ตอนที่4:Beside

ตอน4: Beside

“มีนๆๆ” เราได้ยินเสียงแหว่วจากที่ไหนสักแห่งเสียงนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

“ตื่นได้แล้วมีน” น้ำเสียงของคนเดิมยังเรียกเราอยู่

เราเริ่มมีสติและมีแรงขึ้นมา ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ณ เวลานี้เหมือนเราอยู่ในวงแขนของใครบางคน มีคนโอบอุ้มตัวเราไว้อยู่ซึ่งเราสัมผัสได้ในตอนนี้ และแล้วภาพที่อยู่ตรงหน้าทำไมมันคุ้นๆ กับเหตุการณ์ที่เราเคยเจอมาเมื่อวันเปิดเทอม คนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เราเห็นในวันนั้นหรือเปล่า เรารีบลุกขึ้นดันมือเขาออกจากร่างเราทันที ขยับถอยห่างออกมาจากเขา

“โอ้ย” น่าจะเป็นผลที่ล้มกระแทกลงไปทำให้เราเจ็บ และดันตัวเองไม่ไหว ร้องเสียงหลงออกมาแบบไม่ทันตั้งตัว

“จะไปไหน” ผู้ชายคนนั้นถามเรา พร้อมดึงร่างเรากลับมาที่เขาอีกครั้ง

“ปล่อย นายเป็นใครเนี้ย มาทำไรที่นี่” เราพยายามขัดขืนแต่สู้แรงไม่ไหว แต่ก็ยังพยายามสู้ฝืนตัวเอง

จากนั้นเค้าก้อพลักเราออกจากที่ยื้อกันอยู่สักแป๊บ

“เจ็บนะเว้ย ทำไรของนายเนี้ย” เรามองหน้าเขาแล้วทำท่าโมโหใส่

“ก็รู้ว่าเจ็บจะดิ้นทำไมวะ อยู่นิ่งๆไปก็ดีแล้ว แล้วนี่เข้ามาในห้องนี้มาทำไร มันใช่ที่ที่ใครจะเข้ามาเดินเพ่นพ่านสุ่มสี่สุ่มห้ากันนะ” ผู้ชายคนนั้นขึ้นเสียงใส่เรา แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ชั้นเก็บของหยิบขวดน้ำดื่มมายื่นให้เรา “อ่ะกินซะ” เราทำท่างงแต่มือก็คว้าขวดน้ำที่เขายื่นให้วินาทีนั้นต้องกินไว้ก่อน เหมือนตัวเองขาดน้ำมาหลายวัน “เห้ยใจเย็น ๆ อย่ากินหมดหละมีขวดเดียว” เขาห้ามแต่ไม่ทันหละเรากินหมดขวดภายในพริบตา ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจแต่ก็ทำไรไม่ได้แล้ว

“บอกได้ยังว่ามาทำไรในห้องนี้” เขาถามเราอีกครั้ง

“เอ่ออออออ” เราก็ยังงงเรามาทำไรที่นี่

“อ้าวเป็นใบ้ชั่วขณะหรือไงถามไม่ตอบ” เขาจ้องมาที่เรา

“พูดดีดีก็ได้ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ อาจารย์ให้เรามาตามหาแม่บ้านแล้วเราก็มาตามถึงห้องเก็บของนี่แหละเพราะป้าที่เราถามเขาบอกให้มาที่นี่ พอใจยัง” เราโมโหใส่

“ยัง” เขาตอบมา

“คืออะไรยัง” เรางงกับคำตอบ

“ก็ยังไม่พอใจกับคำตอบไง ชื่อมีนเหรอนายอ่ะ” ท่าทีดุๆของเขาหายไปดูผ่อนคลายขึ้น

“รู้จักชื่อเราได้ยังไง” เรายิงคำถามใส่

“ไม่ได้อยากรู้หรอกนะ แต่ตอนนายสลบไปอ่ะ เพ้อหาพ่อช่วยมีนด้วย แม่ช่วยมีนด้วย อยู่อย่างนี้ ใครไม่รู้ชื่อก็บ้าแล้วป่าววะ” เขาพูดไปจ้องหน้าเราแล้วทำท่าตลก

