ตอนที่ 2 : School
“หยุดอยู่ตรงนั้น” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางห้องสั่งเราสองคน ในใจเราคิดหละอาจารย์ประจำชั้นเราแน่นอนไม่ผิด
“พวกเธอสองคนเป็นนักเรียนห้อง ม.4/2 จิง ๆ นะ” อาจารย์ถามย้ำเราอีกครั้ง
“ใช่ครับอาจารย์ผมเรียนห้องนี้ครับ” เรารีบตอบด้วยความตกใจ
“แล้วไหนกระเป๋า อุปกรณ์การเรียนของเธออยู่ไหน ” อาจารย์ยิงคำถามใส่เราคนเดียวเลยคราวนี้
เห้ยกระเป๋านักเรียนเราไปไหนอ่ะ หันไปมองหน้าพอร์ช
“พอร์ชๆๆๆ กูลืมหยิบกระเป๋านักเรียนมาจากหน้าโรงเรียนว่ะ” ตาแบ๊วๆ ใส่เพื่อน
“ไอ้มีน อีกแล้วเหรอเมิง” พอร์ชกระซิบข้างหูเรา
“ทำไงหละเมิง” เราหันไปถามพอร์ช
“ไม่รู้โว้ย กูรอดแล้ว” พอร์ชส่ายหน้าแล้วจ้องมาที่เรา
“เธอคนที่มีอุปกรณ์การเรียนมาครบเข้ามานั่งที่ตัวเองได้แล้ว” อาจารย์สั่งให้พอร์ชเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียน
“ครับอาจารย์” พอร์ชรอดแล้ววิ่งไปที่โต๊ะเรียนอย่างรวดเร็ว
“ส่วนเธอเดินมานี่” อาจารย์กวักมือเรียกให้เราเดินเข้าไปกลางห้องเรียน
วินาทีนั้นเราตื่นเต้นนะ และก็ใจสั่น สายตาทุกๆ คนในห้องมองมาที่เราคนเดียว ใครเป็นใครไม่รู้เลย เห็นแต่พอร์ช กับ นุ่น เพื่อนเราเท่านั้น คนอื่นใครกันไม่รู้ ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้ยินอะไรใด ๆ ใครเลย ทุกอย่างนิ่งไปหมด
“ได้ยินที่อาจารย์สั่งหรือเปล่าค่ะ” เสียงอาจารย์แตะที่ไหล่เรา แล้วบีบอยู่หลายที
“เอ่อ ตะกี้อาจารย์ว่าอะไรนะครับผมไม่ได้ยิน” เราหลุดจากภวังค์แล้วถามอาจารย์กลับ
“อาจารย์บอกให้เธอแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ไม่ได้ยินหรือยังไง” น้ำเสียงอาจารย์เริ่มดุดัน
“ครับๆ” เรารีบตอบด้วยอาการงงๆ
“สวัสดีครับเราชื่อ พัฒนพงษ์ ตันประเสริฐ เรียกเราว่า มีน ก็ได้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ” คำพูดนี้เหมือนเราจะรู้และซ้อมมาจากที่บ้านแล้ว
“แล้วไหนกระเป๋านักเรียนเธอไปไหน ไหนบอกอาจารย์ซิ” อาจารย์ทำสีหน้างง
“เอ่อพอดีผมลืมกระเป๋าเอาไว้หน้าโรงเรียนครับอาจารย์ตอนที่ปล่อยตัวมาผมรีบครับเลยลืม” พูดด้วยน้ำเสียงอายๆปนตลก
จากนั้นได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมห้องทั้งชั้น หัวเราะแบบสามัคคีกันเลยทีเดียว
“หยุดหัวเราะกันได้หละนักเรียน ส่วนเธอนายพัฒนพงษ์ ไปนั่งที่ตัวเองให้เรียบร้อย และพักเที่ยงเธอไปเอากระเป๋านักเรียนเธอที่ห้องปกครอง” อาจารย์กำชับและมองหน้าเราปนจะขำนิด ๆ
“ครับอาจารย์” เราก็ไปนั่งข้างๆ พอร์ช
คิดในใจวันนี้วันอะไรนะ เจอสถานการณ์แต่ละอย่างตั้งแต่ออกจากบ้านมาหละ อ่ะวันนี้วันเปิดเทอมทำตัวให้สนุกกับโรงเรียนใหม่ดีกว่า
