“ได้ข่าวว่าทางสหพันธ์เตรียมจะตั้งกฏใหม่ขึ้น ควบคุมงบประมาณสำหรับการแต่งเครื่องยนต์รถที่ใช้แข่งได้ไม่เกินปีละหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าล้านดอลลาร์” เสียงเคร่งขรึมของเจ้าของทีมดังขึ้น หลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะมีความสุขกับการเฉลิมฉลองชัยชนะที่ได้มาไม่ทันไร
ดาวเด่นของงานเลี้ยงในวันนี้หันไปมองหน้าไมเคิล หว่อง ผู้เป็นเจ้าของทีมและผู้ที่พูดประโยคนั้นขึ้นมา
“นั่นก็เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมระดับกลางกับล่างที่ไม่ใช่ทีมของผู้ผลิตรถเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์” ริมฝีปากบางของผู้ที่คว้าแชมป์ในฤดูกาลที่เพิ่งผ่านมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้กังวลนักถึงการเปลี่ยนกฏนี้
“ผมว่าที่น่าสนใจกว่ากฎจำกัดงบก็คือ หลังจากที่ซ้อมจบรอบซ้อมในวันเสาร์ ห้ามไม่ให้นักแข่งหรือทีมวิศวะกรปรับแต่งรถอีก” กฏข้อนี้ที่เขาได้ยินมาเรียกได้ว่าสร้างความตื่นเต้นให้กับเขามาก นี่มันคือการเพิ่มความท้าทายในการแข่งขันไปอีกขึ้นหนึ่งของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งฟอร์มูล่าวัน เนื่องจากครองแชมป์มาสามฤดูกาลติด
ไมเคิลสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินนักแข่งมือหนึ่งในทีมของตัวเองพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาที่เป็นเจ้าของทีมได้ยินข่าวลือมาแค่เพียงเรื่องการจำกัดงบเท่านั้น แต่เรื่องที่นักแข่งของเขาเพิ่งพูดมา เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
แต่ถึงอย่างนั้นไมเคิลก็ไม่เคยสงสัยในความน่าเชื่อถือของสิ่งที่ออกมาจากปากของคนคนนี้
แฟนคลับการแข่งรถสูตรหนึ่งหรือรถฟอร์มูล่าวันทั่วโลกอาจจะรู้จักนักแข่งของเขาคนนี้ในชื่อว่า จิล เป็นนักแข่งที่มีฝีมือที่สุดในโลกตอนนี้ เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้สำหรับการแข่งขัน เพียงแค่ลงสนามครั้งแรกก็สามารถคว้าแชมป์มาได้แล้ว อีกทั้งยังพาทีมที่ใกล้จะถึงจุดจบของเขาให้กลายมาเป็นทีมแชมป์ฤดูกาลได้ นั่นคือสิ่งที่แฟนคลับทั่วโลกและคนในวงการฟอร์มูล่าวันรู้กัน แต่ว่าไมเคิลรู้มากกว่านั้น
รู้ว่าจิลผู้นี้ ไม่ใช่แค่นักแข่งรถอัจฉริยะ แต่เป็นทายาทของตระกูลหลงและตระกูลเวลส์ สองตระกูลที่มีอำนาจและเส้นสายอยู่ทั่วโลก!
คนที่แท้จริงแล้วมีนามว่า หลงจิวเลี่ยน
หลงจิวเลี่ยนผู้นี้ แม้ว่าเบื้องหลังครอบครัวของอีกฝ่ายจะมีอำนาจและมีเงินพอที่จะสร้างทีมฟอร์มูลล่าวันให้กับเจ้าตัว แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ แล้วใช้ความสามารถของตัวเองในนการพิสูจน์ความสามารถ พิสูจน์ว่าแม้จะไม่ต้องพึ่งพาอิทธิพลของตระกูล แต่เขาก็สามารถเข้าสู้สนามฟอร์มูลล่าวันได้ในวัยเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น
อายุสิบห้า เป็นอายุที่ไม่สามารถขับขี่รถบนถนนปกติได้ด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวกลับโลดแล่นในสนามแข่งรถเสียแล้ว เริ่มจากในสนามแข่งซีรีส์รองอย่าง F3 และ F2 ในตอนที่อายุสิบสามปี ก่อนจะพาตัวเองเข้ามาสู่ F1 ได้ในตอนอายุเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นที่จับตามองของหลาย ๆ ทีม ไมเคิลยังเคยได้รับการติดต่อขอซื้อตัวหลงจิวเลี่ยนผู้เป็นนักแข่งเบอร์หนึ่งในทีมของเขาตอนนี้ ซึ่งต้องขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณความฉลาดของเขาที่ตอนนั้นไม่เห็นแก่เงินก้อนโต แล้วปฏิเสธไป ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงจะไม่มีทีมของเขาผงาดอยู่ในสนามระดับโลกแล้ว
“เรื่องนี้เชื่อถือได้มากแค่ไหน” เจฟฟี่ นักแข่งรถเบอร์สองของทีม ผู้ที่สามารถอันดับสามประเภทบุคคลของฤดูกาลนี้มาครอบครองได้ถามด้วยน้ำเสียงคลางแคลงใจเล็กน้อย อีกทั้งมีความกังวลอยู่ในดวงตา
หากกฎทั้งสองข้อ โดยเฉพาะข้อแรกที่ไมเคิลพูดนั้นออกมาก่อนหน้านี้สักสามปี เขาจะดีใจเป็นอย่างมาก เพราะว่ามันเป็นเรื่องดี เป็นกฏที่เอื้อประโยชน์ให้กับทีมอิสระเล็ก ๆ แบบพวกเขา ทว่ามาถึงตอนนี้ ทีมเล็ก ๆ ที่โดนมองข้ามนั้นได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่ยากจะโค่นล้มในวันนี้ กฎที่เตรียมจะออกมานี้ เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร
“จริงไม่จริงก็รอดูเอาเองเถอะ อีกไม่นาน” จิวเลี่ยนไม่พยายามที่จะยืนยันในสิ่งที่ตัวเองรู้มา แต่บอกให้นักแข่งรุ่นพี่รอพิสูจน์เอาเอง
ซึ่งเขาคิดว่าทางสมาพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศจะประกาศกฎใหม่นี้หลังจากช่วงปีใหม่ผ่านพ้นไป ถึงอย่างไรนี่ก็เพิ่งจบฤดูกาลไป
“ทางเฟอร์ติดต่อมา เขาต้องการเป็นสปอร์นเซอร์ให้เราในฤดูกาลหน้า” ไมเคิลนั้นนวดหัวตาของตัวเอง ปัดเรื่องเคร่งเครียดทิ้งออกไปก่อน แล้วพูดถึงเรื่องที่เขาเพิ่งจะได้รับการติดต่อมาในวันนี้
จิวเลี่ยนหยุดชะงักมือที่กำลังจะส่งเครื่องดื่มเข้าปาก เขาวางแก้วลงแล้วหันไปมองหน้าไมเคิล ดูว่าเจ้าตัวมีความคิดเห็นอย่างไร
ไมเคิลเห็นสายตาของนักแข่งคนสำคัญของทีมเขาก็หัวเราะเบา ๆ เสียงขื่น ถึงเขาจะเป็นเจ้าของทีม แต่อำนาจการตัดสินใจเด็ดขาดในเรื่องนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่เขา
อันที่จริงเขาก็สามารถตัดสินใจได้นั่นแหละ แต่ไมเคิลคิดว่าให้คนที่มีส่วนสำคัญมากที่สุดที่ทำให้ทีมมาอยู่ตรงนี้ได้เป็นคนตัดสินใจจะดีกว่า
“เฟอร์ก็ไม่เลว แต่ผมยังชอบเครื่องยนต์จากเมอร์มากกว่า อีกทั้งเฟอร์ก็มีทีมเป็นของตัวเอง ผลงานก็ไม่ได้แย่ ฤดูกาลนี้เขาคว้าอันดับสามประเภททีมไปได้นี่นา” แม้ว่าจะไม่มีคำว่าไม่ออกมาจากปากบางนั่น แต่ก็แปลความหมายของประโยคเหล่านั้นที่พูดออกมาได้ไม่ยาก
หลงจิวเลี่ยนไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ของเฟอร์ และยังต้องการที่จะใช้เครื่องยนต์เมอร์ต่อไป
ไมเคิลยักไหล่ เขาหันไปมองเจฟฟี่ เห็นว่าอีกคนไม่ได้มีท่าทางคัดค้านอะไร ก็รู้ว่าตัวเองต้องเตรียมคำตอบปฏิเสธดี ๆ ไปให้กับทางเฟอร์แล้ว
“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อน” จิวเลี่ยนวางแก้วเครื่องดื่มในมือของตัวเองลง ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกเจ้าของทีมและเพื่อนร่วมโต๊ะตามมารยาท
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” เจฟฟี่ถามอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย เขามองรูปร่างบอบบางของนักแข่งเบอร์หนึ่งของทีมด้วยสายตาที่ยังคงแปลกใจอยู่เหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกัน
คนผู้นี้ยามที่อยู่ในชุดที่ไม่ใช่ชุดแข่ง ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย ไม่ได้นั่งอยู่บนรถ เขาดูไม่เหมือนนักแข่งรถที่เร็วที่สุดในโลกเลยสักนิด ถ้าเจอกันนอกสนาม เขาจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนดังในวงการบันเทิงมากกว่า
“ไม่เป็นไร” จิวเลี่ยนส่ายหน้าเบา ๆ ยิ้มบาง ๆ แล้วเดินออกไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง และนั่นยิ่งทำให้เจฟฟี่มองตามด้วยสายตาพิศวงแม้จะเห็นภาพแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง
ทั้ง ๆ ที่ดื่มไปตั้งเยอะ เรียกได้ว่าแทบจะเยอะกว่าทุกคนในที่นี้ แต่เจ้าตัวสามารถเดินได้อย่างมั่นคง ไม่มีตัวเอียงตัวเซเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่บางคนบนโต๊ะนั้นล่วงไปกองกับพื้นแล้วเรียบร้อย
เด็กคนนี้โตมาแบบไหนกัน
เจฟฟี่สงสัย ซึ่งเขาก็ทำเพียงแค่สงสัยอยู่ในใจ ไม่ได้พูดถามออกไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้คำตอบว่า
ก็โตมาสภาพแวดล้อมที่มีแต่เหล้าฤทธิ์แรงน่ะสิ
คนที่ขอตัวมาเข้าห้องน้ำนั้นเดินเบียดเสียดผู้คนที่เบียดเสียดกันแน่นอยู่ตลอดทางมาจนถึงทางที่จะเข้าห้องน้ำ ด้วยความที่ดื่มมาเยอะทำให้ตอนนี้กระเพาะปัสสาวะของเขากักเก็บน้ำที่ร่างกายรับเข้าไปแทบจะไม่ไหวแล้ว เขารีบเดินเพื่อที่จะเข้าไปปลดปล่อย ทว่าด้วยความเร่งรีบทำให้เผลอเดินชนเข้ากับคนคนหนึ่งเข้าเสียก่อน
“โอ๊ะ ขอโทษครับ” จิวเลี่ยนพูดขอโทษออกมาทันที โดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก เพราะในกรณีที่เดินชนกัน เขาจะถือว่าเป็นฝ่ายผิดทั้งคู่ เนื่องจากหากมีใครคนใดคนหนึ่งที่มองทาง การชนกันจะไม่เกิดขึ้น เว้นเสียแต่ว่าอีกฝั่งจะไม่ยอมแล้วยกความผิดให้เขาเพียงผู้เดียว เมื่อนั้นจิวเลี่ยนก็จะไม่ยอมอย่างแน่นอน
ซึ่งครั้งนี้ก็ถือว่าไม่ใช่ช่วงเวลาที่นายน้อยตระกูลหลงอย่างหลงจิวเลี่ยนจะได้แผลงฤทธิ์ เพราะคู่กรณีของเขาก็เอ่ยขอโทษมาในจังหวะเดียวกัน ทว่าน้ำเสียงนั้นฟังดูสั่น ๆ ไม่มั่นคงไปเสียหน่อย
