.
.
.
แม่เคยเชื่อเรื่องเรื่องเวทมนตร์มั้ยฮะ"ในยามวิกาลท่ามกลางบ้านกลางป่าสนแสนเงียบสงัด มีเสียงของเด็กชายตัวน้อยพูดเจื้อยแจ้วถามแม่ของตนเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองสงสัยอย่างไร้เดียงสา
"ก็ไม่รู้สิจ๊ะ มันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ " "หือ!!!แล้วมันแปลว่ามีหรือไม่มีฮะแม่?" "เอ้าหล่ะ กินข้าวได้แล้วคนเก่ง " "ฮะ กินข้าว"
เป็นฝ่ายแม่ของอเดลที่กล่าวตัดบทไปทุกที ที่ผู้เป็นลูกถามเกี่ยวกับเวทย์มนต์ทุกที โดยที่อเดลก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไร เป็อย่างนี้ทุกครั้งตั้งแต่เล็กจนโต อเดลก็ไม่เข้าใจผู้เป็นแม่ว่าห่วงเขามากแค่ไหน
แต่วันนี้เขาก็ต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่สามารถไปไหนได้ เพราะโรคระบาดที่ไม่มียารักษา ผู้คนจึงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน
ภายใต้บ้านหลังนี้เปรียบเสมือนทุกอย่างตั้งแต่พ่อของเขาตายไปก็เหลือเขากับแม่ ถึงจะมีแค่บ้านเก่าแค่หลังนึงแต่ถ้าอยู่กัยแม่มันก็ออบอุ่นขึ้นมาทันที อเดลคิดไปเรื่อยเปื่อยพร้อมนั่งทานข้าวกับมารดาต่อ
.
.
.
ในขณะเดียวกันทางด้านนอก ได้มีกลุ่มชายสวมผ้าคลุมสีดำแปลกประหลาด ได้กระทำการบางอย่างให้ประตูเปิดขึ้นโดยปราศจากอาวุธ และรีบเดินไปหาเป้าหมายทันที
" ปัง!!! "
เสียงประตูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อเดลคิดว่าผู้เป็นแม่จะเดินออกไปหาผู้ที่มารบกวนยามวิกาล แต่ผู้เป็นแม่ที่ก่อนหน้านี้หน้าตาดูสดใสกลับเดินเข้ามาด้วยใบหน้าคร่ำเครียดดูวิตกกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่พอแม่เห็นอเดลจึงรีบเดินเข้าไปสวมผ้าคลุมปิดไปทั้งใบหน้าสวยหวานและเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของอเดลอย่างรวดเร็ว จากนั้นแม่ก็พาเขามายังบันไดลับที่เชื่อมต่อไปสู่นอกบ้าน ซึ่งอเดลไม่เคยรู้เลยว่ามันมีไว้เพื่ออะไร เขาเคยถามแต่มารดาไม่เคยตอบจึงเลิกถาม
แต่ไม่ทันที่อเดลจะก้าวบันไดไปพร้อมมารดาตนนั้น กลุ่มคนข้างนอกก็พังประตูมาที่ไม่ได้ใช้อะไรเลย มีเพียงแค่มือเปล่ากับหนังสือคนละเล่ม ก็ทำให้ประตูเปิดและปิดอย่างกระทันหัน ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ตนคิด
"ท่านราเซลจงอยุดก่อนขอรับ" ชายแปลกหน้าทั้งหลาย เรียกชื่อแม่ของเขาแล้วก้มลงคุกเข่า ทำเหมือนกับว่าชายแปลกหน้าเหล่านั้นกำลังทำความเคราพมารดาของผมอยู่
ผมเห็นอย่างนั้นก็พลันสับสนพร้อมแม่ที่ก้าวถอยหลังมาแล้วออกแรงดันหลังของผมให้สุดชีวิต แต่ก่อนแม่จะผลักผมแบบแรงๆกับมีเสียงๆนึงแทรกเข้ามาทำให้แม่สงบสติอารมณ์ลงและ ชะงักทุกสิ่งอย่างที่ทำ
"ท่านราเซลได้โปรดให้องค์ชายเป็นชายาให้กับท่าน ราฟาเอล ด้วยขอรับ ท่านหญิง" เอ๋ ท่านหญิงอะไร องค์ชายอะไรกัน สรุปแม่เป็นใครกันแน่เนี่ย เขางงไปหมดแล้วนะ
"ก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึไง ว่าที่อาณาจักรก็มี ทั้ง องค์ชาย องค์หญิง อยู่เกลื่อนกล่านตั้งเยอะ ทำไมถึงมาเลือกลูกของฉันกัน เกเบรียน"
"ว่ายังไงห๊ะเกเบรียน!!!"
