NovelToon NovelToon

พี่เลี้ยงคนนี้ผมขอได้มั้ย

#1 หาเงินคือเรื่องสำคัญ

"ปิงๆ อย่าลืมเอาข้าวกล่องไปด้วยสิ"น่านรีบเรียกน้องชายที่อายุห่างจากตัวเองยังไม่ถึงห้านาทีเอาไว้ 

"จะกินที่โรงอาหาร"ปิงตอบอย่างเนือยๆ หยิบขนมปังปิ้งที่น่านปิ้งเอาไว้ให้ขึ้นมาคาบเอาไว้ ก้มตัวใส่รองเท้าผ้าใบของตัวเอง แล้วเดินออกจากคอนโดไปอย่างรวดเร็ว 

"อะไรกัน ไหนบอกว่าอาหารที่โรงอาหารไม่อร่อย?"น่านได้แต่ครุ่นคิด 

ช่วงนี้ดูเหมือนเค้ากับปิงนั้นจะห่างกันไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เค้าทั้งสองคนเคยสนิทกันมากขนาดนั้นในตอนเด็กๆแท้ๆ แต่สาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้ มันก็คงเพราะความชอบส่วนตัวของเค้าล่ะมั้ง 

บางทีน้องชายที่มีเพียงคนเดียวของเค้า อาจไม่พอใจรสนิยมทางเพศของเค้าก็เป็นได้ 

เฮ้อ...แต่จะให้เค้านั้นทำยังไงเล่า เค้าเปลี่ยนความชอบของตัวเองไม่ได้นี่นา 

เค้าชอบผู้ชาย...เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน และก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไปด้วย 

หากว่าปิงรับเค้าไม่ได้ในเรื่องนี้ เค้าก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว 

น่านไม่มีทางเลือก เลยต้องวางกล่องข้าวที่ทำเอาไว้ให้ปิงลงที่โต๊ะกินข้าว 

ทั้งที่ตั้งใจตื่นขึ้นมาทำแต่เช้าขนาดนี้ แต่ความหวังดีและความตั้งใจนี้กลับไม่มีคนรับไปซะงั้น... 

น่านหยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินลงจากคอนโดไปอย่างสิ้นหวัง 

"ทำไมแกทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว"มะลิรีบเดินเข้ามากอดคอเพื่อนชายร่างบางของตัวเองเอาไว้เหมือนปกติในทุกๆเช้า 

"ปิงอะสิ"น่านพูดแค่นั้น มะลิก็เข้าใจได้ทันที 

"เฮ้อ แกเลิกสนใจมันซะทีเถอะ มันกับแกอายุห่างกันยังไม่ถึงห้านาทีเลย ไม่เห็นจะต้องไปเอาอกเอาใจ ไปดูแลคนนิสัยเสียแบบมันเลย"มะลินั้นไม่ชอบปิง ไม่ชอบเอามากๆ 

ไอ้คนนิสัยไม่ดีคนนั้นมักทำให้น่านนั้นเครียดและเป็นกังวลกับคนอย่างมันอยู่เสมอ ได้รับตำแหน่งว่าเป็นน้องก็จริง แต่อายุก็ไม่ได้ห่างกันซะหน่อย ไม่เห็นจะต้องให้น่านไปเอาอกเอาใจ ดูแลเอาใจใส่แบบนั้นเลยซักนิด 

"ก็มันเคยนี่...ทำมาตั้งนานแล้ว หากไม่ทำมันก็รู้สึกแปลกๆ ยิ่งเราสองคนไม่มีใคร มีกันอยู่แค่นี้ แกจะให้ฉันทำยังไงเล่า"น่านได้แต่ถอนหายใจ 

"เย็นนี้ต้องไปทำงานพาร์ทไทม์อีกมั้ย"มะลิกอดน่านเอาไว้แน่น พยายามดึงเอาความอ่อนล้าลึกๆของน่านออกมาให้มากที่สุด 

"ไปสิ ไม่ไปแล้วจะเอาอะไรกินล่ะ" 

"แล้วนี่ไอ้ปิงมันรู้มั้ย ว่าพ่อไม่ส่งเงินมาให้ตั้งนานแล้ว เอาแต่กิน เอาแต่เที่ยวอยู่ได้" 

"ไม่หลอก ไม่ได้บอกมัน ไม่อยากให้มันไปอาละวาดครอบครัวของพ่ออีก" 

"แกเลยเก็บเงียบเอาไว้ รับภาระทั้งหมดเองเนี่ยนะ? แล้วยังต้องมาคอยทำความสะอาดซักเสื้อผ้า ทำอาหาร รองรับอารมณ์งี่เง่าของมันอีก?"มะลิอยากจะทุบหัวของน่านเสียเหลือเกิน เผื่อสติของน่านจะเข้าที่เข้าทาง เลิกทำเป็นคนแสนดีแบบนี้อีก 

"หากบอกไป ปิงต้องไปอาละวาดครอบครัวของพ่อแน่ แกก็รู้ว่าแม่เลี้ยงของฉัน...ไม่ใช่ธรรมดา ฉันไม่อยากให้ไอ้ปิงไปหาเรื่องเจ็บตัว"น่านคิดถึงครั้งที่แล้วที่ปิงไปอาละวาด แล้วโดนอัดจนเละเป็นโจ๊กกลับมาแบบนั้น ก็รู้สึกกลัวจนยอมเก็บเอาไว้เป็นความลับกับตัวเองดีกว่า 

แม่เลี้ยงที่มีลูกชายเป็นนักเลงตัวโตๆแบบนั้น ไม่เหมาะให้เด็ก ม.ปลายอย่างพวกเค้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก 

"ฉันไปถ่ายแบบตามคำชวนนั่นดีมั้ย...จะได้เอาเงินมาช่วยแก"มะลิคิดหนัก เธอไม่อยากให้น่านเหนื่อยเกินไปนัก อะไรที่ช่วยได้ก็พร้อมจะช่วย 

"แกไม่ชอบให้คนอื่นมาจ้องมองแกนี่ เพราะงั้นไม่ต้องทำอะไรที่ฝืนตัวเองเพื่อช่วยฉันหรอก"น่านฉีกยิ้ม 