”เอาหละนักเรียนทุกคน วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของนักเรียนใหม่ ห้องเรียน ม.4/2 ห้องเรียนสายวิทย์ พวกเธอทั้งหมด 41 คน อาจารย์จะดูแลและเป็นอาจารย์ประจำชั้นพวกเธอ และจะสอนวิชาฟิสิกส์ม.4 รวมถึงห้องพวกเธอด้วย ใครมีอะไรสงสัยหรือจะปรึกษาไปหาอาจารย์ที่ห้องพักอาจารย์ชั้น 1 ได้นะค่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ ส่วนเธอ นายมีน อย่าลืมไปเอากระเป๋านักเรียนด้วยเดี๋ยวจะไม่มีสมุดหนังสือเรียนเหมือนคนอื่นเขา” อาจารย์จ้องมาที่เราอีกแล้ว
“ครับอาจารย์” เราตอบรับอย่างเสียงดังฟังชัด
แล้วหัวหน้าห้องก็สั่งทำความเคารพ แล้วก็เริ่มต้นการเรียนวันแรกอย่างราบรื่น
เสียงกริ่งพักกลางวันของชั้นมอปลายดังขึ้นแล้ว เป็นสัญญาณว่าจะได้ไปพักกันแล้ว
“พอร์ช นุ่น เดี๋ยวไปห้องปกครองเป็นเพื่อนเราด้วยนะ” เราบอกเพื่อน ๆ ทั้งสองคน
“กูไม่เข้าใจเมิงจริง ๆ เลยนะมีน ทำไมเมิงลืมได้ว่ะ กูงง” นุ่นทำหน้างงใส่
“ไม่รู้ว่ะกูคงรีบมั้งและตื่นเต้น” เราก็แก้สถานะการไปก่อน จริง ๆ คือเป็นคนขี้ลืมสุดๆ
“ป่ะ ๆ ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยไปเป็นเพื่อนเมิงที่ห้องปกครอง” พอร์ชเสริมขึ้นมา
ในขณะที่เรา พอร์ช และ นุ่น กำลังจะเดินพ้นห้องเรียนออกไปนั้น
“พวกนายๆๆ”
เรา3คนหันไปตามเสียงที่เรียกแล้วทำหน้าฉงน
“เราขอไปกินข้าวเป็นเพื่อนด้วยได้มั๊ย เราเพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนอื่นเหมือนกัน เราชื่อ แค็ท และนี่เพื่อนเราอีกคน ชื่อบูม เราว่าพวกนายตลกดี เลยอยากเป็นเพื่อนด้วย” แค็ทยิ้มให้กับทุกคน
“ได้ดิ เรามีนนะ นี่เปรตกลับชาติมาเกิดไอ้พอร์ช และก็ยัยแว่นหนาเต๊อะชื่อนุ่น” ได้ทีเราใส่เพื่อนใหญ่เลย
“ปากดีนะเมิงไอ้มีน” นุ่นง้างมือจะตบหัวเรา แต่เราหลบทัน
“พวกเรายินดีเป็นเพื่อนกับเธอนะ แค็ท กับ บูม” นุ่นพูดด้วยน้ำเสียงยินดีมาก ๆ
“เราด้วย ปะไปกินข้าวกันเถอะ” พอร์ช กับเราพูดพร้อมกันเลย
หน้าห้องน้ำตึกเรียนมอปลายชั้น1 ระหว่างทางไปโรงอาหาร
“เห้ยพวกมึงกูขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ เมิงไปรอที่โรงอาหารกันก่อนเลย” เราบิดตัวไม่ไหวแล้ว
“เอ่อตามสบายเพื่อน” พอร์ชพยักหน้าแล้วเดินไปกับพวกนุ่น แค็ท และ บูม
ห้องน้ำทำไมมันดูเงียบจัง เอาว่ะ ห้องแรกนี่แหละปลอดภัยสุด ในขณะที่เรากำลังปลดเบาอยู่นั้น มีเสียงบ่นพึมพำอยู่ห้องข้าง ๆ น้ำเสียงเหมือนคนกำลังบ่นอะไรบางอย่าง ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
“ไปไหนว่ะ ๆๆๆ ทำไงดีๆๆ” น้ำเสียงดูกลัวและวิตก และพูดซ้ำๆ อยู่ประโยคเดิม ๆ แบบนี้