แต่ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของอีกฝ่าย น้ำส่วนเกินในร่างกายต้องการปลดปล่อยอย่างเร่งด่วน หลงจิวเลี่ยนหยุดให้ความสนใจคู่กรณีชั่วคราวแล้วเดินไปที่โถสุขภัณฑ์อย่างรวดเร็ว พักความสนใจจากคู่กรณีที่ตอนนี้ก็รีบเดินเข้าห้องน้ำด้านในสุดไปแล้ว
“ฮ้า ค่อยโล่งหน่อย” ปากบางพูดพึมพำกับตัวเอง เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ เขาก็ผละมายืนที่อ่างล้างมือ จัดการล้างมือที่จับน้องชายตัวน้อยของตัวเองเมื่อสักครู่ เมื่อล้างจนมั่นใจว่าสะอาดแล้วก็เตรียมจะเดินกลับออกไป ทว่าเขาได้ยินเสียงแปลก ๆ จากในห้องน้ำห้องสุดท้าย
ดวงตาคู่กลมหรี่ลง แม้จะบอกว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้สนใจ แต่หางตาเขาก็ยังเห็นว่าคนที่เดินชนกับเขาเมื่อสักครู่นี้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำห้องนั้น
เขาไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าเสียงแปลก ๆ นั่นคือเสียงอะไร ทว่าที่สงสัยว่าแทนที่จะมาช่วยตัวเองอยู่ในห้องน้ำคนเดียว ทำไมไม่หาใครมาช่วยสักคน
ด้วยรูปร่างหน้าตาแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะหาไม่ได้ ดีไม่ดีเพียงแค่ปรายตามองก็มีคนเดินตามเป็นแถวแล้ว
อ่า ใช่ เพียงแค่เสี้ยวนาที แม้ว่าจะปวดฉี่จนแทบขาดใจ แต่สำหรับหนุ่มหล่อแล้ว ยังคงอยู่ในสายตาของจิวเลี่ยนเสมอ
ซึ่งยังมีอีกหนึ่งความจริงก็คือ จิวเลี่ยนได้เห็นคนคนนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว คนที่เรียกสายตาของเขาให้หันไปมองได้เรื่อย ๆ เมื่อตอนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
จิวเลี่ยนยืนคิดสงสัยได้ไม่นาน เขาก็เหมือนว่าจะได้คำตอบแล้ว เมื่ออยู่ ๆ ห้องน้ำชายก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา ท่าทางของเธอดูไม่ปกติเลยสักนิด เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็มองอย่างสำรวจไปทั่วห้องน้ำ จนกระทั่งเดินไปหยุดที่ห้องน้ำที่ปิดสนิทอยู่ห้องเดียว หรือก็คือห้องสุดท้ายที่หนุ่มหล่อของเขาเดินเข้าไปนั่นแหละ
จิวเลี่ยนกอดอกเอนตัวพิงกับเคาท์เตอร์ในห้องน้ำ ยืนมองว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำอะไร
หญิงสาวในที่มีหน้ากากอนามัยปิดใบหน้าท่อนล่าง ทั้งยังมีฮู้ดคลุมอยู่ที่ศีรษะเคาะประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทนั่น ปากก็เปิดออกส่งน้ำเสียงหวานเลี่ยนออกมาจากลำคอ
“พี่จิ้งขา พี่จิ้งเปิดประตูให้ฉันเถอะนะ เปิดประตูให้ฉัน แล้วเราจะได้มีความสุขกันไง” จิวเลี่ยนที่ยืนกอดอกเอนตัวพิงเคาท์เตอร์รอดูเรื่องสนุกอยู่นั้นก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานเลี่ยนนั่นพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา และเมื่อผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำนั่นไม่ยอมเปิดประตู มือที่ทุบประตูนั่นก็ออกแรงเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“ทำไมพี่ไม่เปิดประตูให้ฉัน ทำไมพี่ไม่เปิดประตู เปิดสิ เปิด พี่ก็รู้ว่าฉันรักพี่ ฉันรักแต่พี่ พี่เป็นของฉัน พี่จะหนีฉันไปถึงเมื่อไหร่ พี่เป็นของฉัน”
จิวเลี่ยนเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเจอความเกรี้ยวกราดของผู้หญิงคนนี้ เขารู้แล้วว่าเธอไม่ปกติอย่างแน่นอน ไม่มีคนปกติที่ไหนทำกันอย่างนี้แน่ และเห็นทีว่าที่ผู้ชายคนนั้นต้องเข้าไปหลบซ่อนตัวในห้องน้ำ ทำเรื่องแบบนั้นก็น่าจะมีสาเหตุมาจากผู้หญิงคนนี้
จิวเลี่ยนขมวดคิ้ว คิดว่าตัวเองควรจะเข้าไปช่วยดีหรือไม่ ทว่าเขายังไม่ทันจะได้ตัดสินใจอะไร เสียงตระโกนขอความช่วยเหลือจากคนในห้องน้ำก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ช่วย ช่วยผมด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือไม่มั่นคง และจิวเลี่ยนคิดว่าผู้พูดคงพยายามจะรวบรวมเรี่ยวแรงพูดมันออกมา
เห็นแก่ที่หน้าตาดีเขาจะลงมือช่วยด้วยตัวเองก็แล้วกัน แน่นอนว่าหมายถึงหลังจากที่ลากผู้หญิงคนนั้นออกไปได้น่ะนะ
หลงจิวเลี่ยนยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วตามการ์ดของตัวเองที่ซ่อนตัวอยู่ให้มาพาผู้หญิงจิตไม่ปกติคนนี้ออกไป เขารออยู่เพียงแค่ไม่ถึงนาที ชายฉกรรจ์สามคนก็มาพาเธอออกไป ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโวยวายอย่างไม่ยินยอม
“หน้าห้องน้ำมีป้ายทำความสะอาดวางอยู่ครับ” การ์ดคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เดินออกไปด้วยพูดรายงานคุณชายใหญ่ของตัวเอง
“อืม วางไว้อย่างนั้นต่อไป” จิวเลี่ยนคลี่รอยยิ้มที่มุมปาก สั่งการเสียงเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพาตัวเองเดินหายเข้าไปในห้องน้ำห้องสุดท้าย
อะไรนะ ห้องน้ำล็อคอยู่ไม่ใช่เหรอ เขาจะเข้าไปได้ยังไง
อ่า ก็จะไปยากอะไร ถีบเบา ๆ ก็หลุดแล้ว
“โอ๊ย” เสียงร้องครางอย่างเจ็บดังขึ้นเมื่อเจ้าของเสียงขยับร่างกายของตัวเองแล้วเกิดความเจ็บแสบที่ร่างกายส่วนล่างของตัวเอง
คนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนที่พระอาทิตย์อยู่กลางศีรษะแล้วหยีตาของตัวเองเพื่อปรับสายตาให้รับแสงได้ ริมฝีปากบางก็สูดลมเข้าปากเพื่อระบายความเจ็บที่ช่องทางด้านล่าง
มือเรียวสวยขยุ้มผมของตัวเองเบา ๆ เพื่อดึงสติกลับมา แล้วทบทวนว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง และตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
เมื่อทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างในค่ำคืนที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากบางก็คลี่รอยยิ้มพึงใจและสุขสม
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกสนุกสุดเหวี่ยงและมีความสุขมากเหมือนเมื่อคืนนี้ นานพอ ๆ กับอายุในชีวิตใหม่นี้ของเขาเลย
สิบแปดปี
ใช่ ชีวิตใหม่ และเขายังจำชีวิตเดิมของตัวเองได้อีกด้วย
ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาตาย ก็เขาก็ได้เกิดใหม่เลย ไม่ต้องผ่านชีวิตหลังความตาย ไม่ต้องดื่มน้ำแกงลืมอดีต
ไม่ต้องลืมว่าเขาเคยเป็นใครมาก่อน ไม่ต้องลืมว่าเขาเคยมีชีวิตแบบไหน และไม่ต้องลืมว่าเขาเคยถูกทรยศจนตายยังไง
เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว เขาก็คือนักแข่งฟอร์มูลล่าวันดาวรุ่งเหมือนในตอนนี้ พาทีมเป็นแชมป์ได้ตั้งแต่อายุเพียงแค่ยี่สิบปี คว้าแชมป์มาสามฤดูกาลติดกันเหมือนเช่นตอนนี้ และเป็นเพราะผลงานที่ดีเกินไปจนไปขัดแข้งขัดขา ขัดผลประโยชน์คนอื่นเข้าจนต้องโดนสั่งเก็บ
คนลงมือก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนร่วมทีมที่เขาไว้ใจนั่นเอง วิศวะกรประจำทีมของเขาผู้ที่ทำให้รถของเขาศูนย์เสียการควบคุม จนนำไปสู่ความตายของเขาในที่สุด ทั้ง ๆ ที่เขากำลังจะได้แชมป์เป็นสมัยที่สี่อยู่แล้ว
เมื่อคิดถึงอดีต ความเบิกบานใจเมื่อครู่นี้ก็พลันหายไป ดวงตาสดใสแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
สิบแปดปีมานี้เขาตามข่าวอยู่ตลอด ตั้งแต่ที่ลืมตาเกิดขึ้นมาใหม่และได้รู้ถึงสาเหตุการตายในชีวิตที่แล้วของตัวเอง เขาก็ไม่เคยละมือจากความแค้นนั้น แต่ใครจะรู้ ไม่ต้องรอให้เขาลงมือ คนผู้นั้นก็ชิงไปปรโลกเสียก่อน
รถคว่ำตายขณะที่กำลังเดิมทางไปสนามแข่งขัน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวรกรรมตามทันหรืออะไร แต่ก็ถือว่าพอจะบรรเทาความแค้นในใจเขาไปได้บ้าง พอให้เขาใช้ชีวิตใหม่ได้อย่างมีความสุข
ชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขราวกับพระเจ้าจงใจชดใช้ให้เขา มีป่ะป๊า มีแดดดี๊ มีอากง มีคุณอาที่คอยตามใจ และไหนจะน้องชายฝาแฝดที่ชอบทำให้เขาหัวเราะ คนพวกนี้ทำให้เขากลายเป็นหลงจิวเลี่ยนอย่างสมบูรณ์
เป็นหลงจิวเลี่ยน ตามที่ป่ะป๊าของเขาตั้งให้ โชคชะตาแห่งความสุข
พูดถึงป่ะป๊าของเขา หรือก็คือนายใหญ่แห่งตระกูลหลงในตอนนี้ ชีวิตที่แล้วเขาเคยได้ยินชื่อของเจ้าตัวมาบ้าง คนที่มีอายุกว่าเขาเพียงไม่กี่ปี แต่ก็สามารถควบคุมตระกูลหลงที่ทรงอิทธิพลเอาไว้ในมือได้ คนที่มีภาพลักษณ์อ่อนแอบอบบาง
จิวเลี่ยนเคยสงสัยว่าทำไมคนที่มีภาพลักษณ์อ่อนแอบอบบางอย่างป่ะป๊าของเขาถึงได้ยึดอำนาจของตระกูลหลงไว้ในมือได้อย่างมั่นคง เคยคิดว่าเป็นเพราะแดดดี๊ช่วยเอาไว้ ทว่าเมื่อได้เกิดใหม่มาเป็นลูกของทั้งสองคน เขาก็รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว อ่อนแอบอบบางนั่นก็แค่ภาพลักษณ์
ความเป็นจริงก็คือ ป่ะป๊าไม่ได้กุมอำนาจแค่ในตระกูลหลง แต่กุมอำนาจเหนือแดดดี๊ด้วย!
คิดมาถึงตรงนี้ คนที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่สองก็หัวเราะขึ้นมา เขานึกไปถึงเพื่อนนักแข่งของเขา นึกไปถึงสาว ๆ ที่เคยรู้จัก แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นแฟนคลับตัวยงของป่ะป๊า แต่ละคนล้วนแล้วแต่ถูกภาพลักษณ์ของผู้นำตระกูลหลงคนนี้หลอกตาทั้งสิ้น
อะไรคืออ่อนแอบอบบาง อะไรคือใสซื่อไร้เดียงสา
เกรงว่าจะไม่มีอยู่ในตัวป่ะป๊าเขาทั้งสิ้น!
