นครโบราณอันยิ่งใหญ่ประกอบด้วยสี่แคว้นหลัก แต่ละแคว้นถูกแบ่งแยกด้วยแม่น้ำใหญ่ขวางกั้นแสดงเขตแดนไว้ และทุกสามพันปีตามธรรมเนียมของนครโบราณ ทุกแคว้นจำต้องส่งเครื่องบรรณาการต่างๆ มายังนครใหญ่แห่งนี้เพื่อถวายแก่องค์มหาจักรพรรดิผู้ปกครองแคว้นทั้งสี่
หญิงสาวแสนงดงามนามว่า “เหมยเชิน” ธิดาของราชาจากแคว้นเจียนหลิว ได้ถูกบรรณาการมายังมหานครแห่งนี้ เธอเดินทางมาพร้อมกับเหล่าผู้ชำนาญการรักษาโรค ซึ่งในครานั้นมหานครถูกปกคลุมไปด้วยพิษของดอกเฟิ่งเซียน ทุกๆ หนึ่งแสนปี มันจะผลัดดอกใหม่ขึ้นมา ส่วนดอกเก่าจะกลายเป็นธุลีพิษลอยไปตามลม ชาวมหานครเจ็บป่วยด้วยพิษนี้นับหมื่นคน หลังจากเหมยเชินเดินทางมาถึง นางใช้เวลาไม่ถึงปีรักษาชีวิตน้อยใหญ่ให้รอดจากเคราะห์กรรม
นับจากนั้นเหมยเชินหญิงสาวผู้เลอโฉมได้รับหน้าที่ดูแลเรื่องการรักษาโรค ให้กับเหล่าขุนนางในนครแห่งนี้ โดยมิเคยได้กลับแคว้นเมืองเกิดของตนนับจากนั้นเป็นต้นมา ว่ากันว่านางรับใช้มหาจักรพรรดิองค์ก่อนได้เพียงห้าร้อยปีเท่านั้น ชื่อนามของนางก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย พระมหาจักรพรรดิออกตามหาแทบพลิกผืนฟ้า ไม่ปรากฏร่องรอยใดทิ้งไว้เป็นหลักฐาน ราชาแคว้นเจียนหลิวโกรธเป็นอย่างมาก หากแต่สงวนท่าทีเก็บความไม่พอใจนี้ไว้ นับจากนั้นแคว้นเจียนหลิวก็มิเคยส่งบรรณาการที่เป็นพลเมืองของตนเข้ามารับใช้อีกเลย
“พี่ลี่เซียน บันทึกโบราณนี้เป็นของผู้ใด” หญิงสาวในชุดสีฟ้าคราม ม้วนบันทึกโบราณแล้วเก็บขึ้นมา พลางหันไปถามนางผู้ติดตามอย่างใคร่รู้ แววตาไร้เดียงสาของเด็กสาวที่พึ่งจุติได้เกือบสามพันปี ยังอ่อนต่อพื้นปฐพีกว้างใหญ่ ไม่เคยเห็นหรือได้ยินเรื่องราวของโลกภายนอก
“ราชธิดาเพคะ ท่านเอาบันทึกใบนี้ออกมาได้อย่างไรเพคะ” ลี่เซียนทำตาโต เพราะบันทึกโบราณที่อยู่ในมือของราชธิดานั้นเป็นของต้องห้าม
“มอบให้หม่อมฉันเถิดเพคะ” ลี่เซียนพูดอย่างนอบน้อม แม้ตื่นตระหนกอย่างมาก หากกิริยายังคงความสำรวมไว้ มีเพียงดวงตาระส่ำจ้องมองบันทึกที่มือของซูเจิน ทว่านอกจากนางไม่ยอมส่งให้ กลับเดินเบี่ยงไปทางอื่น ใบหน้าเรียวเล็กเอียงไปมา พยายามเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ที่ถืออยู่
“พี่ลี่เซียน เหตุใดเจ้าต้องทำหน้าตื่นอย่างนั้น บันทึกฉบับนี้สำคัญอย่างไร”
“มอบคืนให้หม่อมฉันเถิดเพคะ หากพระราชาเสด็จมาแล้วพบว่าท่านถือบันทึกฉบับนี้อยู่ ข้าจะโดนทำโทษเอาได้” ได้ยินดังนั้นซูเจินสองจิตสองใจ ใจหนึ่งใคร่รู้ แต่อีกใจแอบเป็นห่วงพี่เลี้ยงอยู่มาก นางเดินถือบันทึกผ่านสวนดอกไม้ไปสองสามก้าว
“พี่ลี่เซียน บันทึกฉบับนี้สำคัญอย่างไรบอกข้าได้ฤาไม่ หากเป็นเช่นนั้นข้อความในบันทึกฉบับนี้เป็นเรื่องจริงใช่ฤาไม่ มหานครนั้นตั้งอยู่ที่ใด” ลี่เซียนหลุบตาต่ำลง ไม่ตอบคำถาม ยิ่งทำให้ราชธิดาผู้อยากรู้อยากเห็นอยู่ไม่นิ่ง เดินวนเวียนไปมา พลางยกบันทึกขึ้นอ่านทวนแล้วทวนอีกให้ขึ้นใจ