“พูดอะไรว่ะ” เรากระซิบเบาๆ กับตัวเอง แล้วรูดซิบกางเกงตัวเองให้เรียบร้อย
“ไปไหนว่ะ ๆๆๆ ทำไงดี ๆๆ” น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นๆ
เราอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยปิดฝาชักโครกแล้วเหยียบเพื่อจะชะโงกไปดูว่าเป็นยังไง กลัวเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า ทันใดนั้นขาซ้ายก้าวขึ้นเหยียบเรียบร้อยแล้ว ขาขวากำลังจะขึ้นตามไปปรากฏว่าพื้นรองเท้าของเราเปียกน้ำก้าวขึ้นไปแล้วพลาด ลำตัวเราไปกระแทกผนังห้องน้ำดังโครม
“โอ้ยยยยยย” เราส่งเสียงออกมา แล้วปิดปากตัวเองไม่ให้มีเสียงดังขึ้นมาอีก
“ใครอ่ะ” เสียงจากห้องข้าง ๆ ส่งเสียงมา แล้วหยุดพึมพำคำที่พูด ทุกอย่างสงบไปเพียงเสี้ยววินาที
เราเงียบไม่พูดอะไรแล้วปลดล๊อคกลอนห้องน้ำกำลังจะก้าวออกมาจากห้อง ทันใดนั้นมีร่างผู้ชายสูงประมาณ 180 เซนติเมตร ผิวขาว รูปร่างบาง ยืนหน้าห้องน้ำที่เราอยู่
“ตะกี้ทำไร เมิงแอบดูกูเหรอ” สีหน้าเขาดูขึงขังมาก แล้วเอามือมากั้นไว้ที่ประตูห้องน้ำเราไว้
“เอ่ออออออออ คือเอ่ออออออ” เราหน้าถอดสีแล้วจะอธิบายยังไงดีว่ะนึกอยู่ในใจ
“เป็นพวกถ้ำมองเหรอเมิงอ่ะ อยู่ชั้นไหน ห้องไหน เป็นเด็กใหม่หรือไงวะ” เขายิงคำถามใส่เรา
“เอ่ออออคือเอ่อออออ” เรายังคงอึ้งและพูดไม่ออก
“เอ่ออยู่ได้ถามไม่ได้ยินหรือไง ถ้าไม่ตอบมากูจะต่อยเมิงจริง ๆ ด้วย” เค้าเริ่มโมโหใส่เรา
“ตอบ ๆ ทำไมดุแบบนี้เนี้ย” เราแหงนหน้าแล้วหยุดมองดูเขา
“เอ่อ”ต้องให้เซ้าซี้ถาม
“ก็เราเห็นนายพูดไรไม่รู้พึมพำ ๆ ในห้องน้ำ ไปไหนว่ะ ๆ ทำไงดี ๆ เราก็คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเลยอยากรู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แค่นี้เองไม่ได้มีอะไรเลย” สีหน้าเราจริงจังขึ้น
พอเราพูดจบประโยค จากสีหน้าเขาที่ดูจะมีอารมณ์โมโห เปลี่ยนเป็นเหมือนคนรู้สึกผิดหวัง หรือเสียใจขึ้นมาทันที แล้วปล่อยมือที่กั้นประตูเราเอาไว้ลง แล้วยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย เราไม่รู้จะทำไงก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำเลย ทิ้งเขาไว้ตรงนั้นโดยที่ไม่รับรู้อะไรแล้ว
“วันนี้วันอะไรของกูว่ะมีน” สถบกับตัวเองเบา ๆ ก่อนวิ่งอย่างรวดเร็วไปโรงอาหารหาเพื่อน ๆ
แต่ในใจก็คิดนะเขาเป็นอะไรหรือเปล่านะ แล้วประโยคที่เขาพูดมันหมายถึงอะไร ทำไมเรายังอยากรู้ ว่าแต่เขาจะจำหน้าเราได้มั๊ย แอบกลัว แต่ที่แน่ ๆ เราหน้าเขาได้ชัดเจนมากๆ จำได้ทุกส่วนบนหน้าเขาเลย
ที่โต๊ะกินข้าวโรงอาหาร ทุกคนสั่งข้าวกันมาหมดแล้ว ยกเว้นเราคนเดียวที่เพิ่งมาถึง