"คือ. .ราเซลทางผู้ใหญ่หน่ะ ทำการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เพราะทางนั้นช่วยเราไว้อย่างมากจากการถูกล่าและเราต้องการกำลังของฝั่งนั้นอยางมากของไอ้พวกนักล่าแม่มด แต่ข้อแลกเปลี่ยนคือขอคู่หมั้นให้กับทางนั้น ซึ่งท่านผู้นั้นก็รับไม่ได้อีกแล้วกับการที่พวกเราต้องล้มตายไปตั้งกี่คน เพราะฉะนั้น"
คนที่ชื่อเกเบรียนคนนั้นพูดเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ"แต่ในนี้ที่เธอว่าเกลื่อนกล่านกับไม่มีคนไหนที่ ราฟาเอล องค์ชาย อันดับ1ของ ดาร์คเวล พอใจแม้สักคนเดียว"
"แต่กับเอ้ยเอ่ยถึง องค์ชาย อเดล ซูร่า ที่ไม่มีใครได้ยินนามนอกจาก ท่านหญิงกับองค์ราชา จึงทำให้พวกเราต้องพาท่านกลับไปให้ได้
ไม่เช่นนั้นพวกเราต้องเสียอำนาจสำคัญที่ทำให้เราเหล่าพ่อมดแม่มด ต้องสูญสิ้นสายพันธุ์ " เอ๋!!!พ่อมดแม่มดงั้นหรอ ทำไมกัน เรื่ออะไรกัน?
"ไม่!!! ทำไมฉันต้องให้อเดลไปด้วย ทำเหมือนว่าลูกฉันเป็นสิ่งของที่ให้กับใครก็ได้แบบนั้น ฉันไม่ต้องการ!!!"
"แต่ถ้าไม่ทำนายหญิงจะให้พวกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของท่านตายไปต่อหน้าต่อตาท่านอย่างนั้นหรือ แค่แต่งแป๊บเดียว ถ้าพวกเราชาวเอธิโอเปียแข็งแกร่งขึ้น พวกเราก็ไม่ต้องการอำนาจและกำลังรบจากพวกนั้นแล้ว
จะสามารถถอนหมั้นได้ขอรับ ขอร้องเถอะองค์หญิง ถ้าจบศึกเมื่อไหร่ องค์ชายอเดลได้กลับบ้านมาหาท่านแน่นอนครับ ขอร้องเถิดขอรับ นะขอรับช่วยคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนด้วยขอรับ
ในตอนที่เราเซลสับสนกับสถานการณ์ในตอนนี้ ภายนอกกระท่อมของเธอ กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกฝ่าพวกโรคร้ายเพื่อมาถึงกระท่อมหลังเล็กของเธอและเมื่อมาถึงพวกเขาเหล่านั้นได้สับขวานเข้าประตูอย่างพลัน จนประตูมันแหลกเป็นชิ้นๆๆๆๆ
"อยุดเดี๋ยวนี้ไอ้พวกแม่มดโสโคลก"อยู่ๆเจ้าพวกล่าแม่มดในเมืองก็พังประตูเข้ามา ดูเหมือนจะเข้ามาจับคนพวกนั้นและแม่ของเขา ผมไม่ยอมหรอกไแ้เจ้าพวกล่าแม่มดน่ารังเกียจ ถึงอย่างนั้น
ในยุคนี้พวกล่าแม่มดเรืองอำนาจ จนมีกฏหมายให้พวกนั้นจับคุมหรือประหารคนที่เป็นพวกแม่มดพ่อมดอย่างถูกกฏหมายโดยไร้ซึ่งความผิดในการฆ่าคน
และเรื่องเวทย์มนต์ที่แม่ไม่บอกว่าเชื่อหรือไม่ เพราะอาจจะทำให้เป็นเป้าหมายได้ แม่ถึงไม่บอกอะไรสักอย่างและไม่ออกไปตั้งบ้านที่เมือง แต่กลับอยู่ในป่าสนที่ไม่เป็นจุดสนใจแล้ว แต่แล้วทุกอย่างมันกลับพังในวันนี้