หลงจิวเลี่ยนนินทาพ่อบุญธรรมของตัวเองอยู่ในใจ และเหมือนกับว่าเจ้าตัวจะรู้ เพราะว่าเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เมื่อจิวเลี่ยนเอื้อมมือไปคว้ามันมา ก็พบว่าเป็นป่ะป๊าของเขานั่นเอง
“หลงจิวเลี่ยน กลับบ้านมาเดี๋ยวนี้!” เบอร์โทรเป็นของป่ะป๊า แต่เจ้าของเสียงเป็นแดดดี๊
คนที่ถูกเรียกชื่ออย่างเต็มยศนั้นสีหน้าเผือดสีทันที รู้แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ถึงหูผู้นำเวลส์คนนี้แล้วอย่างแน่นอน และเพียงแค่นึกถึงว่าตลอดที่ผ่านมา แดดดี๊ของเขาจัดการกับคนที่มายุ่งกับเขาอย่างไร หลงจิวเลี่ยนก็รู้สึกเป็นห่วงหนุ่มหล่อเมื่อคืนทันที
อ่า แดดดี๊ เป็นลูกเองที่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขา เป็นลูกเองที่เต็มใจให้เขาเชยชม
แน่นอนว่าถ้อยคำพวกนี้หลงจิวเลี่ยนได้แต่คิดมันในใจ รีบสะบัดผ้าห่มที่คลุมร่างกายออกแล้วพยุงร่างที่ผ่านศึกมาอย่างเคี่ยวกรำของตัวเองลงจากเตียง
เพียงแค่ก้างลงจากเตียงเท่านั้น ขาสั่น ๆ ของเขาก็พยุงร่างกายไว้ไม่อยู่ ทรุดลงกับพื้นทันที
“คุณชายใหญ่ ขอล่วงเกินแล้ว” การ์ดที่ถูกคัดมาอย่างดีแล้วทำหน้าที่ได้ดียิ่ง เหมือนกับว่าจับตาดูคุณชายใหญ่ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าผู้เป็นเจ้านายไม่สามารถพยุงร่างกายตัวเองได้ก็รีบพุ่งเข้ามาประคองไว้ แล้วอุ้มพาดบ่าทันที
“อุ้มท่าที่ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ” คนถูกอุ้มดีดดิ้นไปมาอย่างขุ่นเคือง ทว่ามันก็เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเมื่อยิ่งขยับร่างกายก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ จึงได้แต่ปล่อยให้การ์ดอุ้มตัวเองพาดบ่าไปทั้งอย่างนั้น
และเพราะว่าหลงจิวเลี่ยนต้องออกจากห้องไปอย่างกระทันหันเพราะการโทรตามของผู้เป็นพ่อ ทำให้เขาไม่ทันได้เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกแปะติดไว้ที่หัวเตียง และสุดท้ายมันก็ถูกกวาดลงถังขยะไปด้วยฝีมือของพนักงานที่เข้ามาทำความสะอาด
“ป่ะป๊า แดดดี๊” ทันทีที่ถูกอุ้มมาวางไว้จนถึงห้องโถงขนาดใหญ่ในคฤหาสน์หรู คนที่ถูกแดดดี๊โทรตามด้วยน้ำเสียงเข้มงวดดุดันนั้นก็รีบเรียกป่ะป๊า แดดดี๊ของตัวเองด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทันที ทว่าปากเรียกหาป่ะป๊า แดดดี๊ แต่สายตานั้นกลับลอบมองหาคนที่จะสามารถยื่นมือมาช่วยตัวเองได้ และเมื่อเห็นว่าบนโซฟาหรูที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นมีช่ยวชราคนหนึ่งนั่งอยู่ ดวงตาคู่กลมสวยก็ฉายความยินดี ส่งสายตาหาผู้เป็นตาทันที
“ไม่ต้องมองหาตัวช่วย มองมาที่แดดดี๊” น้ำเสียงทุ้มต่ำลึกของแดดดี๊มาร์ตินี่ ทำให้จิวเลี่ยนละสายตาออกจากผู้ที่ตัวเองเรียกขานว่าอากงตั้งแต่เด็กออกมา แล้วทำหน้าสลดมองหน้าผู้พูด
“นั่งลง” แม้ว่าสีหน้าจะยังคงเคร่งขรึมอยู่ แต่น้ำเสียงนั้นอ่อนลงไม่น้อยเมื่อเห็นว่าขาของลูกชายคนนั้นสั่นสะท้านอยู่น้อย ๆ คล้ายว่าจะยืนทรงตัวไม่อยู่แล้ว
หลงจิวเลี่ยนก้าวขาสั่น ๆ ของตัวเองไปนั่งเคียงข้าง ๆ วอดก้า เลือกซบใบหน้าลงกับแขนเรียวสวยของชายผู้มีอายุเกือบจะห้าสิบปีแล้ว แต่ยังคงความอ่อนเยาว์บนใบหน้าไว้ได้ดี จนเหมือนคนที่มีอายุเพียงแค่สามสิบต้น ๆ เท่านั้น
“ตัวแสบ คิดว่าอ้อนป่ะป๊าแล้วจะรอดความผิดไปได้หรือ” วอดก้าหัวเราะเบา ๆ แล้วลูบกลุ่มผมนิ่มของผู้เป็นลูกชายคนโตอย่างเอ็นดู แม้ว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเขาจะโกรธกับการกระทำเมื่อคืนนี้ของลูกชาย ทว่าเขากลับมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา และอีกอย่าง ลูกชายคนนี้ของเขาก็โตแล้ว
ไม่ใช่เด็กอายุสิบแปดอย่างที่ใครเห็นกัน
แน่นอนว่าวอดก้ารู้ว่าลูกชายคนนี้เป็นคนพิเศษ พิเศษเหมือนกับเขา และรู้มาได้หลายปีแล้ว ทว่าความรักความเอ็นดูที่มีให้ก็ยังคงเหมือนเดิม
ถึงยังไงก็เป็นเด็กที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด เป็นลูกชายคนเดิมของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง
วอดก้ารู้ว่าลูกชายคนนี้มีความจำของชีวิตที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไปว่าเขารู้ และไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร ปฏิบัติตัวต่อลูกชายคนโตเหมือนกับที่เป็นกับลูกชายคนเล็ก เพียงแต่ว่าจะเชื่อใจมากกว่าเล็กน้อย และห่วงน้อยกว่าอยู่บ้าง
“รู้ไหมว่าทำอะไรผิดไป” มาร์ตินี่เปิดปากถามลูกชายฝาแฝดคนโตของเขา ที่เขาเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมเพราะว่าร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่กำเนิด ต่างจากลูกชายคนเล็กที่ตัวโตสูงใหญ่ แม้ว่าจะอายุเพียงแค่สิบแปดปีแต่ส่วนสูงก็ทะลุหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรไปแล้วเรียบร้อย ส่วนจิวเลี่ยนนี้ แม้ว่าจะมีส่วนสูงที่ไม่น้อยเหมือนกัน กว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร แต่ว่าร่างกายกลับผอมบาง ถอดแบบวอดก้ามาไม่มีผิด
แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกในสายเลือด ทว่าเมื่อยิ่งโตมายิ่งเหมือนวอดก้า มาร์ตินี่มีหรือที่จะไม่รักไม่หลงปานแก้วตาดวงใจ และเมื่ออยู่ ๆ แก้วตาดวงใจของเขาถูกผู้อื่นขโมยไปดอมดม เขาหรือจะไม่เจ็บปวดหัวใจ
แน่นอนว่ามาร์ตินี่รู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วคนอื่นไม่ได้ขโมย แต่เป็นลูกชายตัวน้อยของเขานั่นเองที่เป็นฝ่ายเริ่มทั้งหมด
แต่เขาจะไม่ยอมรับ ใครจะทำไม
ส่วนคนโดนถามหาความผิดนั้นหลุบตาต่ำแล้วกลอกตาไปมา ก่อนที่จะค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้น เลื่อนตัวเองลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นแล้วคลานเข่าไปซบใบหน้าลงกับเข่าของผู้เป็นพ่อ ปล่อยหยดน้ำตาเม็ดน้อยให้ไหลออกมาจนหยดลงกับขากางเกงของแดดดี๊
“แดดดี๊ จิวเออร์ขอโทษ จิวเออร์ผิดไปแล้ว” น้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งยอมรับผิด แต่ไม่ตอบว่าตัวเองผิดอะไร
วอดก้าเหลือบสายตามองมาร์ตินี่ และก็มองผู้เป็นพ่อของตัวเอง รู้ได้ทันทีเลยว่ากระบวนการซักไซร้ความผิดของหลงจิวเลี่ยนผู้นี้ก็จะจบลงเพียงแค่เท่านี้
จะยังถามหาความผิด จะยังลงโทษอะไรได้อยู่อีกเล่า แต่ละคนล้วนแต่แพ้น้ำตาเจ้าเด็กแสบนี่ทั้งนั้น
อ้อ ไม่ใช่แค่แพ้น้ำตา แต่ยังแพ้ลูกไม้บีบน้ำตาด้วย
แน่นอนว่าแม้ว่ามาร์ตินี่และเจ้าพ่อหลงจะมองไม่เห็นหรือมองเห็นแล้วแต่แกล้งมองไม่เห็นลูกไม้ของจิวเลี่ยน แต่วอดก้ามองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
ลูกไม้พวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าเขาใช้บ่อย ๆ หรอกหรือ
หลงจิวเลี่ยนผู้เล่นลูกไม้บีบน้ำตาต่อหน้าแดดดี๊กับอากง เมื่อเหลือบสายตาเห็นแววตารู้เท่าทันจากผู้เป็นป่ะป๊าก็หลบตาวูบทันที
ป่ะป๊า ทั้งหมดนี้ลูกก็เรียนรู้มาจากป่ะป๊าทั้งนั้น!
คนที่ก่อนหน้ายังมีความรู้สึกผิดอยู่บ้างที่เล่นละครต่อหน้าแดดดี๊ แต่เมื่อเห็นป่ะป๊า ความรู้สึกผิดก็น้อยลงจนแทบจะไม่เหลือ
เขาบอกว่าเป็นต้องเชื่อฟังพ่อแม่ นี่ยังไงล่ะ เขาเชื่อในวิธีการของป่ะป๊า
เห็นหรือไม่ว่าเขาเป็นลูกที่ดีขนาดไหน
“จิวเออร์ จิวเออร์” เสียงเรียกที่ดังมาให้ได้ยินตั้งแต่ที่ผู้เรียกยังไม่ปรากฏตัวนั้นทำให้จิวเลี่ยนส่ายหน้าอย่างระอา ทว่าริมฝีปากมีรอยแย้มยิ้ม
เจ้าลูกหมาตัวโตนี่ยังคงทำตัวเหมือนตอนเด็ก ๆ เลย เรียกหาเขาแต่ละทีนั้นต้องให้ได้ยินกันทั้งบ้าน
“ตินติน” หลงจิวเลี่ยนขมวดคิ้วเรียกชื่อน้องชายของตัวเอง
“จิวเออร์ คิดถึง ทำไมเมื่อคืนไม่กลับมานอนบ้าน ไหนบอกว่าหลังจากจบงานเลี้ยงแล้วจะกลับมานอนบ้านไง” มาร์ติน แฝดผู้น้องที่ชอบตามติดแฝดพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ นั้นบึนปากพูดอย่างงอแง เป็นท่าทีที่ถ้าเกิดว่าบรรดาแฟนคลับ หรือสาว ๆ ของเจ้าตัวมาเห็นจะต้องขยี้ตาด้วยความไม่อยากจะเชื่อเป็นแน่ว่ามาร์ติน เวลส์ ทายาทที่เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะต้องสืบทอดธุรกิจตระกูลเวลส์นั้นก็มีท่าทางเป็นเจ้าลูกหมาตัวโตแบบนี้กับเขาด้วย
ฝ่ายคนถูกถามว่าเหตุใดเมื่อคืนถึงไม่กลับบ้านนั้นก็กลอกตาไปมาอยู่ชั่วแวบหนึ่ง ก่อนที่จะคลี่ยิ้ม พูดเสียงอ่อนนุ่มเปลี่ยนเรื่องไปอย่างแนบเนียน
“ตินตินเพิ่งกลับจากมหา’ลัยเหรอ ได้ซื้อขนมมาฝากจิวจิวไหม” น้ำเสียงออออ้อนที่ใช้ได้ผลทุกครั้ง สรรพนามเรียกตัวเองที่ไม่มีครั้งไหนที่เรียกแล้วไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ถูกนำมาใช้ และแน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ซื้อมา ตินตินซื้อขนมมาฝากจิวจิว เดี๋ยวคุณแม่บ้านจะจัดใส่จานมาให้ ตินตินรู้อยู่แล้วว่าจิวจิวจะต้องรอกิน” มาร์ตินคลี่ยิ้มกว้าง ส่งสายตารอคอยคำชมและรางวัลจากพี่ชายฝาแฝด
จิวเลี่ยนหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางน่าเอ็นดูของน้องชายตัวโต เขาพูดชม ‘ตินตินรู้ใจจิวจิวที่สุด’ ไปประโยคหนึ่ง แล้วตามด้วยปลายจมูกที่จรดลงข้างแก้มของน้องชาย เพียงแค่นั้นมาร์ตินก็ทำเหมือนกับว่าตัวเองได้ครองโลกแล้ว
