NovelToon NovelToon

แต่ก่อนกาล Last Before

ตอนที่ ๑ ปฐมบท

ศศิธรเลื่อนลอยล้ำฟื้น คืนหงาย

หมู่แมกไม้ตระคุ่มกลุ่มเงา เป็นเถ้าถ่าน

สายวาโยโชยพัดพริ้วปลิวว่อนสไหว แน่เฮย

ยามเฉยชมนวลเจ้า แนบเนื้อ นวลนาง

เสียงหวีดหวีวกรีดร้อง แสร่ซ้อง จั๊กจั่น

หรีดริ่งรัยรันล้อม เดือนหงาย

เชยคางเจ้ามองมา แนบกาย

จุมพิตพิลาลัย เชยชม กรุ่นเอย

เสียงกล่าวกลอนลอยละล่องตามสายลม ชวนให้ขนหัวลุก แม้คืนนี้จะเป็นคืนเดือนเพ็ญ แต่สำหรับโลกใน หลายร้อยปีก่อนกาลแล้ว มันคือความโรแมนติกที่หาใดเปรียบได้ ร่างบางเน่งน้อยนอนขดภายใต้ผ้าห่มอย่างหนาวกายมีเพียงหมาน้อยกับแมวอีกหนึ่งตัว คอยซุกให้ใออุ่นแทนกายดั่งคำกลอนอันหวานเลี่ยนที่ได้ยิน 'ไอวี่'หรือ'ไอวรินทร์' ลืมตามองพุงอุ่นๆของเจ้าเหมียวในความมืด มือบางขยับเกาขนอุ่นๆนั้น เพื่อความสบายใจของตน เป็นวันที่สิบสามแล้วที่เธอนอนไม่หลับสักนิด...ไม่สิ...เธอไม่อาจข่มตาหลับลงได้ต่างหาก ในเมื่อจู่ๆเธอก็ตื่นขึ้นมาในห้องไม้สักทองแปลกตาพร้อมเครื่องเรือนที่ดูเก่าแก่แต่ใหม่เหมือนพึ่งทำมาไม่นาน อีกทั้ง เจ้าของเสียงที่ร้องกลอนเกี้ยวสาวอยู่นั้น ก็อ้างตนว่าเป็นบิดรตนเองเสียอีก....

ไอวี่พยายามนึกหาวิธีตื่นจากฝันนี้...เธอพยายามเรียบเรียงความสับสนที่ประดังประเดเข้ามาในหัวเธอไม่หยุดหย่อนเลยเสียด้วย!!! หากว่าเธอจะเดาไม่ผิดแปลก ตอนนี้เธอคงกลับชาติมาเกิดหรือมีเหตุให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ใจบางอย่าง ที่ทำให้เธอต้องมาอาศัยอยู่ในร่างของเด็กน้อยน่าตาน่าชังนางนี้ อีกทั้งชื่อแซ่ก็ออกจะแปลกประหลาดเสียอีก 'ซ้องนาง' เป็นชื่อที่ใครๆต่างเรียกเจ้าของร่างนี้ หญิงสาวยิ่งคิด ความทรงจำก็ยิ่งพันกันอีรุงตุงนังจนปวดหัว ว่าแล้วก็รู้สึกปวดแปลบจนแทบจะดีดดิ้นขึ้นมาทันที นั่นอะไรกันนะ...ที่ทำให้เธอได้เห็นภาพนั้นอีกครั้ง!!!

หมวกปีกกว้างปริศนา

เสียงแตรรถร้องดังลั่นบนท้องถนนถึงแม้ท้องฟ้านั้นจะมืดสนิดไปแล้วการใช้ชีวิตในเมืองหลวงมันก็มักจะไม่ค่อยได้ยลยินสุนทรียภาพใดๆอยู่แล้วเป็นปรกติ ตึกสูงระฟ้าเรียงรายท่ามกลางแสงนีออนหลากสี บ่งบอกถึงความเจริญก้าวหน้าที่เติบโตขึ้นเรื่อยในทุกๆวัน

เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงและมั่นคงของร่างบางระหงยังคงย่ำต๊อกไปบนทางเท้าอันแสบคับแคบและไม่สะดวกสะบาย ใบหน้างามที่ผ่านแสงไฟก้มหน้านิ่งตั้งสมาธิกับเท้าที่คอยหลบหลีก การโกงกินภาษีของรัฐบาลประเทศสารขันฑ์ราวกับว่ามันคือเกมส์ เซอร์ไวเวิล คืนนี้ ไอวี่กลับบ้ายดึกอีกแล้วสินะ. หญิงสาวดูท่าทางอิดโรยและอ่อนแรงหลังจากรับมือกับมรสุมของกองงานอันพะเนินเทินเถิกมาทั้งวัน ร่างบางก้าวเท้าฉับๆๆๆโดยไม่สนใจอินทร์หรือพรมหรือแม้แต่คนพิการแขนขาข้างถนนเลยด้วยซ้ำ แน่นอน...เพราะเวลานี้มันคือเวลาที่เธอควรนอนบนเตียงนุ่มๆแล้วต่างหาก แต่ด้วยงานที่เจ้านายหน้าเลือดเทมาให้เธอ จึงทำให้เธอกลับบ้านเกือบเที่ยงคืนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เสียงไฟจราจรร้องเตือนให้ผู้คนที่เดินผ่านถนนสีเทาร้องบอกว่า ควรหยุดเพื่อที่จะให้เหล่ารถคันโตแล่นผ่านไป ไอวี่หยุดมองวิวทิวทัศน์รอบๆอย่างชั่งใจ รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาตะหงิดใจทันที

"เหนื่อยหรือ??" เสียงร้องถามล่องลอยมาตามลม ทำให้หญิงสาวหันไปตามเสียงอย่างตกใจ ร่างสูงโปร่งในชุดสีดำสนิท สวมหมวกปีกกว้างสีดำส่งยิ้ม ให้เธออย่างเยือกเย็นจนทำเอาเธอถึงกับขนลุกไปทั้งสรรพางค์กาย

" คะ....คะ...คุย...กับฉันเหรอคะ..." ไอวี่ถาม เธอพยายามมองไปยังใบหน้าที่ถูกปกปิดภายใต้ปีกหมวกนั้น แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่มันก็ไม่สามารถมองลึกเขาไปไกลเกินกว่าหมวกปีกกว้างสีดำที่รุงรังนั้น

"ไปเถอะไอวรินทร์..จากนี้เธอจะเหนื่อยแสนเหนื่อยกว่านี้อีก...ฝากเธอด้วยนะ..." สิ้นคำพูดนั้นโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้กล่าวอะไรให้คลายสงสัยมือบางของร่างสูงโปร่งนั้นก็ยื่นออกมา แล้วพลักเธออย่างแรงจนร่างบางของเธอเซถลาออกไปยังกลางถนนที่ว่างเปล่า ไอรดารู้สึกราวกับตนเองหลุดเข้าไปอยู่ ณ ที่ว่างเปล่าไร้แสงสีและเสียงใดๆแม้แต่วิวทิวทัศน์ที่เป็นตึกสูงระฟ้า กลับหายวับไปกับตา

ที่นี่ที่ไหน

"เอ๊ะ!!!....กรี้ดดดดดดดดดดดด!!!!!" ไอวรินทร์กรีดร้องเมื่อจู่ๆพื้นที่เธอเคยเหยียบยืนอยู่ก็หลุบหายไปราวกับมีมนต์เสก ร่างบางร่วงหล่น ลงสู่ก้นเหวอันมืดมิด ร่างนั้นร่วงหล่นลงไปเรื่อยๆไร้การไขว่คว้าใดๆที่จะสามารถเกาะเอาไว้ตามสัญชาติญาณได้ ไอวรินทร์รู้สึกเหมือนใจหายวูบและเวลาก็เนิ่นนานเธอได้เพียงคว้ากระเป๋าเป้ใบโตที่เธอมักพกไปไหนมาไฟนด้วยนั้นเอาไว้แล้วหลับตาปี๋

เสียงนกน้อยร้องเพลงประสานเสียงราวกับเป็นบทเพลงแห่งรุ่งอรุณ ไอวี่สะดุ้งตื่นหญิงสาวนอนแนบนิ่งอยู่บนกองใบไม้แห้งที่ทับถมกันจนนุ่ม ใบหน้างามของเธอยู่ยี่เพราะพึ่งตื่นนอน ในมือของเธอยังคงกอดกระเป๋ายังชีพใบโตคู่กายเอาไว้แน่น ชุดที่เธอใส่ก็ยังคงเป็นสูทสีกรมกับกระโปรงสอบเหมือนเมื่อตอนที่เธอพึ่งเลิกงานมาหมาดๆเช่นเมื่อคืน ไอวรินทร์ถุยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงและเศษใบไม้ออกจากปากพลางขยี้สายตาแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย

" ที่นี่ที่ไหน???ทำไมฉันถึงมาอยู่ในป่าได้!!??" ไอวรินทร์เขม่นตามองไปรอบๆ นั่นก็ต้นไม้ นี่ก็กระต่ายและกระรอกน้อย นุ้นก็นกป่าแปลกตา เสียงลมแผ่วๆกับเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ความสงบที่ในเมืองกรุงไม่สามารถหาได้ ไอวี่ลุกขึ้นยืนบิดกายไล่ความเมื่อยล้า เธอรู้สึกหายปวดเมื่อยและความอ่อนล้าที่เคยมีอยู่ก็หายไปราวกับปลิดทิ้ง หญิงสาวเดินตามเสียงน้ำไหลไปไม่นานก็พบลำธารขนาดไม่ใหญ่มากไม่ลึกหรือตื้นเกินไป ในน้ำมีปลาตัวเล็กใหญ่แหวกว่ายอยู่เต็มบ่งบอกถึงความ อุดมสมบูรณ์ ไอวรินทร์ปลดปล่อยเวลาไปกับการจัดการตัวเองล้างหน้าล้างตาแปรงฟันจนเนียบร้อยข้างๆลำธารอยู่ตรู่ใหญ่

" ดีนะที่ชอบพกอีของพวกนี้...ที่สำคัญ...ลูกรักของฉันทั้งสามเครื่องยังอยู่ดี...แต่ที่แย่คือ...ไม่มีสัญญาณเลยไห้ตายเถอะ!!!" ไอวรินทร์จัดการเช็คของในกระเป๋าใบโต ที่มีทั้ง สมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือแบบปุ่มกดรุ่นเก่า และแมคบุ๊ครุ่นล่าสุด พาวเวอร์แบงค์ กระเป๋าเครื่องเขียน กระเป๋าเครื่องสำอางค์ สมุดจดสองเล่ม เอกสารงานต่างๆรวมถึง เครื่องมือเอารอดที่คนบ้างานอย่างเธอมักจะพกพาเสมอๆเพียงเพราะบ่อยครั้งที่เลขาอย่างเธอต้องเดินทางไกลๆกับเจ้านายไม่ว่าจะในป่าหรือในเมือง หญิงสาวจัดแจงตัวเองเดินทางตามเส้นทางน้ำไปเรื่อยๆ คาดหวังว่าปลายทางน้ำจะมีบ้านคนอยู่เพื่อให้เธอได้รับการช่วยเหลือบ้าง ทว่าในใจของเธอยังคงวนเวียนหาคำตอบไม่มีหยุดในเรื่องที่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ก็จนแล้วจนรอด หญิงสาวก็ยังคงหาคำตอบไม่ออกเพราะเธอสิ่งที่วนเวียนในหัวมันสบสนจนเธอรู้สึกเหนื่อย แต่ทว่าสัญชาติญาณก็ทำให้เธอต้องเอาตัวรอดต่อไป

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!