พวกล่าแม่มดมันมาแล้ว มารดาได้ผลักเขาผมเข้าไปทางบันไดและสวมสร้อยคอรูปคริสตัลสีแดงสวยไว้ที่คอแล้วพยามผลักเขาไป ถ้อยคำสุดท้ายที่มารดาได้กล่าวกับเขา ดหมือนเป็นการบอกลายังไงไม่รู้
"ลูกตรงไปที่ทางทิศตะวันตกแล้วผ่านป่าตรงเข้าทางถ้ำค้างคาวไปเลยนะ แม่ฝากด้วยไปหาคุณตาให้ได้ แล้วแม่จะตามไปทีหลัง" "ฮะ" อเดลได้พาตัวเองวิ่งลัดเลาะป่าสนอันหนาทึบไปตามที่แม่ของผมได้บอกไว้ ผมได้เดินเข้ามาในถ้ำค้างคาว เป็นที่อยู่ของเหล่าค้างคาวดูดเลือดทั้งหลาย มันทั้งมืดปละชื้นแต่ผใก็เดินมาสุดของถ้ำ
เมื่อผมเดินมาจนสุดขอบถ้ำพื้นที่รอบๆตอนนี้เต็มไปด้วย ดอกสแตติส เต็มทั่งทั้งผนังถ้ำ ผมหันไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น มันทั้งสวยงามและให้ความรู้สึกอบอุ่นวาบไปทั้งใจ แต่อเดลก็ต้องสะดุดตากับประตูหินเก่ากึกเถาวัลย์พันกันยุ่งเหยิงเต็มประตู
"จงตอบคำถามจึงจะผ่านทางไปได้"พลันเสียงประหลาดเอ่ยถามเขา "คุณเป็นใครฮะ""ผู้คัดกรอง" "ช่างเถอะคุณจะเป็นอะไรก็ช่างแต่งั้นถ้าผมตอบได้ก็ผ่านใช่ไหมฮะ" "ตามนั้นเจ้าหนู"คำถามคือ
ดอกนี้มีความหมาย ท่านทั้งหลายย่อมรู้จัก
ผู้คนย่อมรู้ชัด ให้ความรักมั่นคงไป
ดอกขาวแลสีม่วง มิต้องแสงจากทิวา
แลเบิกบานเมื่อถึงยามราตรีค่ำ
"ดอกที่ข้าถามคือดอกอะไรกัน" "มันอยูข้างในนี้"หือ?ดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกของความรักที่มั่นคงงั้นหรอ น้ำเน่าจังแต่ก็มีอยู่ดอกหนึ่งนะ
ดอกไม้ดอกนี้อยู่ในห้องของแม่เป็นที่คั่นหนังสืออันแสนวิเศษที่สุด เพราะมันเป็นดอกไม้แห้งของพ่อที่ทำให้กับแม่ก่อนไปล่ะมั้ง อาจจะใช่ก็ได้ "ดอกสแตติส ดอกไม้แห่งความทรงจำของพ่อและแม่ "
เมื่อสิ้นคำตอบของผมแล้วดูเหมือนถ้ำจะเปิดออกเป็นทางเดินบันไดหินมืดมิด พร้อมดอกสแตติสที่ลอยส่องสว่างนำทางท่ามกลางความมืดมิดในที่แห่งนี้ และแล้วทางออกที่แสนสว่างและทิวทัศน์ที่สวยเหมือนกับไม่ใช่โลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
แสงสว่างสาดส่องสว่างทั้งเมือง ยิ่งเห็นธานน้ำตกใสสะอาด จากเกาะที่ลอยเคว้งคว้างกลางฟ้า ผมยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเป็นเท่าตัวกับเรื่องน่าเหลือเชื่อนี้ "นี่ไอ้หนูหลบไป"
แต่กลับถูกขัดจังหวะกับคุณลุงหนวด และเหมือนเขาจะวิ่งหนีทหารของทางการมาทางนี้ คงเป็นขโมยสินะ งั้นก็ไม่ให้ผ่านแต่ดูเหมือนลุงเขากับทหารกำลังวิ่งหนีพายุใต้ฝุ่นอันใหญ่ยักษ์มหึมากันอย่างจ้าละหวั่นกันทีเดียวเชียว