เห็นว่าน้องชายลืมเรื่องที่เขาผิดสัญญาไปแล้วก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้ดีเลยว่าถ้าเจ้าลูกหมาตัวโตนี่รู้ว่าเมื่อคืนเขาไปทำอะไรมาถึงไม่ได้กลับมานอนบ้าน จากไซบีเรียนฮัสกีต้องกลายเป็นพิทบูลอย่างแน่นอน
“ไปเถอะ ลงไปข้างล่าง ไปกินขนมกัน” หลังจากที่พอใจกับรางวัลที่ได้รับแล้ว มาร์ตินก็เอ่ยชวนพี่ชายฝาแฝดเสียงสดใส ไม่เหลือคราบคุณชายน้อยผู้เย่อหยิ่งในสายตาของคนนอกเลยสักนิดเดียว
จิวเลี่ยนที่คร้านจะขยับตัวเพราะความเจ็บจากช่องทางคับแคบด้านล่างแม้ว่าใจอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาลูกหมาของน้องชายฝาแฝดก็ได้แต่ตามใจ
“ไปสิ แต่ตินตินให้จิวจิวขี่หลังได้ไหม” ช้อนตาพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าไม่จำเป็น ขอเพียงแค่เอ่ยปากธรรมดา เจ้าน้องชายตัวโตก็ยอมเขาทุกอย่างแล้ว
เหมือนกับมีหางทิพย์ หูทิพย์กระดิก มาร์ตินี่รีบหันหลังแล้วย่อตัวลงให้พี่ชายฝาแฝดขึ้นมาบนแผ่นหลังของตัวเองได้อย่างง่ายดาย แล้วเดินแย้มยิ้มปากกว้างลงไปด้านล่างอย่างร่าเริง
จิวเลี่ยนก็ยิ้มบาง ๆ
ชีวิตนี้ดีมากจริง ๆ ไม่เสียใจแล้วที่ต้องตายในวันนั้น
คนที่เคยเสียใจเพราะตายในวันที่กำลังจะได้ครอบครองถ้วยสมัยที่สี่นั้น มาบัดนี้ไม่เหลือความเสียใจนั้นแล้ว คิดแต่ว่าดีแล้ว ดีแล้วที่ได้มาเป็นหลงจิวเลี่ยนคนนี้
“คืนนี้นอนด้วยกันนะ” จิวเลี่ยนมองคนพูดที่พอกินขนมที่ตัวเองบอกว่าซื้อมาให้เขาจนหมดแล้ว แล้วก็นอนหนุนตักเขาอยู่
“อื้อ เอาสิ” จิวเลี่ยนพยักหน้าตอบรับอย่างตามใจ แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างจากน้องชายอีกครั้ง เขาขยี้กลุ่มผมนิ่มสีดำสนิมเหมือนเขาอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มาไถหน้าจอเล่นแก้เซ็ง และแอพพลิเคชั่นแรกที่เขาเข้าไปก็คือทวิตเตอร์ แอพที่มีการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์เร็วที่สุด
ทันทีที่จิวเลี่ยนกดเข้าไปในแอคเคาท์ของตัวเองที่เอาไว้ลงเกี่ยวกับตัวเองในฐานะนักแข่งรถ F1 เขาก็พบเจอกับแจ้งเตือนที่มหาศาล ช่องดีเอ็มที่ขึ้นตัวเลขกว่าหกหลัก ซึ่งเขาไม่เคยเปิดเข้าไปดูเลย
“มีคนส่งข้อความแปลก ๆ มาบ้างไหม” จิวเลี่ยนก้มมองน้องชายที่ถามออกมาแบบนั้น เขาคิดว่าเป็นเพราะเสียงแจ้งเตือนที่ดัง ๆ รัว ๆ มาร์ตินถึงได้รู้ว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ของเขา
“ไม่รู้สิ ไม่เคยเปิดเข้าไปดูเลย” และคำตอบที่จิวเลี่ยนตอบไปตามความจริงนั้นก็เรียกสายตาพึงพอใจจากเจ้าลูกหมาตัวโตของเขาได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่ตอบน้องชายฝาแฝดไปแล้ว จิวเลี่ยนก็เริ่มให้ความสนใจกับหน้าไทม์ไลน์ของตัวเอง เขาพบแต่ข่าวที่ลงเกี่ยวกับการได้แชมป์สมัยที่สามของเขา สำนักข่าวไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศต่างประโคมข่าวนี้กันทั้งหมด และภายใต้ข่าวนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็น ซึ่งในสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ เพศ อายุ หรือกระทั่งความคิด นั่นทำให้ไม่มีทางเลยที่ความคิดเห็นของแต่ละคนนั้นจะไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นมีจึงมีทั้งคนที่ชื่นชมเขา ยินดีกับความสำเร็จของเขา และคนที่สาปแช่งเขา รอคอยวันที่เขาจะพ่ายแพ้และล่วงหล่นจากบัลลังก์
จิวเลี่ยนเลื่อนผ่านความคิดเห็นเหล่านั้นไปอย่างไม่ใยดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องราวแบบนี้ อย่าลืมว่าเมื่อชีวิตก่อนนี้ของเขาเขาก็เดินบนเส้นทางนี้ด้วยเหมือนกัน
จิวเลี่ยนคิดแบบนั้นก่อนที่จะต้องหยุดชะงักนิ้วมือที่ไถเลื่อนหน้าจอไปมา เมื่อเจอเข้ากับข่าวหนึ่ง เขากดเข้าไปอย่างรวดเร็ว และอ่านข่าวนั้นด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
มันเป็นข่าวที่เปรียบเทียบเขาในชีวิตนี้กับเขาในชีวิตที่แล้ว เปรียบเทียบนักแข่งสองคนที่มีชื่อเหมือนกัน และสร้างผลงานในแบบเดียวกัน
เป็นแชมป์ฟอร์มูลล่าวันสามฤดูกาลติด และยังเป็นแชมป์ตั้งแต่อายุยังน้อย เรียกได้ว่าเขาในสิบแปดปีที่แล้วก็เป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก สิบห้าปีต่อมา เขาก็ทำลายสถิติแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกอีกครั้งหนึ่ง
ชื่อเหมือนกัน เป็นแชมป์สามฤดูกาลติดเหมือนกัน แล้วจะมีจุดจบเหมือนกันด้วยหรือเปล่า
นั่นคือความคิดเห็นที่มีหลายคนแสดงออกมา
เห็นอย่างนั้นแล้วดวงตาของจิวเลี่ยนก็เย็นเยียบขึ้นมา
เขาในตอนนี้ไม่โง่เหมือนเดิมอีกแล้ว และเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเหมือนตอนนั้น เขามีครอบครัวที่พร้อมจะซัพพอร์ตเขาอยู่เบื้องหลัง
เขาไม่มีทางมีจุดจบเหมือนเดิม
“จิวเออร์เป็นอะไร มีใครส่งข้อความไม่ดีมาเหรอ” มาร์ตินที่เห็นว่าอยู่ ๆ ดวงตาของพี่ชายก็หม่นแสงไป มีความเย็นชาเข้ามาแทนที่ เขาก็ถามด้วยความสงสัยและห่วงใยทันที ในหัวสมองคิดวิธีการมากมายที่เตรียมจะใช้จัดการคนที่ทำให้จิวเออร์ของเขาต้องเป็นแบบนี้
จิวเลี่ยนหลับตาครั้งหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธน้องชายฝาแฝดของตัวเอง
“ไม่มีอะไร แค่ง่วงนอนเฉย ๆ”
“ง่วงเหรอ ง่วงงั้นก็ไปนอนกันเถอะ” มาร์ตินแม้ว่าจะไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่เซ้าซี้
มีวิธีการมากมายที่จะรู้ได้เอง
“วันนี้มีอะไรทานครับ” เช้าวันใหม่อันแสนสดใส หลังจากที่เมื่อวานหลับยาวไปตั้งแต่เย็นจนมาถึงเช้าวันนี้ คุณชายใหญ่ของบ้านก็เดินลงบันไดลงมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส เดินไปหอมแก้มป่ะป๊า แดดดี๊ และอากงของตัวเอง ก่อนที่จะหัวเราะแล้วเดินไปหอมแก้มน้องชายฝาแฝดด้วยเมื่อเห็นดวงตาหมาหงอยจากเจ้าตัว
“มีแต่ของโปรดจิวเออร์ทั้งนั้นแหละ” ผู้เป็นประมุขคนปัจจุบันของตระกูลหลงพูดตอบ ดวงตามองไปยังอีกสามคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก่อนแล้วด้วยความเอือมระอา
ตามใจกันเข้าไป
“คุณอย่ามองแบบนั้น นี่มีแต่ของโปรดลูกที่ไหน ของโปรดคุณก็มี” มาร์ตินี่ผู้หลงรักวอดก้าไม่เสื่อมคลายพูดแก้ต่างให้ตัวเอง และในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นอย่างที่เขาพูด เรียกได้ว่าแท้ที่จริงบนโต๊ะอาหารที่มีกว่าสิบอย่างนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นของโปรดวอดก้า และอีกครึ่งเป็นของโปรดจิวเลี่ยน สองบุคคลที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของคนในบ้านมากที่สุด
จิวเลี่ยนมองดูคู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเกือบสามสิบปี เขาไม่รู้สึกถึงความจืดชืดเย็นชาในความสัมพันธ์ของป่ะป๊าและแดดดี๊เลย เห็นแต่ว่าจะรักกันมากขึ้นทุก ๆ วัน ชวนให้เขาอิจฉา และอยากที่จะมีรักดี ๆ แบบนี้บ้าง
จะว่าไป เขายังจำเมื่อตอนที่เขามีชีวิตที่แล้วอยู่ได้ ข่าวของคู่รักเหล้าฤทธิ์แรงนี้ดังเป็นกระแสไปทั่วโลก ขอเพียงแค่เป็นคนในวงการย่อมต้องได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่มีเพื่อนเป็นแฟนคลับของป่ะป๊า ตอนที่ทั้งคู่ประกาศว่าคบกัน มีกระแสมากมายหลายทิศทาง ทั้งยินดี ทั้งต่อต้าน ทั้งสาปแช่ง และกังขา มีคนถึงกับบอกว่าจะเฝ้ารอวันที่ทั้งคู่เลิกกัน
ผ่านมายี่สิบแปดปีแล้ว ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นยังรอที่จะเห็นคนทั้งคู่เลิกกันอยู่หรือไม่ ถ้ายังรออยู่ เกรงว่าจะต้องรอไปจนวันตาย
“เหม่ออะไรลูก รีบกินเร็วเข้า เดี๋ยวกินไม่ทันเจ้าลูกหมาพอดี” เสียงทุ้มต่ำแต่อ่อนโยนจากคนที่เป็นแดดดี๊เรียกคนที่อยู่ในภวังค์ความสงสัยของตัวเองให้ตื่นขึ้นมา จิวเลี่ยนส่งยิ้มให้แล้วรีบลงมือคีบอาหารเข้าปากตัวเอง
“วันนี้ไปไหนหรือเปล่า จะไปสนามไหม” วอดก้าถามลูกชายคนโต ส่วนลูกชายคนเล็กนั้นต้องไปเรียน
จิวเลี่ยนนั้นไม่ได้เรียนมหาวิทยาลับเหมือนกับแฝดน้อง เพราะเขาสอบเทียบจนจบแล้ว อาศัยความรู้จากชีวิตที่แล้วของตัวเอง ทำให้เขามีเวลาไปทุ่มเทให้กับสิ่งที่รัก หรือก็คือการเป็นนักแข่ง F1 ได้มากเท่าที่ต้องการ
“จะไปหาเอ็มม่าสักหน่อยครับ” เอ็มม่าที่จิวเลี่ยนพูดถึงก็คือ ลูกสาวของเอกาทัศน์และเดลต้า ผู้เป็นเพื่อนกับวอดก้า ป่ะป๊าของเขา
“เอ็มม่ามาที่นี่เหรอ ลุงเอ็มของเราไม่เห็นบอกป่ะป๊า” วอดก้าเลิกคิ้วถามลูกชาย
“ใช่ครับ เห็นบอกว่ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ” จิวเลี่ยนไม่รู้หรอกว่าการมาครั้งนี้ของเพื่อนสาว จะทำให้ชีวิตของเขามีสีสัน และมีอะไรให้เขาสนใจมากกว่าการแข่งรถ
“อะไร เอ็มม่า เธอบ้าไปแล้ว ฉันเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันนะ เธอจะให้ฉันไปขับรถตู้รับส่งศิลปินของเธอได้ยังไง!” จิวเลี่ยนไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เพื่อนตัวเองจะขอร้องคือเรื่องนี้ มองคนที่ตอนนี้เป็นผู้จัดการไอดอลวงดัง ซึ่งสังกัดอยู่ในบริษัทที่แดดดี๊ของตัวเองเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาเพื่อป่ะป๊าด้วยสายตาเหมือนว่าเพื่อนสาวของเขาเป็นบ้าไปแล้ว
มีศิลปินวงไหนบ้างที่มีคนขับรถเป็นแชมป์รถแข่งฟอร์มูล่าวัน ไม่สิ ต้องบอกว่ามีแชมป์ฟอร์มูล่าวันคนไหนบ้างที่ยอมไปเป็นคนรับตู้รับส่งคนอื่น!
