ณ ท้ายจวนตระกูล ซ่ง เรือนอนุป๋าย ป๋ายฮั่น เสียงร้องสะอื้นปานจะขาดใจของสาวนางนึง อนุป๋ายกอดร่างเล็กที่แทบจะไม่มีแรง ร่างในอ้อมกอดคือ คุณหนูหกของตระกูล ที่ป่วยเป็นไข้จนถึงตอนนี้ร่างเล็กๆหมดสติ ผู้เป็นแม่ร้องไห้ปาดขาดใจที่ช่วยเหลือลูกสาวของตนเองไม่ได้
“อาหก อย่าเป็นอะไรนะลูก ฮื่อๆ อาชุ่ยตามหมอมาหรือยัง ใครก็ได้ช่วยลูกข้าด้วย”
เสียงร้องเรียกที่ ตะโกนออกไปไม่มีใครตอบรับสาวใช้ที่ให้ไปเรียกหมอบัดนี้ยังไม่มาเสียที ใจกังวลห่วงลูกสาวตรงหน้า กลัวจับใจเหลือเกิน
“อาชุ่ย ฮื่อๆ หมอมาแล้วยัง” เสียงร้องเรียกถามหาสาวใช้และหมอ ร่างอนุป๋ายที่กอดร่างเด็กน้อยตรงหน้า ตัวที่ร้อนจัดปากที่ซีด ลมหายใจที่แผ่วเบา แม่ผู้ร้องเรียกหาสาวใช้เวลาผ่านมาราวหนึ่งเค่อ อนุป๋ายได้ยินเสียงเร่งหมอให้รีบเดินจากสาวใช้ด้านนอก
เสียงเปิดประตู “ครื๊ดดด" พร้อมสาวใช้และหมอเข้ามาในเรือน
“ป๋ายอี๋เหนียงเจ้าคะ หมอมาแล้วเจ้าคะ หมอมาแล้ว” เสี่ยวชุ่ยเรียกนายของตัวเองพร้องเร่งฝีเท้าพาหมอไปตรวจอาการของคุณหนูของตนที่ป่วยอยู่
“หมอ ช่วยลูกหกของข้าด้วย”
“ได้ๆ ป๋ายอี๋เหนียงเชิญนั่งตรงนั้นก่อนนะ ข้าจะได้ตรวจคุณหนูหกได้” เสียงที่ตอบกลับของหมอช่วยชะโลมใจผู้เป็นแม่ได้เบาลง
อาชุ่ยพยุงนายของตนที่ตั้งท้องอยู่นั่งปลายเตียงเพื่อให้พื้นที่หมอรักษาคุณหนูของตนเอง พร้อมทั้งพูดปลอบใจนายหญิงของตัวเองด้วย
“ป๋ายอี๋เหนียงเจ้าคะ ท่านต้องดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ หมอมาแล้วคุณหนูต้องไม่เป็นอะไรเจ้าคะ เชื่อบ่าวนะเจ้าคะ”
"อาชุ่ย ข้ากลัวเหลือเกิน ฉือฮั่วของข้า
"ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ ท่านหมอต้องรักษาคุณหนูหกได้ ท่านต้องห่วงตัวเองด้วยท่านมีคุณหนูในท้องอีกนะเจ้าคะ
หมอที่เข้ามาทำการรักษาเด็กน้อยถอนหายใจ กำลังจะบอกผู้เป็นมารดาของเด็กน้อยตรงหน้าให้ทำใจ เพราะเส้นชีพจรของคุณหนูตรงหน้าเบาบางมากเหลือเกิน
“เอ่อ…ข้าขออภัยด้วย อนุป๋าย ข้าไม่มีความสามารถ” เมื่อสิ้นเสียงเท่านั้น เสียงกรี๊ดร้องของผู้เป็นแม่แทบขาดใจ เธอรับไม่ได้ที่จะต้องเสียลูกสาวคนนี้ เธอทะนุถนอมเฝ้าเลี้ยงดูมา ลูกสาวของเธอจะจากเธอไปไม่ได้
หมอได้แต่ส่ายหัว เข้าใจว่าผู้เป็นมารดาผู้นี้ต้องช้ำใจเพียงใด การรักษาคนที่ไม่มีทางรอดจิตใจนั้นยังพอทนมองได้แต่กับญาติคนไข้ที่ร่ำไห้ต่างๆมันทำใจยากที่จะเอ่ยปลอบใจได้เลยจริงๆ เพราะตนเองเคยประสบด้วยตัวเองเช่นกัน
“อี๋เหนียงเจ้าคะ เราจะช่วยคุณหนูเช่นไรดี” เมื่อคำว่าต้องทำใจเกิดขึ้นจากผู้เป็นหมอ มันยากเช่นกันสำหรับสาวใช้อย่างเธอ
\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+
อีกมุมของกาลเวลา หญิงสาว อายุอานามราว34ปีที่เข้ามาในบ้านได้ยินเสียงบางอย่าง เธอเดินตามเสียงนั้นไป จนที่สุดเสียงที่ดังมาจากห้องนี้ ห้องของเธอและสามี เธอหลับตาหายใจเข้าสุดปอดใจภาวนาหวังว่าภายในห้องไม่ใช่สิ่งที่ตนเองคิด
“คลิ๊ก แอ๊ดดดด” เสียงเปิดประตู มันคงไม่ดังพอให้คนภายในห้องหยุดการกระทำกิจกรรมบนเตียงได้
“พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เสียงที่ออกมาจากริมฝีปากเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน และเป็นเช่นนั้นไม่ได้ยินเสียงของเธอ เพราะทั้งสองกำลังมีความสุขต่อหน้าต่อตาบุคคลมาใหม่เช่นเธอและเธอเองทนไม่ไหวเช่นกัน น้ำตาที่จู่ไหลออกมาอาการแสบจมูก หัวใจหวิวๆ สมองที่ว่างเปล่าตอนนี้ ทำได้เพียงมองดูทั้งคู่จนกระทั่ง
“กรี๊ดดดดด คุณเข้ามาได้ยังไง” เสียงของผู้หญิงที่ถดร่างกายหยิบผ้าห่มคลุมปกปิดร่างของเจ้าตัว พร้อมสีหน้าไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่าคนมาใหม่เข้ามาในบ้านนี้ได้ยังไง
“ซานฉือ คุณกลับมาได้ยังไง” ผู้ชายเป็นฝ่ายพูดขึ้นต่อ แต่คำพูดมันช่างทำร้ายจิตใจเธอเสียเหลือเกิน
“หึ ถ้าฉันไม่กลับมา จะได้เห็นสิ่งที่พวกคุณทำกับฉันหรือ” เมื่อทำใจได้ น้ำเสียงถึงได้เปล่งเสียงออกมา
“…”
“พวกคุณชั่วมากโดยเฉพาะคุณ คุณเป็นสามีของฉันแต่เมื่อฉันไม่อยู่คุณกลับมาทำแบบนี้ เลวมาก ได้ไม่เป็นไร” เธอหายใจเข้าแรงๆอีกรอบก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิด “ฉันจะย้ายออกไปเองและเราจะหย่ากันในวันพรุ่งนี้ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ฉันเป็นฝ่ายหามาก่อนเราจดทะเบียนกัน ฉะนั้นคุณหลังจากที่เราหย่ากันเรียบร้อยฉันจะขายบ้านหลังนี้ทันที เชิญพวกคุณทำกิจกรรมต่อเถอะ ฉันไม่รบกวน”
เธอปิดประตูแล้วเดินจากมา ด้วยความช้ำใจเธอพาร่างกายที่บอบช้ำจากจิตใจไปร้านบาร์ตรงหน้าแค่ข้ามถนนเท่านั้น แต่ก้าวได้เพียงสองเก้าเสียงแตรที่ดังจากทางซ้ายมือและทุกๆอย่าง กลายเป็นภาพช้า ร่างกายของเธอเคว้งคว้างกลางอากาศ มันชาทั้งร่างกาย ตาที่กำลังจะปิดลงเห็นเด็กผู้หญิงในชุดโบราณส่งยิ้มให้และแล้วตาหนักอึ่ง “ตึก” ร่างอยู่ที่พื้น แต่หูของเธอยังได้ยินเสียงโวกเวกโวยวาย
\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+\+
โอ้ยเสียงดังมาก เงียบๆกันไม่ได้เชียวหรอ หิวน้ำจัง คิ้วที่ขมวดรำคาญเสียงร้องที่ดังอยู่
“น-น้ำาา น-น้ำาา”
365day mylove
“อี๋เหนียง นั่นคุณหนู อี๋เหนียงเจ้าคะ คุณหนูมีสติแล้วเจ้าคะ” อาชุ่ยจับมือเขย่าป๋ายอี๋เหนียง
“ท่านหมอ ท่านหมอเจ้าคะ ตรวจคุณหนูใหม่ด้วยเจ้าคะ บ่าวได้ยินเสียงคุณหนูเจ้าคะ” น้ำเสียงสั่นเครือขอร้องเรียกให้หมอช่วยตรวจคุณหนูหกใหม่อีกครั้ง
หมอเจ้าถอนหายใจแรง แต่จำยอมช่วยตามที่ร้องขอ เดินกลับไปตรวจเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง ใช้สายสังเกตสีหน้าดูดีกว่าเมื่อสักครู่ จากนั้นหมอเจ้าจับข้อมือเล็กๆนั้นเพื่อตรวจชีพจร ทำให้ต้องฉงนใจอีกครั้ง เมื่อสักครู่ชีพจรคุณหนูหก ไม่ได้เป็นเช่นนี้นี่ ครานี้เลยตั้งใจจับใหม่อีกครั้ง รวบรวมสมาธิหลับตาใช้ปลายนิ้วมือจับอีก หลังจากนั้นสีหน้าพร้อมรอยยิ้มมุมปากยกขึ้น บ่งบอกถึงอาการสาวคุณหนูดีขึ้น
“โย่ว…!! ผิดไปจากเมื่อครู่มาก ไอหยา อืม” เมื่อตรวจเสร็จหันไปเขียนเทียบยา แล้วส่งให้สาวใช้ไปเอาเทียบยานี้มา
“…”
“เจ้าเอาเทียบยานี้ไปที่ร้ายข้า หลงจู๊จะจัดตามเทียบนี้ให้ แล้วน้ำไปต้มให้คุณหนูหก หลังจากนี้ อีกสามวัน ข้าจะกลับมาตรวจคุณหนูใหม่ อี๋เหนียงท่านไม่ต้องกังวล คุณหนูหกดีขึ้นแน่นอน เชื่อคำข้าเถอะ ท่านควรห่วงตัวเองและลูกในครรภ์ด้วยนะขอรับ ข้าตรวจเสร็จแล้ว ขอตัวลาก่อน อ้อใช้น้ำสองถ้วยต้มให้เหลือครึ่งถ้วยนะขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ ฉือฮั่นของข้ากำลังจะหายดีใช่ไหมเจ้าคะท่านหมอเจ้า” ด้วยความดีใจป๋ายอี๋เหนียงกำชับสอบถามท่านหมออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด
“ไม่ผิดขอรับ ที่ท่านได้ยินถูกต้องแล้ว ตอนนี้คุณหนูหกอ่อนเพลียนักให้กินยาตามเทียบที่ข้าเขียนไว้ แล้วอีกสามวันข้ามาตรวจใหม่เพื่อเปลี่ยนตัวยา รับรองไม่กี่วันเท่านั้นคุณหนูออกวิ่งเล่นได้แล้วขอรับ” จากนั้นหมอเจ้าขอตัวกลับก่อน
ป๋ายอี๋เหนียงค่อยนั่งลงตรงเตียง มองหน้าลูกสาว เอื้อมมือลูบศีรษะเด็กน้อยตรงหน้าที่เพิ่งหลับไปรอยยิ้มของผู้เป็นแม่ส่งให้ลูกสาว เรื่องที่ทุกข์ใจห่วงอาการฉือฮั่นค่อยๆหายไป และดีใจที่สามารถยื้อชีวิตลูกน้อยจากความตายมาได้ ตนเองชีวิตที่เหลืออยู่ตอนนี้มีไว้ให้ลูกหก ฉือฮั่น และเด็กที่กำลังจะเกิดมาเท่านั้น
วันเวลาผ่านไปเข้าวันที่สาม ตรงกับวันที่ท่านหมอนัดเข้ามาดูอาการ เด็กน้อยจากป่วยไม่ได้สติ ตอนนี้กลับดูดีขึ้นแต่ท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะซานซาน จากอีกภพหนึ่งตายไปได้เข้ามาเกิดใหม่ในร่างนี้ ความทรงจำบางส่วนของฉือฮั่นยังคงอยู่ ทำให้ซานซานรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น เธออาการดีขึ้นมากแต่ร่างกายไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่
(ตอนนี้ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ได้สามวันแล้วหรอ เห้อเกิดใหม่ในร่างเด็กทำอะไรไม่สะดวกจริงๆ ทำอะไรโดนห้ามปรามเสียทุกอย่าง น่าเบื่อมากมาก) เธอเพียงคิดในใจสักพักมีเสียงเข้าห้องมา ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่เสี่ยวชุ่ยเดินนำหมอเจ้ามาตรวจอาการของเธอ
“โย่ว…คุณหนูหกสีหน้ามีเลือดฝาดขึ้นขอรับ หมายถึงดีขึ้น เจ้าให้คุณหนูทานยาตามที่ข้าสั่งใช่ไหม คุณหนูข้าขออภัย จับแขนให้ข้าด้วยขอตรวจชีพจรท่านอีกครั้ง” ถามอาชุ่ยบ่าวของเรือนนี้เรื่องยาเมื่อได้รับคำตอบแล้วถึงขอตรวจดูอาการของเธอ
“ป๋ายอี๋เหนียงท่านไม่ต้องกังวลแล้วขอรับคุณหนูอาการดีขึ้นมาก” จากนั้นหมอเจ้าหันไปนำกระดาษเขียนเทียบยาแล้วยื่นส่งให้บ่าวของเรือนนี้ พร้อมกำชับอีกที “ให้คุณหนูทานยาตามเทียบนี้เช้าเย็นเพื่อบำรุงร่างกายอาการป่ายของคุณหนูดีขึ้นมากไม่มีอาการแทรกซ้อน อาหารช่วงนี้จัดให้ทานพวกซุปปลา หรือซุปเห็ดสามอย่าง บำรุงอาจจะให้ทานถี่หน่อยสักสองวันค่อยๆเริ่มข้าวต้มต่างๆ ตอนคุณหนูนอนป่วยไม่ได้ทานอะไร กระเพาะอาหารถึงไม่ดีต้องค่อยๆบำรุงกันไป ข้าตรวจเรียบร้อยขอกลับก่อนแล้วกัน ข้าขอตัวไม่ต้องส่ง”
“ขอบคุณท่านหมอเจ้ามากเจ้าคะ” อนุป๋ายขอบคุณท่านหมอและส่งสายตาเสี่ยวชุ่ยให้นำเงินค่ารักษาส่งให้ ท่านหมอรับแต่โดยดี
“หมดทุกข์หมดโศกแล้วนะ ฉือฮั่น แม่ขอให้เจ้าอย่าได้ป่วยไข้อีกเลย” รอยยิ้มที่ส่งให้มาพร้อมน้ำตา เป็นภาพที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของฉัน เพราะตั้งแต่เกิดมา ฉันอยู่แต่บ้านเด็กกำพร้า หาเงินส่งเสียตัวเองจนทำงานได้เป็นเจ้าของบริษัทของตัวเองและแต่งงาน สายตานี้แม้แต่คู่ชีวิตอย่างสามีชาติที่แล้วยังไม่เคยมี ต่อจากนี้ ฉันคือฉือฮั่นบุตรสาวคนที่หกของตระกูลซ่ง ซ่งเฟยหม่า ผู้พิพากษาแห่งหางโจว
365day mylove
หลังจากที่อนุป๋ายดูแลลูกสาวด้วยท่าทางที่อ่อนล้า เสี่ยวชุ่ยสาวใช้ผู้พักดีได้บอกให้นายตนเข้าไปพักผ่อน ทั้งกำชับนายหญิงของตัวเองให้ห่วงตังเองและนายน้อยในครรภ์ด้วย และไม่ต้องห่วงคุณหนูหก นางจะดูแลคุณหนูเองอย่าได้ห่วง พานายของตนเข้าพักผ่อนจากนั้นเข้าห้องคุณหนูเพื่อดูแลต่อตามที่รับปากอนุป๋ายไว้
สายตาของคุณหนูที่มองมาเหมือนมีอะไรจะถาม ท่าทางนั้นชวนน่าเอ็นดู
“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ เหตุใดมองบ่าวเยี่ยงนี้”
“อืมพี่เสี่ยวชุ่ย ตอนนี้เราอยู่กันที่หางโจว แล้วคนที่เป็นจักรพรรดิเราคือใครเจ้าคะ”
“คุณหนู…!! เหตุใดคุณหนูจู่ๆถึงได้เอ่ยถามถึงเรื่องนี้เจ้าคะ” น้ำเสียงตกใจหันซ้ายแลขวากลัวผู้ใดได้ยินที่คุณหนูเอ่ย
“ทำไมหรือ? ไม่ควรถามหรือ?” หน้าตาที่เอียงคอถาม กับสายตาคาดหวังของคำตอบ ชวนให้คูสนทนาถอนหายใจ เงียบมาสักพักเธอได้ยินเสียงของสาวใช้ตรงหน้า
“เอาล่ะคะ บ้าวยินดีบอกแต่คุณหนูรับคำบ้าวก่อนว่าจะไม่ถามคำถามพวกนี้กับใครอีก ได้ไหมคะ” ไม่ยอมเล่าแต่ขอคำมั่นจากเด็กสาวตรงหน้าก่อน เมื่อคุณหนูของตนเองพยักหน้ารับปาก ถอนหายใจอีกคราก่อนเอ่ยเรื่องราว
"จักรพรรดิที่นั่งบัลลังก์มังกรคือ ฮ่องเต้นามว่าเจ้าเจิน ราชวงศ์ซ่งเจ้าคะ
“หืม…!!หวังข่ายหรอ” แค่ได้ยินพระนาม ข้านึกถึงนามรองตอนพระองค์เป็นเพียงองค์ชายเท่านั้น
“คุณหนู เหตุใด ไม่ได้นะเจ้าคะ ห้ามเลยเจ้าคะ บ่าวขอล่ะคุณหนูห้ามไปถามอะไรแบบนี้กับนายท่านเด็จขาด ถ้าคุณหนูไม่อยากถูกลงโทษนะเจ้าคะ”
“เรารู้แล้ว พี่เสี่ยวชุ่ยไปพักเถอะ ข้าอยากนอนพัก” กล่าวจบถดตัวเองนอนจากนั้นดึงผ้าห่มมาห่มตัวไม่สนใจสาวใช้อีก
เสี่ยวชุ่ยเห็นคุณหนูตนพักผ่อนแล้วจัดอะไรเรียบร้อยค่อยๆถอยเท้าออกอย่างเบาๆกลัวทำให้คุณหนูของตนตื่น แต่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าคุณหนูแค่แกล้งทำเท่านั้น เมื่อเสียงประตูห้องปิดลง ซานซาน ลุกขึ้นมา
[ถ้าตอนนี้เราอยู่ราชวงศ์ซ่ง ฮ่องเต้คือหวังข่าย แล้วอยู่ช่วงไหนของพระองค์ โอ้ยอยากรู้จัง ตอนนี้ฉันอายุสิบปี แถมเป็นลูกเมียน้อยอีก เฮ้อเกิดใหม่ที่ไหนไม่เกิดดันมาเกิดเอาราชวงศ์นี้ พวกหัวโบารณทั้งนั้น เอาว่ะ ต้องอยู่ให้ได้เอาตัวรอดให้ได้ ฉันซานซาน ไม่สิ ข้าคุณหนูหก ซ่งฉือฮั่ว นับจากนี้ไปจะดูแลแม่และตัวเองให้ดีในชาตินี้ ข้าสาบาน] จากนั้นข้าลงนอนต่อไม่อยากคิดอะไรแล้วพักก่อน
“ปึก” เสียงตบเก้าอี้ดังขึ้นภายในห้องของอนุหลี หลังจากที่ได้ฟังความจากบ่าวคนสนิท เรื่องของเรือนท้ายจวน
“ทำไมมันไม่ตายๆไปซะ แล้วไหนจะแม่กับเด็กในท้องมันอีก ถึงท่านโหวไม่ได้เอ็นดูแต่ก็ไปที่เรือนนั้นบ่อยเช่นกัน มันน่าเจ็บใจนัก”
“นายหญิงอย่าโมโหไปเลยเจ้าคะ ถึงอย่างไร นายท่านก็รักและเอ็นดูนายหญิงมากกว่าท่านอย่าทำเช่นนี้เลย ถึงยังไงนายหญิงมีคุณชายสามและคุณหนูสี่นะเจ้าคะ ตอนนี้คนดูแลจวนคือนายหญิงของบ่าวแม้แต่ฮูหยินใหญ่ยังไม่สามารถชิงความโปรดปรานจากนายท่านได้เลย นายหญิงของบ่าวอย่ากังวลด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้เลยนะเจ้าคะ” เสียงของแม่นมกุ้ยเอยเตือนสตินายหญิงของตน
จะว่าไปอนุหลีที่จริงควรจะได้แต่งเป็นฮูหยินของท่านโหว แต่ติดที่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลหลี ทำให้ต้องเป็นเพียงแต่งเข้ามาเป็นอนุเท่านั้น แต่นายท่านยังรักและเอ็นดูนายของตนมากกว่าบรรดาเมียทั้งหลายเพราะ รักกันตั้งแต่วัยเยาว์ น่าเจ็บใจนายหญิงผู้เฒ่า เมื่อเห็นว่าตระกูลหลีเกิดเรื่อง ไม่ช่วยแถมยังหาฮูหยินให้นายท่านแต่งอีก เพราะเห็นแก่ความก้าวหน้าของตระกูล แต่ฮูหยินเสิ่นเข้ามาช่วยทั้งเงินทอง และ ยกหน้าตาให้ท่านโหวได้ แต่ใช่ว่าจะครองใจนายท่านอย่างอนุหลีขอตน
“แม่นมกุ้ย ท่านไปเบิกของบำรุงที่พ่อบ้านจางแล้วเอาไปให้เรือนท้ายจวน หึ บอกพ่อบ้านจางเอาของชั้นเลวพอ ไม่ต้องเลี้ยงพวกมันดีมาก แต่ข้าจะเสียหน้าที่ ดูแลจวนหลังนี้ไม่ได้ ถ้าท่านโหวกลับมาตรวจสอบภายหลัง เสียชื่อข้า” กล่าวจบโบกมือให้แม่นมกุ้ยไปทำสิ่งที่ตนสั่ง
[หึ ข้าจะไม่มีวันยอมให้นังเด็กนั่น ได้ดีไปกว่าลูกข้า] สายตาที่มองออกมาถ้ามีใครอยู่ข้างๆรู้สึกเสียวสันหลังกันเลยทีเดียว สายตาที่มีความอาฆาต เจ้าเล่ห์
By:365day mylove
!!!
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!