แม้ว่าชีวิตของเค้าจะเจอแต่คนที่ปั่นทอนจิตใจ แต่อย่างน้อยเค้าก็มีเพื่อนสนิทอย่างมะลิ ที่คอยให้กำลังใจ และเคียงข้างเค้าอยู่คนนึง 

"แต่ถ่ายแบบพวกนั้นได้เงินดีกว่าแกไปล้างจานในครัวพวกนั้นนี่ ดูสิมือเรียวๆของแก ยับเยินไปหมดแล้ว"มะลิมองนิ้วมือที่เคยนุ่มเนียนเรียวยาวนั่นอย่างไม่พอใจ 

"ฉันไม่มีเงินนะมะลิ จะเอามือนุ่มๆนั่นไปทำอะไรเล่า"น่านได้แต่ฉีกยิ้ม 

อันที่จริงน่านนั้นก็ฉีกยิ้มแบบนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้น เค้านั้นก็เอาแต่ยิ้มอยู่ตลอดเป็นเครื่องป้องกันตัวอยู่แล้ว คนอื่นเลยคิดว่าเค้านั้นเป็นคนโกรธยาก ทำอะไรก็ไม่ค่อยโกรธ เป็นคนใจดีอ่อนโยนที่เอาแต่ยิ้มได้ทั้งวัน 

ซึ่งอันที่จริงนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เค้านั้นก็มีความรู้สึก โกรธเป็นโมโหเป็นเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่คนพวกนั้นไม่ได้สนิทพอที่จะทำให้เค้านั้นเผยมุมงี่เง่าแสนงอแงอีกด้านนึงออกมามากกว่า 

"งั้น...แกผันตัวมาเป็นผู้จัดการฉันมั้ย ฉันไปถ่ายแบบ แกคอยดูแลฉันแบบนี้เป็นไง"มะลิพยายามหาทางทำให้น่านนั้นเหนื่อยน้อยที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยการเอาตัวเองเข้าไปช่วยอย่างสุดตัว 

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง หากแกอยากทำ ฉันอยากให้แกอยากทำเพราะตัวแกเอง ไม่ใช่อยากทำเพราะฉัน"น่านผลักหัวมะลิเล่นเบาๆ 

มะลิเป็นคนสวยมาก ทั้งยังหุ่นดี หน้าอกงี้สะบึม ไม่ว่าเดินๆไปที่ไหน ผู้ชายก็มองตามมะลิเป็นตาเดียวอยู่เสมอ แต่ใครจะคิดกันเล่า ว่าคนที่มีภาพลักษณ์แรงๆ ดูลุคเซ็กซี่แบบนี้ จะเป็นคนที่ขี้อาย ทั้งยังไม่กล้าแสดงออก มีความคิดหัวโบราณเป็นแม่บ้านแม่เรือนแบบนี้กัน 

คนเราก็อย่างที่เค้าว่ากันเอาไว้ ว่าดูกันที่ภาพลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริงๆนั่นแหละ 

"อืม ฉันว่าแล้วแกจะต้องห้ามฉัน"มะลิได้แต่หัวเราะคิกคัก 

น่านนั้นเป็นคนที่รู้จักเธอมากที่สุด รู้ว่าเธอนั้นไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ชอบการถ่ายแบบอะไรนั่นเลยซักนิด ไม่เหมือนแม่ของเธอ คอยแต่จะยุให้เธอนั้นเอาดีทางด้านนี้อยู่ได้ เธอเลยต้องย้ายหนีออกมาอยู่คอนโดคนเดียวเพื่อตัดความรำคาญซะเลย 

"แต่เทอมต่อไปเนี่ยสิ ต้องคิดหนัก ค่าเทอมพวกนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย"น่านรู้สึกปวดหัว 

ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย หาเงินเลี้ยงตัวเองก็แย่พออยู่แล้ว นี่ยังจะต้องหาให้ปิงใช้ด้วยอีกคนอีก ทำเอาน่านนั้นอยากให้มีเวลาเพิ่มหลายๆชั่วโมงต่อวันจริงๆ 

"หากไม่ทัน ก็ยืมฉันก่อนแล้วค่อยคืนทีหลังก็ได้ เรื่องเงินอะไรพวกนั้นไม่ต้องคิดมากหรอก" 

"อืม"น่านพยักหน้ารับ 

แต่เค้านั้นก็ไม่อยากพึ่งพามะลิมากนัก อยากจะหามาด้วยตัวเองมากกว่า 

บางทีเค้าอาจจะหางานพิเศษเพิ่มอีกอย่าง...แต่เด็กม.ปลายอย่างเค้า จะไปทำงานอะไรได้อีกกันล่ะ 

 

"น่านๆ อาจารย์ยุพินเรียกให้น่านไปหาอะ" 

มะเหมี่ยวเพื่อนในห้องเข้ามาบอกในขณะที่น่านกับมะลิกำลังนั่งกินข้าวกล่องด้วยกันในช่วงพักกลางวัน 

"อาจารย์เค้าเรียกน่านไปทำไมอะ"มะลิถามต่อ เพราะปกติแล้วอาจารย์ไม่ค่อยเรียกนักเรียนไปหาในช่วงพักกลางวันแบบนี้ หรือว่าไอ้ตัวดีปิงนั่นทำอะไรอีก 

"เราก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าอาจารย์ฝากมาตามน่านเฉยๆ" 

"ขอบใจนะมะเหมี่ยว"น่านส่งยิ้มหวานๆให้มะเหมี่ยวตามปกติ ทำเอามะเหมี่ยวเขินอาย หน้าแดงเดินม้วนต้วนออกไปทันที 

แม้ทุกคนในห้องนั้นจะรู้ว่าน่านนั้นไม่ชอบผู้หญิง แต่การที่มีคนหน้าตาดีแบบนี้มาส่งยิ้มหวานๆให้ ใครจะทนดาเมจนี้ได้ไหวกันเล่า ส่วนมากคนที่ได้รอยยิ้มนี้ของน่านไป ก็มักจะออกอาการแบบนี้กันทุกรายเป็นเรื่องปกตินั่นแหละ 