ความอับอายเริ่มเกิดขึ้นในวินาทีนั้น ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อเลยเรา แต่ก็ช่างเหอะมันเกิดขึ้นมาแล้วให้ทำไง แต่ว่าตอนนี้เรา กับเขาจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงคิดแค่นี้ก่อนดีกว่า

“ช่างเหอะเราไม่สนใจหรอกนายจะชื่อไร มาทำไรที่นี่”

“เราชื่อม่อน อยู่ม.5” เค้ารีบตอบเราอย่างรวดเร็ว

เราเบือนหน้าหนี บ่นเบาๆเบะปาก ใครถามชื่อเขาไม่ได้ถามสักหน่อย และไม่ได้อยากรู้สักหน่อย นำเสนอเว่อร์วัง เดี๋ยวนะ ม่อน ทำไมคุ้นๆ จัง ชื่อนี้อีกแล้วเหรอ เราหันไปจ้องหน้าเขาอีกครั้ง

“นายชื่ออะไรนะ” เราจ้องหน้าเขาแบบจริงจังมากในเวลานี้

“ชื่อม่อน ถามทำไม นายรู้จักเราเหรอไง แต่ก็อย่างว่านะใครๆ ก็อยากรู้จักเราทั้งนั้นแหละ “ สีหน้าเขาดูกวนขึ้นมาทันที

“เอ่อนายคือคนที่…….” เราหยุดค้างไว้ไม่ถามต่อดีกว่าดูท่าทางนายคนนี้จะหลงตัวเอง หล่อตายแหละ

“คนที่อะไรว่ามา” เขายื่นมาใกล้เรามาก ๆ สัมผัสได้ถึงลมหายใจ จนเราต้องเอียงตัวหนี

“ไม่มีอะไรนายจะชื่อไรก็ช่างเหอะ ตอนนี้เราจะออกไปจากห้องนี้กันได้ยังไง ช่วยคิดหน่อยดิ นายพกโทรศัพท์มามั๊ยอ่ะ” เราหันกลับมาแล้วมองหน้าเขาเหมือนมีความหวัง

“ถ้าใช้ได้คงไม่รอแบบนี้ป่ะ คงมีคนมาช่วยเราไปแล้ว ถามปัญญาอ่อน”

“เห้ยก็ถามดีดีเผื่อมีโทรศัพท์ ตอบดีดีก็ได้ป่ะ”

“โทรศัพท์แบตหมด ใช้ไรไม่ได้เลยตอนนี้”

“แล้วจะทำไงหละที่นี้ รอแบบนี้เหรอ ถ้าเกิดไม่มีใครมาช่วยเราหละ เราจะตายตรงนี้มั๊ยอ่ะ เป็นผีเฝ้าห้องเก็บของในนี้แน่ ๆ เลย” เราลนลานขึ้นมาทันที

“อย่าตกใจไป เดี๋ยวเพื่อนๆ หรือใครที่รู้จักเราหาไม่เจอก็คงมาตามเองแหละ ใจเย็นๆ” เหมือนเขาพยายามปลอบเราให้รู้สึกดีขึ้นน้ำเสียงเขาดูอ่อนโยนขึ้น

“แล้วนี่กี่โมงแล้วอ่ะนาย” เราถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“จะบ่าย3โมงแล้ว” เขามองนาฬิหาแล้วตอบเราทันที

“เห้ย หมดเวลาเลือกกิจกรรมชมรมแล้วอ่ะดิ ทำไงดีอ่ะนายเรายังไม่ได้ไปเลือกชมรมอะไรเลย” เราเริ่มวิตก

“ก็ไปเลือกทีหลังได้มั้งถ้าสมาชิกชมรมที่นายจะลงไม่เต็มไปก่อนนะ” เขาพูดเหมือนให้เรามีความหวัง

“ภาวนาให้ยังไม่เต็มมีคนไปสมัครไม่เยอะ” เราก็แอบมีความหวังเหมือนกัน

“แล้วนายจะเข้าชมรมอะไรอ่ะ” เขาถามเรา

“ไม่ยุ่งได้ป่ะเรื่องส่วนตัว” เรามองบนใส่

“แล้วแต่ครับก็ไม่ได้อยากรู้อะไรเลย แค่ถามเฉยๆ เกิดไม่ได้เข้าชมรมมาอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งหละกัน” เขาพูดไปพลางขำไปด้วย