“เพราะอะไรถึงต้องเป็นฉัน” หลงจิวเลี่ยนหรี่ตาลงมองหน้าเพื่อนสาวของตัวเองที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอให้เขาไปช่วยเป็นคนรับรถรับส่งศิลปินในความดูแลของตัวเองให้ได้
“จิวเลี่ยน นายรู้จักไอดอลวงยูนิคไหม” จิวเลี่ยนได้รับคำถามแทนคำตอบ เขาส่ายหัวตอบกลับไปเบา ๆ แต่ภายในใจเดาว่าเป็นวงไอดอลที่อยู่ภายใต้การดูแลของเพื่อนคนนี้ของเขานั่นแหละ
เอ็มม่าเป็นลูกสาวของคุณลุงเอกาทัศน์และคุณอาเดลต้า ทั้งสองคนนั้นเมื่อก่อนเป็นศิลปินภายใต้สังกัดเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ที่แดดดี๊เขาลงทุนสร้างขึ้นมาเพื่อป่ะป๊าของเขา ซึ่งตอนนี้หุ้นครึ่งหนึ่งของป่ะป๊านั้นถูกขายให้กับคุณลุงเอกาทัศน์ไปแล้วเรียบร้อย และทั้งสองคนเมื่อกลายเป็นหนึ่งในผู้บริหาร งานในวงการก็รับน้อยลง ส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวนั้น เมื่อเจ้าตัวไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง ก็ให้มารับหน้าที่ดูแลศิลปินแทน ซึ่งเอ็มม่าก็ชอบงานที่ตัวเองทำอยู่มากทีเดียว
“ยูนิคเป็นวงไอดอลที่ทำเม็ดเงินให้กับเวลส์เอ็นฯ สาขาแผ่นดินใหญ่มากที่สุดตอนนี้ เขามีแฟนเพลงและแฟนคลับอยู่มากมายทั่วโลก เป็นที่คลั่งไคล้ของคนมหาศาล และปัญหามันก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ เพราะมันมีคนที่คลั่งไคล้มากเกินไป คลั่งไคล้จนทนไม่ได้ที่จะมองศิลปินจากแค่เพียงด้านล่างเวที หรือผ่านทางหน้าจอ คลั่งไคล้จนกระทั่งพาตัวเองตามติดไปทุกแห่งหน และพยายามจะทำให้ศิลปินกลายเป็นของตัวเองเพียงคนเดียว นั่นแหละ ยูนิคกำลังเผชิญกับปัญหานั้น คนขับรถคนเก่าที่สามารถไว้ใจได้และมีฝีมือพอที่จะรับมือกับแฟนคลับที่ล้ำเส้นนั้นป่วยกะทันหัน คนอื่น ๆ ที่บริษัทฉันก็ไม่ไว้ใจ เพราะอย่างนั้นฉันถึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากนาย ฉันไม่ได้ต้องการแค่คนขับรถ แต่ต้องการคนที่สามารถรับมือกับพวกแฟนคลับโรคจิตพวกนั้นได้” เอ็มม่ายื่นมือไปกุมมือของเพื่อนชายเอาไว้ กระพริบตาปริบ ๆ อย่างอ้อนวอน เชื่อมั่นมากว่าถ้าเป็นเพื่อนของเธอคนนี้ จะต้องรับมือกับปัญหาหนักอกหนักใจของเธอตอนนี้ได้
คนโดนเพื่อนกุมมืออ้อนวอนดึงมือออกมาอย่างเย็นชา
“สรุปแล้วก็คือต้องการให้ฉันไปเป็นทั้งคนขับรถ เป็นทั้งการ์ดงั้นเหรอ เอ็มม่า เผื่อเธอจะลืมนะ ฉันร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก จะไปปกป้องดูแลใครได้”
คำพูดประโยคนี้ของจิวเลี่ยนทำให้เอ็มม่ามองค้อนคนที่บอกว่าตัวเองร่างกายอ่อนแอจนตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
“นายร่างกายอ่อนแอจริงอันนี้ไม่เถียง แต่นั่นมันเป็นเรื่องของเมื่อสิบปีก่อนนู่น!” เอ็มม่าพูดกับเพื่อนเสียงสะบัด มองเพื่อนด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะพูดต่อ
“จิวเลี่ยน นายนี่สมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลหลง สมแล้วก็ที่คุณอาวอดก้าเลี้ยงมา”
ได้ยินเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของตัวเองพูดออกมาแบบนั้น จิวเลี่ยนก็หัวเราะเสียงดังทันที รู้ได้ทันทีเลยว่ามีอีกหนึ่งคนแล้วที่ไม่ได้โดนภาพลักษณ์ของป่ะป๊าเขาหลอกลวง
และใช่ เขาไม่มีอะไรจะเถียงเลยกับคำพูดพวกนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะเขาได้ป่ะป๊าเลี้ยงมา เขาไม่มีทางมีนิสัยเหมือนในตอนนี้แน่
ต่อให้จะมีความทรงจำจากชีวิตที่แล้วก็ตาม
คนที่เมื่อชีวิตก่อนก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกลอะไร นอกจากเรื่องรถแข่งแล้ว เขาก็ไม่มีความสนใจให้เรื่องไหนอีก วันทั้งวันคลุกตัวอยู่ในสนามกับอู่แต่งรถ ดังนั้นแล้ว จะบอกว่านอกจากเรื่องรถแล้ว เขาก็แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรอีกก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงไปเลยสักนิด รวมถึงเรื่องเล่ห์กล เรื่องผลประโยชน์ในวงการแข่งรถด้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตที่แล้วเขาคงไม่มีจุดจบแบบนั้น
ความจริงแล้วชีวิตที่แล้ว จนกระทั่งเขาตาย เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายเพราะถูกหักหลัง เขาคิดเพียงแค่ว่าเครื่องยนต์ของตัวเองมีปัญหา แม้ว่าจะสงสัยเรื่องถูกหักหลัง แต่ก็ไม่กล้าคิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง จนได้มาเกิดใหม่ ได้ลองค้นข่าวเก่า ๆ ดู เชื่อมโยงการเคลื่อนไหวของคนที่เกี่ยวข้องถึงได้รู้
เขาตายเพราะความเชื่อใจแท้ ๆ เพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ถ้าไม่อยากซ้ำรอยเดิมชีวิตที่แล้วอีก ต้องรู้จักมีหนามแหลมคมใช้ปกป้องตัวเอง และเขาก็โชคดีที่ได้เกิดในตระกูลที่ทำให้เขารับคมหนามของตัวเองได้
โดยที่เอาป่ะป๊าเป็นเยี่ยงอย่าง
เขาร่างกายอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด แม้ว่าร่างกายนี้จะมีวิญญาณของเขาเข้ามาแทนที่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนร่างกายนี้ให้แข็งแรงขึ้นมาได้ทันที ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนได้เหมือนกับที่มาร์ติน น้องชายฝาแฝดได้รับการฝึกฝน
ตอนสามขวบมาร์ตินถูกพาไปเรียนคาราเต้ เขาได้แต่นั่งมองอยู่ข้าง ๆ ตอนสี่ขวบ มาร์ตินไปเรียนเทควันโดเขาก็ได้แต่นั่งมอง ตอนห้าขวบมาร์ตินได้เรียนยิวยิตสู เขาก็ยังคงได้แต่นั่งไถโมเดลรถที่แดดดี๊ซื้อมาให้อยู่ข้างสนาม
อิจฉา อิจฉาเป็นอย่างยิ่ง
‘อยากเรียนเหรอลูก’ ประโยคนี้ของป่ะป๊าทำให้เด็กตัวน้อยที่ไถโมเดลรถในมือด้วยท่าทางเหม่อลอยหันไปสนใจได้
จิวเลี่ยนตัวน้อยวัยห้าขวบที่มีขนาดตัวเหมือนเด็กสามขวบพยักหน้าตอบอย่างไม่ปิดบัง
อิจฉาจริง ๆ ได้เกิดใหม่ทั้งที่ มีสติปัญญาจากชีวิตที่แล้ว มีสมองเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ทำไมไม่สามารถสร้างความโดดเด่น ทำอะไรที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นอัจฉริยะเหมือนกับตัวเอกในนิยายเกิดใหม่ที่เพื่อนเขาเคยอ่านมาบ้างล่ะ
จิวเลี่ยนวัยห้าขวบตอนนั้นไม่ได้รู้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองได้แสดงความโดดเด่นเกินเด็กวัยห้าขวบไปมากเท่าไหร่ มันมากจนถูกคนที่เรียกว่าป่ะป๊าจับได้
มือเรียวสวยยกขึ้นลูกกลุ่มผมนิ่มของลูกชายคนโตแต่ตัวเล็ก
‘จิวเลี่ยนร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้ยังเรียนอะไรแบบน้องไม่ได้ ไม่สู้มาเรียนกับป่ะป๊าดีกว่า ป่ะป๊าจะสอนอะไรดี ๆ ให้’
หลังจากนั้นก็ถือว่าได้กำเนิดทายาทที่แท้จริงของวอดก้าขึ้นมาคนหนึ่ง
ไม่ใช่ทายาททางสายเลือด แต่เป็นทายาททางจิตวิญญาณ
“ฉันถนัดใช้สมอง ไม่ถนัดใช้กำลัง” จิวเลี่ยนยักไหล่ขึ้นข้างหนึ่งขณะที่พูดประโยคนี้กลับเพื่อนสาว กับคนที่รู้ไส้รู้พุงเขาหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างภาพใด ๆ
ภาพลักษณ์มีไว้ใช้กับคนนอกเท่านั้นแหละ อ้อ มีไว้ออดอ้อนแดดดี๊ กับอากงด้วย!
“ก็ไม่ได้ต้องการให้นายใช้กำลังไหม ต้องการฝีมือการขับรถของนาย วิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เรื่องใช้กำลังนั่นมีการ์ดทำหน้าที่อยู่แล้ว” นี่ยังไม่รวมการ์ดที่จะต้องตามนายห่าง ๆ ด้วยนะ
แน่นอนว่าประโยคหลังเอ็มม่าไม่ได้พูดมันออกไป แต่ถึงอย่างนั้นความคิดนี้ของเธอก็เก็บซ่อนไม่มิดเมื่อมันเปิดเผยออกมาทางแววตา
จิวเลี่ยนหดม่านตาลงมองเพื่อนที่คิดจะหลอกยืมมือเขา
“คิดไว้บ้างหรือเปล่าว่าจะใช้งานแชมป์ฟอร์มูล่าวันสามฤดูกาลซ้อนนั่นต้องมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหน” จิวเลี่ยนเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะแล้วค่อย ๆ โน้มตัวไปถามเพื่อนเสียงกลั้วหัวเราะ
เอ็มม่าผงะถอยหลังไปอัตโนมัติเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน
“หน้าเลือดเกินไปแล้ว ถือว่าช่วยเหลือเพื่อนไม่ได้หรือไงกัน”
จิวเลี่ยนมองเพื่อนที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วก็หัวเราะขำในลำคอ แสร้งกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยสีหน้าใสซื่อ
“ก็เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนนี่แหละถึงได้คิดค่าตัวในเรทของแชมป์แข่งรถ ยังไม่คิดค่าตัวในฐานะคุณชายใหญ่ตระกูลหลงเลยนะ”
แม้จะพูดกับเพื่อนไปแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วคุณชายใหญ่ตระกูลหลงก็มายืนอยู่ข้างรถตู้คันหรูที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรมซึ่งเป็นที่พักของไอดอลวงยูนิคอยู่ดี
“ทุกคน นี่ก็คือเสี่ยวจิว คนขับรถคนใหม่ที่จะมาแทนที่คนขับรถคนเก่าของพวกนายชั่วคราว” หลังจากที่ยืนอ้าปากหาวรออย่างเบื่อ ๆ ในที่สุดการรอคอยของจิวเลี่ยนก็สิ้นสุดลงเมื่อเพื่อนสาวเดินนำขบวนคนกว่าสิบคนมาหยุดอยู่ที่ข้างหน้าของเขา
จิวเลี่ยนกวาดตามองไปยังกลุ่มคนที่เดินตามเพื่อนสาวของเขามา เขาสามารถแยกได้ไม่ยากเลยว่าใครคือศิลปิน ใครคือผู้ดูแล ก็ฝ่ายศิลปินเล่นถูกล้อมเป็นไข่แดงแบบนั้น
จิวเลี่ยนคิดขำ ๆ มองไล่ไปทีละคนแล้วก็พบว่าแต่ละคนนั้นมีรูปลักษณ์และภาพลักษณ์ที่เหมาะสมกับจะเป็นไอดอลจริง ๆ เขามองแล้วคิดอย่างนั้นก่อนจะชะงักสายตาไว้ที่ใครคนหนึ่ง
ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นกันแดดสีเข้มหดม่านตาลงเมื่อเห็นคนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิลปินทั้งห้าคน
นั่นไม่ใช่หนุ่มหล่อคืนนั้นของเขาหรอกหรือ
เหมือนว่าจิวเลี่ยนจะหยุดสายตาอยู่ที่คนผู้นี้นานเกินไป คนที่ถูกมองจึงได้รู้สึกตัว
หวังจิ้งหยู ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีผู้เป็นหัวหน้าวงไอดอลชื่อดังนามว่ายูนิคขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าคนขับรถคนใหม่ที่ผู้จัดการวงของเขากำลังแนะนำให้พวกเขารู้จักอยู่นั้นมองเขานานเกินไป และแม้ว่าจะไม่เห็นดวงตาภายใต้เลนส์สีเข้มนั่น แต่เขาก็รู้สึกว่าเขากำลังถูกมองอย่างสำรวจอยู่
หวังจิ้งหยูคิดแล้วก็มองกลับไปยังผู้ที่จะมาเป็นคนขับรถให้พวกเขาแทนคนขับรถคันเก่าชั่วคราวบ้าง มองใบหน้าที่ถูกปกปิดอย่างมิดชิดภายใต้แว่นกันแดดอันใหญ่ที่ปิดซีกหน้าครึ่งบนแทบจะมิด และใบหน้าซีกล่างที่มีหน้ากากอนามัยปิดอยู่ เมื่อไม่อาจมองเห็นโฉมหน้าได้ เขาก็มองไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ทว่าไม่รู้ทำไม ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าคุ้น ๆ กับร่างกายนี้
หัวหน้าวงยูนิคขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
ในขณะที่หัวหน้าวงสงสัยเรื่องที่เขาคุ้นเคยกับรูปร่างของจิวเลี่ยน สมาชิกร่วมวงคนอื่น ๆ ของเขากลับสงสัยในอีกเรื่องแทน
“เอ็มม่าไปหาคนขับรถคนนี้มาจากไหนครับเนี่ย เดี๋ยวนี้คนขับรถเขาใส่เสื้อตัวละหลายหมื่น กางเกงตัวละเป็นแสนกันแล้วเหรอ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจนี้ของเจิ้งเหยานั้นเรียกสายตาของคนอื่น ๆ ให้หันไปมองจิวเลี่ยน สลับกับมองเอ็มม่าทันที
เอ็นม่าชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำพูดถามของศิลปินในความดูแล เธอรีบสำรวจการแต่งกายอย่างละเอียดของเพื่อนทันที และพบว่าแม้ว่าเพื่อนจะแต่งตัวอย่างเรียบง่ายเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าหนัง และเข็มขัดหนังเส้นหนึ่ง แต่มูลค่ารวม ๆ แล้วนั้นก็ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกับสไตล์การแต่งตัวสักนิดเดียว
เอ็มม่าส่งสายตาให้เพื่อนเป็นคนแก้ตัวในเรื่องนี้แทน
ไม่คิดจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริง แต่กลับใส่เสื้อผ้าแบบนี้มา นายคิดจะหลอกใคร ฮะ!