"ฉันไปก่อนนะ แกนั่งกินไปก่อนเลย"น่านลุกขึ้นยืนทันที 

"ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย"มะลิเตรียมตัวเก็บของ จะตามน่านไปด้วยอีกคน แต่น่านเบรกเอาไว้ก่อน 

"ไม่ต้องหรอก แกหิวมากไม่ใช่เหรอ กินต่อไปเถอะฉันไปเอง"น่านพูดจบก็รีบเดินออกไปที่ห้องพักอาจารย์ทันที 

ก๊อกๆๆ 

น่านเคาะประตูได้ไม่นาน อาจารย์ยุพินก็อนุญาติให้น่านเข้าไปในห้อง 

"เข้ามา" 

น่านเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ทั้งยังยกมือไหว้อาจารย์ยุพินที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วทันที อย่างมีมารยาท 

"อาจารย์เรียกผมมาที่นี่ มีอะไรเหรอครับ" 

"อืม มีจริงๆ พอดีอาจารย์ได้ข่าวว่าน่านอยากได้งานติวไม่ใช่เหรอ" 

"ใช่ครับ"น่านเริ่มมีความหวังขึ้นมาทันที รีบฉีกยิ้มกว้างประจบประแจงอาจารย์ยุพิน 

"พอดีลูกของเพื่อนครู อยากได้ติวเตอร์ไปสอนหลานเค้าที่บ้าน น่านอยากทำมั้ยล่ะ" 

"อยากครับ ว่าแต่เรื่องค่าจ้าง..."น่านคิดว่าถามแบบนี้มันดูเสียมารยาท แต่เค้านั้นร้อนเงินจริงๆ หากไม่ถามตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปถามตอนไหน เด็ก ม.ปลายอย่างเค้านั้นหางานยากจะตาย หากจะต้องทิ้งงานล้างจานมารับงานที่ได้เงินน้อยกว่า เค้านั้นก็ไม่ไหวเช่นกัน 

"เรื่องค่าจ้างไม่ต้องเป็นห่วง อาจารย์รับรองว่าบ้านนั้นต้องให้น่านเยอะแน่นอน ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ไม่คุ้มค่าเหนื่อยหรอก"อาจารย์ยุพินได้แต่หัวเราะที่เห็นน่านกังวลเรื่องเงินที่จะไปทำงานกับคนที่ใช้เงินเป็นเบี้ยอย่างเพื่อนของเธอ 

น่านได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งเบาใจ รีบรับนามบัตรมาจากอาจารย์ เดินออกจากห้องพักอาจารย์มาอย่างสุขใจ มองนามบัตรที่อยู่ในมือตาไม่กระพริบ 

ปึก!! 

"ไอ้เชี่ยปิงมึง!"คิสกระชากคอเสื้อคนตรงหน้าอย่างแรงทันที 

"ขอโทษๆ"น่านรีบพูดขึ้น 

แต่เหมือนคนตรงหน้านั้นจะหน้ามืดไปแล้ว มองเค้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เหมือนอยากจะหักคอเค้าให้แหลกคามือเลยด้วยซ้ำไป แล้วเค้านั้นจะทำยังไงกันเล่า เค้านั้นไม่ใช่ปิงซะหน่อย 

#2 สัมภาษณ์งาน

"ขอโทษ"น่านพูดอีกครั้งเสียงสั่นๆ หวั่นว่าตัวเองนั้นจะตาเขียวอีกรอบโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่จริงๆ 

"ไม่ใช่นี่หว่า..."คิสชะงัก เพราะไอ้ปิงไม่มีท่าทีขี้ขลาดแบบนี้แน่นอน 

"ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจชนนายจริงๆ"น่านกลัวจนขาสั่นไปหมดแล้ว 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อริของปิงนั้นจำคนผิดแบบนี้ เค้านั้นโดนต่อยโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้มากหลายครั้งแล้ว 

"ไม่ใช่ไอ้ปิง?"คิสถามย้ำ เริ่มมองน่านอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วก็พบว่าแม้หน้าจะเหมือนไอ้ปิงก็จริง แต่หน้าตาของน่านนั้นดูอ่อนโยนใจดีกว่า ไม่ได้เรียกตีนเหมือนไอ้ปิงเลยซักนิด 

"ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆนะ"น่านส่ายหน้าไม่หยุด 

"เออ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่"คิสปล่อยมือในที่สุด เพราะหากว่าเป็นไอ้ปิงจริงๆ คงได้ออกหมัดสู้กันตั้งแต่เค้ากระชากคอเสื้อแล้ว ไม่มีทางมายืนขาสั่นขี้ขลาดแบบนี้นี่แน่นอน 

"ขอโทษที่เดินชน"น่านพูดแค่นั้น ก็รีบเดินหนี ทั้งยังปัดคอเสื้อที่โดนจับจนยับย่นของตัวเองไม่หยุดมือ 

"เดี๋ยว...ทำไมหน้าเหมือนไอ้ปิงขนาดนี้"คิสรีบรั้งแขนของน่านเอาไว้ 

"เพราะ...เพราะเป็นพี่น้องกัน"น่านพูดออกไปอย่างหวาดๆ ไม่รู้ว่าไอ้นักเลงนี่จะทำอะไรเค้าอีกบ้าง หากรู้ว่าเค้าทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องกัน 

"พี่น้องกัน? พี่น้องกันทำไมเหมือนกันขนาดนี้" 

น่านทำได้เพียงแค่กรอกตา ไอ้บ้านี่ใช้กำลังมากกว่าสมองจนชินสินะ เลยคิดไม่ออกว่าคนที่หน้าเหมือนกัน เป็นพี่น้องกัน นั้นไม่ใช่แฝดกัน 

"แฝดไง"น่านชิงตอบในที่สุด เพราะเห็นท่าทางครุ่นคิดของคนตรงหน้าแล้วอดสงสารไม่ได้ 

เสียดายที่พ่อแม่นั้นให้หน้าตามาดีขนาดนี้ แต่สมองนั้นกลับไม่ได้ให้เผื่อมาด้วย เลยได้แต่หล่อแล้วโง่แบบนี้ 

"ถึงว่า...หน้าตาถึงได้เหมือนกัน"คิสตอบเสียงดังอย่างสะใจ เค้าก็ว่าอยู่แล้ว พี่น้องที่ไหนจะหน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้ เป็นฝาแฝดกันนี่เอง! 