“บ้าป่ะเนี้ยถ้าเราเข้าชมรมไม่ได้เราจะโทษนายคนเดียวเลย” ยั่วโมโหเก่งนักนะนายคนนี้

เราติดอยู่ในนี้ 3 ชั่วโมงได้แล้วนะจะนั่งอยู่แบบนี้ไปอีกก็ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วไม่งั้นได้เป็นผีอยู่ในนี้กับนายนั่นสองคนแน่ ๆ ไม่เอาหรอก คนอะไรปากดีชะมัด

“นายเราว่าเราต้องทำไรสักอย่างแล้วมั๊ย” เราเสนอความเห็นไป

“จะทำไร นอกจากรอแม่บ้านหรือใครผ่านมาแถวนี้ น่าจะโน่นแหละใกล้ ๆ โรงเรียนเลิกรออีกหน่อย” ทำไมรู้ดีจังเราแอบคิด หรือเป็นพื้นฐานทางความคิดซึ่งเราคิดไม่ได้ หรือเราโง่

“ถ้าเกิดไม่มีใครมาหละทำไง คิดไว้ป่ะเนี้ย” เรายังกังวล

“ก็ตายกันในนี้แหละ ดีม่ะ” เขาพูดแล้วขำใส่เรา

“ไม่ตลกนะเว้ยไอ้บ้า ยังจะมาปากดีอีกนะ ถ้าเราตายก็จะมาหลอกนายคนแรก” เราเริ่มกลัว

“อ้าวก็ตายเป็นผีพร้อมกัน แล้วผีจะหลอกกันเองได้ยังไงหละ” เขาพูดแล้วขำใส่เรา

เรามองหน้าเขาแล้วมองบนเอาที่สบายใจเลยจ๊ะ

15นาทีผ่านไปเหมือนมีเสียงคนร้องเพลงอยู่ข้างนอกแว่ว ๆ เรารีบมองหน้ากะเขา เหมือนเรารู้กันว่ามีคนมาช่วยเราแล้ว เขาวิ่งไปที่ประตูห้องเก็บของก่อน เราค่อย ๆ ลุกแล้วเดินตามไป เขาเอามือทุบประตูห้องเก็บของแล้วตะโกนเรียกหาคนที่ร้องเพลงอยู่ด้านนอก

“ทำไมไม่เห็นมีใครได้ยินเสียงนายเลยอ่ะ” เราถามไปลุ้นไปด้วย

“สงสัยจะใส่หูฟังเลยไม่ได้ยินแน่ๆเลย” เขาตอบมาอย่างมั่นใจ

“เห้อทำไงดีหละที่นี้” เราเริ่มท้อแล้ว

“ก็ต้องรอต่อไปให้ทำไง” สีหน้าเขาดูเริ่มมีความกังวล

เราเห็นสีหน้าตอนเขากังวลแล้วดูจริงจังเหมือนกันนะ สรุปนายบุคลิกเป็นยังไงกันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตามไม่ถูกเลย แต่ถ้าไม่มีนายติดอยู่ในนี้ด้วยวันนี้ เราจะทำยังไง น้ำก็คงไม่มีกิน ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วไม่แน่อาจจะตายเป็นผีเฝ้าห้องเก็บของห้องนี้ก็เป็นได้

“คิดอะไรของนายอยู่เนี้ย สายตาล่องลอยเหมือนคนเมายา” เขาถามเรา

เราสะดุ้งพร้อมตั้งสติ “อะไรใครคิดไร คนมันเหนื่อยและก็ร้อนมันก็แบบนี้แหละ”

“อ๋อเหรอ” เขาทำลอยหน้าลอยตาเลียนแบบเราเมื่อกี้ พอจะทำให้บรรยากาศที่แย่ ๆ ดีขึ้นมาได้อีกหน่อย

แล้วบรรยากาศก็เริ่มเงียบอีกครั้ง ไม่รู้จะคุยหรือทำไรกันได้มากกว่านี้แล้ว เหมือนเขาจะเคลิ้มหลับไป เราหันไปมองหน้าเขาใกล้ๆ อีกครั้งและจ้องอยู่ตรงนั้น แล้วภาพในฝันที่เกิดขึ้นหลายวันที่ผ่านมาก็ผุดขึ้นมาทันทีทำไมหน้านายนี่เหมือนคนที่เราฝันเลยอ่ะ