เอ็มม่าได้แต่บ่นเพื่อนอยู่ในใจ
ฝ่ายคนที่ลืมว่าตัวเองต้องเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าให้เข้ากับฐานะในตอนนี้ก็ทำตาโต ส่งเสียงตื่นเต้นออกมาจากลำคอ
“เห คุณไม่ได้มองผิดเหรอครับ เสื้อผ้าพวกนี้ผมไปซื้อมือสองมานะ เสื้อนี่ผมก็ซื้อมาแค่สองร้อย ส่วนกางเกงก็แค่สามร้อยห้าสิบเท่านั้น ว้าว นี่ผมบังเอิญได้ของดีมาจริง ๆ เหรอเนี่ย” น้ำเสียงนั้นทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ ดูแล้วเหมือนว่าจะไม่รู้มูลค่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่จริง ๆ
“นายจะบอกว่านายซื้อผ้ามือสองมาโดยที่ไม่รู้ราคาจริง ๆ ของมันเหรอ โหยยย น่าอิจฉาเกินไปแล้ว” เสียนลู่ อีกหนึ่งสมาชิกวงยูนิคพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉา แม้ว่ารายได้ตอนนี้ของตัวเองจะสามารถซื้อชุดที่จิวเลี่ยนใส่มาได้เดือนละหลายสิบชุด แต่เมื่อเห็นว่าคนคนหนึ่งเสียเงินเพียงแค่หลักร้อย แต่สามารถซื้อของที่มูลค่าแท้จริงหลักแสนมาได้ ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาตาร้อนขึ้นมา
“เอาน่า คนเราก็มีเรื่องโชคดีของแต่ละคนไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องพวกนี้กันแล้ว ได้เวลาที่จะต้องไปทำงานกันแล้ว ไป ขึ้นรถ ๆ” เอ็มม่ามองเพื่อนชายที่สามารถแก้ตัวไปได้โดยที่คนอื่นก็หลงเชื่อแล้วก็หัวเราะอยู่ในใจ ก่อนจะไล่ต้อนศิลปินในความดูแลให้ขึ้นรถ ไม่ต้องการให้พูดเรื่องพวกนี้กันต่อแล้ว กลัวว่าจะเกิดพิรุจน์อะไรขึ้นมา
โดยที่ลืมไปแล้วว่าจิวเลี่ยนนั้นเป็นทายาทที่สืบสันดานมาจากใคร
เนี่ย เขาเรียกว่าทายาทที่สืบสันดานโดยชอบอย่างแท้จริง
สืบสันดานมาทั้งหมดเลย
หลังจากที่ทุกคนขึ้นรถกันแล้ว จิวเลี่ยนก็มองผ่านกระจกหลังไปยังที่คนคนหนึ่งที่นั่งเอนกายอยู่เบาะหลัง เขาเห็นสีหน้าเหม่อลอยและแววตาที่คิดไม่ตกของผู้เป็นหัวหน้าวง
คิดอะไรอยู่
จิวเลี่ยนเกิดความสงสัยขึ้นข้างในจิตใจ เขาเพราะว่ามัวแต่ให้ความสนใจกับคนที่เขามั่นใจว่าคือคนที่เขาให้ความช่วยเหลือเอาไว้เมื่อคืนวันก่อน จิวเลี่ยนจึงไม่ได้เคลื่อนรถสักที
ทั้ง ๆ ที่พร้อมกันหมดแล้ว แต่คนขับรถยังไม่ยอมแล่นรถออกไปจากตรงนี้ คนบนรถก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ออกรถเถอะ” เอ็มม่ารีบพูดตัดบทก่อนที่จะมีใครถามอะไรขึ้นมา สิ้นเสียงของเธอ จิวเลี่ยนก็ยอมละสายตากลับมาจากหวังจิ้งหยูแต่โดยดีก่อนที่เท้าขวาจะเยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกไป
เมื่อออกเดินทางแล้ว ไอดอลหนุ่มทั้งหลายก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อีก หันไปพูดคุยกันเองถึงเรื่องงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ที่พวกเขากำลังจะไป
ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ให้ความสนใจแล้ว แต่เอ็มม่านั้นยังลอบสำรวจเพื่อนของตัวเอง เธอสังเกตตั้งแต่เมื่อครู่แล้วว่าเพื่อนของเธอคนนี้ให้ความสนใจกับหัวหน้าวงยูนิคมากเป็นพิเศษ
รู้จักกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า ไม่สิ จิวเลี่ยนไม่สนใจวงการบันเทิงสักหน่อย
เอ็มม่ายิ่งคิดคิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
เธอเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจิวเลี่ยนนั้นไม่รู้จักหวังจิ้งหยูมาก่อน ยังจำได้ถึงตอนที่เธอถามว่ารู้จักวงยูนิคหรือไม่ เพื่อนเธอคนนี้ยังส่ายหัวปฏิเสธอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่เป็นวงในค่ายที่ถูกก่อตั้งโดยแดดดี๊ของตัวเองแท้ ๆ
“เสี่ยวจิว ให้พวกเราเรียกว่าเสี่ยวจิว แสดงว่าคุณอายุน้อยกว่าพวกเราเหรอ” หลังจากที่เอ็มม่าคิดอะไรเงียบ ๆ กับตัวเองไปได้เพียงแค่ครู่เดียว ศิลปินภายใต้การดูแลของเธอที่เมื่อครู่ยังคุยเรื่องงานกันอยู่ก็หันมาทำความรู้จักกับคนขับรถคนใหม่ของพวกเขากันแล้ว
คนที่ถามนี้คือซองซึงฮุน อีกหนึ่งสมาชิกเชื้อชาติเคของวงยูนิค สมาชิกเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เป็นคนของแผ่นดินใหญ่
วงยูนิคนั้นมีสมาชิกห้าคน มีหวังจิ้งหยู อายุยี่สิบสามปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าวงด้วย เจิ้งเหยา เขามีอายุเท่ากับเจิ้งหยู ดังนั้นจึงจัดว่าเป็นพี่ใหญ่อีกคนหนึ่งของวง คนที่สามคือซองซึงฮุน อายุยี่สิบเอ็ดปี เป็นคนประเทศเค คนที่สี่ก็คือ หยางฮ่าว อายุยี่สิบปี และคนสุดท้าย คนที่ห้า เสียนลู่ เสียนลู่คือคนที่มีอายุน้อยที่สุดในวง อายุเท่ากับจิวเลี่ยน สิบแปดปี
“ใช้ครับ ผมอายุสิบแปด” จิวเลี่ยนตอบอายุที่แท้จริงของตัวเองออกไป เรื่องนี้เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปิดบัง
“อะไรนะ สิบแปด แค่สิบแปดเองเหรอ เท่ากับฉันเลยน่ะสิ ว่าแต่เพิ่งจะสิบแปดเอง นายไม่เรียนแล้วเหรอ” เสียนลู่ตกใจไม่น้อยเลยที่คนขับรถมีอายุเท่ากับเขา เขาขยับตัวอย่างตื่นเต้นและพูดถามออกไป
จิวเลี่ยนยังไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามของน้องเล็กวงยูนิค ก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าวงดุสมาชิกน้องเล็กสุดของวงทันที
“เสี่ยวลู่ อย่าเสียมารยาท ขอโทษแทนเสี่ยวลู่ด้วยนะครับที่ถามคำถามละลาบละล้วงออกไป” หวังเจิ้งหยูดุน้องเล็กของวงเสร็จก็หันมาพูดกับขอโทษกับจิวเลี่ยน มอบหน้าอีกฝ่ายผ่านทางกระจก และจิวเลี่ยนเองก็มองไปที่จิ้งหยูผ่านทางกระจกเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้สบตากันผ่านทางกระจกมองหลัง แม้ว่าจะมีแค่เพียงจิวเลี่ยนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นแววตาของจิ้งหยูได้ฝ่ายเดียวก็ตาม
จิวเลี่ยนมองเห็นแววตาระแวดระวังในดวงตาของหวังจิ้งหยูเต็มไปหมด มันสะท้อนให้เห็นว่าหัวหน้าวงคนนี้ไม่ไว้วางใจเขาสักเท่าไหร่ เมื่อเป็นอย่างนี้ จิวเลี่ยนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก เขาก็คิดว่าไม่แปลกเลยที่คนคนนี้จะเต็มไปด้วยความระแวดระวังจนกลายเป็นระแวงไปหมดแล้ว
คนที่เคยโดนวางยาปลุกเซ็กส์ โดนผู้หญิงโรคจิตคนหนึ่งตามไปถึงในห้องน้ำ ดูเหมือนจะจำฝังใจเลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่จิวเลี่ยนไม่รู้ก็คือว่าหวังจิ้งหยูไม่ได้เจอแค่เพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียวเท่านั้น เขายังเคยโดนแฟนคลับที่คลั่งไคล้เขาจนเกินขอบเขตตามติดไปทุกฝีก้าวด้วย เคยแม้กระทั่งว่าเปิดเข้าหอพักไปแล้วเจอคนซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า เคยเกือบจะโดนลักพาตัวไปแล้วก็มี
สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเจอมานั้นเรียกได้ว่าถูกคุกคามอย่างเต็มรูปแบบเลยจริง ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” จิวเลี่ยนพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาถือว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบคำถามของเสียนลู่ออกไป
“แล้วเสี่ยวจิวก่อนหน้าที่จะมาขับรถให้พวกเรา นายขับรถให้ใครอยู่เหรอ เอ่อ พวกเราพูดแบบเป็นกันเองได้ใช่ไหม” คราวนี้เป็นเจิ้งเหยาที่พูดขึ้นมาบ้าง เขาถามจิวเลี่ยนออกมาแบบนั้นโดยที่ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้รู้สึกเกรงใจที่จะพูดอย่างเป็นกันเองกับเสี่ยงจิวผู้นี้นัก ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นแค่คนขับรถและยังเป็นคนที่มีอายุน้อยกว่าเขาอยู่หลายปีอีก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นก็เป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าเสี่ยวจิวคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น
ไม่ใช่แค่เจิ้งเหยาเท่านั้นที่คิดว่าเสี่ยวจิวคนขับรถคนใหม่ของพวกเขาไม่ธรรมดาอย่างที่ตาเห็น จิ้งหยูที่รู้สึกคุ้นเคยกับรูปร่างลักษณะของจิวเลี่ยนก็คิดแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงได้รู้สึกว่าควรจะจับตามองคนขับรถคนใหม่นี้ไว้สักหน่อย
จิวเลี่ยนไม่รู้ความคิดนี้ของจิ้งหยู เพราะหากเขารู้ เขาคงจะบอกไปอย่างเต็มใจว่า อย่ามัวแต่จับตาดูเลย เขาเต็มใจให้จับทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
“ได้ครับ ตามสบายเลย ก่อนหน้านี้ผมขับรถให้นายใหญ่ตระกูลหลงน่ะครับ” จิวเลี่ยนมองเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นในตาของไอดอลทั้งห้าคน ทั้งสองในห้ายังมีสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงต่อเขา ดังนั้นเขาจงใจตอบไปแบบนี้ ตอบเสร็จแล้วก็ลอบหัวเราะในใจอย่างนึกตลกเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างเป็นไข่ห่านของทุกคนบนรถ
ใช่ ทุกคนบนรถ ไม่เว้นแม้กระทั่งเอ็มม่า เพื่อนของเขา
คำตอบนี้ของจิวเลี่ยนเรียกได้ว่าสร้างความแตกตื่นได้อย่างแท้จริง
“นายใหญ่ตระกูลหลง นายหมายถึงคุณวอดก้าใช่ไหม นายเคยเป็นคนขับรถให้คุณวอดก้ามาก่อนเหรอ” เสียนลู่น้องเล็กสุดเก็บซ่อนความตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาแทบจะถลาปีนเบาะรถมาข้างคนขับด้วยซ้ำ โชคดีที่เอ็มม่ารั้งเอาไว้เสียก่อน
“พวกนายจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” เอ็มม่ารั้งเสียนลู่ให้กลับมานั่งที่เบาะรถของตัวเองเหมือนเดิมแล้วพูดเสียงดุ
“โหย จะไม่ให้เราตื่นเต้นได้ยังไง นั่นคุณวอดก้าเลยนะ คุณวอดก้าน่ะ” เสียนลู่เป็นเหมือนเด็กที่โดนขัดใจเวลาที่ตัวเองพูดถึงไอดอลหรือฮีโร่ที่ตัวเองชื่นชอบให้คนคนหนึ่งฟัง แล้วคนคนนั้นไม่ได้รู้สึกอินไปด้วย
เด็กในสังกัดเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์แทบจะทุกคนในตอนนี้นั้นล้วนแล้วแต่ไม่เคยเจอวอดก้าเลยสักครั้ง แต่พวกเขาก็รู้ถึงประวัติที่แท้จริงของการก่อตั้งเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ รู้ว่าคนคนนี้คือคนที่ทำให้ผู้นำเวลสต้องลงทุนสร้างมันขึ้นมาเพื่อให้คนรักของตัวเองได้เดินตามความฝันอย่างสะดวกราบรื่น
พวกเขาอยากเห็น อยากเห็นว่าคนที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งยอมทำให้ตัวเองได้ถึงขนาดนี้นั้น แท้จริงแล้วเป็นยังไงกันแน่ จะเหมือนในภาพที่ถูกแอบถ่ายหรือเปล่า
ใช่แล้ว หลังจากที่วอดก้าผู้นั้นคือดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูลหลง เจ้าตัวก็ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อน้อยมาก ๆ จนช่วงแรก และในช่วงหลังมานี้แทบจะไม่มีใครได้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ มีเพียงมาร์ตินี่คนรักของเขาเท่านั้นที่ยังคงปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออยู่เนือง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกได้ว่าไม่เท่ากับเมื่อสมัยก่อน
ไม่ใช่ว่าเพราะความนิยมน้อยลง ไม่ใช่ว่าเพราะสื่อให้ความสนใจน้อยลง แต่เพราะว่าเจ้าตัวไม่ต้องการให้สื่อสนใจมากกว่า
และไม่ใช่แค่เฉพาะมาร์ตินี่และวอดก้าเท่านั้น ทายาทของทั้งคู่ก็ยังไม่มีสื่อเจ้าไหนเก็บภาพได้ชัด ๆ สักครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะภาพของแฝดผู้พี่ ถ่ายออกมาได้แต่ละภาพนั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพมุมข้างจากไกล ๆ ด้วย!
คิดมาถึงตรงนี้เสียนลู่ก็ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้นมากกว่าเดิม เปิดปากถามออกไปอีกครั้ง
“แล้ว แล้วถ้าคุณเคยขับรถให้คุณวอดก้าจริง ๆ คุณเคยได้เจอลูกของคุณวอดก้าหรือเปล่า พวกเขาหน้าตาเป็นยังไงบ้าง” คำถามนี้ของเสียนลู่เกือบทำให้วอดก้าเหยียบเบรกรถกระทันหัน
“เสียนลู่ อย่าเสียมารยาท เลิกถามได้แล้ว” เอ็มม่าพูดเสียงดุและน้ำเสียงนั้นเคร่งเครียดทันที เธอดุคนในความดูแลของตัวเองเสร็จก็ลอบมองหน้าเพื่อนทันที แต่ว่าด้วยแว่นอันใหญ่ที่ปิดบังดวงตาอยู่ทำให้ไม่รู้เลยว่าเพื่อนของเธอคิดยังไงกับคำถามที่เสียนลู่ถามออกไป
“เคยเจอครับ หล่อมาก ๆ หล่อเหมือนเทพบุตรเลย ผมคิดว่าทั้งคู่ต้องเป็นลูกรักของพระเจ้าแน่ ๆ โดยเฉพาะฝาแฝดคนพี่” น้ำเสียงของจิวเลี่ยนนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมระคนอิจฉา ฟังแล้วชวนให้เชื่อว่าเจ้าตัวเคยเจอกับสองฝาแฝดของตระกูลหลงและเวลส์จริง ๆ
เอ็มม่าที่เมื่อครู่ยังระวังอารมณ์ของเพื่อนอยู่เลย กลัวว่าเจ้าตัวจะเอาเรื่องกับเสียนลู่ที่ถามแบบนั้น แต่เมื่อได้ยินคำตอบจากปากของจิวเลี่ยนแล้ว เธอก็อยากจะกลอกตาให้เป็นเลขแปด
ก็รู้ว่าหน้าไม่อาย แต่ไม่คิดว่าจะหน้าหนาถึงขนาดชมตัวเองได้ไม่อายปากขนาดนี้!
เอ็มม่าที่หมั่นไส้เพื่อนมากคิดจะขยับปากพูดจิกกัดสักประโยคสองประโยคก็ยังไม่ทันจะได้พูดออกไปก็ต้องเปลี่ยนคำที่เตรียมจะพูดเมื่อพบว่าเพื่อนนั้นหักพวงมาลัยเลี้ยงเข้าซอยทั้ง ๆ ที่ตามแผนที่แล้วจะต้องขับตรงต่อไป
“ทำไมเลี้ยวล่ะ ไม่ใช่ว่าต้องขับตรงไปเหรอ” เอ็มม่ามองทางคับแคบที่จิวเลี่ยนพาเข้ามาแล้วก็ถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินผู้จัดการวงถามออกไปอย่างนั้น ผู้เป็นไอดอลทั้งห้าก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีด้วยเหมือนกัน และยังมีจิ้งหยูที่เพิ่มความตื่นตัวและความหวาดระแวงขึ้นมา ยิ่งเห็นว่าซอยนั้นทั้งแคบทั้งคดเคี้ยวไปมา
หมอนี่คิดจะทำอะไร
“มีรถขับตามพวกเรามา ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมแล้ว แค่ยังไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้ว” จะไม่มั่นใจได้ยังไง ขนาดเขาขับเข้าซอยแคบที่รถยนต์วิ่งแทบจะไม่ได้ รถคันนั้นก็ยังเลี้ยวเข้ามาอย่างไม่ลังเล ทว่าเพราะด้วยความที่เป็นซอยแคบมาก มากจนความจริงแล้วไม่มีรถยนต์คันไหนบ้าพอที่จะใช้เส้นทางนี้ก็ทำให้รถที่ขับตามพวกเขามานั้นหยุดชะงักที่ต้นซอย
“รถคันนั้นจอดติดอยู่ที่ต้นซอย คนขับไม่มีความสามารถมากพอที่จะพารถเข้ามาในซอยแคบนี้ได้ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อก็รอฟังคำรายงานจากการ์ดเถอะ ผมว่าตอนนี้เขาคงจะพบความผิดปกติแล้ว” จิวเลี่ยนพูดไปพร้อมกับมือที่หมุนพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่ง จังหวะการขับรถของเขานั้นนุ่มนวลจนไม่ให้ความรู้สึกเลยว่ากำลังขับรถอยู่ในซอยที่คับแคบและยากต่อการที่รถคันใหญ่คันหนึ่งจะเคลื่อนตัวไปได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
สิ้นคำพูดของจิวเลี่ยนเสียงโทรศัพท์ของเอ็มม่าก็ดังขึ้นทันที เธอมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอแล้วก็มองหน้าเพื่อนของเธอ ก่อนจะกดรับสายและกดเปิดลำโพง
“คุณเอ็มม่าครับ พวกเราเจอรถที่จอดอยู่ทางต้นซอยที่รถคุณเอ็มม่าแล่นผ่านเข้าไป ผมดูแล้วจำได้ว่าเป็นรถที่ขับตามรถของคุณเอ็มม่ามาตลอดทาง” เสียงของการ์ดที่ลอดผ่านลำโพงโทรศัพท์ออกมานั้นดังให้ได้ยินทุกคน
สายตาหกคู่จ้องไปยังคนที่ยังคงมองไปยังถนนเบื้องหน้าและบังคับทิศทางของรถได้อย่างมั่นคง
“เจอตัวคนขับไหม” เอ็มม่าถอนสายตากลับมาจากจิวเลี่ยนแล้วส่งคำถามออกไป
“ไม่เจอครับ เจอแต่รถจอดอยู่ ผมถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนกับตัวรถมาแล้ว คิดว่าจะหาเจ้าของได้ไม่ยาก”
คำพูดของการ์ดนั้นทุกคนได้ยินชัด แต่มีคนที่ไม่เห็นด้วย หนึ่งก็คือจิวเลี่ยน สองก็คือจิ้งหยู ทั้งคู่ไม่เห็นด้วยก็เพราะเชื่อว่าแผ่นป้ายทะเบียนนั้นจะต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน
คนพวกนี้แม้ว่าจะเป็นโรคจิต แต่ก็ไม่ได้โง่สักเท่าไหร่หรอก จะต้องไม่ยอมถูกตามตัวง่าย ๆ แน่นอน
“ผมรู้แล้วว่าทำไมเอ็มม่าถึงได้ให้คุณมาขับรถให้พวกเรา เพราะคุณเจ๋งอย่างนี้นี่เอง ฝีมือการขับรถแบบนี้ไม่เหมือนกับเป็นคนขับรถธรรมดา ๆ เลย” เสียนลู่หลังจากที่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็พูดชื่นชมจิวเลี่ยนทันที สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน
เอ็มม่าที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ
ก็ไม่ธรรมดาน่ะสิ
“อีกประมาณห้านาทีก็จะถึงแล้ว” เอ็มม่าพูดขึ้นเพื่อให้ไอดอลทั้งห้าคนในความดูแลของเธอเตรียมความพร้อมก่อนที่จะลงจากรถ
สิ้นเสียงของหัวหน้าผู้จัดการวง ไอดอลทั้งห้าคนก็ขยับตัวหยิบกระจกขึ้นมาตรวจดูความเรียบร้อยของหน้าผมตัวเอง ถึงยังไงภาพลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่ต้องรักษา จะให้ปรากฏตัวโทรม ๆ ต่อหน้าแฟนคลับได้ยังไงกัน
พวกเขาใช้เวลาเช็คความพร้อมของตัวเองอยู่หลายนาทีจนกระทั่งรถแล่นเข้าสู่ตัวห้างอันเป็นจุดหมายที่พวกเขาต้องมาทำงาน แต่ละคนก็วางอุปกรณ์ในมือของตัวเองลง สายตาของทั้งห้าหนุ่มมองลอดผ่านผ้าม่านปิดกระจกรถ มองไปยังข้างทางพบว่ามีกลุ่มแฟนคลับมายืนรอพวกเขาอยู่มากมาย มองกะจากสายตาโดยประมาณแล้วคิดว่าไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ในมือของแต่ละคนมีทั้งป้ายไป มีทั้งผ้าเชียร์ที่เขียนชื่อพวกเขา ชื่อวง และคำบอกรักมากมาย มองแล้วชวนให้ยิ้มตาม
“แฟนคลับของที่นี่ยังคงต้อนรับเราอย่างอบอุ่นเสมอเลยนะเนี่ย” ซองซึงฮุนพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า พวกเขามาเยือนเกาะเอ็มทุกปีนับตั้งแต่เดบิวต์มาได้สามปีแล้ว และแต่ละครั้งที่มาก็ยังคงได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นอยู่เสมอ
“พวกคุณมาที่นี่บ่อยเหรอครับ” จิวเลี่ยนอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความสงสัย สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ไม่เคยได้ยินชื่อวงวงนี้มาก่อนเลย
บางทีจิวเลี่ยนอาจจะลืมไป นอกจากรายชื่อทีมแข่งฟอร์มูล่าวัน ชื่อนักแข่ง ชื่อสนาม ชื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถแข่ง เขาก็ไม่รู้จักอะไรอีกแล้ว ในเมื่อทุ่มความสนใจไปที่สิ่งที่ตัวเองรักจนหมด
“ก็หลายครั้งอยู่นะครับ ปีหนึ่งก็ประมาณสองถึงสามครั้ง” หยางฮ่าวเป็นคนตอบ ก่อนจะพูดต่อ
“แต่เพิ่งเคยมาที่ห้างนี้เป็นครั้งแรก” พูดแล้วก็มองไปยังตึกสูงที่ถูกก่อสร้างมาด้วยดีไซน์ที่หรูหรา ป้ายชื่อที่ติดอยู่บนห้างนั้นก็โดดเด่นสะดุดตา
‘จิวเลี่ยนซิตี้’
ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าอะไรคือที่มาของชื่อห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งจะก่อตั้งมาได้สามปี เป็นหลักฐานที่บอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าตระกูลหลงนั้นให้ความรักความเอ็นดูกับคุณชายใหญ่ของตระกูลหลงขนาดไหน
“ยิ่งเห็นชื่อห้างแล้วก็ยิ่งอยากเห็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลงจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ” เสียนลู่ผู้ที่ไม่เคยจะยับยั้งปากของตัวเองได้พูดออกมา
“บางทีคุณอาจจะเคยเจอแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นเขาก็ได้นะครับ” จิวเลี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ถึงแม้ว่าเขาจะรู้มาโดยตลอดว่าภาพของเขาเป็นที่ต้องการขนาดไหน มีคนมากมายเพียงใดที่ต้องการเห็นโฉมหน้าของสองฝาแฝดทายาทของผู้ทรงอิทธิพลแห่งเกาะเอ็ม แต่ก็น้อยครั้งนักที่จะได้ยินกับหูตัวเองแบบนี้ โดยเฉพาะวันนี้ที่เขาได้ยินมาแล้วสองรอบ
เอ็มม่ามองหน้าเพื่อนตัวเองผ่านทางกระจกแล้วก็ลอบส่ายหน้า
จิ้งหยูก็หรี่ตามองหน้าคนพูด ในใจรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก หรือสึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ แต่ก็หาไม่เจอว่ามันคืออะไร
“ถึงแล้วครับ” จิวเลี่ยนที่ขับรถมาหยุดอยู่ที่ลานจอดรถชั้นเจ็ดของห้างพูดขึ้นมา เขาปลดสายเข็มขัดนิรภัยที่เอวออก ก่อนจะลงจากรถไป
เมื่อลงจากรถไปแล้วก็ขยับขาสะบัดเบา ๆ บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยชินกับการขับรถตู้เลยจริง ๆ ส่วนมากรถที่เขาจะขับก็คือรถฟอร์มูล่าวันที่ขับอยู่ในสนามแข่ง หรือไม่ก็รถซูเปอร์คาร์ที่มีจอดอยู่เต็มบ้าน แน่นอนว่ามันเป็นของป่ะป๊าที่เขาสามารถเลือกเอามาขับได้ทุกคัน
จิวเลี่ยนขยับขาไปมาได้สองสามครั้ง การ์ดจำนวนหนึ่งก็ลงจากรถมาแล้วล้อมรอบรถเอาไว้ จิวเลี่ยนหยุดเคลื่อนไหวร่างกายแล้วมองดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มแฟนคลับหลายสิบคนกำลังยืนอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนว่าจะมีบางคนที่หลุดรอดออกจากการปิดกั้นพื้นที่ของการ์ดเข้ามายังลานจอดรถที่ถูกปิดกั้นไว้ให้ห้าหนุ่มวงยูนิคโดยเฉพาะ
และเมื่อหลุดรอดออกมาแล้ว นอกจากการป้องกันไม่ให้แฟนคลับถึงตัวห้าหนุ่มยูนิคได้ ก็ไม่ได้มีมาตรการในการขับไล่แฟนคลับ อย่างมากหลังจากที่จบงานนี้ทางช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของวงก็คงจะประกาศขอความร่วมมือหรือหนักหน่อยก็ประกาศห้ามเอง
จิวเลี่ยนมองบรรดาแฟนคลับที่ถือกล้องตัวใหญ่อยู่ในมือแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองหาว่ามีคนที่ใบหน้าเหมือนกับผู้หญิงที่เขาเจอในห้องน้ำคนนั้นหรือเปล่า เขาคิดว่าบางทีคนที่ขับรถตามมาอาจจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้น
เขาควรจะให้การ์ดเขาตรวจสอบ
เมื่อคืนที่เกิดเรื่องจิวเลี่ยนไม่ได้ให้ความสนใจกับเธอมากนัก เพียงแค่ให้การ์ดอุ้มออกไปทิ้งที่ข้างนอกคลับ ไม่ได้ให้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้น การ์ดของเขาเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวทำอะไรเกินคำสั่ง แต่คิดว่าบางทีตัวคู่กรณีโดยตรงอย่างจิ้งหยูอาจจะรู้ก็ได้ว่าคนที่วางยาเขานั่นเป็นใคร
จิวเลี่ยนคิดโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าบรรดาแฟนคลับที่กำลังรอห้าหนุ่มยูนิคก้าวลงจากรถนั้นต่างก็เริ่มให้ความสนใจเขาแล้ว
อาจจะเพราะด้วยรูปร่างที่กำลังเป็นพิมพ์นิยม ไม่ต่างอะไรกับไอดอลส่วนมากในวงการบันเทิง และด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ต่อให้ไม่ได้เป็นคนที่ติดตามแบรนด์เนมอยู่ก็สามารถมองออกได้ว่าราคาไม่ธรรมดา นอกจากนี้บรรดาแฟนคลับที่อยู่ตรงนี้ล้วนแล้วต่เป็นแฟนคลับตัวยงของวง จำใบหน้าของคนขับรถวงยูนิคได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเห็นว่าคนคนนี้ลงจากที่นั่งของคนขับพวกเธอจึงได้สงสัยว่าเป็นใคร
“นั่นใคร คนขับรถคนใหม่เหรอ”
“ยูนิคของพวกเราเปลี่ยนคนขับรถคนใหม่เหรอ”
“ว้าว ขนาดปิดหน้าปิดตาความหล่อยังทะลุออกมาเลย ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อยดีกว่า”
“ทำไมเปลี่ยนคนขับรถล่ะ คนเก่านั้นคือคนที่พาไปด้วยทุกที่ที่ไปทำงานเลยนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าถึงได้เปลี่ยนคนขับ แล้วคนใหม่ยังดูเด็กมากเลยนะ จะไว้ใจได้หรือเปล่าเนี่ย”
มีหลายคนที่ตื่นเต้นกับคนขับรถคนใหม่ของห้าหนุ่มยูนิค แต่ก็มีอีกหลายคนเหมือนกันที่คลางแคลงใจและไม่ไว้ใจที่จะฝากความปลอดภัยยามอยู่บนท้องถนนของคนที่พวกเธอรักไว้ในมือของคนที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีอายุเกิดยี่สิบปีไปได้ อายุแค่นี้จะมีประสบการณ์ขับรถได้สักเท่าไหร่กัน
เมื่อมีคนเปิดประเด็นเรื่องความไม่น่าไว้ใจและไม่น่าวางใจ ก็มีอีกหลาย ๆ คนที่เริ่มคิดตาม จนกลายเป็นประเด็นที่โต้เถียงกันในโซเชียล แต่นั่นก็ยังเป็นแค่กลุ่มคนเล็ก ๆ อยู่ เมื่อคนส่วนใหญ่มีความคิดที่ว่า
‘จะรีบตีโพยตีพายไปทำไมก่อน ยังไม่รู้เลยว่าเด็กจริงหรือเปล่า ปิดหน้าปิดตาขนาดนั้น อีกอย่างนะ คนของเวลส์เอ็นฯ ไม่มีคนไหนที่ใช้การไม่ได้หรอก ค่ายนี้เขาคัดคนมาอย่างดีแล้ว วางใจเถอะ’
‘นี่คิดว่าไม่ต้องรีบสร้างประเด็นกันเร็วขนาดนี้ก็ได้ ถ้าเป็นคนที่เวลส์เอ็นกล้าใช้งาน ยังไงก็ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้อยู่แล้ว’
แฟนคลับพวกนี้ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวจิวเลี่ยน แต่พวกเธอเชื่อมั่นในเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ บางคนนั้นเป็นแฟนคลับมาตั้งแต่สมัยรุ่นของวอดก้าจนตอนนี้มาถึงรุ่นของห้าหนุ่มยูนิค เรียกได้ว่าตามแบบรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นแฟนคลับของศิลปินค่ายเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ไปเลย
อีกทั้งยังมีแฟนคลับบางส่วนที่ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่ความน่าเชื่อถือ แต่สนใจเรื่องเสื้อผ้าที่จิวเลี่ยนใส่อยู่มากกว่า
‘พระเจ้า เป็นคนขับรถต้องใส่เสื้อผ้าตัวละเป็นหมื่นเป็นแสนเลยเหรอ กุจำได้ เสื้อนั่นผัวกุมีอยู่ตัวหนึ่ง ตอนมันซื้อมากุแทบจะตีมันให้หัวแตก เสื้อห่าไรตัวหนึ่งราคาเกือบหกหลัก!’
‘มึ๊งงงงง เสื้อว่าแพงแล้ว มึงดูกางเกงจ้า กุว่ากางเกงรุ่นนี้ กุขายแบรนด์นี้อยู่ อื้อหืออออ หกหลักปลาย ๆ จ้า กุอดข้าวสามเดือนยังพอซื้อแค่ขากางเกงข้างเดียว’
‘ช่วยดูหน่อย เข็มขัดนั่นใช่ของแบรนด์ซีไหม ถ้าใช่เส้นนั้นก็หลายหมื่นอยู่นะ’
‘ของจริงหรือเปล่า อาจจะเป็นของก็อปก็ได้นะ แค่คนขับรถไม่น่าจะมีปัญญาซื้อของแพง ๆ แบบนั้นใส่หรอก’
‘กุก็ว่าของก็อป เดี๋ยวนี้พวกของก็อปเกรดเอมีให้เกลื่อน’
‘กุแบบ อยากชูคอมากตอนนี้ มึงดูความไม่ธรรมดาของวงผัวกุนะคะ ขนาดคนขับรถยังใส่เสื้อผ้าราคาเป็นแสน ธรรมดาที่ไหนล่ะวงผัวกุน่ะ’
‘เดี๋ยวนะ นี่กุกำลังเปย์ใครอยู่คะ คนที่มีเงินในบัญชีแค่หกดอลกำลังเปย์ศิลปินที่มีคนขับรถแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหกหลัก กุสิไห้ ฮือออออออ’
โชคดีที่แฟนคลับทั้งหลายไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่คนขับรถคนใหม่ของวงยูคนิคกำลังใส่อยู่นี้เป็นตัวที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดาเสื้อผ้าที่มีแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะน้ำลายฟูมปากหรือไม่
แต่นั่นก็เป็นการเคลื่อนไหวในโซเชียลที่จิวเลี่ยนไม่ได้รับรู้ด้วย เขากำลังมองห้าหนุ่มยูนิคที่กำลังทยอยลงจากรถ และถูกการ์ดล้อมเป็นไข่แดงให้เดินเข้าไปในห้าง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของแฟนคลับที่ตระโกนเรียกชื่อของแต่ละคนไม่ขาด อีกทั้งยังมีบางส่วนที่พยายามจะวิ่งฝ่าวงล้อมของการ์ดเข้ามาให้ได้ การ์ดกว่าสามสิบคนที่มีอยู่ก็ใกล้จะรับมือกับความบ้าคลั่งนี้ไม่ไหวแล้ว
“จิว เสี่ยวจิว” เอ็มม่ามองแล้วเห็นว่าการ์ดที่ทางลูกค้าเตรียมไว้ให้รับมือแทบจะไม่ไหวแล้วก็เรียกหาเพื่อนของเธอ ส่งแววตาอ้อนวอนมาให้
จิวเลี่ยนมองเห็นเพื่อนส่งสายตาอ้อนวอนมาก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่เขาก็ทำเป็นเมินเฉยต่อสายตานั้น
ก็ตกลงกันแล้วไงว่าเขาแค่มาเป็นคนขับรถ แค่นี้ก็ขาดทุนจะแย่แล้ว!
จิวเลี่ยนคิดในใจ แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่ามีแฟนคลับคนหนึ่งใกล้จะถึงตัวของจิ้งหยูแล้ว ดวงตาคู่คมโตภายใต้เลนส์แว่นสีเข้มก็วาววับขึ้นมา ยกมือข้างขวาขึ้นสะบัดเบา ๆ ครั้งหนึ่ง การ์ดร่างยักษ์ในชุดสีดำสนิทจำนวนหนึ่งก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน สะกัดกั้นแฟนคลับคนนั้นไว้ได้ทันที ทั้งยังกันไม่ให้แฟนคลับคนอื่น ๆ เข้าถึงตัวของจิ้งหยูได้อีก
ฮึ่ม ผู้ชายของฉัน ใช่ว่าใครจะเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ หรือไง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!