“ไอ้มีน เมิงตกส้วมมาหรือเปล่าว่ะ ไปโครตนาน” พอร์ชถามแบบตลก ๆ
“เอ่อกูปวดหนักว่ะ ไม่ไหวจริง ๆ นานไปหน่อย” เราแก้ตัวไปแบบนั้น
“เอ่อไปหาไรกินเหอะเมิง เดี๋ยวพวกกูรอ” พอร์ชชี้ไปที่ร้านข้าว
“เห้ยมีน ทำไมหน้าแกดูซีด ๆ ว่ะ ไปเจอไรมาป่าวเนี้ย” นุ่นถาม แค็ท กับ บูม พยักหน้าเห็นเห็นพ้องต้องกัน
“เหรอว่ะ หน้ากูซีดขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ สงสัยท้องเสียแน่ ๆ” เราแก้ตัวอีกตามเคย
“เอ่อสงสัยหิวข้าวมั้ง” นุ่นตัดบท
สรุปวันนี้พักกลางวันนี้ก็ผ่านพ้นไป เราไปเอากระเป๋าที่ลืมไว้ที่ห้องปกครอง กลับมาเรียนภาคบ่ายตามปกติ
“พวกแก เมื่อเช้าพวกแกมาไม่ทัน เพราะมาสาย อาจารย์เขาให้ทุกคนเลือกชมรมที่ตัวเองจะอยู่ภายในวันศุกร์นี้นะ” นุ่นบอกเรากับพอร์ชด้วยน้ำเสียงแบบตื่นเต้น
“แล้วยังไงว่ะมีชมรมอะไรบ้างยังไม่รู้เลย” เราถามนุ่น
“วันศุกร์นี้เขาจะมีกิจกรรมตรงลานหอประชุมให้นักเรียนทุกคนเลือกชมรมที่ตัวเองชอบ” นุ่นอธิบาย
“อ๋อเหรอดีเลย กูอยากอยู่ชมรมทำอาหาร” พอร์ชทำท่าอยากอยู่มาก ๆ ยิ้มแบบกรุ่มกริ่ม
“เหมาะกับหน้าตาและรูปร่างเมิงมากพอร์ช” เราประชดใส่
“เมิงอย่ามาขอชิมฝีมือกูก็แล้วกันไอ้มีน” พอร์ชกล่าว
“เอ่อแล้วเมิงหละมีน คิดไว้ป่ะว่าอยากอยู่ชมรมอะไร” นุ่นถามเรา
“กูยังไม่รู้เลย กูไม่ชอบเล่นเกมส์ กูไม่ชอบกีฬาทุกชนิด โดยเฉพาะบาสเก็ตบอล แต่กูชอบเต้นอาจจะไปอยู่ชมรมเต้น cover เกาหลีดีกว่าถ้ามีนะ” เราพูดไปแบบลอย ๆ
“เราก็ชอบเต้นนะเผื่อไปสมัครชมรมนี้กันนะมีน” แค็ทเสริมขึ้นมา
“วันศุกร์ค่อยว่ากันนะพวกเรา กลับบ้านกันได้หละ” เราเก็บของเสร็จเรียบร้อยหละ
“เมิงกลับยังไง” พอร์ชถาม
“รอพี่เมย์หน้าโรงเรียนแหละ ไม่รู้ยังไง โทรศัพท์กูก็ลืมไว้ในรถพ่อ ไม่เจอก็คงกลับบ้านเองนั่งรถเมล์กลับ” เราพูดแบบสีหน้าซังกะตาย
“เอ่องั้นเจอกันนะเว้ยพรุ่งนี้ อย่าสายนะเมิง” พอร์ชถือกระเป๋านักเรียนแล้วรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“เอ่ออออ รีบไปไหนของมันว่ะเนี้ย” เราตะโกนตามหลังพอร์ช
เราออกมารอพี่เมย์ที่หน้าโรงเรียนประมาณ 10 นาทีได้หละ ยังไม่ออกมาสักทีหรือว่ากลับไปก่อนแล้วก็ไม่รู้ถ้าอีก 10 นาทีไม่มาจะกลับแล้วนะไม่รอหละ หรือไม่แน่พี่เมย์อาจจะนอนดูทีวีสบายไปแล้วก็เป็นได้ หืมมม
“เอาไงว่ะเนี้ยยังไม่มาสักทีโทรศัพท์ก็ไม่มีกลับดีกว่า” เรารอไม่ไหวแล้ว
ทันใดนั้นเหมือนได้ยินเสียงกรี๊ดผ่านหูเรามาแว๊บนึง และเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ๆ
“เสียงไรว่ะ ดังมาจากทางสนามบาส มีเกิดไรขึ้นหรือมีไรป่าว” เราพูดกับตัวเอง