“เห้ย” เราอุทานออกมาแล้วรีบเอามือปิดปากตัวเอง กลัวเขาสะดุ้งตื่น จำได้แล้วเขาคือ พี่ม่อน นักกีฬาบาสเกตบอลเยาวชนทีมชาติไทยนี่น่า คนที่โยนลูกบาสโดนหัวเราจนสลบ ขอโทษสักคำก็ยังไม่มี ถามก็เดินหนีอีกต่างหาก แล้วนี่ดวงซวยอะไรมาเจอกันในนี้อีกเนี้ย แล้วนายนี่เข้ามาทำอะไรในนี้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสืบหาข้อมูลประหนึ่งเราเป็นโคนัน ควรจะฟังเสียงว่ามีใครผ่านมาทางนี้จะดีกว่า เปลี่ยนประเด็นด่วนมีน

30 นาทีผ่านไป

เราเริ่มหมดแรงแล้วเหมือนเขาจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำเราที่กำลังจะเคลิ้มกลับตาสว่างขึ้นมาทันที

“ตื่นแล้วเหรอนาย” เรางัวเงียถาม

“มีไรเกิดขึ้นบ้าง” เขายิงคำถามทันที

“ไม่เห็นมีใครผ่านมาเลยอ่ะ” เราตอบกลับ

จากนั้นเราก็นั่งรอกันตรงหน้าประตูทางเข้า ทำได้แค่เพียงสังเกตเสียงว่ามีใครเดินผ่านแถวนี้บ้าง จนตอนนี้เริ่มหมดหวังแล้ว หันไปมองหน้าเขายังคงนั่งนิ่งไม่พูดจาอะไร ก็คงจะรอได้ยินเสียงใครผ่านมาเหมือนที่เราทำนะแหละ

“มีน” เหมือนใครกำลังเรียกเราอยู่หลายคนเลย “มีนๆๆๆแกอยู่ไหน” เสียงเหมือนนุ่น กับ พอร์ชเลย ทันใดนั้นเรากับเขาก็ลุกขึ้นตะโกนส่งเสียงไปพร้อมกัน “อยู่ทางนี้ๆ”

“นุ่น กับ พอร์ช หรือเปล่า มีนอยู่ห้องนี้” แล้วทุบประตูแรงขึ้น และเขาก็ช่วยทุบประตูด้วยอีกแรง

เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนเหล่านั้นเข้ามาใกล้ตรงประตูห้องเก็บของที่เราอยู่ ความหวังและสีหน้าเขาเริ่มมีกำลังใจรวมถึงตัวเราด้วย

“พวกเราอยู่นี่ นุ่น พอร์ช” เราตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ทางนี้ครับ อยู่ทางนี้ครับ” เขาตะโกนเสียงดังพอๆกับเราเลย

แล้วเสียงฝีเท้าก็มาหยุดตรงหน้าประตูห้องเก็บของที่เราถูกขังพอดี มีคนเขย่าประตูอยู่ทางด้านนอกและพยายามที่จะเอากุญแจที่ล๊อคอยู่ออก

“อาจารย์ครับกุญแจมันล๊อคอยู่ครับ ผมว่าไม่ใช่มีนคนเดียวนะครับที่ถูกขังอยู่ในนั้น น่าจะมีมากกว่า1คน” เสียงพอร์ชคุยกันอาจารย์ทางด้านนอก

“อ้าวลูกกุญแจไม่มีเหรอว่ะ” เขาสถบเบาๆ แล้วหันมามองหน้าเรา

“จะไปรู้ได้ไง ก็นายกับเราอยู่ด้วยกัน” เราก็ทำหน้าไม่รู้เรื่อง

“มีน เดี๋ยวอาจารย์จะไปตามภารโรงมาเปิดให้นะ เมิงรอในนั้นอีกสักแป๊บ เมิงโอเครอยู่นะ” พอร์ชถามเรา

“โอเครเมิง ขอบใจพวกเมิงมากๆ ที่อุตส่าห์มาช่วยพวกกู” เราพูดด้วยความดีใจ

“พวกกู หมายความว่า เมิงไม่ได้อยู่คนเดียวใช่มั๊ยมีน แล้วเมิงไปอยู่ในห้องนั้นกับอีกคนได้ยังไงวะ” นุ่นถาม