ชิบหายแล้วกู ไอ้ลุงมึงเสือกหนีมาทางนี้อีกนะ ยิ่งคนขาสั้นๆอยู่ลุ๊งงง ไม่ทันแล้วอเดลที่ควรโดนพายุใต้ฝุ่นหมุนวนจนร่างกายไม่เหลือชิ้นดีอย่างที่ทุกคนกำลังคิดกัน แต่กลับมีอะไรสักอย่างที่แปร่งประกายด้วยแสงสีแดงวาบจากคริสตัลจากต้นคอสีขาวนวลของอเดล
ทำให้เกิดบาเรียคุ้มกันแน่นหนาแวววาวราวกระจกใส ภายใต้พายุอันบ้าคั่งที่พึ่งจบลง ผู้คนต่างกรูกันเข้ามามองดูอเดลที่สลบไปภายในบาเรียอันแน่นหนา
"คริสตัล!!!"มันมาได้ยังไงกัน แล้วทำไมถึงอยู่กับเด็กนี่กัน เด็กนี่อาจจะเป็นลูกของยัยนั่นก็ได้ ก็แสบเหมือนกัน 555 "พลเอกครับทำไงกับเด็กนี่ดีครับ" "ฉันอุ้มไปเอง" "!!!"
"?"เหล่าทหารเวทย์ต่างทำหน้าตกใจเหลอหลาเพราะถึงแม้พลเอกเองจะดูเป็นมิตรมากก็ตามแต่เขากลับไม่ค่อยให้ใครถูกตัวสักเท่าไหร่ พวกทหารเหล่านั้นจึงทำท่าเหมือนกับเห็นผีเสียอย่างนั้น
.
.
.
"อือ~มันเกิดอะไรกันแน่นะเมื่อกี้" อเดลยกมือขึ้นมาขยี้ตากระพริบตาปริบๆ เพื่อปรับเลนส์สายตาให้มองรอบข้างได้ชัดเจนขึ้น "อย่าขยี้เดี๋ยวมันยิ่งอักเสบ " แต่ก็มีเสียงนุ่มทุ้มดุดันเอ่ยขัดพร้อมทั้งยังดึงมือออกด้วย
"ขอบคุณฮ-!!!" ทันที่ที่ผมจะขอบคุณผมก็รีบดึงมือออกทันทีพร้อมกับร่นถอยหนีเพราะพึ่งนึกได้ว่าตัวเองถูกโครตพายุพัดเข้านี่แต่แล้วเมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาอยู่กับเขา จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันเล่า ตอนนี้ตัวสั่นงกๆแล้วเนี่ย!!!
"คุณเป็นใคร จับผมมาทำไม ทำไมคุณถึง ทำไม-" "หยุดก่อนเดี๋ยวฉีนตอบเธอใจเย็นไปก่อน" "ก. .ก็ได้" "งั้นก็เริ่มจากฉันชื่อ วิลเลียม ครู๊ก เป็นนายพลประจำการที่เมืองนี้แถมเป็นเป็นเพื่อนกับยัยราเซลอีกด้วย" "เพื่อนกับแม่ผม?" "ใช่" "แล้วคุณจับผมมาทำไม" "ไม่ได้จับแค่หน้าที่" "หน้าที่?" "อ่า ก็เธอเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ซูร่าของเมืองนี้หล่ะนะ"
!!! "ทำไมผมถึงไปเป็นเชื้อพระวงศ์อะไรได้เล่า" "เห้อ~ก็ ราเซลเป็นลูกสาวของราชาเพราะงั้นเธอก็เป็นเจ้าชายไงหล่ะไม่มีส่วนไหนยากสักหน่อยเนอะ" "ผมจะพยายามเข้าใจก็แล้วกันครับ" "ดีแล้วหล่ะเธออยู่ที่นี่ปลอดภัยสุดแล้วอีกอย่างอย่าให้พวกซูร่าเห็นจะดีกว่าไม่งั้นเธอได้ถูกจับส่งไปที่ดาร์คเวลก็ได้ " "ครับ?" "อืม ถ้าเข้าใจแล้วก็นอนซะนะราตรีสวัสดิ์" "ครับ"
พรึ่บ
แล้วทั้งห้องก็มืดมิด ซึ่งผมก็คิดว่าเข้าใจกับผีดิอีตาลุง เข้าใจบ้านเอ็งสิฟ่ะ!!!!
