที่หยิบของสิ่งนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง เราถึงกับงงในสิ่งที่เห็น มันมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงเราได้ยังไง และมาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไข่” เรามองของสิ่งนั้นด้วยความสงสัย
มันคือไข่ลูกเล็ก ๆ สีน้ำเงินที่เราเคยเห็นตามงานวัดที่เขามีตักไข่เล่นกัน ตอนนี้คืองง ของสิ่งนี้มาได้ยังไง ไม่รีรอเราเปิดฝาของไข่ออกจากกัน แล้วมีบางอย่างหล่นลงมาจากไข่ใบนั้น เป็นกระดาษใบเล็ก ๆ 1ใบ เราหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาตัวกระดาษพับให้เห็นว่าในนั้นมีข้อความซ่อนอยู่ เราตัดสินใจเปิดดู ในกระดาษเขียนข้อความสั้น ๆ ว่า
“Kawaii” เราอ่านออกเสียงตามที่เห็น มันคือภาษาญี่ปุ่น ที่แปลว่าน่ารักนี่น่าแล้วมันคืออะไรอ่ะ ยังคงเป็นคำถามที่เราไม่รู้ได้เลยตอนนี้
“มีนลงมากินข้าวลูก” คุณย่าเรียกมาจากข้างล่าง
เราเลยเก็บกระดาษพับกลับใส่ไปในไข่ใบนั้นเหมือนเดิมแล้วเอามันเก็บในกระเป๋าใส่ของจุกจิกเรา ช่างมันก่อนรีบอาบน้ำลงไปกินข้าวก่อนดีกว่า
“แป๊บนะย่ามีนอาบน้ำเสร็จแล้วจะรีบลงไปครับ” เราบอกย่าไปแล้วเข้าไปอาบน้ำ
วันนี้มื้อเย็นที่บ้านบนโต๊ะอาหารทุกคนในบ้านอยู่พร้อมหน้า คุณย่า พ่อ พี่โม พี่เมย์และเรา เย็นวันศุกร์ครบหน้าครบตากันแบบนี้ดูมีความสุขที่สุดเลย
“มีนกินเยอะ ๆ นะลูก” คุณย่าตักกับข้าวให้เรา
“ครับย่า ฝีมือย่าฝีมือพี่โมนี่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ” เราพูดไปกินไปและยิ้มไป
“ค่อยๆ กินก็ได้มีน”พี่โมทำหน้าเหมือนจะดุเรา แต่แววตาดูห่วงใยเราอย่างจริงใจ
เหตุการณ์เย็นนี้เหมือนจะปกติไม่มีอะไร ทุกคนดูมีความสุขกันบนโต๊ะอาหารและทานกันอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่ง
“มีนวันนี้แกเลือกชมรมหรือยังอ่ะ เขามีกิจกรรมเลือกชมรมสำหรับน้องม.ปลายที่เข้ามาใหม่ไม่ใช่เหรอ” พี่เมย์ยิงคำถามมา เราได้ยินข้าวแทบพุ่งกำลังกินอย่างมีความสุข
“เอ่อออ” เราพูดไรไม่ออก จะบอกว่าติดอยู่ในห้องเก็บของกับนายนั่นพี่เมย์ก็จะถามต่อไม่หยุดแน่ ๆ
“วันนี้ฉันเห็นรุ่นน้องม.4 ไปสมัครชมรมบาสเกตบอลกันเยอะมาก ๆ ทั้งชะนี เก้ง กวางเต็มไปหมดเลย”
“ไปสมัครชมรม cover มาแล้ว” เราตอบให้พ้นๆ ไปก่อน
“เอ่อดีหละอย่างแกไม่เหมาะหรอกกับชมรมบาสเกตบอล แกไม่ชอบอยู่แล้วนี่บาสเกตบอล ฉันยังจำได้เลยตอนแกโดนเพื่อนแกล้งสมัยม.1” พี่เมย์พูดไม่หยุด
“หยุดพูดได้หละเมย์กินเสร็จช่วยพี่โมยกจานไปเก็บที่ครัว” พ่อเริ่มหันมาดุใส่พี่เมย์
พีเมย์ได้สติเลยหยุด “ขอโทษคะพ่อ”