“ข้าคืนให้” ซูเจินยื่นบันทึกคืนให้กับลี่เซียน นางผู้ติดตามยื่นมือรับแล้วหันหลังเดินกลับมายังจุดเดิมที่ราชธิดาพบกับบันทึกฉบับนี้ มือเรียวยาวร่ายเวท แล้วดันกลับไปยังซอกหินดังเดิม ก่อนจะร่ายเวทปิดผลึกเอาไว้ให้แน่นหนา
“ได้เวลาแล้ว ราชธิดาออกมาเที่ยวเล่นนอกเขตพระราชฐานนานพอสมควร เรากลับกันเถอะเพคะ”
“พี่ลี่เซียน เจ้าบอกข้าเถิด เกี่ยวกับบันทึกนั่น ตอนนี้ข้ามีอายุเกือบสามพันปีแล้ว ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ราชธิดาเดินตามหลังพี่เลี้ยงต้อยๆ พลางหน้ามุ่ย ปากบ่นพึมพำด้วยความอยากรู้ ก่อนจะเดินมาชนหลังลี่เซียนที่อยู่ๆ ก็หยุดเดินเอาดื้อๆ
“ราชธิดาเพคะ บอกหม่อมฉันก่อนว่าท่านหยิบเอาบันทึกนั้นออกมาจากซอกหินได้อย่างไร”
“ใครว่าข้าหยิบออกจากซอกหิน อายุข้าเพียงเท่านี้ไม่มีวิชาเวท ข้าเห็นมันหล่นอยู่ที่พื้นต่างหาก”
“ยาวนานถึงเพียงนี้ ยาวนานจนพลังเวทเสื่อมจึงทำให้บันทึกนั้นโผล่ออกมา” ลี่เซียนพึมพำก่อนก้าวเท้าเดินต่อ ทว่าร่างเล็กในชุดในสีฟ้าครามได้ยินไม่ถนัดนัก จึงวิ่งมาดักหน้า
“พี่ลี่เซียนพูดเหมือนเจ้าเป็นคนผลึกมันไว้” ดวงตากลมเล็กเริ่มเอาจริง ด้วยความอยากรู้จึงทำหน้ายักษ์พยายามข่มขู่ผู้เป็นพี่เลี้ยง สองเท้าเล็กก้าวเข้าหาลี่เซียนช้าๆ จนทำให้พี่เลี้ยงต้องก้าวถอยออก
“หากเจ้าไม่บอกข้า ข้าจะเอาความนี้ไปถามกับท่านพ่อ ข้าอ่านทุกคำแล้วจำได้อย่างขึ้นใจ” หญิงสาวหันขวับเดินออก ก่อนที่มือของลี่เซียนจะคว้าไว้
“หยุดก่อนเพคะ หม่อมฉันยอมเล่าแล้ว แต่ราชธิดารับปากหม่อมฉันก่อนว่าจักไม่ให้ใครรู้ว่าท่านได้อ่านบันทึกนั้นแล้ว”
“ข้าสัญญา” ซูเจินยิ้มกว้างพลางลากพี่เลี้ยงมานั่งที่เก้าอี้หิน สองมือเท้าคางรอฟังเรื่องเล่าจากพี่เลี้ยงอย่างตั้งใจ สวนเหมยเต็งเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่นอกเขตพระราชฐาน ซึ่งห่างจากที่ประทับของพระราชาอยู่มาก ซูเจินชอบออกมาวิ่งเล่น ฝึกเป่าขลุ่ย ดีดพิณ และชมดอกไม้ในสวนแห่งนี้เสมอ สิ่งเดียวที่เป็นความฝันคือการออกไปผจญภัยยังโลกกว้าง ดังนั้นการได้อ่านบันทึกที่เล่าเรื่องราวถึงเมืองอื่นๆ คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ดวงตากลมใสเป็นประกายจ้องมองพี่เลี้ยงไม่ไหวติง
“บันทึกนั้นพระราชา เป็นคนให้ข้านำมาผลึกไว้เมื่อหนึ่งหมื่นห้าพันปีก่อน คำกล่าวของพระราชาที่บอกกับข้าคือมีคนจากแคว้นเจียนหลิวเดินทางข้ามแม่น้ำใหญ่เพื่อนำบันทึกนี้มาฝากไว้กับแคว้นของเรา เพราะกลัวว่ามันอาจถูกทำลายไป มีหลายอย่างที่หม่อมฉันเองไม่เข้าใจ รู้แต่เพียงว่าบันทึกนั้นสำคัญและเป็นของต้องห้าม”
“พี่ลี่เซียน มหานครที่ว่านี้ตั้งอยู่ที่ใด”
“มหานครใหญ่ ปกครองสี่แคว้นหลัก ได้แก่แคว้นเจียนหลิว แคว้นเซี่ยนหลิว แคว้นซีหลิว รวมถึงแคว้นของเราคือแคว้นจ้านหลิว ทุกๆ สามพันปีเราต้องส่งบรรณาการไปยังมหานครที่ว่า แต่หม่อมฉันไม่เคยได้ไปสัมผัสสักครั้ง ว่าที่นั่นเป็นเช่นไร ใหญ่โตเพียงไหน”