เรามองหน้ากับเขาแล้วอยู่แป๊บนึง จะตอบเพื่อนว่ายังไงดี

“เอ่อเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ตอนนี้ให้ออกไปให้ได้ก่อนเหอะ” เราตัดบท

เราหันไปมองเขาเห็นเขายิ้มออกมาและดูมีความสุขมากๆ กับคำถามและคำตอบที่เราตอบไป กำลังคิดอะไรของนายอ่ะ วินาทีนี้ยังจะมายิ้มอีก เป็นคนบ้าป่ะเนี้ย

และแล้วประตูห้องเก็บของที่ถูกล๊อคก็ถูกเปิดออกมา แสงจากด้านนอกกระทบสายตาเรา ทำให้มองอะไรไม่เห็นไปชั่วขณะ และค่อย ๆ กลับสู่สภาพปกติ

“พัฒนพงษ์ อิสริยะ เธอสองคนมาอยู่ในนี้ด้วยกันได้ยังไง” อาจารรย์บุษบาดูท่าทางตกใจ

“นั่นดิ แก กับ คนนี้รู้จักกันด้วยเหรอว่ะมีน” พอร์ชสมทบ

ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันแล้วพูดว่า “นั่นดิ”

และภาพที่ทุกคนเห็นตอนเปิดประตูออกมาคือ เรา กับ เขา ลุกขึ้นยืนจับมือกันแน่นอยู่ตรงหน้าพวกเขาเหล่านั้น ว่าแต่เราไปจับมือเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเขาเอามือเราไปจับ หรือเราเอามือเราจับมือเขากันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้จะตอบว่ายังไงดี อย่างแรกเลยคือ ดึงมือออกจากเขาก่อน และเราก็รีบสะบัดมือออกจากเขาทันที “เอ่อออออออ” เราไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“คือผมมาสำรวจของที่น่าจะใช้ได้ในชมรมอ่ะครับ บังเอิญมีน เขาเข้ามาทีหลังแล้วไม่รู้ใครแอบมาล๊อคกุญแจ เราสองคนก็ติดอยู่ในนี้กันอ่ะครับอาจารย์” เขาตอบให้หมดหละ แต่ดูสีหน้าเขาแอบแดง ๆ เขิน ๆ อยู่นะ หรือเราคิดไปเอง ที่แน่ ๆ ทำไมตอนนี้ใจเราเต้นแรงอีกแล้ว นายนั่นต้องจับมือเราก่อนแน่ ๆ ฟันธง

“ถ้าไม่มีอะไร วันจันทร์ตอนพักเที่ยงเธอสองคนไปรายงานเรื่องนี้กับอาจารย์อีกครั้งที่ห้องพักอาจารย์ วันนี้ไปเก็บของ แล้วกลับบ้านกันได้แล้ว” อาจารย์บุษบาพูดจบก็เดินกลับไป

ส่วนเขาก็เดินออกไปจากพวกเพื่อนเราทันที โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

“นาย เราขอบคุณมากนะ” เราตะโกนตามหลังเขาไป เขาไม่หันกลับมาพูดอะไรเลย แล้วก็เดินหายเข้าไปตึกด้านหน้า

“อะไรว่ะเป็นแบบนี้อีกแล้วนะ รอบที่แล้วก็บอกนี้เดินหนี” เราบ่นเบาๆ

“อะไรมีนรอบที่แล้ว แล้วรอบที่แล้วยังไง” นุ่นถาม ขนาดว่าบ่นเบา ๆ ยังได้ยินอีกนะ หืม

ตอนนี้แหละเราจะโดนเพื่อนถามหรือสอบสวนอะไรอีกหรือเปล่า ไม่อยากจะเล่าเลย จะทำไงดีให้พวกนี้เลิกจะถามเราเรื่องที่เกิดขึ้น ยังไม่ทันขาดคำ คนแรกเลยที่ถามไม่ใช่ใคร

“ไอ้มีนมันยังไงว่ะ ที่ไอ้สูงผิวเผือก หล่อ ๆ คนนั้นมาอยู่กับเมิงในนี้ เป็นไปตามที่มันพูดป่าวว่ะว่ามันมาหาของใช้ในชมรม ส่วนเมิงเมิงนี่แหละเข้าไปทำอะไร” พอร์ชถาม