.
.
.
ผ่านมา1เดือนกว่าแล้วหลังจากเรื่องราวทั้งหมดนั้นได้ประเดประดังเข้ามา ผมถึงได้เข้าใจทุกอย่างและค่อยๆปรับตัวกับมันได้แล้ว ซึ่งวันนี้ผมก็ออกมาเดินตลาดเพื่อที่จะได้ไปซื้อของกิน
ลั้นลาลั้นลาเดินตลาดนี่สบายใจจัง ซึ่งผมเดินเข้าออกร้านนี้ไปร้านนู้นไปว่าเล่นจนตอนนี้ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมถึงได้ใช้ทางลัดกลับบ้าน แต่ในระหว่างทางกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น และเรื่องไม่คาดฝันนั่นคือ ผม-โดน-ลักพาตัวววววว
.
.
.
อือ~ อะไรอีกเนี่ย ทำไมที่นี่มันมืดจังแล้วทำไมผมขยับตัวไม่ได้กัน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ที่รู้คือผมรู้สึกว่าที่ผมอยู่มีเสียงคุยดังจอแจทุกที่เลย ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"ทุกคนจงฟัง!!!นี่คือ อเดล ซูร่า ทรงเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายราฟาเอล แห่งดาร์คเวลของพวกเราทุกคนจงร่วมร้องยินดีกับโอกาศนี้ เฮ!!!"
ฮือ~อะไรกันทำไมผมถึได้ไปเป็นคู่หมั้นของไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เนี่ย เห้ย อย่าบอกนะว่าที่ถ้าถูกเจอตัวจะถูกส่งมาดาร์คเวลก็คือไอ้นี่หรออ๊ากกกกกจริงอ่ะ ฮือ~ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ร้องคร่ำครวญผ้าปิดก็ถูกถอดออกให้ปะทะกับใบหน้าของไอ้บ้านั่นเต็มๆ
พรึ่บ
เมื่อผ้าสีดำที่มัดกายบางเอาไว้ถูกเปิดออกดวงตาสีโอปอลของร่างบางก็พลันสบเข้ากับดวงตาสีรัตติกาลของคนตรงหน้า ฉับพลันก็เกิดคลื่นรุนแรงขึ้นจนทุกคนต่างพากันหนีจ้าละหวั่น บ้างถูกพัดกันไปคนละทิศคนละทาง แต่ทว่าก็มีเพียงสองร่างที่สบตากันนิ่งสนิทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอเหตุการณ์ตรงหน้าสงบลงทั้งสองร่างก็พลันร้อนที่หลังมือ และทันใดนั้นก็ปรากฏรอยสลักรูปดวงใจสีแดงสดขึ้นมา
"น. . .นี่มัน พันธะโซเมท!!!"
พันธะโซเมทอะไรนะ เรื่องบ้าอะไรอีกวะเนี่ย
"อืม ทุกท่านก็เห็นแล้วว่าทั้งสองเป็นคู่แท้จนเกิดพันธะโซเมทขึ้นเพราะฉะนั้น เจ้าชาย อเดล ซูร่าจะต้องขึ้นสมรสกับเจ้าชายของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
"เพราะความดชื่อของพันธะโซเมทนี้ เมื่อคู่แท้ของตัวเองตายคนที่เป็นคู่ก็จะตายเพราะฉะนั้นก็ขอให้ครองคู่กันอย่างร่มเย็นด้วย เฮ!!!"