“เช่นนั้นข้อมูลในบันทึก เป็นเรื่องจริงใช่ฤาไม่”
“จริงเพคะ”
“อีกไม่กี่ปีก็จะครบสามพันปีแล้ว แคว้นเราต้องส่งบรรณาการเหมือนเช่นธรรมเนียมที่สืบตามกันมาใช่ฤาไม่”
“เพคะ”
“พี่ลี่เซียน แคว้นเจียนหลิวตั้งอยู่ที่ใด” ราชธิดายังคงซักไซ้
“แคว้นเจียนหลิว ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของมหานครใหญ่ ชาวเมืองถนัดในเรื่องวิชาการแพทย์รักษาโรคต่างๆ”
“เหมือนดังเช่นแม่นางเหมยเชิน” ลี่เซียนยิ้มแล้วพยักหน้า ซูเจินเหลือบมองดอกไม้สีสดบนยอดไม้ แล้วนึกจินตนาการถึงมหานครใหญ่ที่ว่า คงใหญ่โตแปลกตากว่าแคว้นจ้านหลิวที่อยู่นี่เป็นอย่างมาก รวมถึงแคว้นต่างๆ อีกสามแคว้น อาจมีเรื่องสนุกให้ทำไม่เว้นแต่ละวัน
“ทำหน้าอย่างนี้ หวังว่าไม่คิดหนีออกจากแคว้นใช่ไหมเพคะ” ลี่เซียนจับกิริยาของราชธิดาจอมเกเรได้
“ข้าไม่ทำเช่นนั้นหรอก พี่ลี่เซียนเห็นข้าเป็นคนเช่นไร ถึงแม้ข้าจะชอบเที่ยวเล่นเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ข้ายังไม่อยากถูกท่านพ่อทำโทษ”
“ดีแล้วเพคะ เรากลับวังกันดีกว่า” ลี่เซียนจูงมือซูเจินเดินได้เพียงสามก้าว มือบางเล็กกลับสะบัดออก
“พี่ลี่เซียน ข้าชักจะปวดขา ท่านใช้เวทแบกข้าขึ้นหลังกลับวังที” พี่เลี้ยงไม่ทันเอ่ยรับปาก ซูเจินใช้จังหวะกระโดดขึ้นหลังนางทันที พลังเวทวูบขึ้นรองรับอย่างไม่ต้องบังคับ
“ซนอีกแล้วนะเพคะ หากข้าใช้พลังเวทไม่ทัน ไม่พากันล้มกลิ้งหลุนๆ เหรอเพคะ”
“พี่ลี่เซียนเก่งที่สุด ข้ารู้ว่าท่านไม่มีวันปล่อยให้ข้าได้รับอันตรายอย่างแน่นอน” หญิงรับใช้ได้ฟังคำหวาน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย สองเท้าพาร่างของราชธิดากลับวัง ราชธิดาตัวน้อยที่เกิดและเติบโตในแคว้นจ้านหลิว โหยหาความอิสระมาตั้งแต่เยาว์วัย นางเฝ้าถามลี่เซียนเสมอมาถึงความศรีวิไลด้านนอก หากแต่ลี่เซียนไม่มีคำตอบที่แน่นอนให้นางได้ และยังเป็นปริศนาในใจนางตลอดมา
“ราชธิดาเพคะ” ลี่เซียนกระซิบเบาๆ เรียกซูเจิน ก่อนร่างเล็กจะกระดิกตัวเงยขึ้นช้าๆ
“พระราชาทรงประทับอยู่ที่นั่น หากเราเข้าไปในสภาพนี้จะไม่งามนะเพคะ” ร่างบางกระโดดลงจากหลังพี่เลี้ยง จัดทรงผมและเสื้อผ้าให้ดูดี ก่อนย่างเท้าเข้าไปทำความเคารพ
“เจ้ามาเอาป่านนี้ มัวซนที่ใดมา” พระราชมารดาตรัสถาม แล้วเข้ามาดึงมือซูเจินไปร่วมโต๊ะอาหาร
“วันๆ ไม่เรียนตำรา เอาแต่เที่ยวเล่นเป็นเด็ก หัดดูพี่เจ้าเป็นตัวอย่าง” ราชบิดาพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด แสดงความไม่พอใจ ซูเจินก้มหน้าลงเล็กน้อยหลังจากโดนตำหนิ
“ท่านพี่ ลูกยังเล็กนัก” ราชมารดาเอื้อมมือกล่าวห้าม พลางหยิบถ้วยข้าวลายหงส์สีเงินให้ซูเจิน แล้วหันไปหยิบถ้วยข้าวลายหงส์สีทองให้กับซูเจียว ตามด้วยน่องไก่อันโตที่ราชบิดาคีบไปวางไว้ให้พี่สาว รอยยิ้มเหี่ยวย่นปรากฏบนใบหน้าของราชาแห่งแคว้นจ้านหลิว
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!