เราเดินตามเสียงกรี๊ดมาจนถึงสนามบาสจนได้ เห็นกลุ่มผู้หญิงมอปลายกลุ่มใหญ่มาก ๆ อยู่ตรงสนามบาส สิ่งแรกที่เห็นคือ พี่เมย์กำลังส่งเสียงกรี๊ดกับเพื่อน ๆ นางอยู่ขอบสนามบาส เราวิ่งไปหาพี่เมย์แล้วพูดว่า
“เห้ยปล่อยให้ยืนรอหน้าโรงเรียนตั้งนานคิดว่ากลับบ้านไปแล้ว” เราทำสีหน้าไม่พอใจ
“อะไรของแกนี่มันเพิ่งสี่โมงเองนะ ผิดที่แกนะแหละลืมโทรศัพท์ไว้บนรถพ่อเองนะมีน อย่ามาโทษฉันว่าไม่รอแก” พี่เมย์เถียงไป พลางตะโกนเชียร์ไป
“แล้วนี่มาทำไรแถวนี้เนี้ยคนเต็มไปหมดเลย” เราถามด้วยความสงสัย
“แกจะอยากรู้ไปทำไม แกไม่ชอบกีฬาไม่ชอบอะไรวุ่นวายแบบนี้อยู่แล้วจะถามทำไม” พี่เมย์ใส่ไม่หยุด
“แหม รวมกลุ่มกันขนาดนี้ กรี๊ดกันขนาดนี้ต่อให้ไม่อยากรู้ก็อยากรู้หละว่ะ” เราเถียงใส่
“เอ่อๆๆ ช่างเหอะขี้เกียจเถียงคนอย่างแก เอาเวลามาเชียร์น้องม่อน ดีกว่า” พี่เมย์พูดไปพลางยิ้มแบบคนอินเลิฟสุด ๆ
“หืมมน้องม่อน ใครว่ะ เป็นดาราเหรอ หรือเป็นนักร้อง หรือเป็นเน็ตไอดอล” เราถามแบบกวน ๆ ด้วยความสงสัยจริง ๆ
“โอ้ยจะมาซักอะไรตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่แกพูดมาหรอก เค้าเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลทีมเยาวชนไทยและเรียนอยู่ที่โรงเรียนเราชั้น ม.5 รุ่นพี่แกปีนึง เป็นรุ่นน้องฉันปีนึง เก็ทม่ะ” พี่เมย์หน้าตาแบบปลื้มสุด ๆ
“แล้วยังไงทำไมต้องมากรี๊ดอะไรขนาดนี้งง” เรายิ่งงงไปใหญ่
“โอ้ยมีนเมิงกลับบ้านไปก่อนเลยป่ะ กลับไปหาย่าไปหาพี่มีตังค์ ไปดูทีวีหรือไปไหนก็ได้ให้พ้นจากตรงนี้เพราะเสียสมาธิในการที่ฉันจะมาดู น้องม่อนสุดหล่อสุดเท่ห์ออกมาโชว์การโยนลูกบาสลงห่วงพร้อมกับทีมของโรงเรียนเราเย็นนี้หรือในอีก 5 นาทีที่จะถึงนี้” พี่เมย์ดูภูมิใจนำเสนอสุด ๆ
“จิงๆ มีนก็ไม่ชอบหรอกนะ แต่เห็นพูดมาซะขนาดนี้จะรอดูซักหน่อยซิว่าจะเป็นยังไง” เรามองหน้าพี่เมย์แล้วแบะปากใส่
“แล้วแต่แกเหอะ แต่ช่วยออกไปยืนห่าง ๆ ฉันหน่อย เห้ยเกศนี่น้องเรา มีน ลืมแนะนำว่ะ ช่างมันรอน้องม่อนออกมาก่อนตอนนี้” พี่เมย์ผู้สามารถทำหลายๆ อย่างพร้อม ๆ กล่าวไว้
“เห้อ พี่กูท่าจะอาการหนัก” เรามองบนและกำลังจะหันหลังกลับไปยื่นห่าง ๆ พี่เมย์ แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นกระหื่มเต็มสนามบาส
“ขอต้อนรับทีมบาสเกตบอลประจำโรงเรียนของเรา นำทีมโดย นายอิสริยะ เสถียรธัมรงค์ หรือน้องม่อน นักเรียนชั้นม.5/1 และเพื่อนร่วมทีมบาสเกตบอลทุกคนครับ ขอเสียงกรี๊ดดังๆ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ”