บรรยากาศเริ่มจะไม่ค่อยดีหละตอนนี้ คุณย่าเลยเบี่ยงเบนบรรยากาศ คุณย่าเดินไปหยิบบัวลอยสุดโปรดของทุกคนในบ้านมาให้กิน
“โหวันนี้โชคดีได้กินบัวลอยคุณย่า” เราเปลี่ยนเรื่องหันไปชิมบัวลอยคุณย่า
บรรยากาศเลยกลับมาดูปกติเหมือนเดิม และคุยกันเรื่องอื่น ๆ กัน
ทำไมคืนนี้นอนไม่หลับในใจก็แอบกังวลว่าวันจันทร์จะทำยังไงดี ถ้าเกิดไม่มีชมรมอยู่หละ เพื่อนๆ ก็มีชมรมอยู่กันหมดแล้ว ทั้ง พอร์ช นุ่น แค็ท และ บูม อย่าเพิ่งกังวลไปเลย หยุดพักสมองอยู่บ้านไปแล้ววันจันทร์ค่อยว่ากัน วันจันทร์เราต้องไปเจอนายนั่นอีกอ่ะ ทำไมอยู่ๆนึกถึงนายนั่นขึ้นมาอีก คงไม่เก็บไปฝันอีกนะคืนนี้ ทำไมใจเราเต้นแรง วูบ ๆ ยังไงชอบกล
“มีน หยุดความคิดตัวเองแล้วนอน” เราพูดกับตัวเอง
ปิดไฟนอนได้หละมีน ราตรีสวัสดิ์
……………
“อีกแล้วนะแกไอ้มีน ถ้าแกไม่ลืมสมุดการบ้าน ก็ไม่ต้องลงมารีบเดินดุ่มๆ แบบนี้อีก ไม่ลืมอันนั้นก็ลืมอันนี้” พี่เมย์บ่นใส่เราแล้วเดินนำหน้าไปหน้าโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
“จะบ่นทำไมเนี้ย ก็ถึงหน้าโรงเรียนแล้วนี่ไง เดินมาแค่นี้เองทำบ่นอยู่ได้” เราหันไปบ่นใส่บ้าง
เรากับพี่เมย์เดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกัน ในขณะที่เดินไปกับพี่เมย์กำลังจะแยกย้ายขึ้นเอาของไปเก็บที่ห้องเรียน เราเหลือบไปเห็นมีกลุ่มนักเรียนจำนวนหนึ่งมุ่งดูอะไรกันก็ไม่รู้ที่หน้าห้องกิจกรรมชุมนุมของโรงเรียน
“พี่เมย์ตรงนั้นเขามีอะไรกันอ่ะ”
“จะรู้มั๊ยหละ อยากรู้ก็ไปดูซิ” พูดไม่ทันขาดคำพี่เมย์เดินดุ่มๆ ไปที่ห้องกิจกรรมชุนนุมแล้ว
“ไวจิงๆ เรื่องแบบนี้ “ เราส่ายหน้า
เรารีบเดินไปกับพี่เมย์ พยายามจะเบียดเข้าไปดูว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังจ้องกันอยู่ตรงนั้นมันคืออะไร เราก็พยายามชะเง้อดูแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
“พี่เมย์เห็นมั๊ย” เราตะโกนถาม
“ยังอ่ะเดี๋ยวดูก่อนนะ เอ่อเห็นนิด ๆ หละ เขียนว่า ไข่ๆ อะไรนี่แหละ “พี่เมย์พยายามจะอธิบายพลางชะเง้อดูสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“ไข่อะไร” เราถามย้ำ
ทันใดนั้น เสียงกริ่งโรงเรียนเข้าดังขึ้นทุกคนแตกหือและแยกย้ายวิ่งกันอุตลุคไปเข้าแถวหน้าเสาธง
“ไว้ค่อยมาดูอีกที ฉันไปก่อนนะ” พี่เมย์รีบวิ่งไปที่ห้องเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้อง
เราก็รีบวิ่งไปเหมือนกันเดี๋ยวไม่ทัน สรุปแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทุกคนมุ่งดูนั้นมันคืออะไร ไว้ช่วงพักเที่ยงค่อยลงมาดูอีกทีหละกัน
……………….
วันนี้ห้องเรียนดูครึกครื้นกันมาก ๆ ทุกคนพูดถึงเหตุการณ์ที่แต่ละคนไปสมัครชมรมที่ตัวเองชอบกันมาและวันนี้ก็จะน่าได้ไปเข้าชมรมของตัวเองและแนะนำตัวในชมรมที่ตัวเองเลือก แต่เรายังไม่มีชมรมอยู่เลยจะต้องทำยังไงดี ถ้าไม่มีชมรมอยู่แล้วจะเป็นยังไง
“พวกเมิงกูยังไม่มีชมรมอยู่เลยทำยังไงดีวะ” เราพูดกับเพื่อน ๆ
“เมื่อวันศุกร์พวกกูคิดว่าเมิงถูกอาจารย์ใช้งานจนบ่าย แล้วเมิงก็ไปรอที่ชมรมเต้นอะไรของเมิง” พอร์ชอธิบาย
“ใช่แค็ทก็คิดว่ามีน ไปรอที่ชมรมแล้วเลยไม่ได้อะไร” แค็ทเสริมขึ้นมาอีกที
“เราจะรอถามอาจารย์บุษบาตอนพักเที่ยงอีกทีว่าต้องทำยังไง” เราหน้าเจื่อนๆ
“แต่ฉันว่าต้องมีทางออกแหละเพราะเมื่อวานแกโดนขังอยู่ในห้องเก็บของกับรุ่นพี่ม.5คนนั้นอ่ะ ทำให้แกมาเลือกชมรมไม่ได้นะเว้ยมีน” นุ่นพูดเสียงดังมาก
จากที่ทุกคนในห้องกำลังคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานวินาทีนั้นจากเสียวที่ดังเปลี่ยนเป็นเงียบไปในทันที บรรยากาศเหมือนถูกเวลาไว้แล้วทุกๆคนหันมามองที่เราคนเดียว เหมือนจะอยากถามเราว่าจริงหรือเปล่าที่นุ่นพูด เราสัมผัสได้แบบนั้น เวลานี้ทำได้คือพูดอะไรก็ได้ที่ให้ทุกคนในห้องเข้าใจ
“รุ่นพี่อะไรที่ไหนนุ่น แกมั่วแล้วเมื่อวานเราไปช่วยงานอาจารย์บุษบามาต่างหาก” เราขยิบตาใส่นุ่นและพอร์ชให้รับรู้ดูเหมือนเพื่อนๆจะรับรู้ได้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้เป็นยังไง
“เอ่อนุ่นแกก็พูดมั่วๆไป” พอร์ชพยายามเสริมอีกที
“อ๋อเหรอเป็นแบบนี้นี่เอง” นุ่นก็ตามน้ำไป และหันไปพูดกับเพื่อนๆในห้องว่าไม่มีอะไรนะ เพื่อนๆบางคนยังทำหน้างงและมีอาการสงสัยแต่ก็ไม่มีใครถามอะไรต่อเพราะอาจารย์วิชาเคมีเข้ามาสอนพอดีเราเลยรอดตัวไป
……………………………………………
เราเดินจากโรงอาหารมาห้องพักอาจารย์บุษบาตามที่อาจารย์ได้นัดให้ไปรายงานตัวกับนายนั่นวันนี้พอนึกถึงนายนั่นขึ้นมาทีไรทำไมใจมันเต้นแรงทุกทีเลย ใจวูบๆ หวิวๆ เราเป็นอะไรหรือเปล่า เราเดินมาถึงหน้าห้องพักอาจารย์ ยืนนิ่งๆตั้งสติตัวเองก่อนเลยและอย่างแรกที่มองหาคือ นายนั่นมาหรือยัง ยังไม่เห็นเลยสงสัยยังไม่มา มีแต่อาจารย์บุษบาเหมือนจะนั่งตรวจการบ้านอยู่ที่โต๊ะ เรารีบเดินเข้าไปหาอาจารย์ทันที
“สวัสดีครับอาจารย์”
อาจารย์เงยหน้าขึ้นมามองเราผ่านแว่นหนาๆ “พัฒนพงษ์มาแล้วเหรอ นายอิสริยะยังไม่มาเลย เธอรอเพื่อนแป๊บนึงนะ” แล้วอาจารย์ก็ก้มหน้าลงไปตรวจการบ้านต่อ ยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาจากหน้าห้องพักอาจารย์พุ่งตัวมาเกือบประชิดตัวเรา มาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะอาจารย์พอดีเลย เราหางตาไปดูนายนั่นแป๊บนึง ท่าทางหอบเชียว ทำเอาเราอมยิ้มขึ้นมาหน่อยๆ เกือบจะขำนายนั่นออกมา
“ไม่ต้องรีบนายอิสริยะ อาจารย์ไม่หนีไปไหนหรอก แล้วไปไหนมาถึงวิ่งมาซะเป็นจรวดขนาดนี้” อาจารย์บุษาพูดไปพลางขำเบา เราแอบเห็นนายนั่นหางตามาทางเราแว๊บนึงไม่รู้คิดอะไรหรือเปล่า
“ผมช่วยอาจารย์เช็ครายชื่อน้องใหม่สมาชิกชมรมบาสเกตบอลเพิ่งเสร็จครับแล้วก็รีบมาหาอาจารย์นี่แหละครับและอาจารย์ทรงวุฒิฝากเอกสารรายชื่อเอามาส่งให้อาจารย์ด้วยเลยครับ” นายนั่นพูดไปหอบไปท่าทางจะเหนื่อยจิงๆ แล้วยื่นรายชื่อชมรมของเขาให้อาจารย์บุษบาไป
อาจารย์บุษบารับเอกสารแล้วเอามาตรวจดูรายชื่อ “ไหนอาจารย์ดูหน่อยมีนักเรียนประจำชั้นอาจารย์ห้องม.4/2ไปสมัครชมรมเธอหรือเปล่านายอิสริยะ”
พูดถึงชมรมเราจะเอายังไงดี ถามอาจารย์เลยดีกว่า เรารีบถามขึ้นมาทันที
“อาจารย์ครับเมื่อวานนี้” เรายังไม่ทันพูดจบประโยค อาจารย์พูดสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็วและแสดงสีหน้าตกตะลึง “นายพัฒนพงษ์ เธอสมัครชมรมบาสเกตบอลกับเขาด้วยเหรอ อาจารย์ไม่คิดว่าเธอจะชอบชมรมนี้เลย” อะไรนะประโยคที่เราได้ยินผ่านหูตะกี้ไม่ได้หูฝาดไปใช่มั๊ย
“อะ อะไรนะครับอาจารย์ที่อาจารย์พูดเมื่อสักครู่นี้” เรามองหน้าอาจารย์และเสียงเริ่มสั่นพูดไม่เป็นภาษาแล้ว อาจารย์มองหน้าเราแล้วเน้นประโยคเดิมถามเราอีกรอบ ตอนนี้เราทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนโดนตบหน้าหน้าอย่างจังนิ่งและงงไม่รู้จะพูดอะไรสตั๊นท์ไป 5วินาที
“พัฒนพงษ์ เธอได้ยินที่อาจารย์ถามมั๊ย” สติเรากลับมา
“เอ่ออาจารย์ครับผมว่ามันมีอะไร…” เรากำลังจะพูดต่อ นายนั่นพูดสวนขึ้นมาทันที “อาจารย์ครับตอนนี้ชมรมทุกชมรมเต็มหมดแล้วใช่มั๊ยครับ” เราหันไปมองหน้านายนั่นแล้วเอาไหล่ไปเบียดนายนั่นให้ถอยห่างออกไป “ให้เราพูดก่อนได้ป่ะ” น้ำเสียงเราเริ่มโมโห อาจารย์เลยสั่งให้เราสองคนหยุดพูดแล้วฟัง