"อืม เพราะเป็นแฝดกัน ถึงได้หน้าเหมือนกัน"น่านได้แต่ยิ้มบาง 

เจ้านี่...มันโง่จริงๆสินะ... 

"นิสัยเหมือนกันด้วยเปล่า หากเหมือนจะได้ต่อยเอาไว้ก่อนเลย"คิสเงื้อมือขึ้นมา โชว์กำปั้นใหญ่ๆของตัวเองให้น่านดู 

"ไม่...ไม่เหมือน"น่านส่ายหัว 

"จริงนะ"คิสถามย้ำ 

"จริงสิ"น่านพยักหน้า 

"อย่าให้รู้นะว่านิสัยเหมือนกัน ไม่งั้นเจอกันครั้งหน้าไม่เอาไว้แน่"คิสขู่ 

"ได้ๆ ไม่นิสัยเหมือนกันแน่นอน"น่านพูดจบแค่นั้น ก็รีบวิ่งหนีกลับห้องเรียนตัวเองทันที 

"แกเป็นอะไรน่าน ไปหาอาจารย์ยุพินไม่ใช่เหรอ ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นเข้าห้องมาแบบนี้"มะลิถามอย่างสงสัย 

"เจอคนไม่ปกติน่ะสิ เมื่อกี้เกือบโดนต่อยเลย"น่านรีบแย่งพัดจากมือของมะลิมาพัดให้ตัวเอง 

"อริไอ้ปิงอีกแล้วสิ"ได้ยินน่านพูดแบบนี้ มะลิก็ไม่ต้องเดาให้มากความ 

ไอ้บ้านั่นชอบไปหาเรื่อง แล้วผลกรรมก็มาตกอยู่ที่คนหน้าเหมือนกันอย่างน่านอยู่เป็นประจำ 

"น่าจะใช้ เกือบไปแล้ว หากตาเขียวไปสัมภาษณ์งานล่ะก็จบเห่แน่" 

"สัมภาษณ์งาน?" 

"ใช่ อาจารย์ยุพินหางานติวให้อะ ฉันว่าดีมากเลย นี่ก็ได้นามบัตรมาแล้ว เลิกเรียนฉันจะโทรไปคุยหากว่าทางนั้นเค้าโอเคล่ะก็ ต่อไปฉันก็ไม่ต้องไปทำงานล้างจานแบบนั้นอีกแล้ว"น่านบอกอย่างร่าเริง 

"จริงอะ แบบนี้ก็ดีเลยดิ"มะลิดีใจกับเพื่อนด้วยอีกคน 

งานล้างจานที่น่านทำอยู่ตอนนี้เป็นงานที่หนักมาก แม้ว่าจะเลยเวลาปิดครัวไปแล้ว แต่น่านนั้นก็ต้องทำงานต่อไป จนกระทั่งเก็บของในครัวล้างจนหมด ได้กลับบ้านดึกๆดื่นๆทุกวัน ทำเอามะลินั้นทั้งเป็นห่วง ทั้งสงสารเพื่อนจะตายอยู่แล้ว 

"ใช่ แบบนี้ดีเลย"น่านนั้นเรื่องอะไรก็ไม่เก่ง เรื่องกีฬา สรีระทางร่างกายแข็งแกร่งสู้ปิงไม่ได้เลยสักนิด จะมีก็แต่สมองนี่แหละ ท่ี่ได้ฉลาดนำปิงไปไกลโข และน่านนั้นก็ยินดีที่จะใช้ความฉลาดในสมองของตัวเอง หางานในด้านแบบนี้อีกด้วย 

เมื่อมะลิและน่านรับข่าวดีนี้จากอาจารย์ยุพินมา ตลอดทั้งช่วงบ่าย ทั้งสองคนก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก หลังเลิกเรียนมะลิยังให้น่านนั้นยืมโทรศัพท์ เพื่อโทรหาเจ้าของนามบัตรที่ชื่อว่ารุจีอีกด้วย มะลินั้นแอบยืนฟังอยู่ใกล้ๆ ไม่ส่งเสียง พยายามเก็บทุกรายละเอียดที่คนในสายพูดออกมา ช่วยน่านนั้นกลั่นกรองอย่างตั้งใจด้วยอีกแรง 

"คุณรุจีใช่มั้ยครับ นี่ผมน่านเองนะครับ ที่ติดต่อมาให้ผมไปติวหนังสือให้หลานของคุณ"น่านไม่รู้จะเกริ่นยังไงก่อน เลยเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว 

"ใช่จ๊ะ ฉันเป็นคนติดต่อไปเอง เธอเป็นเด็กดีคนนั้นที่ยุพินบอกเอาไว้สินะ งั้นมาเจอกันที่บ้านของฉันหน่อยดีมั้ย ฉันว่าการคุยกันโดยที่เห็นหน้า มันดีกว่าคุยผ่านโทรศัพท์แบบนี้นะ" 

เสียงของปลายสาย ดูอ่อนโยนและใจดีเอามากๆ ทำให้น่านกับมะลิโล่งใจไปเปราะนึงที่ได้ยินและได้ฟังน้ำเสียงอ่อนโยนแสนใจดีแบบนี้ 

"ได้ครับ แบบนั้นผมก็ว่าดีเหมือนกัน ว่าแต่บ้านของคุณน้าอยู่ที่ไหนเหรอครับ ผมจะได้ไปถูก" 

"บ้านของน้าอยู่ที่หมู่บ้านXXX บอกยามหน้าหมู่บ้านได้เลย ว่ามาบ้านของคุณแซน เดี๋ยวเค้าก็จะพาเข้ามาเองแหละจ๊ะ"ปลายสายพูดอย่างอารมณ์ดี 