!!! เฮบ้าอะไรผมไม่มีทางที่จะญาติดีกับหมอนี่เด็ดขาดแม้ว่าจะมีไอ้พันธะบ้าๆนี่ก็ตาม แต่ทว่ามันคงไม่อาจเป็นโชคชะตาเวรก็ได้ที่ส่งเจ้านั่นมาหาผมทุกวัน และอาจจะเป็นเพราะเทพธิดาแห่งความซวยอาจจะรักผมมากเสียจน
เพราะหลังจากวันที่พันธะสัญญาปรากฏก็มีเรื่องประเดประดังมากมายท่วมท้มเต็มไปทั้งหมด และแต่ละเหตุการณ์ก็เป็นผมที่เฉียดตายเสียทุกครั้ง และทุกครั้งก็มีไอ้เจ้าชายอะไรนั่นอยู่ด้วยตลอดแถมยังไม่เป็นอะไรเลย มันโครตน่าสงสัยสุดๆ แต่ก็มีอีกความรู้สึกนึงที่เข้ามาแทรกตลอดเวลาเหมือนกัน จนอยู่มาวันหนึ่งเหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้นแบบทวีคูณ
.
.
.
ณ สวนร้าง
บึ้ม!!!
เกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นภายในสวนแต่ทว่าก็ไม่มีใครออกมาดูเลย ทำไมกันนะผมได้แต่สงสัยอยู่ภายในใจและสุดท้ายเมื่อทนไม่ได้ผมถึงได้เดิแอบเข้าไปดูอย่างช้าๆ และภาพที่ผมเห็นมันสามารถไขจ้อสงสัยลงได้ คือ โดมใสเหมือนบาเรียที่คุ้มกันคนทั้งหมดไว้ทำให้ไม่ได้ยินเสียงอะไร และมีคนยืนคุยกันเป็นกองกำลังขนาดใหญ่อาวุทครบมือ ผมจึงตัดสินใจใช้เวทเสียงเพื่อฟังกลุ่มตรงหน้า
.
"พวกข้ารอมานานมากแล้วนะเมื่อไหร่กันที่ไอ้เจ้านั่นมันจะตายกัน จาฟา " "ข้าก็ใช้ทุกวิถีทางแล้วเหมือนกันแต่ยังไงก็รอดตายทุกครั้งไปพะย่ะค่ะ"
และส่วนหนึ่งจาฟาเองก็ช่ายเอาไว้เหมือนกันโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่เขาเกลียดพวกพ่อมดแม่มดจะเป็นจะตายแต่ก็กลับเกิดควารู้สึกประหลาดเมื้อได้ใกล้ชิดกับอเดล ซูร่า เหมือนกัน
"ข้าอดทนรอเจ้าไม่ไหวแล้ว!!! วันนี้ข้าจะเตรียมพลบุกเข้าทลายลัทธิชั่วช้าที่น่ารังเกียจนี้ ต่อให้ข้าตายข้าก็จะขอทำลายมันให้สิ้นซาก!!!!!-" "เหวอ!!!" "จับมัน!!!" อเดลที่แอบฟังอยู่แอบเสียหลักล้มลงจนหน้าไถลไปกับพื้นทำให้พวกนั้นรู้ตัวและพุ่งมาจับเขาแต่ทว่า
"เคร้ง!!!" เสียงดาบของจาฟาที่เข้ามารับโดยอัตโนมัติปะทะเข้ากับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของพวกมนุษย์
"เจ้า!!! เจ้าทำอะไรของเจ้ากันจาฟา!!! " "ข้าสิต้องถามว่าท่านจะทำอะไรกับเขากัน!!!" จาฟาก็ไม่ยอมให้เหมือนกัน "มันเป็นเผ่าพันธุ์ชั่วร้ายเลวทรามที่ฆ่าพวกของเราไปเจ้าจำไม่ได้รึไง พ่อกับแม่ของเจ้าก็เหมือนกันที่โดนเจ้าพวกนี้ฆ่าเจ้าถึงได้มารับงานนี้เพื่อที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมดให้สิ้นซาก"
"น. . นายตั้งใจอย่างงั้นเองหรอหรอ" "แล้วทำไมถึงมาช่วยกันหล่ะ น่าจะปล่อยให้ตายไปให้สมใจอยากเลย ฮึก " อเดลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจนกระทั่งปล่อยน้ำตาให้ไหลทำให้คนที่ประคองร่างบอบบางใจหาย "ม. . ไม่ใช่นะ ทีแรกข้าก็ตั้งใจอย่างนั้นแต่ว่า. . .เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าไม่เหมือนกับคนพวกนั้น เจ้าพิเศษกว่านั้น อเดล ซูร่า ของข้า"
"เพราะว่า ข้ารักเจ้า"
'จุ๊บ'
เหมือนความหวานจะอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกทำลายโดยทางฝั่งผู้บังคับบัญชาที่ฟันดาบเข้ามาอย่างไม่ลังเล ทำให้จาฟาต้องทำการปล่อยร่างของคนตัวเล็กไว้พร้อมร่ายเวทย์ปกป้องเอาไว้ให้และตนเองมาเผชิญกับกองพลที่ส่งมาจะจัดการกับเหล่าพ่อมดแม่มดทั้งหลาย แต่ทว่าอัศวินฝั่งตนนั้นกลับเข้ามาฟาดฟันเพื่อปกป้องอีกฝ่าย ทำให้พวกกองพลเหล่านั้นกรูกันเข้ามาต่อสู้เต็มไปหมด
"แฮ่ก ๆๆๆๆ" แต่สุดท้ายจาหาก็เอาชนะมาโดยกำลังของตนเพื่อที่จะปกป้องสิ่งสำคัญไว้แม้เขาจะเสียหายมากก็ตามที
"ฮึ แล้วเจ้าจะตอบรับคำขอของข้าได้รึยังเล่า อเดล " "อือ~ รักเหมือนกันไอ้บ้าจาฟา" "หึ " "พยุงหน่อยลุกไม่ไหว" "แล้วใครบอกให้อวดเก่งเล่า เป็นไงหล่ะอ่วมอรทัยมั้ยหล่ะ " "อือ~แต่มันยังไม่จบหรอกนะ" "ทำไม?" "เพราะว่าต่อจากนี้อาจมีสงครามใหญ่ขึ้มาก็ได้ " "อืมนั่นสินะ " อเดลคิดตามแล้วพยุงร่างของจาฟาเข้าปราสาท
.
.
.
และวันนั้นที่จาฟาได้พูดก็เป็นจริงเมื่อหลังจาก3วันนั้นกองทัพดหล่ามนุษย์ก็รวมพลมาทำสงครามด้วยจริงๆแต่ทว่าพวกเขารู้อยู่แล้ว จึงได้เตรียมตัวโดยการขอให้พวกพ่อมดแม่มดขาวดำทั้งหลายร่วมสู้กัน ทำให้ระยะเวลาของสงครามนั้นย่นลงมาเหลือเพียงแค่3เดือนได้โดยกลุ่มที่ชนะนั่นคือ พวกเราพ่อมดแม่มดยังไงหล่ะ วะฮ่าๆๆๆๆ
อเดลคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาด้วยความรู้สึกโล่งใจเมื่อยามเหม่อมองท้องฟ้ายามกลางคืนที่สวยสง่า แต่แล้วก็มีอีกร่างที่เข้ามาโอกอดผมไว้ทำให้ผมตกใจจนสะดุ้งตัวโยน
'หมับ'
"อ๊ะ!!!"
"ทำอะไรอยู่ หือ"
"มองพระจันทร์สวยดี"
"หือ ทำไมมันถึงสวยกันหล่ะ"
"ก็เพราะว่าจาฟาคือคุณพระจันทร์ของผม"
"ครับ"
"และก็ . . .Thanks for Sweet dreams my moou "
"Metoo"
"อือ~"
และแล้วร่างหนาก็ก้มลงประกบริมฝีปากกับอวัยวะเดียวกันของอเดลด้วยความสุขและอ่อนโยนตลอดไป
____________________________________________
จบแล้วค่ะ!!!!! เหนื่อยมากก แต่ขอบอกเรื่องนี้จะทำเป็นเรื่องยาวค่ะทุกคน ทุกคนจะจะได้อ่านฉากที่ละเอียดกว่านี้ค่ะ