“เอ่อตามนั้นแหละเมิงไม่มีอะไรกูมาตามป้ามาลัยให้อาจารย์อยู่ๆป้าแกก็วาร์ปหายไปไหนไม่รู้ทิ้งพวกกูไว้ในห้องนี้อย่างที่เห็นนี่แหละ” เราตอบไป

“แน่ใจนะเมิง ไม่ได้เข้าไปทำอะไรกันในนั้นนะเว้ย “ พอร์ชพูดพลางจ้องหน้าเราแบบยิ้มกรุ่มกริ่ม

“ทะลึ่งหละไอ้พอร์ช” เราอมยิ้มหน่อย ๆ แล้วเดินออกมาจากกลุ่มอย่างรวดเร็ว

“มีนๆ ทางกลับทางนี้เพื่อน เมิงเดินไปไหน กลับมาทางนี้” พอร์ชชี้ทางไปอาคารเรียน

เรารีบเดินกลับไปอีกทางแล้วเดินขึ้นห้องเรียนไปไม่ได้สนใจพวกเพื่อน ๆ เลย ดุ่มๆ ขึ้นห้องเรียนไปเก็บของกลับบ้าน

…………………..

ถึงบ้านแล้วนะครับย่า เราวิ่งขึ้นบ้านไปเปลี่ยนชุดนักเรียนที่เปื้อนและเหม็นเหงื่อมาก ๆ วันนี้เจอเหตุการณ์ที่ไม่อยากเล่าให้ที่บ้านฟังโดยเฉพาะพี่เมย์ เดี๋ยวรับรองเป็นเรื่องแน่ ๆ

“เดี๋ยวก็ตกบันไดหรอกแกไอ้มีน ทำไมวันนี้แกไปเรียนหรือแกไปรบกันแน่เนี้ยมอมแมมเป็นหมาเลยวะ” พี่เมย์แขวะ

“ยุ่ง” เราหันไปแลบลิ้นใส่พี่เมย์ แล้ววิ่งเข้าห้องเราทันที

วันนี้เป็นวันที่ยุ่งเหยิงอีกวันหนึ่งของเราเหตุการณ์วันนี้ถ้าเกิดเราติดอยู่ในห้องนั้นคนเดียวเราคงจะกลัวและทำอะไรไม่ถูกแน่ ๆ เลย ดีที่มีนายอยู่ด้วยในห้องนั้นทำให้ความกลัวที่เรามีหายไปแถมไม่อดตายมีน้ำให้กินด้วย เอ่อมีนนายยิ้มทำไม หยุดคิดๆๆ เราไม่ควรนึกถึงเขาซิ มีนแกอย่ามโนเหตุการณ์วันนี้มันก็แค่บังเอิญเท่านั้นอย่าคิดไปไกล

ไปอาบน้ำได้แล้วรีบอาบน้ำแล้วลงไปดูทีวีกับย่าข้างล่าง หิวข้าวสุดๆแล้วด้วย กลางวันก็ไม่ได้กินข้าว พรุ่งนี้วันเสาร์แล้วจะได้พักผ่อนนอนตื่นสายได้ แล้วเราก็ถอดเสื้อผึ่งไว้กับตะกร้า เพราะสภาพไม่น่าจะรวมกับตัวอื่นได้ ลำบากพี่โมอีกแล้ว ขอโทษพี่โมนะครับที่วันนี้เสื้อมีนเปื้อนแบบนี้ กางเกงไม่ต้องพูดถึงเลยเปื้อนมากๆ เลอะฝุ่นเต็มไปหมด ต้องถอดออกมากองไว้อีกที่ สภาพยังกะไปรบเหมือนที่พี่เมย์พูดไว้จริงๆ

“อะไรอยู่ในกระเป๋ากางเกงเราอ่ะ” เราทำหน้างงแล้วเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าทันที พยายามจับและลูบของในกระเป๋ากางเกงอยู่แป๊บนึง มันคืออะไรรูปทรงแปลก ๆ มาอยู่ในกระเป๋ากางเกงเราตั้งแต่ตอนไหน ตัดสินใจล้วงมันออกมา แล้วหยิบขึ้นมาดู มันคือ ……………

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!