"ได้ครับ"น่านพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่จริงนั้นคนที่อยู่ปลายสายไม่ได้เห็นอาการที่แสดงออกทางร่างกายนี้ของเค้าเลยซักนิด แต่เค้านั้นก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้พยักหน้าได้จริงๆ 

เมื่อได้รู้ที่อยู่ชัดเจนแล้ว มะลิก็ไม่รอช้าจัดการโบกแท็กซี่ไปหมู่บ้านที่ว่านี่ทันที 

"แกจะไปด้วยเหรอ"น่านคืนโทรศัพท์กลับให้มะลิ ทั้งยังถามอย่างแปลกใจ 

"แน่นอน ต้องไปด้วยอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องรู้เอาไว้ว่าแกนั้นทำงานที่ไหน หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ฉันจะได้ไปช่วยแกได้ไง"มะลิไม่ไว้วางใจให้น่านไปบ้านคนอื่นที่ไม่รู้จักเพียงลำพัง เลยทำตัวเหมือนคนหน้าด้าน เกาะติดน่านไม่ยอมปล่อย 

ซึ่งน่านเองก็ไม่ได้ว่าอะไรมะลิ หากมะลิอยากไปก็ปล่อยให้มะลิไป เพราะมันก็จริงอย่างที่มะลิบอก หากมีอะไรเกิดขึ้นอย่างน้อยมะลินั้นก็จะเป็นอีกคนที่รู้ว่าเค้านั้นอยู่ที่ไหน 

"หมู่บ้านนี้ไฮโซจริงๆ บ้านแต่ละหลังคงจะแพงน่าดู"มะลิอดพูดขึ้นไม่ได้ เมื่อผ่านเข้ามาในหมู่บ้านที่ว่านี่แล้ว 

"คุณหนูอย่างแกยังจะพูดแบบนี้ออกมาอีก"น่านได้แต่ขำ เพราะบ้านของมะลิหลังใหญ่ อยู่ในแถบของพวกไฮโซเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่คนละทีกับที่นี่ก็เท่านั้น 

"เหอะ ว่าแต่ฉันเป็นคุณหนู แกเองก็เป็นคุณชายเหมือนกันนั่นแหละ...หากไม่เพราะ..." 

"เลิกพูดเรื่องนี้เถอะน่า"น่านรีบเบรก เมื่อมะลิจะพูดเรื่องของตัวเองออกมา 

"ได้ๆ"มะลิหยุดพูดอย่างที่น่านต้องการ เธอรู้ดีว่าน่านไม่ชอบให้มะลิรื้อฟื้นเรื่องของตัวเองก่อนหน้านี้ มะลิเองก็จะไม่ขัดความต้องการของเพื่อนเช่นกัน 

"ถึงแล้ว"น่านบอกมะลิเตรียมตัวหยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองขึ้นมาถือเอาไว้ เมื่อเห็นว่าคุณลุงยามที่นำทางเข้ามา หยุดจักรยานที่หน้าบ้านหลังนึง 

"นี่เงินค่ะ"มะลิชิงส่งเงินให้แท็กซี่ โดยที่น่านไม่ทันตั้งตัว 

"เดี๋ยวจะคืนให้นะ"น่านพูดแค่นั้นก็เปิดประตูลงไปทันที ทั้งยังรีบเข้าไปขอบคุณลุงยามที่พามาถึงที่นี่อย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินไปกดออดแล้วยืนรออยู่กับมะลิอย่างเงียบๆ พยายามทำตัวเรียบร้อยอย่างที่สุด 

ดีที่เจ้าของบ้านนั้นรับรู้อยู่แล้วว่าน่านนั้นจะเข้ามา เลยให้แม่บ้านมารอน่านอยู่ก่อนแล้ว มะลิกับน่านเลยไม่ต้องยืนรออยู่หน้าประตูรั้วกลางแดดร้อนๆนานเกินไปนัก 

"เข้ามานี่สิ"สตรีวัยกลางคนท่าทางใจดีคนนึง กวักมือเรียกน่านกับมะลิเข้าไปหาที่โซฟาในห้องนั่งเล่น 

"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ"น่านกับมะลิยกมือขึ้นไหว้อย่างพร้อมเพรียง 

"สวัสดีจ๊ะ ป้าคือคนที่เราพูดด้วยในโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ส่วนนี่เด็กแสบที่หนูนั้นต้องมาคอยสอน คอยดูแล"คุณรุจีชี้เด็กตัวเล็กหน้าตาน่าเอ็นดูที่นั่งข้างให้ดู ก่อนจะบอกให้ทั้งสองคนนั่งลงคุยกันอย่างเป็นกันเอง 

น่านนั่งลงอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ก็ไม่ลืมมองไปที่ด้านข้างของผู้หญิงใจดีตรงหน้า ที่ยังมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่อายุไม่น่าเกิน 7- 8 ขวบนั่งนิ่งๆ หน้าบึ้งตึงไม่สมวัยอย่างสำรวจ 

อ่า..นั่นสินะคือนักเรียนของเค้า 

น่านพยายามฉีกยิ้มให้หวานเยิ้มมากที่สุด พยายามเอาใจเด็กตัวเล็กหน้าตาบึ้งตึงคนนี้เต็มที่ แต่เด็กน้อยคนนี้กลับไม่ได้สนใจมองเค้าเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแต่จ้องมองมะลิไม่วางตา ทำเอารอยยิ้มของน่านนั้นแข็งค้างไปในที่สุด 

"คุณย่า...ลูกปลาไม่ให้พี่คนนั้นสอนนะ...ไม่เอา"ลูกปลาชี้ไปที่มะลิอย่างไม่ชอบใจ 

"ทำไมล่ะลูก ทำไมพี่คนนั้นสอนลูกปลาไม่ได้"คุณรุจีแกล้งถามหลานสาวของตัวเอง โดยไม่ยอมบอกว่าที่จริงแล้วคนที่สอนนั้นเป็นน่าน เด็กผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆต่างหาก 

"เพราะเค้าสวยกว่าลูกปลา ลูกปลาไม่ชอบ"ลูกปลากอดอกทันที ไม่ปรายตามองมะลิอีกเลยแม้แต่แว๊บเดียว 

มะลิที่อยู่ๆก็โดนเด็กเกลียดทำเอายิ้มแทบไม่ออก ต้องหันไปมองน่านอย่างขอความช่วยเหลือแทน 

ตอนนี้น่านนั้นเข้าใจแล้วว่า ไม่ได้เป็นเพราะสเน่ห์ของเค้านั้นลดน้อยลง แต่ติดตรงที่ว่าเด็กคนนี้คิดว่ามะลิเป็นคนมาสอนตัวเองสินะ เค้าเลยโล่งใจไปเปราะนึง 

"พี่คนนี้ไม่ได้เป็นคนมาสอนน้องนะครัับ เค้าแค่มาเป็นเพื่อนของพี่เฉยๆ พี่ต่างหากที่เป็นคนมาสอนน้อง" 

"จริงเหรอคะ"ลูกปลาได้ยินก็รีบเงยหน้าขึ้นมองน่านทันที และเมื่อเห็นว่าน่านนั้นมีหน้าตาหล่อเหลาเหมือนพี่ๆที่เธอนั้นเคยเห็นในทีวี ก็ฉีกยิ้มออกมาทั้งยังกระโดดข้ามโต๊ะกลาง มาเกาะติดน่านโดยไม่ทันให้น่านได้ตั้งตัวอย่างรวดเร็ว 

"ใช่ครับ"น่านตอบทันที เค้าตกใจกับการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเด็กผู้หญิงตัวเล็กนี่เป็นอย่างมาก 

"คุณย่าขา ลูกปลาจะเอาพี่คนนี้!!" 

#3 เป็นพี่เลี้ยงเด็ก

"คุณย่าขา ลูกปลาจะเอาพี่คนนี้!!"ลูกปลากอดแขนน่านเอาไว้แน่น ทำเอาน่านไปต่อไม่ถูก 

ตอนแรกอาจารย์ยุพินบอกเค้าว่ามาติวหนังสือ เค้าก็คิดว่าเป็นเด็ก ม.ต้น หรือไม่ก็อ่อนกว่าเค้านั้นไม่เท่าไหร่ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเด็กขนาดนี้ แล้วแบบนี้เค้านั้นจะไหวมั้ยล่ะเนี่ย ติวหนังสือ กับสอนหนังสือเด็กเล็กแบบนี้ มันคนละเรื่องกันเลยนะ เรื่องนี้ทำเอาน่านเริ่มนั้นคิดหนักแล้วจริงๆ 

"แน่ใจแล้วเหรอ รอคุณพ่อของหนูมาก่อนดีมั้ย"คุณรุจีทำหน้าไม่ถูกที่หลานสาวของตัวเอง อยู่ๆก็กระโดดไปกอดคนอื่นแบบนี้ 

ถึงแม้ว่าลูกปลานั้นจะมีอายุแค่ 6 ขวบก็เถอะ แต่การกอดเด็กหนุ่มคนอื่นที่เพิ่งเจอหน้ากันแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยหรือเปล่านะ... 

"ไม่รอแล้วค่ะ คุณพ่อไม่มีทางกลับมาเร็วอยู่แล้ว ลูกปลาจะเอา ลูกปลาอยากได้พี่คนนี้จริงๆนะคะ"ลูกปลากอดแขนน่านแน่น 

"น้องรอพ่อน้องตัดสินใจก่อนดีมั้ยเอ่ย"น่านถามออกมาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะหากว่ารอให้พ่อของเด็กน้อยนี่มา เค้านั้นก็จะได้มีเวลาคิดในส่วนของตัวเองด้วย 

"ไม่ต้องรอหรอกค่ะ พ่อของลูกปลาไม่มีทางกลับมาเร็วแน่นอน หากพี่จะรอ...ก็คงต้องรอทั้งคืน"ลูกปลาจับมือของน่านเอาไว้ ทั้งยังยิ้มออกมาอย่างเศร้า ทำเอาน่านรู้สึกสงสารขึ้นมานิดหน่อย 

"เฮ้อ"ย่าของลูกปลาได้แต่ถอนหายใจ เพราะว่าพ่อของลูกปลานั้นกลับมาดึกจริงๆนั่นแหละ 

"งั้น...ให้คุณอาซันตัดสินใจก็ได้นี่คะ เหมือนๆกันนั่นแหละ" 

"ก็ได้ๆ"คุณรุจียอมพยักหน้าในที่สุด ทั้งยังโทรเรียกลูกชายอีกคนของตัวเองมาจากบ้านอีกหลังอย่างมีทางเลือก 

"ไม่สัมภาษณ์อะไรผมหน่อยเหรอครับ"น่านรู้สึกไม่เป็นตัวเองอย่างมาก เค้ามาสัมภาษณ์งานไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมไม่เห็นถามอะไรเค้าเลย กลับรอให้ลูกชายตัวเองมาดูว่าพอใจหรือไม่พอใจซะอย่างนั้น 

นี่เค้านั้นเป็นสินค้าชิ้นนึงหรือยังไงนะ หากว่าลูกชายของผู้หญิงคนนี้โอเค ก็จ้างเอาไว้ ถ้าหากมาเจอแล้วไม่โอเค ก็ไม่จ้างสินะ 

เฮ้อ...รู้สึกแย่ชะมัด 

"ไม่ต้องหรอก วันนี้ป้าก็แค่อยากเห็นเราตัวจริงเฉยๆ ส่วนเรื่องนิสัยกับความเก่งอะไรนั่น ยุพินบอกหมดแล้ว"คุณรุจีเชื่อมั่นในเพื่อนของตัวเองเอามากๆ ว่าต้องไม่มีทางส่งเด็กไม่ดีมาที่นี่อย่างแน่นอน 

"งั้นเหรอครับ"น่านได้แต่ยิ้มแหยๆ 

มะลิเห็นหน้าน่าน ก็ยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปอีก เลยสะกิดน่านเบาๆ แล้วกระซิบว่า 

"หากแกไม่โอเค เรากลับกันเถอะ" 

น่านได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองมะลิ เค้านั้นก็อยากกลับเช่นกัน แต่ตอนนี้เค้านั้นต้องการเงินอย่างมาก เลยทำอย่างที่ตัวเองต้องการไม่ได้จริงๆ 

ตอนนี้คนไม่มีเงินอย่างเค้า ก็ทำได้เพียงแค่นั่งรอเท่านั้นแหละ 

"พี่ตัวหอมจัง"ลูกปลาเอ่ยแทรก ในขณะที่น่านนั้นกำลังคิดอะไรไปไกล 

"งั้นเหรอ"น่านเริ่มดมกลิ่นตัวของตัวเอง 

"ใช่ กลิ่นหอม ไม่เห็นเหมือนอาซันเลย"ลูกปลาชอบน่านเอามากๆ น่านหน้าตาหล่อเหลาเหมือนพี่ๆที่เธอเคยเห็นในทีวี[พวกไอดอลนั่นเอง] แล้วยังมีกลิ่นตัวหอมสะอาด ไม่เหม็นเหงื่อเหมือนอาของเธอเลยซักนิด ลูกปลาเลยไม่รังเกียจซักนิดที่จะเข้าใกล้น่านแบบนี้ 

น่านได้ยินที่ลูกปลาพูด แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะยังไงเค้าก็ไม่ได้เหมือนผู้ชายโดยปกติทั่วไปอยู่แล้ว เค้าดูแลตัวเอง รักษาความสะอาดกว่าชายแท้พวกนั้น ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเหม็นเปรี้ยว เหม็นเหงื่อ ตากแดดหน้าดำอย่างผู้ชายปกติในห้องเรียนมาก่อน กลิ่นตัวของเค้าก็เลยหอมสะอาดแบบนี้อยู่เสมอ 

"ไม่เหมือนอะไร นินทาอะไรอีก"เสียงแข็งๆของผู้ชายคนนึงดังขึ้น ทำให้น่านกับมะลิต้องหันหลังไปมองพร้อมๆกัน 

"ไม่ได้นินทาซะหน่อย อาซันซกมกเป็นเรื่องจริง คุณพ่อบอก!"ลูกปลาเถียงคอแข็ง ดูไม่ยอมลงให้คนที่เข้ามาใหม่นี่เลยแม้แต่น้อย 

"หึ ยัยเด็กสะอาด แต่กลับไม่ชอบแปรงฟัน อยู่ใกล้คนอื่นแบบนี้ ไม่กลัวว่าเค้าจะเหม็นเหรอไง" 

คนหน้าหล่อที่เข้ามาใหม่ พูดกับลูกปลาอย่างยียวน ทำเอาลูกปลาโกรธจนหน้าแดงก่ำ 

"ไม่จริงซะหน่อย! ลูกปลาแปรงฟันแล้ว พี่ดูสิ"ลูกปลารีบยิงฟันขาวๆของตัวเองให้น่านดู 

น่านได้แต่ยิ้มแหยเหมือนเดิม เพราะตั้งใจแต่แรกว่าจะไม่เข้าไปแทรกการต่อปากต่อคำแบบนี้ของคนที่เข้ามาใหม่กับเด็กคนนี้เลยไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยซักคำ 

ซันที่เพิ่งเข้ามาเพิ่งสังเกตุเห็นน่านอย่างชัดๆ ก็ชะงักไปนิดนึง ใบหน้าของเค้าเปลี่ยนเป็นเรียบตึงทันที ไม่เหลือร่องรอยขี้เล่นกวนโอ้ยเมื่อกี้เลยซักนิด 

"อย่าเพิ่งหาเรื่องทะเลาะกันเลย วันนี้มีแขกด้วย"คุณรุจีรีบดึงลูกชายคนเล็กของตัวเองไปนั่งใกล้ๆ 

"นี่น้องน่าน เค้าจะมาคอยสอนหนังสือลูกปลา ลูกว่าน้องเป็นยังไง"คุณรุจีถามทันที ไม่ปล่อยให้เสียเวลา 

"น่าน?"ซันเลิกคิ้ว ก่อนจะมองสำรวจน่านอีกครั้ง 

น่านแทบยิ้มไม่ออก คนๆนี้มองเค้าเหมือนเป็นสินค้าอย่างแท้จริง ทำเอาเค้านั้นอึดอัดไปหมดแล้ว 

"จะมาสอนหนังสือลูกปลางั้นเหรอ.."ซันพึมพำเบาๆคนเดียว 

"ตกลงว่าไง จ้างเลยดีมั้ย"คุณรุจีถามลูกชายย้ำอีกครั้ง 

"เอาสิ ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ก็แค่สอนเด็กหกขวบ ไม่ต้องจริงจังอะไรนักหรอก"ซันยักไหล่ แต่ก็ยังไม่เลิกจ้องน่าน 

น่านไม่เคยโดนคนจ้องอย่างเปิดเผยแบบนี้มาก่อน เลยยิ่งทำหน้าไม่ถูก จนต้องจับมือของมะลิเอาไว้แน่น และอาการนี้ของน่านนั้นก็ไม่พลาดจากสายตาของซันเช่นกัน ทำเอาซันที่เห็นแบบนั้นถึงกับแสยะยิ้มออกมา 

"จะไม่จริงจังได้ยังไง ลูกก็รู้ว่าน้องเค้าต้องอยู่กับลูกปลาอีกนาน ทั้งยังต้องคอยดูแลลูกปลาในช่วงที่แซนกับเมียไม่อยู่แบบนั้น จะไม่ให้แม่จริงจังได้ยังไงเล่า" 

"อยู่ดูแล?"มะลิรีบถามแทรก เพราะรู้สึกว่าคำนี้ดูผิดปกติเหลือเกิน 

"ใช่จ๊ะ ยุพินไม่ได้บอกเหรอ ว่าน่านนั้นจะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ อยู่ดูแลลูกปลาด้วย เพราะเดี๋ยวลูกชายกับลูกสะใภ้ของป้านั้นจะเดินทางไปเมืองนอกกันแล้ว" 

"ไม่ได้บอกครับ"น่านถึงกับอึ้ง 

นี่มันเรื่องอะไรกัน ไหนบอกว่างานติวไง นี่มันกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กชัดๆ แล้วอีกอย่างนึง...เค้าก็ไม่ค่อยชอบผู้ชายตรงหน้าเท่าไหร่ด้วย ท่าทางการมองแบบนี้มันอะไรกัน เค้านั้นไม่เข้าใจสายตาของผู้ชายตรงหน้าเลยจริงๆ 

ทั้งๆที่ดูเหมือนจะไม่ชอบเค้าเท่าไหร่ แต่กลับไม่ขัดเรื่องที่เค้านั้นจะเข้ามาดูแลเด็ก 

แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว... 

"ไม่ได้บอกจริงเหรอ ยัยยุพินนี่จริงๆ ยังสะเพร่าเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ไม่รู้ว่าเป็นครูมาได้ไงตั้งนาน"คุณรุจีบ่นตามเรื่องตามราวไปเรื่อย 

"ตอนนี้ก็รู้แล้วไง ตกลงว่าจะทำหรือเปล่าล่ะ"ซันถามขึ้น ไม่สนใจอาการบ่นงึมงำของแม่ตัวเองเท่าไหร่นัก 

"ผมไม่เคยดูแลเด็กมาก่อนเลยครับ เกรงว่าจะไม่ไหว"น่านปฏิเสธอย่างอ้อมๆ 

"ไม่ไหวจริงเหรอ"คุณรุจีหยุดบ่นงึมงำ หันกลับมาสนใจน่านที่กำลังจะปฏิเสธทันที 

"ใช่ครับ ผมคงไม่ไหวหรอก"น่านได้ยิ้ม 

"อยากได้งาน...แต่พอมีงานกลับทำไม่ไหวเนี่ยนะ เหลือเชื่อเลยจริงๆ"ซันยกยิ้มมุมปากนิดๆ มองน่านอย่างดูถูก 

"ไม่ใช่ว่าไม่ไหว แต่ผมไม่เคยเลี้ยงเด็กหรือดูแลเด็กมาก่อน เพราะงั้นผมเลยไม่มั่นใจเท่าไหร่ ว่าจะทำได้จริงๆหรือเปล่า เพราะแค่มาติวหนังสือ กับการเลี้ยงเด็กซักคน มันคนละเรื่องกันเลยนะครับ"น่านพยายามชี้แจงเหตุผลในส่วนของตัวเอง 

แต่เหมือนว่าซันนั้นดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่นัก เพราะเค้านั้นพูดออกมาแค่เพียงว่า 

"ก็ลองทำดูก่อนสิ จะได้รู้ว่าไหวหรือไม่ไหวกันแน่ ไม่ใช่อะไรก็ปฏิเสธไปก่อนแบบนี้" 

คำพูดของซันทำเอาน่านพูดไม่ออก ลองทำดูก่อน...จะได้รู้ว่าไหวหรือไม่ไหวงั้นเหรอ 

ทำไมคนที่ดูเหมือนไม่ชอบขี้หน้าของเรา ถึงพยายามให้เรานั้นได้ทำงานที่นี่ต่อนะ นี่เป็นเรื่องที่น่านนั้นคิดไม่ตก และไม่เข้าใจมากกว่า 

"นั่นสิ ลองทำดูก่อนดีมั้ย"คุณรุจีเองก็เริ่มหว่านล้อมน่าน เพราะก็อย่างที่บอก เพื่อนของเธอไม่มีทางส่งเด็กไม่ดีมาให้ เธอเลยไม่อยากจะพลาดเด็กดีๆคนนี้ไปเหมือนกัน 

"แต่ว่า..."น่านรู้สึกกดดันเอามากๆ 

เค้าไม่เคยมาสัมภาษณ์งานในลักษณะแปลกๆนี่มาก่อน ไม่มีถามความถนัด หรือวิชาถนัดของตัวเองอย่างที่คิดเอาไว้ แต่เลือกให้เค้ามาเลี้ยงเด็ก 

ตอนแรกก็ทำเหมือนจะไม่รับเค้าเอาไว้ มีการรอลูกชายให้มาดูก่อน พอเค้าจะไม่เอางานนี้ กลับช่วยกันหว่านล้อมแบบนี้ ทำเอาน่านพูดไม่ออกแล้วจริงๆ 

"เอาเป็นว่าลองทำดูก่อนก็แล้วกัน"ซันตัดบท ก่อนจะหันไปพูดกับแม่ของตัวเองว่า 

"ผมยังต้องไปหาเพื่อนอีก ที่นี่แม่ก็จัดการเอาก็แล้วกัน"ซันพูดจบก็เดินออกไปทันที 

"งั้นเรามาคุยเรื่องเงินเดือนกันเถอะ"คุณรุจีไม่สนใจลูกชายคนเล็กที่เดินออกไปเลยซักนิด เพราะเปลี่ยนเรื่องไปพูดคุยเรื่องเงินเดือนกับน่านแทน 

"แต่ว่า..."น่านรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้บอกว่าจะทำเลยไม่ใช่เหรอ แล้วมาคุยเรื่องเงินเดือนอะไรกัน นี่มันมัดมือชกกันแล้วไม่ใช่เหรอไง 

"เท่านี้พอหรือเปล่าจ๊ะ"คุณรุจีรีบเขียนตัวเลขลงในกระดาษแล้วยื่นให้น่านดู 

"เอ่อ"น่านเห็นตัวเลข ก็ทำให้อึ้งหนักไปใหญ่ 

งานพี่เลี้ยงเด็กสมัยนี้ มันได้เงินดีขนาดนี้เลยเหรอ? 

"พอมั้ยจ๊ะ"คุณรุจีถามย้ำอย่างไม่มั่นใจ เมื่อเห็นว่าน่านนั้นเอาแต่เงียบ 

"พอ...พอครับ" 

ยอดเงินที่เขียนอยู่บนกระดาษ ทำให้น่านนั้นรับงานนี้อย่างไม่ลังเลอีก... 

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!