เราหันกลับมาที่ขอบสนามอีกทีตามเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือดังรัวๆ ชะเง้อดูทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนอย่าใจจดใจต่อ เอ๊ะทำไมรู้สึกคล้อยตามแล้ว หรือแค่อินไปตามกระแส แอบสับสนเล็กน้อยแต่
เราเดินกลับมายืนข้างหน้ากับพี่เมย์อีกครั้ง มุมที่พี่เมย์ยืนอยู่ตรงจุดที่นักกีฬาจะยืนและโยนลูกบาสลงห่วงพอดี เป็นมุมที่เหมาะและเห็นชัดเจนมาก ๆ
“พี่เมย์ๆๆๆ” เราตะโกนเสียงดังเพราะเสียงกรี๊ดยังมาไม่หยุด
“อะไรของแกอีกมีน เรียกอยู่ได้ ถ้าไม่อยากดูก็เงียบๆ ไว้อย่าวุ่นวายเข้าใจมั๊ย” พี่เมย์ตะโกนเสียงดังใส่
“ไหนอ่ะน้องม่อนสุดหล่อของพี่อ่ะ ออกมายัง” เราถามแล้วชะเง้อมองอยู่
“นั่นไงยืนอยู่คนที่ 3 คนสูง ๆ ฝั่งทางโน้นอ่ะ เห็นยัง จะออกมาโชว์การโยนลูกบาสลงห่วงเป็นคนต่อไปนี้แล้วไง” พี่เมย์ชี้มือไปทางนั้น แล้วเรียกชื่อ น้องม่อน ๆ
“ไหนว่ะคนที่3 สูง ๆ นักบาสก็สูงกันหมดทุกคนป่าวว่ะ” เราเล็งไปเห็นลางๆ มองไม่ถนัดเพราะคนข้างหลังเบียดเรามาเหมือนกัน
“มาแล้ว ๆ แก น้องม่อนมาแล้ว” เสียงพี่เมย์ดังมาก ๆ จนแสบแก้วหูจริง ๆ
“น้องม่อน ๆๆๆๆ” เสียงเรียกไม่หยุดจากสาวๆ โดยเฉพาะพี่เมย์
และแล้วก็ถึงคิวของนักบาสเกตบอลทีมเยาวชนไทย น้องม่อนของพี่เมย์ มาโชว์ความเก่งให้สาว ๆ กรี๊ดแล้ว ตอนที่เขาเดินเข้ามาในสนาม ดูสาว ๆ จะเชียร์กันเสียงดังมากๆ รวมไปถึง เหล่า ๆ สาวบรรดา สาวเทียมทั้งหลาย เกย์ เก้ง กวาง ก็ให้ความสนใจเขามากก ๆ
“ทำไมหน้าผู้ชายคนนี้มันคุ้นเราจังว่ะ” เรานึกอยู่ในใจว่าเคยเจอคนคนนี้ที่ไหนมาก่อน ยังนึกไม่ออก แล้วก็จ้องไปที่ผู้ชายที่สวมชุดนักบาสคนนั้นอย่างตั้งใจ ทำไมดูสูง สง่า และรูปร่างดีจัง ทำไมลีลาการโยนลูกบาสเขาดูเทห์สุด ๆ ไปเลย เกิดอะไรขึ้นกับเรา มีน นายเป็นอะไรนายเป็นอะไรมีน ทำไมทุกอย่างดูล่องลอย เบาหวิว เหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่บนอากาศ นี่เราเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น
“มีนๆๆๆๆ มีนแกเป็นไรทำไมดูแปลกๆจังว่ะ หิวข้าวเปล่าหรือไรว่ะเนี้ย” พี่เมย์ตะโกนถาม
“แปลกยังไงอ่ะพี่เมย์” เรายังไม่ตื่นจากภวังค์ยังเคลิ้มๆอยู่
“เห้ยมีนแกระวัง มีนนนนนนน” เสียงพี่เมย์ดังก้องในหู
นั่นคือคำสุดท้ายที่ได้ยินเสียงพี่เมย์เรียกและทุกๆ อย่างหยุดลงในทันใด เราไม่รับรู้อะไรอีกเลยจากนั้น เกิดอะไรขึ้นกับเรา เหตุการณ์มันเร็วมากๆจนเราไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยหลังจากนั้น ช่วยเราด้วยนะใครก็ได้ช่วยปลุกเราจากความเงียบนี้ไปซะที ใครก็ได้ช่วยเราด้วย ช่วยเราด้วย
………………………………………………………………………………………………………..
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments