NovelToon NovelToon

วิวาห์ดุษฎี

วันวิวาห์

ท่ามกลางงานแต่งงานที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร ณ โรงแรมชื่อดังกลางใจเมือง ระหว่างตระกูลทรัพย์ทวีและพิยะพันธ์ บ่าวสาวต่างมีรอยยิ้มอันแสนสุข ซึ่งเบ่งบานจนใครหลายคนในงานพากันอิจฉาตาร้อน แสงแฟลชและการถ่ายทอดสดบนโซเชียลดังกระหึ่มไปทั่วประเทศ ข่าวทุกช่องรายงานพิธีการดังกล่าวว่าเป็นงานแต่งที่ใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีมา

“หนูนา ทางนี้” สองมือน้อยๆ ของเพื่อนเจ้าสาวนับสิบคน โบกมือไปมา หวังได้ดอกไม้จากเจ้าสาวแสนสวย ก่อนที่ช่อนั้นจะลอยละลิ่วมาตกที่มือของน้ำเหนือ ตามด้วยเสียงปรบมือเฮลั่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และจบลงที่การจดทะเบียนสมรสระหว่างทั้งคู่

“เหมาะสมกันที่สุดเลยเนอะคู่นี้” คุณหญิงจำนงเป็นภรรยาของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยความปลื้มปริ่ม

“ต่างฝ่ายต่างเป็นลูกคนเดียวของตระกูล ฉันล่ะอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีทายาทขึ้นมา จะรับทรัพย์มากมายขนาดไหน” คู่สนทนากระซิบตอบพลางมองดูพิธีการ ที่จัดขึ้นด้วยความชื่นชมไม่ต่างกัน บรรยากาศในพิธีแต่งงานถูกปกคลุมไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาญาติพี่น้อง และเหล่าเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่าย แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เมื่อพิธีการดำเนินมาถึงการส่งตัวเข้าหอ น้ำตาของหนูนาเจ้าสาวแสนสวยโผเข้ากอดบิดาแล้วปล่อยโฮออกมา

“หนูรักพ่อนะคะ” เจ้าสาวพูดเสียงสั่น คล้ายกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า

“พ่อก็รักหนูนะ ปล่อยพ่อได้แล้ว จะได้จบพิธีการ” ผู้เป็นบิดาค่อยๆ รั้งร่างของหนูนาออกจากตัวเอง แล้วส่งคืนฝ่ายชายไป หลังจากประตูห้องหอปิดลง ชายหนุ่มถอนหายใจพลางก้าวเท้าเข้ามานั่งบนเตียง สำรวจมองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนปลดกระดุมคอเสื้อให้หลวม เขาไม่เคยรู้จักเธอเป็นการส่วนตัว แม้เคยเจอปะปรายตามงานสังคมอยู่บ้าง แต่หล่อนไม่ได้ดูน่าดึงดูดถึงขนาดที่เขาต้องสนใจ ดวงตาเล็กระริกมองตรงกลับมาเช่นเดียวกัน ความรู้สึกแสนประหลาดก่อกำเนิดเกิดขึ้นไม่ต่างนัก

“ทำตัวตามสบายแล้วกันนะ หมดเวลาแสดงละครแล้ว” ชานนท์พูดเสียงเข้ม มือหนาหันไปคว้ามือถือกดดูฟีดข่าว แล้วปล่อยยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ชายหนุ่มเอนกายนอนบนเตียงอย่างสบาย โดยไม่สนหญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงาน สองเท้าเล็กก้าวเบี่ยงออกไปยังเก้าอี้ที่วางอยู่ด้านข้าง พยายามใช้มือรูดซิบจากด้านหลัง ทว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถรูดซิบได้ เธอเหลือบมองชานนท์กล้าๆ กลัวๆ ที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา

“คุณคะ ช่วยฉันหน่อย” คำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปดู พบหญิงร่างบางนั่งอย่างเรียบร้อยอมองตรงมาพลางทำตาปริบๆ เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา

“มีอะไร” เขาพูดห้วน เพราะกำลังถูกรบกวนเวลา

“ฉันรูดซิบไม่ได้ ช่วยรูดลงให้หน่อยได้ไหมคะ” ชายหนุ่มวางมือถือที่แสดงภาพหญิงสาวแสนสวยในชุดวาบหวิวไว้ แม้ไม่เต็มใจนัก แต่ก็ลุกขึ้นโดยไม่ขัด หลังจากเสียงรูดซิบลงเสร็จ หนูนาจึงเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ เธอมองใบหน้าสวยของตัวเองในกระจก

หยุดความเจ้าชู้

เขาว่ากันว่า วันที่ผู้หญิงงดงามที่สุดคือวันแต่งงาน อาจจะจริงเพราะชีวิตเธอ ไม่เคยชินกับเครื่องสำอางหนาเตอะขนาดนี้มาก่อน ในขณะที่แววตาแสดงความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด การแต่งงานที่เกิดขึ้น เกิดจากผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลตั้งใจให้เกี่ยวดองกันไว้ เพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วนๆ

 

 

“ถ้าลูกแต่งงานกับชานนท์ ตระกูลเรา ธุรกิจของเราจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม ไม่มีตระกูลไหนในประเทศจะกุมอำนาจทางธุรกิจได้เท่าเราอีกแล้ว ดังนั้นเชื่อพ่อ รักมันกินไม่ได้ แต่งงานกับเขาซะ” หนูนาหลับตานึกถึงคำพูดของบิดา ตั้งแต่เด็กจนโตถูกพร่ำสอนหนักหนา ว่าให้เคารพความรู้สึกตัวเองเป็นสำคัญ

ยิ่งทบทวนยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมบิดาผู้เฝ้าสอน ถึงบังคับยัดเยียดเธอให้ตระกูลทรัพย์ทวี มือบางค่อยๆ ปลดชุดออก แล้วเร่งทำธุระในห้องน้ำให้เสร็จ ก่อนเดินออกมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า เธอยังคงพบเขานอนเล่นมือถืออย่างสบายใจ เขาคือชายหนุ่มที่นับได้ว่ารูปร่างหน้าตาดีอย่างมาก แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อแต่งงานกันทั้งที่ไม่ได้รัก

“ขอโทษนะที่ทำให้รู้สึกอึดอัด...แต่คุณสบายใจได้ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลย” น้ำคำราบเรียบพูดกับหญิงสาวจบ จึงหันไปเล่นมือถือต่อ หนูนาไม่พูดอะไร สองเท้าเดินไปนอนข้างเขาอย่างเงียบๆ มือน้อยกำไว้แน่น เธอจำใจต้องใช้ชีวิตร่วมอยู่กับชายที่ไม่ได้รัก ก่อนที่ชานนท์จะลุกไปเข้าห้องน้ำ

“ฉันไม่ได้รัก ไม่ได้รู้สึกอะไร เราแต่งงานเพราะธุรกิจพวกนายก็รู้” เสียงของชานนท์คุยโทรศัพท์กับกลุ่มเพื่อน ดังลอดออกมาให้หนูนาได้ยินชัดถ้อยชัดคำ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจแล้วพยายามข่มตาหลับ การแต่งงานจอมปลอมเพิ่งได้เริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอุปสรรคให้หญิงสาวได้ฟันฝ่าอีกนับร้อยนับพันอย่าง

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเศษ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวละเอียด จมูกโด่งเป็นสันเดินออกจากห้องน้ำ ปรายตามองหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทนอนขดตัวอยู่ สายตาคมมองดูเธอครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มคลุมกายให้เธอ

หลังจากจบพิธีแต่งงานได้เพียงอาทิตย์เดียว ข่าวคาวๆ ของชานนท์ชายหนุ่มเจ้าชู้ระดับเทพ ก็ถูกตีแผ่ออกมาสู่สายตาผู้คน เป็นภาพของทายาทตระกูลทรัพย์ทวีที่พึ่งแต่งงานอย่างใหญ่โต กำลังเดินจับมือถือแขนกับดาราสาวนางหนึ่งที่พึ่งหย่าล้างไปได้ไม่นาน ก่อนที่หน้าฟีดข่าวจากทุกสำนักจะหยุดอัปเดตไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ประชาชนบางส่วนค้างคาใจ

“เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวเหลวไหลเสียที” ราเชนทร์บิดาของชานนท์ เดินเข้ามายังห้องทำงาน แล้วกระแทกมือถือให้ชายหนุ่มได้รับรู้ ดวงตาเหี่ยวย่นบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธอย่างมาก ข้อเสียของลูกชายคือเจ้าชู้ได้ทุกเวลาไม่เลือกที่ ส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้เขาทำได้ดีหมด ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือทำงานก็ตาม เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและแสนฉลาดได้ดังใจทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเจ้าชู้ประตูดินที่ยังคงทำให้หนักใจได้ทุกวี่วัน

“รู้ไหม ว่าฉันต้องลำบากเสียเงินมากมายแค่ไหน เพื่อที่จะปิดข่าวคาวๆ ของแก” ราเชนทร์ชี้ภาพข่าวของลูกชาย ให้ดูเป็นหลักฐาน

“ความจริงพ่อไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายเพื่อปิดข่าวพวกนี้ เดี๋ยววิภาเธอก็แก้ข่าวเองแหละ” ชานนท์กำลังหมายถึงดาราสาวที่เขาควง ชายหนุ่มมองมือถือ ที่บิดาวางเด่นอยู่แล้วเหลือบขึ้นสบตาชายชราโดยไม่ได้รู้สึกสะท้านในความผิดของตัวเอง

“พ่อไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอกครับ พ่อให้ผมแต่งงานกับหนูนา ผมก็ทำตามแล้วไง”

“แกทำตามฉันเพราะผลประโยชน์ ดังนั้นอย่ามาอ้าง”

“แล้วพ่อจะเอาไง ก็ผมไม่ได้รักหนูนา พ่อให้ผมจดทะเบียนสมรสก็จดให้แล้ว เล่นละครว่ารักกันปานจะกลืนกิน ก็ทำให้แล้ว แล้วจะเอาอะไรอีก” ใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีท่าทีก้าวร้าวประการใด

“หยุดความเจ้าชู้มักมากของแกซะ”

“พ่อก็รู้ว่าผมทำไม่ได้” ชานนท์พูดจบจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องผู้บริหาร โดยมีสายตาของพนักงานมองตรงมาเป็นทางเดียวกัน

“ไปทำงานสิครับ” เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนที่พนักงานทุกคนจะก้มหน้ามุดด้วยความเกรงกลัว ชายชราถึงกลับยืนไม่อยู่ ค่อยๆ ถลาตัวลงนั่งที่โซฟา ราเชนทร์หวนนึกถึงอดีตที่เขากับวิรุณเป็นเพื่อนรักและคอยเกลื้อหนุนธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน จนต่างฝ่ายต่างประสบความสำเร็จตามๆ กันมา

“ถ้าฉันมีลูกสาว ฉันจะยกให้เป็นภรรยาของตาชานนท์” วิรุณพูดกับราเชนทร์ในขณะที่ชานนท์ยังแบเบาะ และคำพูดนั้น ได้ผ่านมาเนิ่นนาน จนทุกคนลืมกันไปหมด ชานนท์และหนูนาต่างเติบโตแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเองตามที่ปรารถนา แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข่าวร้ายที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเกือบทรุด นั่นคือมะเร็งร้ายที่กำลังทำลายระบบต่างๆ ในร่างกายของวิรุณ ซึ่งเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว

“ฉันเป็นมะเร็ง” วิรุณพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะวางผลตรวจให้เพื่อนรักดู ราเชนทร์เปิดดูด้วยอาการสั่นเทา รู้สึกวูบชาไปครู่หนึ่ง ทว่านิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ เขาสังเกตสีหน้าของวิรุณด้วยความเห็นใจอย่างถึงที่สุด เพราะหากวิรุณเป็นอะไรไปสักคน ทุกอย่างคงปั่นป่วนวุ่นวายไม่น้อย

“นายจำวันที่ตาชานนท์แบเบาะได้ไหม ที่ฉันเคยบอกว่า ถ้าฉันมีลูกสาวจะยกให้เป็นภรรยาเขา นับจากวันนั้นฉันลืมไปแล้ว จนมาวันนี้คนที่ฉันห่วงที่สุดก็คือยัยหนูนา” วิรุณพูดพร้อมกับสีหน้าเศร้าหมอง เพราะรู้ว่าเวลาของเขาเหลือน้อยเต็มที หนูนาพึ่งเสียมารดาไปเมื่อสามปีก่อน ขณะนั้นกว่าหญิงสาวจะทำใจยอมรับได้ก็กินเวลานานนับปี หญิงสาวที่เติบโตท่ามกลางความสุขสบาย ไม่เคยลำบาก วิรุณจึงไม่มั่นใจนักว่าเธอจะใช้ชีวิตเพียงลำพัง โดยแบกรับธุรกิจนับหลายพันล้านบาทได้ไหม

ทานเป็นเพื่อนพ่อหน่อย

“ถ้าฉันจะขออะไรเป็นครั้งสุดท้าย ให้หนูนากับชานนท์แต่งงานกัน นายจะทำเพื่อฉันได้ไหม” ราเชนทร์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ถ้าฉันตาย ธุรกิจของฉันทั้งหมดจะตกกับหนูนา นายก็รู้ว่าหนูนาถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน ลูกฉันไม่เคยเจอโลกกว้าง อยู่กับฉันเหมือนกับไข่ในหิน เธอไม่มีทางรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมคน ทรัพย์สมบัติของฉันที่ตกทอดไปยังหนูนาจะไม่ปลอดภัย ฉะนั้นคนที่เข้ามาหาหนูนาทุกคนฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น

ราเชนทร์เดินเอามือล้วงกระเป๋าหันหน้ามองตรงไปยังวิวกว้างริมหน้าต่างบนตึกสูงระฟ้า เขาเห็นหนูนามาตั้งแต่เด็ก เธอสดใส น่ารักเรียบร้อยและมองโลกในแง่ดีเสมอ เป็นจุดอ่อนที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก ในการใช้ชีวิตคนเดียวโดยอายุเพียงแค่ ยี่สิบสองปี พร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลแบบนั้น

“นายก็รู้ว่าชานนท์เจ้าชู้ขนาดไหน ฉันกลัวลูกชายฉันจะทำลูกสาวของนายเสียใจ” ราเชนทร์พูดอย่างเป็นห่วง

“ฉันไม่ได้มั่นใจตาชานนท์ แต่ฉันมั่นใจในตัวนายต่างหาก ฉันเชื่อว่านายจะเป็นพ่อคนหนึ่งให้กับหนูนาได้ ที่จะคอยชี้แนะและปกป้องลูกสาว รวมไปถึงทรัพย์สมบัติแทนฉันด้วย” วิรุณเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเพื่อน พลางยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อฝากฝังเป็นครั้งสุดท้าย

“บางทีฉันควรขอโทษนายไว้ตรงนี้ก่อน เพราะฉันมั่นใจว่าชานนท์ต้องทำลูกสาวนายมีน้ำตาแน่ๆ” ราเชนทร์หันพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง แบบไม่มั่นใจนัก

