ตอนที่5: ไข่สีน้ำเงิน

ตอน5: ไข่สีน้ำเงิน

ทันที่ที่หยิบของสิ่งนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง เราถึงกับงงในสิ่งที่เห็น มันมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงเราได้ยังไง และมาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“ไข่” เรามองของสิ่งนั้นด้วยความสงสัย

มันคือไข่ลูกเล็ก ๆ สีน้ำเงินที่เราเคยเห็นตามงานวัดที่เขามีตักไข่เล่นกัน ตอนนี้คืองง ของสิ่งนี้มาได้ยังไง ไม่รีรอเราเปิดฝาของไข่ออกจากกัน แล้วมีบางอย่างหล่นลงมาจากไข่ใบนั้น เป็นกระดาษใบเล็ก ๆ 1ใบ เราหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาตัวกระดาษพับให้เห็นว่าในนั้นมีข้อความซ่อนอยู่ เราตัดสินใจเปิดดู ในกระดาษเขียนข้อความสั้น ๆ ว่า

“Kawaii” เราอ่านออกเสียงตามที่เห็น มันคือภาษาญี่ปุ่น ที่แปลว่าน่ารักนี่น่าแล้วมันคืออะไรอ่ะ ยังคงเป็นคำถามที่เราไม่รู้ได้เลยตอนนี้

“มีนลงมากินข้าวลูก” คุณย่าเรียกมาจากข้างล่าง

เราเลยเก็บกระดาษพับกลับใส่ไปในไข่ใบนั้นเหมือนเดิมแล้วเอามันเก็บในกระเป๋าใส่ของจุกจิกเรา ช่างมันก่อนรีบอาบน้ำลงไปกินข้าวก่อนดีกว่า

“แป๊บนะย่ามีนอาบน้ำเสร็จแล้วจะรีบลงไปครับ” เราบอกย่าไปแล้วเข้าไปอาบน้ำ

วันนี้มื้อเย็นที่บ้านบนโต๊ะอาหารทุกคนในบ้านอยู่พร้อมหน้า คุณย่า พ่อ พี่โม พี่เมย์และเรา เย็นวันศุกร์ครบหน้าครบตากันแบบนี้ดูมีความสุขที่สุดเลย

“มีนกินเยอะ ๆ นะลูก” คุณย่าตักกับข้าวให้เรา

“ครับย่า ฝีมือย่าฝีมือพี่โมนี่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ” เราพูดไปกินไปและยิ้มไป

“ค่อยๆ กินก็ได้มีน”พี่โมทำหน้าเหมือนจะดุเรา แต่แววตาดูห่วงใยเราอย่างจริงใจ

เหตุการณ์เย็นนี้เหมือนจะปกติไม่มีอะไร ทุกคนดูมีความสุขกันบนโต๊ะอาหารและทานกันอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่ง

“มีนวันนี้แกเลือกชมรมหรือยังอ่ะ เขามีกิจกรรมเลือกชมรมสำหรับน้องม.ปลายที่เข้ามาใหม่ไม่ใช่เหรอ” พี่เมย์ยิงคำถามมา เราได้ยินข้าวแทบพุ่งกำลังกินอย่างมีความสุข

“เอ่อออ” เราพูดไรไม่ออก จะบอกว่าติดอยู่ในห้องเก็บของกับนายนั่นพี่เมย์ก็จะถามต่อไม่หยุดแน่ ๆ

“วันนี้ฉันเห็นรุ่นน้องม.4 ไปสมัครชมรมบาสเกตบอลกันเยอะมาก ๆ ทั้งชะนี เก้ง กวางเต็มไปหมดเลย”

“ไปสมัครชมรม cover มาแล้ว” เราตอบให้พ้นๆ ไปก่อน

“เอ่อดีหละอย่างแกไม่เหมาะหรอกกับชมรมบาสเกตบอล แกไม่ชอบอยู่แล้วนี่บาสเกตบอล ฉันยังจำได้เลยตอนแกโดนเพื่อนแกล้งสมัยม.1” พี่เมย์พูดไม่หยุด

