"เสี่ยวฉี วันเป็นเทศกาลชีซีเธอขออะไรงั้นเหรอ"
หญิงสาวคนหนึ่งพูดถามอันฉีที่อยู่ข้างๆ
"อืม... ไม่รู้สินะ. แต่ว่าเรื่องคำอธิฐานน่ะต้องเก็ยเป็นความลับไม่ใช่เหรอ"
อันฉีที่อยู่ข้างๆ ตอบแบบเบี่ยงเบน
(คำอธิฐานเหรอ...ถ้าเป็นไปได้ฉัน... "อยากกลับบ้าน" ...)
คำอธิฐานนี้ทำให้อันฉีเหม่อลอยอีกครั้ง
.
.
.
"ฝ่าบาท..."
ชายชราคนหนึ่งในชุดขันทีเอ่ยเรียกชายหนุ่มอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นดอกซิ่ง ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำปักลายด้วยด้ายสีทองหรูหรา
เขายืนอยู่ตรงนี้มานานหลายชั่วยามแล้ว ไม่เคยจากไปไหนเลย ยืนอยู่ตรงนี้ตลอด
"ฝ่าบาท..."
ขันทีชราเอ่ยเรียกอีกครา
"เฉียนกงกง ท่านว่า... นางจะกลับมาไหม"
คำว่า 'นาง' คำนี้แทงใจเขานัก เขาและนางเคยยืนอยู่ตรงนี้ ณ จุดนี้ แต่...ตอนนี้กลับมีแค่เขาแล้ว ถึงแม้เขาจะอยู่ตรงนี้คนเดียวมา 5 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชินชาอยู่ดี ราวกับนางไม่เคยจากไปไหน
.
.
.
"นายท่านกลับมาเถอะ/เสี่ยวฉีกลับกันเถอะ"
เสียงบางอย่างดังขึ้นให้หัวของอันฉี มันเป็นเสียงที่เล็กและเบามาก ผสมกับเสียงของพี่ชายที่เรียกเธอทำให้เธอได้ยินมันไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
(อะไรนะ!!?)
ติ๊ด----------
เสียงนั้นดังขึ้นก่อนที่อันฉีจะสลบไป เธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดไปหมด ร่างกายแข็งทื่อและหนักมาก เธอได้ยินเพียงเสียงเรียกของเหล่าพี่ชายสุดหน้าตาดีของเธอ มันค่อยๆ เลือนหายไปกับความมืด สัมผัสที่แทบจะไม่รู้สึกเองก็เลือนหายไปอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนความรู้สึกของอันฉีค่อยๆ กลับมาชัดเจนขึ้นเลื่อนๆ จนเมื่อถึงที่สุดเธอก็รู้สึกถึงเตี่ยงที่อ่อนนุ้มและอบอุ่น
เด็กน้อยสองคนที่เล่นอยู่ในห้องก็สังเกตเห็นเธอที่รู้สึกตัวแล้ว
.
.
.
ในที่สุด
.
.
.
เด็กน้อยทั้งสองคนก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ เด็กทั้งสองคนดีใจจนร้องไห้ตัวสั่นไปหมด
"ท่าน...ท่านแม่...แง แง แง"
ทั้งสองร้องไห้แงก่อนวิ่งออกไป อันฉีที่พึ่งรู้สึกตัวก็นั่งงงและตกใจมาก เด็กทั้งสองคนวิ่งออกไปข้างนอก พื้นหิมะในต้นปีขาวโพลน เด็กน้อยวิ่งไปราวกับก้อนกลมๆ กลิ้งลงบนพื้นหิมะ
"ท่านพ่อ!!"
"ท่านพ่อ!!!"
เด็กทั้งสองคนวิ่งไปพรางร้องเรียกไป เขาหันไปมองเด็กทั้งสองก่อนจะนั่งยอง ๆ เพื่อกอดเด็กน้อย
"ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านแม่"
พวกนางตอนนี้ได้เพียงเรียก 'ท่านพ่อ ท่านแม่' ไม่ทันเอ่ยอันใดก็ร้องไห้น้ำตาแตก คำที่พูดออกมาฟังแทบไม่รู้เรื่อง
เขายังไม่ทันปลอบเด็กน้อยทั้งสองก็มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาตามทางที่เด็กน้อยกลิ้งมาหาเขา
"..."
ทั้งขันทีชราและเขาต่างก็ไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด
เครื่องหน้านี้การเดินแบบนี้การแต่งตัวและการแต่งหน้าที่ไม่เหมือนใครนี้
.
.
.
ช่างคุ้นเคยนัก
.
.
.
ยังไม่ทันไรนางก็สลบลงไปเสียแล้ว เขารีบวิ่งเข้าไปรับตัวนางเอาไว้แล้วพาเข้าไปยังตำหนักบรรทมของเขา
ตอนนี้ทั้งวังกำลังวุ่นวายหมอหลวงต้องรีบเร่งเดินทางเข้าวังหลังได้ข่าว ห้องเครื่องต่างวุ่นวายทำอาหารมากมาย นานมาแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารเหล่านี้ เนื่องจากคนในวังทานอาหารเผ็ดไม่ค่อยทานอาหารรสจาง องค์หญิงน้อยทั้งสองก็ทานเผ็ดได้ดี
มีเพียงคนผู้นั้นที่สลบเป็นเจ้าหญิงนิทาเท่านั้น ที่ทานอาหารรสจัดไม่ได้ และอาหารการกินของคนผู้นั้นก็เรื่องเยอะเหลือเกิน หากแต่ว่าทุกคนต่างก็ยินดีและเต็มใจทำอาหารเหล่านั้นทั้งนั้น
ทุกคนต่างทำไปร้องไห้ไปแต่ก็ไม่ได้ให้น้ำตาหยดลงในอาหารเลยแม้แต่น้อย
ในตอนแรกที่มาดูเหมือนอันฉีจะมาทั้ง ตัวแต่ตอนนี้กลับเหลือแค่ฮองเฮาที่นอนนิ่งไม่ไหวติงบนแทนบรรทมเสียแล้ว วิญญาณของนางได้เข้าไปในร่างเดิมนั้นแล้ว
และในตอนนี้นางเองก็รู้แล้วว่า บ้าน ของนางอยู่ไหนกันแน่
"ยินดีต้อนรับกลับนายท่าน"