“ตอนนี้ทุกชมรมเต็มหมดแล้วและอาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละชมรมส่งรายชื่อมาให้อาจารย์ก็ครบกันแล้วมีของชมรมบาสเกตบอลนี่แหละชมรมสุดท้ายที่ส่งมา ส่วนเธอพัฒนพงษ์ เธอไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วเพราะชมรมอื่นเต็มหมดแล้ว” อาจารย์พูดจริงจังมาก
“แต่ว่า” เราพยายามจะค้าน
“ไม่ต้องแต่ใดๆและไม่มีข้อแก้ตัวใดๆแล้วค่ะ”
เราหันไปเห็นนายนั่นอมยิ้มและไม่พูดอะไรเลย ส่วนเราตอนนี้เรารู้สึกผิดหวังมากและอยากเดินออกจากห้องพักอาจารย์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่อยากได้ยินคำใดๆเลย
“เย็นนี้เธอก็ไปที่ชมรมบาสเกตบอลตามที่แต่ละชมรมได้นัดหมายไว้ตรงบอร์ดหน้าห้องกิจกรรมชุมนุม” อาจารย์อธิบาย
“ส่วนเรื่องที่เธอสองคนที่ติดอยู่ห้องเก็บของเมื่อวันศุกร์อาจารย์ไปเคลียร์กับอาจารย์ฝ่ายปกครองให้แล้วว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ไม่ต้องโดนตัดคะแนนใดๆ”
“ครับอาจารย์” นายนั่นดูท่าทางมีความสุขเสียจริงๆ ผิดกับเราตอนนี้รู้สึกแย่จริงๆ อยากจะร้องก็ร้องไม่ออก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเธอสองคนไปได้หละ คาบเรียนช่วงบ่ายจะเริ่มแล้ว” อาจารย์ตัดบทให้เราสองกลับไปเรียน แล้วเรากับนายนั่นก็เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์พร้อมกัน พ้นจากห้องพักอาจารย์เรารีบเดินไปอย่างรวดเร็วไม่รออะไรแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” เขาเอามือมาคว้าแขนเราไว้ จนเราเกือบเซ
“อะไรของนายเนี้ย เจ็บนะเว้ย” เราโวยวาย
“ทำไมเสียใจเหรอที่ได้อยู่ชมรมบาสอ่ะ ชมรมบาสไม่ดีตรงไหน ใครๆก็อยากเข้าชมรมนี้กันทั้งนั้น มีแต่นายที่เล่นตัว” เขาขึ้นเสียงใส่เรา
“นายแกล้งเราใช่มั๊ย ทำไมเหรอ เราไปทำอะไรให้นายถึงทำแบบนี้ เรามีเหตุผลของเราก็แล้วกันว่าทำไมและไม่จำเป็นที่นายจะต้องมารู้” เราขึ้นเสียงใส่เหมือนกัน
“ยังไงก็ต้องอยู่ ไม่ชอบก็ต้องอยู่ ไม่อยากซ้ำชั้นก็ต้องอยู่ ไม่อยากอยู่ก็ต้องทนอยู่” เขาพูดแบบไม่แคร์ความรู้สึกเราเลย
“เอ่อทีใครทีมันอย่าให้ถึงทีเราก็แล้วกัน ปล่อยแขนได้แล้วเจ็บ”
“ไม่ปล่อยจะทำไม” แล้วเอามือไปจับแขนอีกข้าง
“อะไรว่ะ เจ็บนะโว้ย เป็นบ้าไรของนายเนี้ย” เราพยายามขัดขืน แล้วเขาก็ปล่อยมือออกจากแขนเราเราสะบัดออกจนเซแล้วล้มลง
“เป็นไรป่าว” เขายื่นมือและจะดึงเราขึ้นไป สีหน้าดูเขาตกใจ
“ไม่ต้องลุกเองได้” แล้วเราก็ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินไปห้องเรียน