“หยุดพูดได้หละเมย์กินเสร็จช่วยพี่โมยกจานไปเก็บที่ครัว” พ่อเริ่มหันมาดุใส่พี่เมย์

พีเมย์ได้สติเลยหยุด “ขอโทษคะพ่อ”

บรรยากาศเริ่มจะไม่ค่อยดีหละตอนนี้ คุณย่าเลยเบี่ยงเบนบรรยากาศ คุณย่าเดินไปหยิบบัวลอยสุดโปรดของทุกคนในบ้านมาให้กิน

“โหวันนี้โชคดีได้กินบัวลอยคุณย่า” เราเปลี่ยนเรื่องหันไปชิมบัวลอยคุณย่า

บรรยากาศเลยกลับมาดูปกติเหมือนเดิม และคุยกันเรื่องอื่น ๆ กัน

ทำไมคืนนี้นอนไม่หลับในใจก็แอบกังวลว่าวันจันทร์จะทำยังไงดี ถ้าเกิดไม่มีชมรมอยู่หละ เพื่อนๆ ก็มีชมรมอยู่กันหมดแล้ว ทั้ง พอร์ช นุ่น แค็ท และ บูม อย่าเพิ่งกังวลไปเลย หยุดพักสมองอยู่บ้านไปแล้ววันจันทร์ค่อยว่ากัน วันจันทร์เราต้องไปเจอนายนั่นอีกอ่ะ ทำไมอยู่ๆนึกถึงนายนั่นขึ้นมาอีก คงไม่เก็บไปฝันอีกนะคืนนี้ ทำไมใจเราเต้นแรง วูบ ๆ ยังไงชอบกล

“มีน หยุดความคิดตัวเองแล้วนอน” เราพูดกับตัวเอง

ปิดไฟนอนได้หละมีน ราตรีสวัสดิ์

……………

“อีกแล้วนะแกไอ้มีน ถ้าแกไม่ลืมสมุดการบ้าน ก็ไม่ต้องลงมารีบเดินดุ่มๆ แบบนี้อีก ไม่ลืมอันนั้นก็ลืมอันนี้” พี่เมย์บ่นใส่เราแล้วเดินนำหน้าไปหน้าโรงเรียนอย่างรวดเร็ว

“จะบ่นทำไมเนี้ย ก็ถึงหน้าโรงเรียนแล้วนี่ไง เดินมาแค่นี้เองทำบ่นอยู่ได้” เราหันไปบ่นใส่บ้าง

เรากับพี่เมย์เดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกัน ในขณะที่เดินไปกับพี่เมย์กำลังจะแยกย้ายขึ้นเอาของไปเก็บที่ห้องเรียน เราเหลือบไปเห็นมีกลุ่มนักเรียนจำนวนหนึ่งมุ่งดูอะไรกันก็ไม่รู้ที่หน้าห้องกิจกรรมชุมนุมของโรงเรียน

“พี่เมย์ตรงนั้นเขามีอะไรกันอ่ะ”

“จะรู้มั๊ยหละ อยากรู้ก็ไปดูซิ” พูดไม่ทันขาดคำพี่เมย์เดินดุ่มๆ ไปที่ห้องกิจกรรมชุนนุมแล้ว

“ไวจิงๆ เรื่องแบบนี้ “ เราส่ายหน้า

เรารีบเดินไปกับพี่เมย์ พยายามจะเบียดเข้าไปดูว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังจ้องกันอยู่ตรงนั้นมันคืออะไร เราก็พยายามชะเง้อดูแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย

“พี่เมย์เห็นมั๊ย” เราตะโกนถาม

“ยังอ่ะเดี๋ยวดูก่อนนะ เอ่อเห็นนิด ๆ หละ เขียนว่า ไข่ๆ อะไรนี่แหละ “พี่เมย์พยายามจะอธิบายพลางชะเง้อดูสิ่งที่เห็นตรงหน้า

“ไข่อะไร” เราถามย้ำ

ทันใดนั้น เสียงกริ่งโรงเรียนเข้าดังขึ้นทุกคนแตกหือและแยกย้ายวิ่งกันอุตลุคไปเข้าแถวหน้าเสาธง

“ไว้ค่อยมาดูอีกที ฉันไปก่อนนะ” พี่เมย์รีบวิ่งไปที่ห้องเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้อง

เราก็รีบวิ่งไปเหมือนกันเดี๋ยวไม่ทัน สรุปแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทุกคนมุ่งดูนั้นมันคืออะไร ไว้ช่วงพักเที่ยงค่อยลงมาดูอีกทีหละกัน

……………….

วันนี้ห้องเรียนดูครึกครื้นกันมาก ๆ ทุกคนพูดถึงเหตุการณ์ที่แต่ละคนไปสมัครชมรมที่ตัวเองชอบกันมาและวันนี้ก็จะน่าได้ไปเข้าชมรมของตัวเองและแนะนำตัวในชมรมที่ตัวเองเลือก แต่เรายังไม่มีชมรมอยู่เลยจะต้องทำยังไงดี ถ้าไม่มีชมรมอยู่แล้วจะเป็นยังไง

“พวกเมิงกูยังไม่มีชมรมอยู่เลยทำยังไงดีวะ” เราพูดกับเพื่อน ๆ

“เมื่อวันศุกร์พวกกูคิดว่าเมิงถูกอาจารย์ใช้งานจนบ่าย แล้วเมิงก็ไปรอที่ชมรมเต้นอะไรของเมิง” พอร์ชอธิบาย

“ใช่แค็ทก็คิดว่ามีน ไปรอที่ชมรมแล้วเลยไม่ได้อะไร” แค็ทเสริมขึ้นมาอีกที

“เราจะรอถามอาจารย์บุษบาตอนพักเที่ยงอีกทีว่าต้องทำยังไง” เราหน้าเจื่อนๆ

“แต่ฉันว่าต้องมีทางออกแหละเพราะเมื่อวานแกโดนขังอยู่ในห้องเก็บของกับรุ่นพี่ม.5คนนั้นอ่ะ ทำให้แกมาเลือกชมรมไม่ได้นะเว้ยมีน” นุ่นพูดเสียงดังมาก

จากที่ทุกคนในห้องกำลังคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานวินาทีนั้นจากเสียวที่ดังเปลี่ยนเป็นเงียบไปในทันที บรรยากาศเหมือนถูกเวลาไว้แล้วทุกๆคนหันมามองที่เราคนเดียว เหมือนจะอยากถามเราว่าจริงหรือเปล่าที่นุ่นพูด เราสัมผัสได้แบบนั้น เวลานี้ทำได้คือพูดอะไรก็ได้ที่ให้ทุกคนในห้องเข้าใจ

“รุ่นพี่อะไรที่ไหนนุ่น แกมั่วแล้วเมื่อวานเราไปช่วยงานอาจารย์บุษบามาต่างหาก” เราขยิบตาใส่นุ่นและพอร์ชให้รับรู้ดูเหมือนเพื่อนๆจะรับรู้ได้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้เป็นยังไง

“เอ่อนุ่นแกก็พูดมั่วๆไป” พอร์ชพยายามเสริมอีกที

“อ๋อเหรอเป็นแบบนี้นี่เอง” นุ่นก็ตามน้ำไป และหันไปพูดกับเพื่อนๆในห้องว่าไม่มีอะไรนะ เพื่อนๆบางคนยังทำหน้างงและมีอาการสงสัยแต่ก็ไม่มีใครถามอะไรต่อเพราะอาจารย์วิชาเคมีเข้ามาสอนพอดีเราเลยรอดตัวไป

……………………………………………

เราเดินจากโรงอาหารมาห้องพักอาจารย์บุษบาตามที่อาจารย์ได้นัดให้ไปรายงานตัวกับนายนั่นวันนี้พอนึกถึงนายนั่นขึ้นมาทีไรทำไมใจมันเต้นแรงทุกทีเลย ใจวูบๆ หวิวๆ เราเป็นอะไรหรือเปล่า เราเดินมาถึงหน้าห้องพักอาจารย์ ยืนนิ่งๆตั้งสติตัวเองก่อนเลยและอย่างแรกที่มองหาคือ นายนั่นมาหรือยัง ยังไม่เห็นเลยสงสัยยังไม่มา มีแต่อาจารย์บุษบาเหมือนจะนั่งตรวจการบ้านอยู่ที่โต๊ะ เรารีบเดินเข้าไปหาอาจารย์ทันที

“สวัสดีครับอาจารย์”

อาจารย์เงยหน้าขึ้นมามองเราผ่านแว่นหนาๆ “พัฒนพงษ์มาแล้วเหรอ นายอิสริยะยังไม่มาเลย เธอรอเพื่อนแป๊บนึงนะ” แล้วอาจารย์ก็ก้มหน้าลงไปตรวจการบ้านต่อ ยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาจากหน้าห้องพักอาจารย์พุ่งตัวมาเกือบประชิดตัวเรา มาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะอาจารย์พอดีเลย เราหางตาไปดูนายนั่นแป๊บนึง ท่าทางหอบเชียว ทำเอาเราอมยิ้มขึ้นมาหน่อยๆ เกือบจะขำนายนั่นออกมา

“ไม่ต้องรีบนายอิสริยะ อาจารย์ไม่หนีไปไหนหรอก แล้วไปไหนมาถึงวิ่งมาซะเป็นจรวดขนาดนี้” อาจารย์บุษาพูดไปพลางขำเบา เราแอบเห็นนายนั่นหางตามาทางเราแว๊บนึงไม่รู้คิดอะไรหรือเปล่า

“ผมช่วยอาจารย์เช็ครายชื่อน้องใหม่สมาชิกชมรมบาสเกตบอลเพิ่งเสร็จครับแล้วก็รีบมาหาอาจารย์นี่แหละครับและอาจารย์ทรงวุฒิฝากเอกสารรายชื่อเอามาส่งให้อาจารย์ด้วยเลยครับ” นายนั่นพูดไปหอบไปท่าทางจะเหนื่อยจิงๆ แล้วยื่นรายชื่อชมรมของเขาให้อาจารย์บุษบาไป

อาจารย์บุษบารับเอกสารแล้วเอามาตรวจดูรายชื่อ “ไหนอาจารย์ดูหน่อยมีนักเรียนประจำชั้นอาจารย์ห้องม.4/2ไปสมัครชมรมเธอหรือเปล่านายอิสริยะ”

พูดถึงชมรมเราจะเอายังไงดี ถามอาจารย์เลยดีกว่า เรารีบถามขึ้นมาทันที

“อาจารย์ครับเมื่อวานนี้” เรายังไม่ทันพูดจบประโยค อาจารย์พูดสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็วและแสดงสีหน้าตกตะลึง “นายพัฒนพงษ์ เธอสมัครชมรมบาสเกตบอลกับเขาด้วยเหรอ อาจารย์ไม่คิดว่าเธอจะชอบชมรมนี้เลย” อะไรนะประโยคที่เราได้ยินผ่านหูตะกี้ไม่ได้หูฝาดไปใช่มั๊ย

“อะ อะไรนะครับอาจารย์ที่อาจารย์พูดเมื่อสักครู่นี้” เรามองหน้าอาจารย์และเสียงเริ่มสั่นพูดไม่เป็นภาษาแล้ว อาจารย์มองหน้าเราแล้วเน้นประโยคเดิมถามเราอีกรอบ ตอนนี้เราทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนโดนตบหน้าหน้าอย่างจังนิ่งและงงไม่รู้จะพูดอะไรสตั๊นท์ไป 5วินาที

“พัฒนพงษ์ เธอได้ยินที่อาจารย์ถามมั๊ย” สติเรากลับมา

“เอ่ออาจารย์ครับผมว่ามันมีอะไร…” เรากำลังจะพูดต่อ นายนั่นพูดสวนขึ้นมาทันที “อาจารย์ครับตอนนี้ชมรมทุกชมรมเต็มหมดแล้วใช่มั๊ยครับ” เราหันไปมองหน้านายนั่นแล้วเอาไหล่ไปเบียดนายนั่นให้ถอยห่างออกไป “ให้เราพูดก่อนได้ป่ะ” น้ำเสียงเราเริ่มโมโห อาจารย์เลยสั่งให้เราสองคนหยุดพูดแล้วฟัง

“ตอนนี้ทุกชมรมเต็มหมดแล้วและอาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละชมรมส่งรายชื่อมาให้อาจารย์ก็ครบกันแล้วมีของชมรมบาสเกตบอลนี่แหละชมรมสุดท้ายที่ส่งมา ส่วนเธอพัฒนพงษ์ เธอไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วเพราะชมรมอื่นเต็มหมดแล้ว” อาจารย์พูดจริงจังมาก

“แต่ว่า” เราพยายามจะค้าน

“ไม่ต้องแต่ใดๆและไม่มีข้อแก้ตัวใดๆแล้วค่ะ”

เราหันไปเห็นนายนั่นอมยิ้มและไม่พูดอะไรเลย ส่วนเราตอนนี้เรารู้สึกผิดหวังมากและอยากเดินออกจากห้องพักอาจารย์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่อยากได้ยินคำใดๆเลย

“เย็นนี้เธอก็ไปที่ชมรมบาสเกตบอลตามที่แต่ละชมรมได้นัดหมายไว้ตรงบอร์ดหน้าห้องกิจกรรมชุมนุม” อาจารย์อธิบาย

“ส่วนเรื่องที่เธอสองคนที่ติดอยู่ห้องเก็บของเมื่อวันศุกร์อาจารย์ไปเคลียร์กับอาจารย์ฝ่ายปกครองให้แล้วว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ไม่ต้องโดนตัดคะแนนใดๆ”

“ครับอาจารย์” นายนั่นดูท่าทางมีความสุขเสียจริงๆ ผิดกับเราตอนนี้รู้สึกแย่จริงๆ อยากจะร้องก็ร้องไม่ออก

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเธอสองคนไปได้หละ คาบเรียนช่วงบ่ายจะเริ่มแล้ว” อาจารย์ตัดบทให้เราสองกลับไปเรียน แล้วเรากับนายนั่นก็เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์พร้อมกัน พ้นจากห้องพักอาจารย์เรารีบเดินไปอย่างรวดเร็วไม่รออะไรแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว

“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” เขาเอามือมาคว้าแขนเราไว้ จนเราเกือบเซ

“อะไรของนายเนี้ย เจ็บนะเว้ย” เราโวยวาย

“ทำไมเสียใจเหรอที่ได้อยู่ชมรมบาสอ่ะ ชมรมบาสไม่ดีตรงไหน ใครๆก็อยากเข้าชมรมนี้กันทั้งนั้น มีแต่นายที่เล่นตัว” เขาขึ้นเสียงใส่เรา

“นายแกล้งเราใช่มั๊ย ทำไมเหรอ เราไปทำอะไรให้นายถึงทำแบบนี้ เรามีเหตุผลของเราก็แล้วกันว่าทำไมและไม่จำเป็นที่นายจะต้องมารู้” เราขึ้นเสียงใส่เหมือนกัน

“ยังไงก็ต้องอยู่ ไม่ชอบก็ต้องอยู่ ไม่อยากซ้ำชั้นก็ต้องอยู่ ไม่อยากอยู่ก็ต้องทนอยู่” เขาพูดแบบไม่แคร์ความรู้สึกเราเลย

“เอ่อทีใครทีมันอย่าให้ถึงทีเราก็แล้วกัน ปล่อยแขนได้แล้วเจ็บ”

“ไม่ปล่อยจะทำไม” แล้วเอามือไปจับแขนอีกข้าง

“อะไรว่ะ เจ็บนะโว้ย เป็นบ้าไรของนายเนี้ย” เราพยายามขัดขืน แล้วเขาก็ปล่อยมือออกจากแขนเราเราสะบัดออกจนเซแล้วล้มลง

“เป็นไรป่าว” เขายื่นมือและจะดึงเราขึ้นไป สีหน้าดูเขาตกใจ

“ไม่ต้องลุกเองได้” แล้วเราก็ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินไปห้องเรียน

“เดี๋ยว”

“อะไรของนายอีก”

“เย็นนี้4โมง สมาชิกชมรมทุกคนให้ไปรวมกันที่ สนามบาส และเอา ไข่สีน้ำเงิน มาด้วยนะ” เขาย้ำก่อนจะเดินไป

“ไข่สีน้ำเงินอะไรของนาย ไม่เห็นรู้เรื่องเรื่อง ไร้สาระหรือจะอำอะไรอีก เจอนายทีไรนะมีแต่เรื่อง มีแต่เจ็บตัว ซวยตลอดๆเลย ” เราบ่น

“ไม่รู้โว้ยไปหละกันไม่ไปก็หมดสิทธิ์ ไม่มีชมรมอยู่เลือกเอานะ” แล้วเขาก็เดินพรวดผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว หันมายิ้มให้เราแบบกรุ่มกริ่ม นายเป็นคนยังไงเนี้ยไบโพล่าป่ะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

ระหว่างทางเดินกลับห้อง คิดไม่ตกและปนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่ชอบกีฬา เรามีปมกับกีฬาบาสเราไม่อยากยุ่งกับกีฬาชนิดนี้ ทำไมเราต้องมาอยู่กับมันอีก แล้วไหนจะต้องมาอยู่กับนายนี่อีกโอ้ยจะบ้าตาย อะไรนักหนาเนี้ย เอ่อไข่สีน้ำเงินอะไรนั่นอีก มันคืออะไรแล้วเราจะไปเอามาจากไหน สงสัยที่คนมุ่งอ่านที่บอร์ดหน้าห้องกิจกรรมชมรมตอนเช้าคือ ไข่นี้แน่ๆเลยที่พี่เมย์อ่านผ่านๆ ขณะที่เราพูดไปบ่นไปอยู่นั้นในใจก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไข่ เจ้าไข่ปริศนาใบนั้นที่เราเจอในกระเป๋ากางเกงเมื่อวานนี่ใช่แน่ๆเลย มันต้องใช่แน่ๆ นึกได้เราเลยรีบวิ่งกลับไปห้องเรียนไปดูให้แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า

ในขณะที่เรากำลังจะวิ่งผ่านมุมตึกเพื่อขึ้นบันไดไปห้องเรียน วินาทีนั้นมีใครไม่รู้โผล่มาจากมุมตึกพอดี เราเบรกไม่ทันตกใจชนกับเขาอย่างจัง รู้สึกได้ว่าแรงมากและเจ็บมากๆ แถมตอนนี้มีสมุดหล่นเตมพื้นไปหมดเลยตรงนั้น เราล้มลง ส่วนอีกคนก็ล้มลงข้างๆเรา เรารีบลุกขึ้น แล้วหันไปดูอีกคนที่ล้มลงไป

“นายเราขอโทษเรารีบไปหน่อยไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินมา” เรายื่นมือเข้าไปจะดึงเขาขึ้นมา เขาก้มหน้าไปหยิบสมุดที่หล่นเตมพื้น

“เดี๋ยวเราช่วยเก็บนะ”

“ไม่เป็นครับเดี๋ยวผมเก็บเอง” เขาค่อยๆลุกแล้วหันหน้ามาหาเรา

“เห้ยพี่โซ่” เราตกใจเรียกชื่อพี่เขาดังมาก

เขาหันมามองหน้าเราแล้วยิ้ม และถามเราว่า “รู้จักชื่อพี่ได้ยังไงครับ”

“เอ่อออออออ.……………”

“เอ่ออออออ…………………”

“เอ่อออออออ.……………”

“เอ่ออออออ…………………”

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!