“ถ้านายเป็นฉัน นายก็จะทำแบบฉัน เพื่อรักษาทุกอย่างไว้ให้กับหนูนา เพราะนายคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุดในตอนนี้” วรุณหันกลับไปนั่งยังโซฟา แล้วหยิบเอกสารเก็บใส่กระเป๋าไปอย่างช้าๆ ใครจะล่วงรู้ว่านาทีนี้หัวใจของคนเป็นพ่อเจ็บปวดเพียงใด ที่มิอาจอยู่ดูลูกเติบโตได้อย่างที่ควรจะเป็น อีกทั้งทรัพย์สมบัติมหาศาลที่เปรียบเสมือนดาบสองคมสำหรับลูกสาวนั้น เป็นสิ่งที่คนชราห่วงที่สุด

“ฉันขอนะราเชนทร์ช่วยฉันและครอบครัวสักครั้ง และคงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต” หลังจากทั้งสองทำการตกลงกันไว้เป็นที่เรียบร้อย วรุณจึงเรียกทนายส่วนตัวเข้าพบในวันนั้น ทั้งสามปรึกษาบางอย่างโดยละเอียดเพื่อวางแผนอนาคตของเด็กสองคนในภายภาคหน้า

เสียงมือถือดังขึ้นขณะที่หนูนากำลังเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น เธอละจากเตาไฟแล้วหันมากดรับ เมื่อเห็นว่าเบอร์โทรเข้าเป็นของน้ำเหนือ เพื่อนสนิทของเธอเอง รอยยิ้มกว้างแสดงขึ้นพร้อมกับเสียงตอบรับปลายสาย

“ฉันดูข่าวเมื่อช่วงเช้าแล้ว เธอเป็นไงบ้าง” น้ำเหนือถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่ได้คิดอะไร มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา” หนูนาตอบพลางหันไปสาละวนอยู่ที่เตาเหมือนเดิม

“สิทธิ์ของเขาได้ไง เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขานะ”

“แล้วจะให้ฉันทำไง จะให้ฉันด่าทอ หรือทะเลาะกันเสียงดังเหมือนบ้านอื่นๆ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะน้ำเหนือ”

“แต่เขาทำแบบนี้มันไม่ถูก” น้ำเหนือพูดอย่างไม่เห็นด้วย ในขณะที่หนูนาปล่อยวางเสียจนน่ากลัว คนอย่างชานนท์เขาเพียบพร้อมไปทุกอย่าง หากไม่เข้มงวดอาจจะนำปัญหามาให้ในภายหน้า

“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ น้ำเหนือ เขาอยากจะทำอะไรก็เรื่องของเขา เราก็แค่อยู่บ้านเดียวกันมันก็แค่นั้น”

“แม่ดูสิ คุณหนูนาทำอาหารเผื่อไว้ให้คุณชานนท์ทุกวันเลย แต่คุณชานนท์ก็ไม่เคยกลับมาทานข้าวเย็นสักมื้อ มื้อนี้ก็ต้องทิ้งตามเคย” เต้าฟูลูกสาวของคนใช้ประจำบ้านหันมามุ่ยหน้าพูดกับแม่ของตน ป้าสวยเป็นแม่บ้านเก่าแก่ของบ้านปัญญาพิพัฒน์

เมื่อเรือนหอสำหรับชานนท์และหนูนาสร้างเสร็จ คุณราเชนทร์จึงมอบหมายให้เธอมาอยู่ดูแลทั้งคู่ที่บ้านหลังนี้แทน ทั้งสองเฝ้ามองพฤติกรรมของเจ้านายแล้วคอยรายงานคุณราเชนทร์อยู่เนืองๆ ตามคำสั่งเสมอ แต่ก็อดสงสารหนูนาไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกวัน

“คราวนี้นายเข้าใจสิ่งที่ฉันเคยเตือนไปแล้วหรือยัง ว่าลูกเวรของฉันมันทำอะไรกับลูกสาวของนายบ้าง” ราเชนทร์ยกหูโทรหาเพื่อนรัก ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะตอบกลับมา

“ฉันยังมั่นใจ ว่าตาชานนท์ต้องมีเชื้อนายบ้าง มันจะไม่เป็นแบบนี้ไปตลอดหรอก”

“นายมันดื้อ” ราเชนทร์ต่อว่าพลางกดวางสายไป เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด ที่ไม่สามารถจัดการลูกชายตัวแสบของตนได้ อีกทั้งเพื่อนหัวรั้นก็ไม่ยอมฟังคำเตือน ราเชนทร์อึดอัดใจจนต้องรีบคว้ากุญแจรถบึ่งตรงไปยังเรือนหอของทั้งคู่ ด้วยอยากเห็นกับตาว่าหนูนาสบายดีไหม เป็นอย่างไรบ้างหลังจากแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ของเขา หลังจากจอดรถยังไม่สนิทพอ เต้าฟูเด็กหญิงวัยสิบสามก็รีบวิ่งเข้ามาเปิดประตูให้

“คุณหนูนาล่ะ”

“ทำอาหารอยู่ในครัวค่ะ” ชายชราพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปทันที ราเชนทร์ไม่ถามถึงลูกชายของเขาสักคำเพราะรู้ดีว่าเด็กดื้อนั้นไม่มีทางอยู่ติดบ้านอย่างแน่นอน หลังจากทำท่าไม่พอใจออกจากบริษัทไป ก็คงไปกกแม่ดารานั่นตามเคยไม่ต้องสืบ

“คุณพ่อ” หนูนาหันมาเจอ ก่อนจะยกมือไหว้เคารพ รอยยิ้มหวานของเธอทำให้ชายชรารู้สึกเจ็บลึก เพราะต้องแบกรับความรู้สึกผิดไว้ตลอดเวลาเพียงผู้เดียว

“ทำอะไรอยู่ลูก” น้ำเสียงอ่อนถามอย่างเอ็นดู

“ต้มยำปลา แล้วก็ไก่ทอดค่ะ”

“ทำเยอะเชียว ทานหมดหรือ”

“ทำเผื่อคุณชานนท์ด้วยค่ะ หนูนาทานคนเดียวไม่หมดหรอก”

“พ่อทานด้วยได้ไหม” ชายชรามองตรงไปยังใบหน้าหวานของหญิงสาว ก่อนเธอจะปล่อยยิ้มพลางพยักหน้า แล้วหันไปตักข้าวให้

“ทานเป็นเพื่อนพ่อด้วยสิ” เขารู้ว่าหนูนาต้องทานอาหารคนเดียวมาเป็นเวลานาน แม้จะทำอาหารเผื่อไว้ให้ชานนท์ แต่วันนี้คงไม่กลับมาเช่นเคย อาหารที่มีคงเหลือทิ้งไม่ต่างจากเดิม หนูนายอมเชื่อฟัง ตักข้าวเพิ่มให้ตัวเองอีกหนึ่งจาน เจ้านายสองคนนั่งทานอาหารเต็มไปด้วยบรรยากาศราบเรียบ

“ฝีมือดีนี่ อร่อยใช้ได้” คำชมจากชายชราทำให้หญิงสาวยิ้มกว้าง เธอชอบการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก มีความฝันว่าอยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ นอกเมืองสักแห่ง

“ถ้าคุณพ่อชอบ หนูนาจะทำให้ทานบ่อยๆ ค่ะ คุณพ่อมาได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” ชายชราพยักหน้ายิ้ม

“ทานเยอะๆ นะ” เขาตักอาหารใส่จานให้หญิงสาวอย่างเอ็นดู รอยยิ้มเหี่ยวย่นทำให้หนูนายิ้มอย่างมีความสุข เขาใจดีเสมือนบิดาของเธอไม่มีผิด

“ตาชานนท์เป็นยังไงบ้าง ดูแลหนูดีไหม” หนูนาชะงัก พลันเปลี่ยนสีหน้า ทว่าชายชรารับรู้ได้ในทันทีโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตอบ ลูกชายจอมดื้อของเขาก่อปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!