“เดี๋ยว”
“อะไรของนายอีก”
“เย็นนี้4โมง สมาชิกชมรมทุกคนให้ไปรวมกันที่ สนามบาส และเอา ไข่สีน้ำเงิน มาด้วยนะ” เขาย้ำก่อนจะเดินไป
“ไข่สีน้ำเงินอะไรของนาย ไม่เห็นรู้เรื่องเรื่อง ไร้สาระหรือจะอำอะไรอีก เจอนายทีไรนะมีแต่เรื่อง มีแต่เจ็บตัว ซวยตลอดๆเลย ” เราบ่น
“ไม่รู้โว้ยไปหละกันไม่ไปก็หมดสิทธิ์ ไม่มีชมรมอยู่เลือกเอานะ” แล้วเขาก็เดินพรวดผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว หันมายิ้มให้เราแบบกรุ่มกริ่ม นายเป็นคนยังไงเนี้ยไบโพล่าป่ะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
ระหว่างทางเดินกลับห้อง คิดไม่ตกและปนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่ชอบกีฬา เรามีปมกับกีฬาบาสเราไม่อยากยุ่งกับกีฬาชนิดนี้ ทำไมเราต้องมาอยู่กับมันอีก แล้วไหนจะต้องมาอยู่กับนายนี่อีกโอ้ยจะบ้าตาย อะไรนักหนาเนี้ย เอ่อไข่สีน้ำเงินอะไรนั่นอีก มันคืออะไรแล้วเราจะไปเอามาจากไหน สงสัยที่คนมุ่งอ่านที่บอร์ดหน้าห้องกิจกรรมชมรมตอนเช้าคือ ไข่นี้แน่ๆเลยที่พี่เมย์อ่านผ่านๆ ขณะที่เราพูดไปบ่นไปอยู่นั้นในใจก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไข่ เจ้าไข่ปริศนาใบนั้นที่เราเจอในกระเป๋ากางเกงเมื่อวานนี่ใช่แน่ๆเลย มันต้องใช่แน่ๆ นึกได้เราเลยรีบวิ่งกลับไปห้องเรียนไปดูให้แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า
ในขณะที่เรากำลังจะวิ่งผ่านมุมตึกเพื่อขึ้นบันไดไปห้องเรียน วินาทีนั้นมีใครไม่รู้โผล่มาจากมุมตึกพอดี เราเบรกไม่ทันตกใจชนกับเขาอย่างจัง รู้สึกได้ว่าแรงมากและเจ็บมากๆ แถมตอนนี้มีสมุดหล่นเตมพื้นไปหมดเลยตรงนั้น เราล้มลง ส่วนอีกคนก็ล้มลงข้างๆเรา เรารีบลุกขึ้น แล้วหันไปดูอีกคนที่ล้มลงไป
“นายเราขอโทษเรารีบไปหน่อยไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินมา” เรายื่นมือเข้าไปจะดึงเขาขึ้นมา เขาก้มหน้าไปหยิบสมุดที่หล่นเตมพื้น
“เดี๋ยวเราช่วยเก็บนะ”
“ไม่เป็นครับเดี๋ยวผมเก็บเอง” เขาค่อยๆลุกแล้วหันหน้ามาหาเรา
“เห้ยพี่โซ่” เราตกใจเรียกชื่อพี่เขาดังมาก
เขาหันมามองหน้าเราแล้วยิ้ม และถามเราว่า “รู้จักชื่อพี่ได้ยังไงครับ”
“เอ่อออออออ.……………”
“เอ่ออออออ…………………”
“เอ่อออออออ.……………”
“เอ่ออออออ…………………”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments