สหราชอาณาจักร, ประเทศอังกฤษ:ลอนดอน: โรงเรียน นานาชาติ แห่งลอนดอน
" เธอเบื่อการเมืองบ้านตัวเองมะ?"
เสียงของเด็กหนุ่มมาดกวนๆเป็นคนเปิดเรื่อง.
" มีที่ไหนบ้างที่คนไม่เบื่อการเมืองบ้านตัวเอง?"
" ถามแบบนั้นก็ไม่ต่างกับถามว่าเคยเจอควายบินได้รึเปล่าเลยนะ."
" หมายความว่าไง?"
" ก็... ถ้าตอบส่งๆไป ก็ต้องตอบว่า ไม่เคย ถูกมะ? แต่ คือจริงๆ มันอาจจะมีก็ได้ไง. แค่ยังไม่เคยเห็นก็เท่านั้น. โลกนี้มีตั้ง 7 พันกว่าล้านคน มันอาจจะมีคนที่ชอบการเมืองบ้านตัวเองอยู่ก็ได้."
" คิดงั้นเหรอ? "
บรรยากาศภายในร้านกาแฟที่กำแพงและพื้นถูกปูด้วยไม้เคลือบสีน้ำตาลทึบ ตัดกับ ไฟเหลืองอ่อนๆ สลัวๆ จากไฟห้อยเพดานเป็นระยะๆ และเฟอร์นิเจอร์ที่ดูดีมีมาตรฐาน
ประกอบกับกลิ่นที่มาจากเมล็ดกาแฟ,เครื่องปรุง และขนมปังยามเช้า และ เสียงของ เด็กหนุ่ม กับ เด็กสาว.
" นี่. จะบอกอะไรให้นะ. ที่ๆชั้นโตมา มีนายกฯชื่อ xู่ . คนอยากกระทืบไอ้นี่เกินครึ่งประเทศ. แต่คนก็เลียตีนมันครึ่งประเทศเหมือนกัน. ทุกวันนี้แทบแยกไม่ออกแล้วว่าสภาหรือสวนสัตว์. ใช่...ประเทศชั้นมันห่วย แต่อย่างน้อยยังดีกว่าไอ้ xรัxป์ ของบ้านเธอละกัน.อย่างน้อยพวกสมองถั่วหัวรุนแรงในบ้านชั้นมันก็เห่าหอนแค่ในเน็ตล่ะวะ."
" ...ไออ้วนนั่นคนเกลียดทั้งโลก...ขนาดชั้นเป็นคนอเมริกันแท้ๆยังไม่ชอบมันเลย..."
" เธอรู้มั้ย, ชั้นก็ได้บทเรียนจากมันว่าเสรีภาพในการพูดเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งสำหรับพวกโง่ๆ ก็ควรหุบปากซะบ้าง.พูดในฐานะคนนอก...เสรีภาพที่มากไปก็ทำให้เกิดพวกตรรกะเพี้ยนๆได้เหมือนกัน."
" พูดซะชั้นอยากลุกออกเลย... นายไม่อยากไปเที่ยวอเมริกาหน่อยเหรอ?"
" ชั้นจะไม่เหยียบลงบนประเทศที่แม้แต่สภายังโดนบุกได้หรอก."
" ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย..."
" เกี่ยวสิ. ขนาดสภายังโดนบุก. นับประสาอะไรกับความปลอดภัยบนถนนคนเดิน ห้ะ? ประเทศของเธอมีแต่พวกเพี้ยนๆ เต็มถนน.คนเอเชียเดินอยู่ดีๆยังโดนไอ้มืดไม่ก็ไอ้เผือกมันต่อยได้เลย.แถมยังมีพวกติ่งคอนสไปเรซี่(Conspiracy)งี่เง่าพวกนั้นอีก.ชั้นไม่ไปหรอก."
" เขาเรียกมี Freedom of belief ต่างหาก."
" โง่ก็คือโง่. โจดี้. โง่ ก็คือ โง่."
วัยรุ่นสาวคอเคเชี่ยน ผมทองชาวอเมริกัน กวาดดวงตาสีฟ้าไปมองบนโต๊ะ. เธอเห็นเด็กหนุ่มเขี่ยครีมสีขาวบนแผ่นขนมปังอบแล้วนำไปปาดไว้ข้างจานจนเกลี้ยง ก่อนเอาแผ่นขนมปังเข้าปาก.
และแน่นอน เขาขโมยมันไปจากจานของเธอ.
"นายจะไม่กินครีมจริงๆเหรอ? อร่อยนะ."
"ไม่.แค่เห็นก็อยากจะอ้วกแล้ว.ชั้นไม่ใช่คนผิว Default skin แบบเธอนะ."
เด็กหนุ่มชำเลืองดวงตาสีแดงดังเพลิงมามองที่หน้าเธอ. เขากล่าวตอนชี้นิ้วใส่หน้าเธอไปด้วย ราวกับจะย้ำให้รู้กันไปเลยว่าพูดจริง.
"...คนขาวไม่ได้กินครีมกันหมดซะหน่อย. มันก็มีคนไม่ชอบเหมือนนายนั่นแหละ...อีกอย่าง...นายไม่ใช่คนขาวเรอะ? "
โจดี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย. เธอรู้สึกถึงความย้อนแย้งที่ออกมาจากคำพูดของ ซิด. เพราะเด็กหนุ่มคนนี้ มันดูยังไงๆ ก็ต้องมีเชื้อคอเคเชี่ยน อยู่บ้างแน่ๆ.
" ครึ่งเดียว "
" อ้อ. นายเป็นลูกครึ่งนี่นา..."
" พ่อชั้นเป็นคน ออสเตรเลีย. แต่แม่เอเชีย."
" ประเทศอะไรเหรอ? "
" บอกไปแล้วในห้อง.ไม่พูดซ้ำแล้ว."
เด็กหนุ่มกล่าวพลางหยิบแผ่นขนมปังอีกชิ้นออกไปจากจานของเธอ.
" ตอนนั้นไม่ได้ฟัง."
เมื่อโจดี้ตอบไปแบบนั้นและยิ้มนิ่งๆใส่เขาด้วย.เขามองมาที่เธอ ราวกับกำลังจะบอกว่า 'อ่าว, ไอเxี้ยนี่'.
" สมกับเป็นพวก'เมกา...ถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พวกมันก็ไม่ฟัง."
" ขอโทษค่ะ.วันหลังจะไม่ทำแล้ว.ชั้นผิดเองที่เกิดเป็นคนอเมริกา."
"... เหอะ...."
ซิดเอาขนมปังเข้าปาก เคี้ยวงั่มๆ ชำเลืองสายตาอันไม่สบอารมณ์กับการประชดประชันของหญิงสาวออกไปด้านข้าง ก่อนจะตอบเธอไป.
" ไทย "
" ....ไทย...ใช่ไทย-"
" บอก Taiwan ชั้นจะต่อยเธอให้หน้าบินไปติดกระจกเลย."
เขาง้างหมัดใส่เธอ, นั่นทำให้โจดี้หัวเราะในลำคอในความหัวร้อนของเขา.
" ไม่ๆๆ. กำลังจะพูดว่า ไทยแลนด์ ที่อยู่ข้างบนมาเลเซีย ใช่มั้ย?"
ซิดหุบหมัดลง.
" ในที่สุด."
เด็กหนุ่มพึงพอใจกับคำตอบนั่นมาก.
" เป็นพวกเชื้อผสมมันเหมือนซื้อ DLC จากพระเจ้าก่อนมาเกิดนั่นแหละ ...ข้อดีข้อเดียวคือมี 2 races ให้สลับกันใช้ไปมา."
"... แล้วนายเคย...มี Identity Crisis บ้างมั้ย?"
" ไม่. ไม่เลย."
" ทำไมล่ะ?"
" ชั้นอยู่ไทยมาตั้งแต่ 4 ขวบ.และชั้นเลือกที่จะเป็นคนไทย.เป็นคนขาวน่าเบื่อแย่. วันๆกินแต่ ชีส, แดกเบอร์เกอร์. เสพติดโค้ก. ไม่เอาอ่ะ...ไหนๆเธอก็เป็นพวกนั้นแล้ว ขอถามเลยละกัน.ชั้นเคยได้ยินว่าคนอเมริกาแม่งอ้วนเกือบทั้งประเทศ, จริงอ้ะป่าว?"
" ไม่รู้สิ. นายว่าชั้นอ้วนรึเปล่าล่ะ?"
โจดี้โชว์เรือนร่างอันสมส่วน มีทรวดทรงองเอว ให้เขาดู. ถึงจะมีชุดนักเรียนคลุมอยู่ แต่ดูยังไงก็รู้ว่าถ้าจับเธอไปใส่ชุดวาบหวิว และเต้นลง ติ้กต่อก คงได้ยอดวิวเป็นล้านๆ.
"ชั้นถามส่วนใหญ่."
"นายกำลังยอมรับใช่ไหมว่าชั้นสมส่วน?"
ไม่สมส่วนได้ยังไงล่ะ. เพราะโจดี้เป็นคนออกกำลังกายอยู่ประจำ.
"ไปถามคนอื่นไป๊."
" มีให้ถามด้วยเหรอ?"
" เออว่ะ. ว้ายๆๆ ไม่มีเพื่อน ว้ายๆ"
" มีสิ. นายไง."
" ตลกร้ายชัดๆ. เธออยู่ที่นี่มา 2 ปีเศษแต่พึ่งจะมีเพื่อนเป็นเด็กแลกเปลี่ยนที่พึ่งมาเมื่อ 2 วันที่แล้วเนี่ยนะ?"
" ใช่."
พนักงานของร้านเดินเข้ามาเก็บเงินที่โจดี้เตรียมไว้ให้อย่างพอดี.
"ขอบคุณลูกค้า ที่กรุณามาที่มาใช้บริการครับผม.ไว้โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ"
ทั้งคู่ไม่พูดอะไร. โจดี้ยิ้มๆ ให้เขา. หยิบกระเป๋าใบคู่ใจ. ลุกขึ้นพร้อมกับ ซิด, และกำลังเดินออกไป.
"ไว้จ่ายทีหลัง"
" นายก็ทำแบบนั้นตลอดไม่ใช่รึไง?"
" เอ้า.จ่ายช้าแต่ก็จ่ายป้ะ?"
"จ้าๆคนรวย. อ้าว? นายไม่ให้ทิปเหรอ?"
" ทิป?"
เด็กหนุ่มหันกลับไปที่โต๊ะที่เคยนั่ง,
" ไม่อ่ะ."
" แต่มันเป็นมารยาทของที่นี่นะ."
" มารยาทก็ส่วนมารยาทสิ. ถ้าต้องเสีย เงินเพื่อเป็น 'มารยาท' ชั้นยอมเป็นพวกสถุนดีกว่า."
" นายขี้เหนียวจัง."
" เงินก็คือเงิน. you know?"
โจดี้ กับ ซิด เดินออกจากร้านกาแฟไป. ทิ้งให้นักเรียนทุกคนในร้าน ตกตะลึงกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น.
เพราะในความเป็นจริงของที่นี่. ไม่มีใครกล้าง้างหมัดใส่ โจดี้. ไม่มีใครกล้าพูดหยาบกระด้างใส่เธอ และ ไม่มีใครเลยที่เธอคุยอย่างสนิทสนมเช่นนี้.
มันเป็นกฏลับๆของที่นี่.นักเรียนผู้มีพลังพิเศษทุกคนรู้กัน.
Jody คือบุคคลเบอร์ต้นๆของโรงเรียนนี้ที่ ไม่ควรไปทำให้เธอโมโห ถ้าไม่อยากไปนอนโรงพยาบาล.
แต่พวกเขาก็พอจะเข้าใจเหตุผลอยู่. เพราะสิ่งที่ Syd ได้ทำไว้เมื่อหลายวันที่แล้ว.
ในส่วนของโจดี้. ตั้งแต่เธอรู้จักกับ ซิด มา. เธอรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นคนที่ไม่ว่าจะพูดเสียดสีประชดประชันเธอขนาดไหน มันก็ไม่ได้ทำให้เธอโกรธเลยซักนิด.
เพราะ เด็กหนุ่มคนนี้ มีความน่าสนใจอยู่มาก. และบางสิ่งที่เขาแสดงออกมา...มันช่างขัดกับประวัติของเขาที่เธอไปอ่านมาใน 'วิกิพีเดีย' เหลือเกิน.
ทั้งคู่เดินออกมาได้ซักพัก. ทันใดนั้นเอง, ขณะที่กำลังจะเดินผ่านโถงทางเดินใหญ่ เพื่อไปเข้าคลาส.
ซิด และ โจดี้ พบเข้ากับ เด็กสาว คอเคเชี่ยน อายุไล่เลี่ยกับพวกเขา. ผมสีชมพูและมีแถบสีเขียวประปราย, แต่งหน้าหนาใช้ได้, มีเส้นขอบตาสีดำหนา และ ลิปสีดำ กำลังขวางทางพวกเขาอยู่.
เด็กสาวคนนั้น เดินตรงเข้ามายัง ซิดและโจดี้. แต่ก็ไม่ใช่ว่าทั้งคู่ไม่รู้จักเธอเลย.
เพราะพวกเขาพึ่งจะมีประเด็นกันมาเมื่อวานนี้เอง.
เธอมีสีหน้าไม่มั่นใจ และ เกรงกลัวพวกเขา. แต่ถึงหยั่งงั้น เธอก็ยังกล้าที่จะเดินเข้าไปหาพวกเขาและเปิดด้วยสำเนียงผู้ดีอังกฤษก่อนเลยว่า
" ซิด บาร์เร็ต... โจดี้ โจฮันสัน! พวกเรามาต่อรองกันดีกว่า! "
หลายวันก่อน
ณ สถานที่แห่งเดิม. คาเฟ่ภายในโรงเรียนนานาชาติแห่งลอนดอน.
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก.แต่เป็นวันแรกของเทอมที่ 2 ของปี 3 (ม.6 บ้านเรา).
โจดี้ โจฮันสัน เป็นสาวอเมริกันที่หน้าตาออกแนวสาวหล่อ, เป็นคนที่บุคลิกนิ่งๆ พูดน้อย. เธอนั่งซดโกโก้อยู่ที่โต๊ะประจำของเธอพร้อมจานกระเบื้องขาวใส่ขนมปังทาครีมอยู่ 2 ชิ้น. ในมือถือโทรศัพท์. เธอกำลังติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้น ณ บ้านเกิดของเธออยู่. ในขณะที่กำลังทานมื้อเช้าอยู่ไปซักพัก...
...( ( เสียงระฆัง) )...
โจดี้ และ นักเรียนหลายๆคนข้างนอกรู้ว่านี่คือเสียงสัญญาณว่า เวลาเรียนคาบแรกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว. ซึ่งก็เผอิญโชคดีที่เธอซดโกโก้ร้อนหมดแก้วพอดี.
โจดี้จึงจ่ายเงิน,ลุกขึ้น, เก็บของ และ หันหลังกำลังจะเดินออกไป. แต่ทันใดนั้นเอง...
...ตุบ....
มันเป็นเสียงส้อมตักเค้กของโต๊ะที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่.เขาทำมันตกและตอนนี้เขากำลังจะเก็บมันขึ้นมา.แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับบางอย่างในโทรศัพท์.ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจากมันได้.
เขาแค่โน้มตัวลงในขณะที่ตาก็จ้องมือถือ แล้วกวาดมือไปทั่วๆบริเวณที่ส้อมตกจนกว่ามันจะเด้งกลับเข้ามืออีกครั้งก็เท่านั้น.
ทั้งหมดนั่นมันจะไม่เป็นปัญหาสำหรับโจดี้เลยซะด้วยซ้ำ ถ้าเขา ไม่ได้กำลังขวางทาง เธออยู่.
เด็หนุ่มผมสีน้ำตาลนั่งหันหลังให้เธอ. นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ครึ่งตัวบนของเขาเป็นสิ่งเดียวที่กำลังขวางโจดี้ไม่ให้เดินออกไปจากร้านได้.
"..."
โจดี้ให้โอกาสเขา. แต่ดูเหมือนไอ้หมอนี่มันจะ 'ติดมือถือ' เกินไปหน่อย. จึงทำให้โจดี้ต้องส่งเสียงไอในลำคอออกไป.
..."อะแฮ่ม."...
นิ่งๆ. เงียบๆ. แต่เต็มไปด้วยความขรึม.เพราะต้นทุนเดิมของโจดี้คือ เธอเป็นคนที่มีเสียงนุ่มลึกอยู่แล้ว. และเพราะเหตุนี้นี่เอง เธอมักจะถูกทักบ่อยๆว่าเสียงของเธอเหมือนกับ โรซามันด์ ไพค์.
ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นคงสะดุ้งพร้อมลุกขึ้นมาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่เมื่อพวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายคือ โจดี้.แต่มันไม่ใช่กับชายคนนี้.
เขาค่อยๆหันกลับมาหาเธอพร้อมกับหยิบส้อมไปด้วย.
ดวงตาสีแดงที่พร้อมจะมีเรื่องกับทุกๆสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเพศใดก็ตาม จับจ้องเข้ามาที่ดวงตาสีฟ้าของเธอ. เด็กหนุ่มไม่ได้พูด.แต่แววตาและสีหน้ามัน "สื่อ" ออกมาเรียบร้อยแล้ว.
'มีอะไรวะ ไอxัส ?'
คงอารมณ์ประมาณนั้น.
เขาหันกลับไปราวกับว่าเขาไม่มีเวลามาใส่ใจเธอ. กลับไปนั่งกดมือถือต่อราวกับเขา จงใจ ปล่อยเธอไป.
ซึ่งนั่นทำให้โจดี้แปลกใจมาก.
ไอหมอนี่มันเป็นใคร? ทั้งๆที่มันก็ใส่ ยูนิฟอร์มของโรงเรียน แต่มันดูเหมือนมันไม่รู้จักเราเลย
อีกอย่าง... เราไม่ได้จำหน้าคนอื่นนอกจากคนในห้องด้วยสิ. บอกไม่ได้เลยว่าไอหมอนี่มันมาจากไหน...
หนึ่งสิ่งที่ โจดี้ กล้าพูดได้เต็มปากก็คือ เขาไม่รู้จักเธอ. เพราะถ้าเขาได้ชม "การต่อสู้" ที่จัดขึ้นเป็นธรรมเนียมของที่นี่ตั้งแต่วันแรกของ ปี 1 ที่เข้ามา, เขาต้องสั่นกลัวไปแล้ว.
แต่ถึงกระนั้น เนื่องจากมันได้เวลาเรียนแล้ว บวกกับโจดี้ เลิก เป็นคน ประเภทนั้น ไปตั้งแต่ย้ายออกมาจาก นิวยอร์ก. ทำให้เธอไม่ได้คิดจะหาเรื่องเขา และเดินออกไป.
กิ๊งๆ...
เด็กหนุ่มดูเวลาในจอมือถือ, ตอนนี้ใกล้จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว แต่เขายังไม่ชินกับ Time zone แถวนี้ซักเท่าไหร่.
" ฮ้าววว..."
ไม่นานนัก, เขาก็ลุกขึ้น. หยิบกระเป๋า แล้ว เดินออกไปจากร้าน.
กิ๊งๆๆ...
[9 โมงเช้า]
บรรยากาศในห้องเรียนนั้นแตกต่างจากโรงเรียนธรรมดาอย่างยิ่ง.ถึงจะมีเสียงพูดคุยเป็นระยะๆบ้าง,แต่มันไม่วุ่นวายเลย.
ทุกคนในห้องนั้นล้วนเป็นผู้ดีแทบจะทั้งสิ้น และ ด้วยความที่เป็นโรงเรียนนานาชาติอันดับต้นๆนี้เอง.ทำให้แต่ละคนต่างก็มีแบ๊คอัพในระดับบิ๊กๆทั้งนั้น. ไม่ว่าจะเป็นลูกนักการเมือง, ลูกเจ้าของธุรกิจ, ดารา หรือแม้แต่ เด็กหัวกะทิ.
ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าโจดี้นั้นอยู่ในกลุ่มหัวกะทิ. และเธอคือที่สุดของหัวกะทิอีกด้วย.ไม่ว่าจะด้านสติปัญญา หรือ พลังของเธอก็ตาม.
แน่นอนว่าการแบ่งชนชั้นก็ยังคงมีอยู่.ผู้ที่ไร้ซึ่งพลังก็ไม่ต่างอะไรกับฐานของพีระมิดให้ผู้คนเหยียบย่ำ.และส่วนมากจะอยู่ห้องท้ายๆ ซึ่ง ห้องที่โจดี้อยู่นั้นคือห้องต้น, หรือก็คือห้องที่ดีที่สุด.
โจดี้แทบไม่สุงสิงกับใครเลย.แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พูดคุยได้ แต่ไม่เคยพาออกทะเล. ทุกคนในห้องจะเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งของพวกเขากับ โจดี้ ไว้เสมอ.
ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แต่มันตรงกันข้าม.พวกเขา เกรงกลัว.
ความจริงแล้ว โจดี้ แก่เกินไปสำหรับปี 3 ตอนนี้เธอควรจะอยู่มหาลัย ปี 1 แล้ว.แต่ว่าเพราะเหตุผลด้านการย้ายมาเรียนต่อ ทำให้โจดี้ต้องกลับมาเรียน high school ใหม่ตั้งแต่ต้น. ดังนั้นเธอจึงแก่กว่า นร.พวกนี้ 1 ปีเต็ม.
โต๊ะของเธอไม่ได้อยู่ข้างหน้าสุดเหมือนที่หนังหลายๆเรื่องมักจะนำเสนอ.เธอนั่งอยู่ หลังสุด และเป็นโต๊ะเดี่ยว.
เธอเลือกมันและร้องขอมันเอง.เพราะเธอไม่ชอบเวลามีคนมานั่งข้างๆ.
วางของเรียบร้อย, ทีนี้ก็รอเวลาให้อาจารย์เข้ามาสอน. เธอมองดูนาฬิกาข้อมือ พลางเงยหน้าขึ้นไปมองที่ประตูห้อง.ไม่นานนัก, อาจารย์ประจำชั้นก็เข้ามา.
แต่วันนี้มันแปลก.เพราะเขาไม่ได้มีท่าทีเหมือนที่เคยเป็น.เขาเดินเข้ามาพลางหันหลังกลับไปมองอะไรบางอย่างนอกห้อง ราวกับกำลังส่งสัญญาณให้บุคคลข้างนอกหยุดรอก่อน.
ทุกคนรับรู้ถึงความผิดปกตินั้น.เสียงนักเรียนเริ่มซุบซิบกัน.คุณครูไม่รอช้า รีบป่าวประกาศทันที.
" นักเรียนทุกคน.ก่อนที่เราจะเริ่มคลาสกันในวันนี้ ครูมีเรื่องจะมาแจ้ง.เรามี นักเรียนแลกเปลี่ยน โครงการ UCL ถูกส่งจาก ออสเตรเลีย มาที่นี่."
เมื่ออาจารย์กล่าวจบ.ทั้งห้องส่งเสียงฮือฮา หนักกว่าเก่า.เพราะอาทิตย์ที่แล้วก่อนเปิดเทอม, พวกเขาได้ยินข่าวของนักเรียนในโปรแกรมแลกเปลี่ยนหลายๆคน มารอเข้าเรียนในซัมเมอร์นี้เช่นกัน.
นี่ก็คงจะเป็น 1 ในนั้น.
อาจารย์หันไปสบตากับบุคคลนอกห้อง.เเละเมื่อเขาผู้นั้นก้าวท้าวเข้ามา, บรรยากาศของทั้งห้องก็ตื่นตัวขึ้นกว่าเดิมทันตาเห็นโดยเฉพาะสาวๆ...แต่ไม่สำหรับ โจดี้.
เพราะเธอจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้.
เด็กหนุ่มที่มองค้อนใส่เธอเมื่อตอนเช้า.เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ที่มีเเถบผมสีเหลืองอยู่ข้างหน้าเล็กน้อย.ก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกวาดดวงตาสีแดงสดเข้ามามองทุกๆสิ่งในห้องเรียน ก่อนที่จะเดินตรงมาหน้าชั้นด้วยท่าทีปกติ.
"แกดูเขาสิ. แววตาเขาน่ากลัวมากเลย"
" คือดูดุ ดูแบดอ้ะ. ชอบ~"
" งานดี."
โจดี้ได้ยินบทสนทนาของกลุ่มนักเรียนหญิงที่ฝั่งตรงข้ามสุดเม้าท์มอยกัน รวมถึงกลุ่มผู้ชายด้วย.
" ไอหมอนี่...น่ากลัวว่ะ"
" นั่นดิ.มันจะต่อยอาจารย์ป่าววะ?"
"หน้ามันโคตรหาเรื่องเลย...ชักหมั่นไส้แฮะ...แต่ว่า...ถ้าไอหมอนี่มันสามารถเข้าห้องนี้มาได้...ถึงจะเป็นพวกเเลกเปลี่ยนก็เถอะ...แสดงว่ามันต้องมีดีบางอย่างแน่ๆ."
โจดี้เห็นด้วยกับประโยคหลังของนักเรียนชายคนนั้น.เพราะต่อให้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน, ก็ไม่น่าจะถูกส่งมาที่ห้องนี้ได้ง่ายๆ. เว้นแต่ถ้าไม่เก่งมากๆเหมือนเธอ ก็คงจะบ้านรวยสุดๆ.
" เอาล่ะแนะนำตัวได้เลย."
" หวัดดีทุกคน...ชื่อ [ซิด บาร์เร็ต] มาจาก ซิดนี่ย์,ออสเตรเลีย. เป็นลูกครึ่งเอเชียครับ."
" ลูกครึ่งอะไรเหรอค้า~?"
นักเรียนหญิงใจเด็ดคนหนึ่งกล่าวถามขึ้นมา.
" พ่อออสเตรเลียแต่แม่เป็นคนไทย."
" ว้าว! ไทยแลนด์?! "
ฮือฮาเวฟที่ 2 ก่อตัวขึ้นอีกรอบ.แต่เด็กหนุ่มดูไม่มีปัญหากับสายตาที่จับจ้องมาที่เขาเลยซักนิด. เขาเฉยชาออกไปทางรำคาญเรื่องที่ไอฝรั่ง,แขก, หรืออะไรก็ตามแต่ที่คนพวกนี้พยายามทำให้เขาประทับใจโดยการเล่าว่าเคยไปเที่ยวไทยมาตอนไหน อย่างไรบ้าง.
อย่างพวกเอ็งมันก็รู้จักแค่ ภูเก็ต กับ พัทยา ล่ะวะ...ไอพวกฝรั่งเวรเอ้ย...
" เอาล่ะ ซิด, ปกติแล้วเธอมีสิทธิเลือกที่นั่งนะ.แต่ว่าห้องนี้จะมีที่ว่างอยู่ที่หนึ่งตรง โจดี้ พอดี.เธออยากไปนั่งข้างๆ โจดี้ไหม? ห้องจะได้ครบคู่."
"....."
ซิดมองไปยังทิศที่อาจารย์ชี้ไป. โจดี้ไม่รู้หรอก ว่าเขาจำเธอได้หรือไม่, แต่เด็กหนุ่มทำในสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครในห้องนี้กล้าทำ.
" หงึ. ไม่เอาอ่ะ.เธอดูน่ากลัวแปลกๆน่ะ.ผมไม่อยากเข้าใกล้."
แม้แต่อาจารย์เองก็ยังหน้าเจื๋อนในสิ่งที่เขาพูดออกมา.
ซิด สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของห้องเรียนที่พลิกจากหน้าเป็นหลังมือ.เขาแอบได้ยินแม้กระทั่งเด็กนักเรียนชายคนหนึ่ง ส่งเสียง ซี้ดด... กับเพื่อนเบาๆ.
ราวกับว่าซิดได้ไปทำสิ่งที่ ต้องห้าม อย่างงั้น.
" เออ.แต่ข้างหน้าที่มันก็เต็มด้วยแหละ.เอางั้นก็ได้.ผมนั่งข้างหลังก็ได้."
เขาเลยเดินไปข้างหลังห้อง, วางกระเป๋าลงบนโต๊ะว่าง ข้างๆโจดี้อย่างชิวๆ แต่ซิดยังไม่ได้ทิ้งตัวลงนั่ง. เขาชำเลืองมองที่เด็กสาว...ก่อนที่เขาจะตัดสินใจยกโต๊ะว่างตัวนั้นแล้วย้ายทั้งโต๊ะทั้งกระเป๋าไปไว้ตรงฟากตรงข้ามของห้องเรียน.
หรือจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆคือ ถ้ามองจากหน้าห้องเข้ามาแล้ว, โจดี้นั่งริมหน้าต่างขวาสุด, ส่วน ซิด ก็อยู่ซ้ายสุดแนบประตูทางออกข้างหลัง. ถ้าไฟไหม้, เขาคงเป็นคนแรกที่ได้ออกจากห้องนี้.
" เอาหล่ะ ซิด ครูรู้นะว่านักเรียนแลกเปลี่ยนไม่มีGPA. แต่โรงเรียนนี้มีการทำแบบทดสอบ ก่อนเริ่มเทอมด้วย.ฝ่ายประชาสัมพันธ์แจ้งเธอแล้วใช่ไหม?"
" ทำอะไรนะฮะ?"
"แบบทดสอบ"
"...อ้อ...แบบทดสอบ..."
" เธออยากทดสอบตัวเองมั้ย? ทำขำๆ ไม่มีคะแนนอยู่เเล้ว."
" อือ...ผมโหดอยู่ละ...แถมยังง่วงๆ จากเจ็ทแลคอยู่เลย. คงขอผ่าน-"
"กลัวเหรอ?"
คงจะเป็นเพราะว่ามันคือจังหวะที่ทั้งห้องเงียบและอาจารย์กำลังจะตอบกลับพอดี. ทุกคนรวมถึงซิดจึงได้ยินเสียงของ โจดี้พูดออกมาอย่างชัดเจนจากฟากตรงข้ามของห้อง. เสียงของเธอชัดเจนในชนิดที่ว่า ถ้าซิดตอบกลับด้วยคำว่า เธอพูดว่าไงนะ คงจะกลายเป็นไอหนวกทันที.
"... เปล่าหนิ..."
"มาเถอะน่า. ทำ 'ขำๆ' อยู่แล้วนี่? แลกเปลี่ยนทั้งทีควรเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้คุ้มนะ."
"....."
ไม่มีใครในห้องนี้ที่โง่พอจะไม่รู้ว่านี่คือคำท้าของ โจดี้ รวมทั้งตัวของซิดเอง.
"...."
" เออ. ก็ได้. เอาก็เอา. อาจารย์, จัดมาตรงนี้แผ่นดิ้."
นี่ถือว่าเป็นบทลงโทษขั้นเบาสุดที่โจดี้จะทำได้. ในไม่ช้า, เขาก็จะได้รู้ซึ้งว่าระดับสมองของเขากับโจดี้นั้นแตกต่างกันเพียงใด. ถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่น่าเกลียดเกินไป, โจดี้ก็จะได้รู้ด้วยว่า ไอหมอนี่ มีฝีมือระดับไหนกันแน่...
" x่า เอ้ย...ไอเxี้ย เช็คสเปียร์มันไปโดนตัวไหนมาวะ...xูจะไปรู้มั้ยว่ามันอยากจะสื่อx่าอะไร...เวร."
แค่ 5 นาทีหลังจากเริ่มจับเวลา, โจดี้ก็ได้ยิน ซิดบ่นพึมพำซะแล้ว...
ปากของโจดี้โค้งขึ้นเป็นมุมเล็กๆ.กำลังคิดในหัวอยู่ว่าเธอควรจะเมินเฉย หรือ พูดอะไรใส่เขาซักอย่างดีหลังจากประกาศคะแนน. แต่คงจะพูดไม่ให้เขาน้อยเนื้อต่ำใจเกินไปนั่นแหละ.
เพราะเธอเคยเผชิญกับอะไรแบบนี้มาตั้งแต่ย้ายมาที่นี่แล้ว. พวกหยิ่งยโสคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น แถมพูดจาหยาบกระด้าง ควรได้รับบทเรียนซะบ้าง...
หลายชั่วโมงต่อมา เวลา 16:00
"เฮ้. เฮ้นาย."
" หือ...?"
ซิดลืมตาตื่นขึ้นมาจากการไปเฝ้าพระอินทร์โดยการฟุบโต๊ะ และพบว่ามีนักเรียนชายผู้หวังดีคนหนึ่งปลุกเขาให้ตื่น.
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆห้องแล้วนั้น.เขาก็เกิดคำถามขึ้นมา.
นักเรียนส่วนใหญ่หายไปไหนหมดแล้ว? เหลือแค่เป็นหย่อมๆ เอง...
" อ้าว.ทุกคนหายไปไหน?"
" ไปดูคะแนนไง."
"....? อ๋อ...ไอแบบทดสอบอะไรนั่นอ่ะนะ?"
"ใช่."
"ตอนนี้กี่โมงแล้ว?"
นร.ชายผู้หวังดีมองที่นาฬิกาข้อมือ.
" 4 โมงเย็นเป๊ะ...อ้ะ, 4 โมง 1"
" อ้อ...ขอบใจมากเพื่อน. นายรีบป่าว?"
"ชั้นไม่รีบ. ว่าจะอยู่คุยกับเจ้าพวกนู้นซัก 10 นาที"
เขาชี้ให้ซิดเห็นกลุ่ม นร.ชายกำลังเขียนสมการถกเถียงกันบนกระดานอยู่.
" สวย.ไว้คุยเสร็จเมื่อไหร่ รบกวนมาปลุกอีกรอบด้วย."
" อ๋อ.ได้ๆ"
ซิด บาร์เร็ต ก็กำลังจะดิ่งลงสู่ความฝันชั้น Limbo อีกรอบ ถ้าตอนนั้นไม่ได้มี นร.หญิง วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้อง พร้อมตะโกนชื่อเขาอย่างสุดเสียงซะก่อน.
" SYDDDDDDD !!!!! SYDDDDD!!! "
เด็กหนุ่ม (รวมถึงคนที่เหลือ) สะดุ้งโหยง.
" เฮ้ย เxี้ย-ไรวะ?! "
"ซิด! นายต้องมากับชั้นด่วนเลย!"
" ห้ะ? เฮ้ยอะไร? ไปไหน?! ไม่บอกไม่ไปเว้ย."
" กระดานคะแนน! "
.
.
.
.
เธอลงทุนลาก ซิด ฝ่าฝูงชนของนักเรียนในเครื่องแบบเป็นร้อยๆ ผ่านโถงทางเดินใหญ่ เพื่อพาเขามาที่พื้นที่ของศูนย์ประชาสัมพันธ์ที่ดูหรูหราเกินระดับโรงเรียนไปร้อยเท่า.
"จะพาชั้นไปดูอะไร?"
"นายทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน!"
อะไรวะ...
" เห้ย! หลีก! บอกให้หลีกไป !"
เธอส่งเสียงตะโกนไล่ นร.ข้างหน้า, แต่แทนที่เหล่า นร.กำลังจะหันกลับมาด่าเธอ เมื่อเจอหน้า ซิด บาร์เร็ต พวกเขาก็หลีกทางให้ทันที.
ในที่สุด, ซิดก็มาหยุดอยู่หน้ากระดานประกาศคะแนนแบบทดสอบ. ผู้คนต่างเว้นพื้นที่ให้กวาดออกเป็นครึ่งวงกลม,ล้อมรอบกระดานเพื่อ ให้เขายืนได้สะดวก ราวกับว่ากำลังดูคนต่อยกัน.
แต่ในพื้นที่ตรงนั้น. ซิด ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว เพราะที่อยู่ตรงหน้าเขานั่นก็คือ โจดี้ โจฮันสัน กำลังยืนทึ่งอยู่กับผลคะแนนที่ปรากฏ.
ซิด มองตามทิศทางที่โจดี้มอง, เขากวาดสายตาขึ้นไปบนกระดานคะแนนผ่านรายชื่อนับร้อยๆจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน.
เขาคาดหวังว่าเขาจะเจอกับ ควายบินได้ซักตัวบนนั้น, แต่แล้วสิ่งที่เขาเห็นกลับเป็น...
อันดับ 1.) Jody Johansson {91/100} / Syd Barrett {91/100}
อันดับ 2.) Seraphina Gilmour {89/100}
อันดับที่ 3.) Jamal Strolokov {88/100}
(และไล่ลงไปเรื่อยๆ)
"นายเห็นมั้ย?! ว่านายทำอะไร?"
เด็ก นร.หญิงถามเขาด้วยความตื่นเต้น, พร้อมๆกับที่ทุกคนส่งเสียงพูดคุยกันอึกทึกคึกโครม.
" ที่ 1 มี 2 คน? จะบอกงั้น?"
" ซิด! นายเป็นคนเดียวที่ทำได้! นายเป็นคนเดียวที่ทำมันได้! "
" อ๋อเหรอ... โอเคได้..."
"ได้ยังไง...?"
ซิดได้ยินเสียงนุ่มลึกของสาวชาวอเมริกันพูดกับเขา.ถึงสีหน้าจะไม่ได้เปลี่ยน,แต่ดวงตาของเธอจ้องเขม็งมายังเขา ราวกับไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง.
" ซิด...ชั้นยังได้ยินนายด่า เช็คสเปียร์ อยู่เลย...นายมีท่าทีว่าจะทำไม่ได้นี่...แต่ทำไมถึง..."
" ? "
"นายโกงเหรอ?"
โจดี้ถามเขา.
" ชั้นจะโกงทำไม? GPA ก็ไม่มี. แถมมันเป็นแค่แบบทดสอบ. ชั้นจะเขียนวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอังกฤษลงไปก็ยังได้. ถ้าโกงจริงก็ต้องโดนอาจารย์จับได้ไปแล้ว.แถมอาจจะโดนแบล้คลิสต์ เข้าสังคมในโรงเรียนนี้ไม่ได้ด้วย. ทำไมชั้นต้องเอาวันแรกมาเสี่ยงด้วยล่ะ?"
นั่นก็จริง...
มันไม่ได้จบแค่นั้น...เพราะ ซิด เริ่มสวนคืน.
" เธอ ต่างหากล่ะ ที่ชั้นควรจะสงสัย."
เขาเริ่มเดินวนเธอเป็นวงกลม.
" เธอรู้ได้ยังไงว่าชั้น ด่าเช็คสเปียร์ ? ระยะที่พวกเรานั่งอยู่ห่างกันเป็นคืบ. และชั้นมั่นใจว่าชั้นไม่ได้ส่งเสียงดังออกมาเลยซักนิด เพราะจะได้ไม่รบกวนเพื่อนๆ."
"......"
" มันผิดปกติมากเลย รู้มัั้ย? ระยะการได้ยินเฉลี่ยของคนเราสำหรับเสียงกระซิบอยู่ที่ 1-1.5 เมตร. ชั้นด่าเช็คสเปียร์เบาซะยิ่งกว่ากระซิบกันในห้องสมุดซะอีก...แต่เธอก็ยังได้ยิน."
"......."
" เอาเหอะ.เธอคงจะหูดี."
ซิด ถือกระเป๋าและเดินจากตรงนั้นไป.
ทิ้งให้ โจดี้ ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น...
ซิด...นายเป็นใครกันแน่...
19:00 น. ตอนเย็นของวันเดียวกัน.ที่บ้านเช่าของ ซิด บาร์เร็ตย่านถนนคนเดิน, ลอนดอน.
ซิด บาร์เร็ต นั่งกดแลบท็อปอยู่บนโซฟา. แต่จิตใจของเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น.
เขารู้สึกค้างคาใจกับเด็กสาวผมทอง นาม โจดี้.
อะไรบางอย่างในตัวของเขาบอกว่า ผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษ. เขาตอบไม่ได้ว่าไอ้สิ่งครุมเครือนี้มันคืออะไร, แต่เขาบอกได้แน่ๆว่า โจดี้ นั้นมีอะไรพิเศษ.
" ชั้นเชื่อในสัญชาตญาณว่ะ."
เขาตัดสินใจควักโทรศัพท์เครื่องดำทมิฬ ไร้ยี่ห้อ ขึ้นมา แล้วโทรออกไปหาคนๆหนึ่ง.
"....."
{ เฮ้ย? อีกแล้วนะ.บอกให้หยุดโทรมาเบอร์นี้ได้แล้ว ไม่เข้าใจรึไง?}
" 180504 "
เมื่อ ซิด พูดตัวเลขชุดนี้ขึ้นมา, เสียงของเด็กสาวปลายสายเลิกโวยวายทันที. น้ำเสียงจากโวยวาย พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ.
พร้อมกับภาษาที่เปลี่ยนจาก อังกฤษ เป็น ภาษาไทย.
{ เฮีย? มีอะไรเหรอ?}
" ร็อกซี่ พี่มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย..."
{จะให้หนูทำอะไร?}
" พี่เจอคนๆหนึ่งในภารกิจ. ชื่อคือ โจดี้ โจฮันสัน. เป็นฝรั่งหัวทอง. J-O-D-Y-J-O-H-A-N-S-S-A-N, ไม่ชัวร์ว่าตรงคำว่า สันเป็นตัว O หรือ ตัว A. หาข้อมูลให้หน่อย"
{แป๊ปนึง....}
{.......}
"......"
{ เจอแล้ว. สันตัว O. เป็นคอเคเชี่ยนเพศหญิง ผมสีทองๆ... และ...}
" ? "
{...และเป็น อเมริกัน...}
"... อา... "
ซิด หยีตาแรงแสดงความขุ่นเคือง.
" ไอ่พวกเมกางั้นเรอะ....เอาเหอะ...ส่งข้อมูลของคนนี้มาให้พี่หน่อย"
{ ได้ค่ะ...เดี๋ยวนะ...}
" อะไร?"
"....."
{ เฮีย...เฮียเจอคนๆนี้ที่โรงเรียนนั่นรึเปล่า? }
"...ใช่..."
{เฮียให้หนูหาข้อมูลของคนนี้ทำไม?}
" ไม่รู้สิ.พี่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่าง..."
{...ไม่บางอย่างหรอก.}
" หมายความว่าไง?"
วืด...วืด...!
ชุดข้อมูลถูกส่งเข้ามาในมือถือของซิด.
ซิดจ้องมองไปยังข้อมูลที่ปรากฏบนมือถือ. เขายิ้มมุมปาก เห็นด้วยไปมากกว่านี้ในสิ่งที่ปลายสายกล่าวไม่ได้แล้ว.
โจดี้ โจฮันสัน.
ทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้น.ใช้กำลังบังคับข่มขู่, มีส่วนร่วมในการ "กลั่นแกล้ง" เพื่อนร่วมชั้น. 20 เคส ทะเลาะวิวาท, ใช้กำลังเข้าปะทะ. ทำคู่กรณีบาดเจ็บขั้นรุนแรงถึงชีวิต. ตะลุมบอนกับกลุ่มต่างถิ่น.
พลัง... "ควบคุมอากาศ"
เด็กหนุ่มตาเบิกกว้างออก.
"......"
{ อยากมีเซ้นส์แบบเฮียบ้างจัง...}
" มีความเป็นไปได้มั้ยว่ายัยนี่คือ เอเลเมนทัลลิสต์ (Elementalist) ?"
{ สูงมาก.}
"... งั้นเหรอ...."
"......"
" พี่คิดอะไรดีๆออกแล้วล่ะ...หึๆ..."
.
.
ขณะนั้น ณ ฝั่งของโจดี้, คอนโดสูงบริเวณใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน.
หนังสือวิชาการต่างๆกองเต็มโต๊ะของโจดี้, แถมมี ไอแพด เปิดไฟล์เนื้อหาสมทบอีกดอก. แต่จิตใจของโจดี้ ไม่ได้อยู่ตรงนั้น.
จิตใจของเธอมันยังอยู่ที่หน้า กระดานคะแนน. แน่นอนไม่มีการทำร้ายร่างกายกัน, แต่เธอรู้สึกเหมือนโดน ตบหน้า เข้าอย่างจัง.
นี่มันเหนือกว่าที่เธอคาดไว้มากๆ.ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่, เธอพึ่งเคยจะได้เจอกับใครซักคนที่มันสมอง "ระดับเดียว" กับเธอ.
ใจนึงเธอก็ตื่นเต้น. ในที่สุดเธอก็เจอคนที่ไม่ได้เก่งแต่ปาก. เธอรู้สึกว่าเธอนั้นเป็นฝ่ายผิดเองที่ไปพูดท้าทาย ซิด. เขาคนนี้ต่างจากไอพวก กะเลวกะลาด ทั่วไปที่เธอเจอ.
แถมหัวไวซะด้วย...เธอเริ่มสนใจในคนๆนี้ซะแล้ว.
ด้วยเหตุอะไรก็มิอาจทราบได้ โจดี้เข้าไปใน แอพค้นหาในไอแพด และตัดสินใจ กรอกชื่อ Syd Barrett ลงไป.
ผลลัพธ์ปรากฏออกมาทันตาเห็น.มันเป็นชุดข้อมูลจาก วิกิพีเดีย.
[ซิด บาร์เร็ต] หรืออีกชื่อ "ไพฆูรย์ วงศ์ผู้ดี" (เกิดวันที่ X เดือน XX ปี 2002) เป็นทายาทลำดับที่ 1 ของ [โทมัส บาร์เร็ต] อดีตโบร้คเกอร์หุ้นชาวออสเตรเลีย และ [อานงค์ วงศ์ผู้ดี] อดีตนางงามจักรวาล(2533)และผู้บริหารกลุ่ม ปาริชาติ กรุ้ป (Parichat Group) และ บริษัทลูก[อื่นๆ].
" ไอ้หมอนี่... เกิดปี 2002....?"
เด็กกว่าเรา 2 ปีเลยเหรอ?
ปาริชาติ กรุ้ป เป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ 1 ในอันดับผู้นำธุรกิจด้านอาหารในเอเชีย มีธุรกิจหลักคืออาหารและการเกษตรผ่านทางบริษัทลูกโดยทั้งหมดถูกบริหารด้วย นางสาว อานงค์ วงศ์ผู้ดี...(รายละเอียด คลิ้ก)
รายละเอียดพวกนี้ไม่ได้ให้อะไรโจดี้ไปมากกว่า
ก็คือพวกลูกคนรวยนี่นา...
แทบไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับซิดเลย มีก็แค่วิกิหน้านี้ก็เท่านั้น.
โจดี้จึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ เธอจะไปขอโทษเขาที่โรงเรียน...
วันต่อมา
7 นาฬิกา 45 นาที
สถานีรถไฟใต้ดินแห่งเมือง ลอนดอน.
โจดี้ยืนรอรถใต้ดินอยู่.ที่หูของเธอสวมหูฟังไร้สายยี่ห้อดัง พลางกวาดสายตามองผู้คนในยามเช้าที่เดินกันขวักไขว่.
ในหัวของเธอก็กำลังคิดประมวลผลอยู่ ว่าเธอจะเข้าไปขอโทษเขายังไงดี. แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นเธอต้องมั่นใจจริงๆว่า ซิด ไม่ได้โกง.
ซึ่งสำหรับเธอที่คิดมาทั้งคืนแล้วเธอได้ข้อสรุปว่าเหตุผลที่ซิดกล่าวมานั้นมันหนักแน่นมาก. มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกงแบบทดสอบที่ไม่ส่งผลต่อนักเรียนแลกเปลี่ยนอย่างเขา. เอาจริงๆแล้ว เหตุผลเดียวที่พอจะนึกออกก็คือ ไอหมอนั่นอาจเป็นพวกไม่ยอมคน. หรือไม่ก็...อาจมีพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้สามารถโกงแบบทดสอบเพื่อแหกหน้าเธอได้.
ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีก.เพราะผู้ใช้พลังจะมองเห็นออร่าของผู้ใช้พลังด้วยกันเอง ถ้าเขาใช้พลังจริงๆ, มันต้องออกมาแล้ว. และอาจารย์ก็ต้องจับได้เหมือนที่เขากล่าว.
หรือเขาอาจใช้วิธีเบสิคอย่างเช่นการตบตา. แต่นั่นมันก็เวอร์ไปสำหรับเด็ก ม.ปลาย และเหตุผลที่จะเอามาแย้งมันก็จะวนกลับมาที่เดิมคือไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องเอาชื่อเสียงมาลงเล่นแบบนั้น.
หมอนั่นอาจจะหัวดีจริง...
โจดี้เลือกที่จะเชื่อแบบนั้น.
ครืน...รืน...รืน...
หูของโจดี้ได้ยินเสียงของรถใต้ดินแล้ว.เมื่อเธอชำเลืองตาขึ้นไปมองก็พบกับรถใต้ดินค่อยๆ ชะลอเพื่อจอดรับผู้คนจริงๆ.
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ.
เพราะเธอเห็น ซิด บาร์เร็ต กำลังยืนอยู่ในสถานที่นี้ด้วย. เขายังไม่เห็นเธอเพราะผู้คนนั้นเดินกันขวักไขว่และเขาอยู่ห่างจากโจดี้ประมาณ 2 โบกี้ข้างหลังได้.
!
"....."
โจดี้ก้าวขึ้นไปบนตัวรถใต้ดิน. เมื่อรถเริ่มเคลื่อนออก, เธอครุ่นคิดอยู่ซักแป๊ปนึง.
ก่อนที่จะตัดสินใจถอดหูฟังไร้สายออก แล้วหันหลังเดินไปยังโบกี้อีก 2 ห้องถัดไปข้างหลัง.
.
.
.
ซิด กำลังยืนหาวอยู่ในโบกี้รถไฟ. เขาหันไปสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว สังเกตุผู้คนที่ยืนอยู่ในโบกี้เดียวกัน. แต่ใจลึกๆแล้วก็กำลังมองหาสาวลอนดอนแจ่มๆ มาเป็นอาหารตาในตอนเช้าอยู่.
ว่าแต่สาวบ้าอะไรจะ spawn ตอนเช้าๆแบบนี้วะ...
เอาจริงๆก็ได้ทุกชาติเลยนั่นแหละ เขาไม่เกี่ยง.แต่ก็นะ...
ซิดมองเข้าไปในกระจกของประตูรถไฟ เอามือปัดผมไปมาจนเข้าร่องเข้ารอย.แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับ บุคคล คนนึงที่เดินมาข้างหลังเขา.
เมื่อหันกลับมา ก็พบว่านี่คือ โจดี้ โจฮันสัน ตัวจริง เสียงจริง.
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนที่โจดี้จะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา.
"บังเอิญจังนะ." ฝ่ายหญิงกล่าว.
"ใช่...บังเอิญ จริงๆ."
"นายบอกว่ามาจากโครงการแลกเปลี่ยน โปรแกรมอะไรนะ? UCL ใช่ไหม ถ้าจำไม่ผิด."
"รู้ไปแล้วได้อะไร?"
" ใจเย็นสิ.ชั้นแค่พยายามจะหาเรื่องมาคุยกับนายก็เท่านั้นเอง."
"....."
เด็กหนุ่มหรี่ตาลง.
" แล้วที่ บังเอิญ เดินเข้ามาหานี่มีอะไร?" เขาถาม.
" ไม่เอาน่า.อย่าขยี้กันสิ."
" เธอดูไม่ใช่พวกเอนจอยสังคมนะ.ถ้าเดินเข้ามาขนาดนี้ต้องมีจุดประสงค์อะไรเเน่ๆ.ว่ามาซิ."
" ชั้นแค่อยากจะเดินเข้ามาขอโทษ. ขอโทษที่ประเมินนายต่ำไป.ชั้นนึกว่านายเป็นพวกคนประเภทดีแต่ปาก ก็เลยคิดจะสั่งสอนซักหน่อย."
" เดาว่าชั้นคงไม่ใช่คนแรกที่เธอคิดสั่งสอน."
" ถูก."
"แล้วชั้นเป็นคนที่เท่าไหร่ล่ะ?"
"จำไม่ได้หรอก."
โจดี้ยิ้มแล้วส่ายหัว.
" อีกอย่างชั้นไม่ชอบเวลามีคนแปลกหน้ามาพูดล้อเลียนใส่. พอนายพูดแบบนั้นชั้นก็เลยไปตัดสินว่านายคงเป็นพวกตัวร้ายในชีวิตที่โผล่มาหาเรื่องชั้น...ก็เลย..."
" ล้อเลียน? ใครล้อเลียน? อ๋อ...ตอนชั้นบอกว่าเธอดูน่ากลัวอ่ะนะ?"
" ใช่."
" เอ้า.อันนั้นพูดจริง."
" อ้าว เหรอ..."
" เออ สิ."
ซิดหันไปมองกระจก.
"ว่าแต่มาบอกว่าหน้าชั้นมันตัวร้ายมันก็เกินไปนิดนึงนะ..."
เขาลูบคลำหน้าตัวเอง เป็นการตั้งคำถามว่ามันขนาดนั้นเลยเหรอ.
" ชั้นไม่ได้บอกว่าหน้าตานายแย่. แค่บอกว่า โหงวเฮ้งบนหน้าของนายมันเหมือนพวกจิ้กโก๋น่ะ"
"งั้นก็คงเป็นจิ้กโก๋ที่หล่อเท่ โคตรๆ"
"จ้ะ."
" ชั้นว่าน่าจะหาแว่นมาใส่ซักหน่อย.เธอคิดว่าไง? น่าจะทำให้ความเป็นจิ้กโก๋ลดลงมั้ย?"
" ไม่น่าทันแล้วล่ะ. ตอนนี้คนที่โรงเรียนคงจะพูดถึงนายกันไปทั่ว."
"ขนาดนั้นเชียว?"
"ช่วยไม่ได้แหละ."
"จริงจังกับตัวเลขบนกระดาษโง่ๆเนี่ยนะ? บ้าแล้ว.ถ้าเป็นหวยจะไม่ว่าเลย..."
"พูดงั้นก็เกินไป ซิด.นายทำได้นายก็พูดได้. สำหรับบางคนมันอาจหมายถึงชีวิตเขาเลยนะ."
"...."
" เออ.เอาเฮอะ."
เด็กหนุ่มจึงเริ่มเข้าประเด็น
"ว่าแต่เธอได้ยินเสียงชั้นพึมพัมได้ไง?"
" ไม่มีใครบอกนายเหรอ? เรื่องพลังของชั้นน่ะ?"
"วันนั้นตรงดิ่งกลับบ้านเลยน่ะ ก็เลย..."
ทันใดนั้นเอง...ออร่าสีฟ้า ก็ถูกเรียกออกมาจากตัวของ โจดี้ พร้อมกับ สัญลักษณ์ "ลมหมุน" ของเธอ...
" พลังของชั้นคือการ ควบคุมอากาศ "
โจดี้โชว์นี้วชี้ให้เด็กหนุ่มดู ทันใดนั้น ซิดก็เห็นว่ารอบๆนิ้วของเธอมีอากาศวิ่งวนอยู่ เหมือนน้ำที่วิ่งวนกำลังจะลงท่อ.
" ชั้นสร้างสิ่งที่เรียกว่า กระสุนอากาศ ขึ้นมา.โดยการแบ่งเอา โมเลกุลของอากาศมาปั่นวนรอบนิ้วแบบนี้. จากนั้นก็เล็งโดยการชี้ และ เตะ มันออกไปเหมือนนายเตะลูกบอล. แต่แรงกว่าเยอะ. อำนาจการทำลายล้างเท่ากระสุนจริง. แต่ระยะทำความเสียหายไม่กว้างเลย.แถมความแรงของกระสุนเมื่อยิงออกไปก็ลดลงไวมากด้วย.เพราะมันจะสลายกลับเป็นอากาศรอบๆเหมือนเดิม."
" หืม.น่าสนใจ.เดาว่าที่ไม่บังคับให้อากาศก่อตัวหมุนเองแล้วพุ่งออกไปเอง จะเป็นการเปลืองพลังงานโคตรๆ."
" โห...เดาแม่นนี่"
ในโลกนี้ความจริงยังคงเป็นความจริง.ถ้าหากพยายามทำอะไรเลียนแบบในการ์ตูน โลกคงแตกไปแล้ว. โจดี้คุมอากาศได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำสิ่งที่แฟนตาซีโคตรๆ แบบในหนังได้. เพราะยิ่งใช้พลังทำอะไรที่รุนแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหนื่อยง่าย และหมดพลังเร็วเท่านั้น.
มันแปรผันกันแบบกราฟ Exponential เลยล่ะ


" และด้วยพลังที่มี มันทำให้ชั้นสามารถ ได้ยินในรัศมีที่กว้างกว่าคนปกติ เวลาเสียงเดินทางมันต้องผ่าน โมเลกุลในอากาศถูกไหม? ดังนั้นชั้นเลยสามารถรับรู้ถึงการสั่นของโมเลกุลพวกนั้นได้ไงล่ะ.ชั้นเลยได้ยิน."
" โห.แบบนี้ใครด่าเธอก็ได้ยินหมดเลยสิ...."
"ก็ใช่"
"แล้วสังเวยไปกี่คนแล้วล่ะ?"
"นี่เห็นชั้นเป็นคนยังไงเนี่ย?"
"ก็ทุกคนกลัวเธอกันขี้แตกปัสสาวะราดเลยหนิ."
" นั่นเพราะเทศกาล "พิธีเปิด" ต่างหาก."
" พิธีเปิด? เปิดอะไร?"
" มันเป็นแค่ชื่อน่ะ ซิด.อย่าไปสนเลย.ที่สำคัญคือตัวเนื้อหาต่างหาก ว่ามันคืออะไร."
" แล้วมันคืออะไร?"
" มันคือการต่อสู้กันของ นักเรียนที่มีพลังพิเศษ.พวกเราสู้กันเพื่อหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละรุ่น."
" และเธอก็คือตัวสุดในรุ่นนี้? ว่างั้น?"
" จะพูดงั้นก็ได้..."
" ไร้สาระจัง"
"ใช่. แต่ชั้นก็ต้องทำ.เพราะที่โรงเรียนบ้านี่ ทุกคนหลงใหลในพลังที่ตัวเองมีกันหมด. มีการแบ่งขั้นแบ่งลำดับบ้าบอคอแตก.ชั้นแค่ต้องหาเซฟโซนให้ตัวเองก็แค่นั้น."
"ขอเดาอีกรอบได้มั้ย?"
"ได้สิ."
" เธอใส่เต็มให้ทุกคนเห็น เพื่อเตือนพวกมันว่า Don't fuck with me.ใช่มะ?"
" นายนี่หัวไวจริงๆ.ชั้นประทับใจนายมาก ซิด."
"หล่อเท่ห์ก็เงี้ยอ่ะครับ."
"จ้ะ คนเก่ง."
"แต่ชั้นมีเรื่องจะสารภาพกับเธอซักหน่อยนะ..."
" หืม?"
เด็กสาวขมวดคิ้ว.
" เอาจริงๆชั้นรู้หมดแล้วแหละ.ว่าเธอมีพลังอะไร.มาจากไหน.รัฐอะไร. รวมถึงวีรกรรมที่เธอเคยก่อไว้ตอนอยู่ ฟิลาเดลเฟียไปจนถึงตอนย้ายบ้านไปอยู่นิวยอร์กด้วย."
!?
ดวงตาของโจดี้เบิกกว้าง. ถ้าปกติคงต้องเป็นคำว่า เธอหน้าถอดสี, แต่เนื่องจากโจดี้เป็นคนที่หน้านิ่งมาก.จึงเหมาะกับคำว่า แววตาถอดสี มากกว่า.
"...นาย...เห็นแล้วเหรอ? "
" ใช่."
"....." โจดี้ถอนหายใจด้วยความปลง.
" เอาเถอะ...ก็คิดอยู่แล้วว่านายอาจจะรู้...อินเตอร์เน็ตบอกนายว่าชั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?"
" ไม่ ไม่ ไม่.นั่นชั้นไม่สน."
" หือ?"
โจดี้แปลกใจกว่าเดิม.
"สิ่งที่ชั้นสนคือบางอย่างที่ลึกกว่านั้น.อย่างเช่น...ข้อมูลคนไข้ อะไรแบบนี้..."
ณ จุดนี้เอง. โจดี้เริ่มรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่แล้ว. เธอเริ่มหายใจแรงขึ้นๆเหมือนรู้ว่าชายคนนี้ล่วงรู้อะไรบางอย่างที่เธอไม่เคยบอกใคร. ในหัวก็ภาวนาว่าไม่ใช่มั้งๆ แต่พูดมาขนาดนี้แล้วมันก็คงต้องใช่...
แล้วมันก็ใช่จริงๆ.
" ชั้นรู้ โจดี้. ข้อมูลบางอย่างที่เธอไม่เคยบอกใครที่นี่ ข้อมูลที่เธอพยายามปกปิดมัน. จุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเธอ.มันคือสาเหตุเดียวกันที่ทำให้ เธอต้องมาขึ้นรถไฟคนเดียวตั้งแต่เช้าแบบนี้. มันคือ 1 ในเหตุผลหลายๆอย่างที่เธอยกขึ้นมา กลบ มัน... ไม่อยากเข้าสังคมบ้างล่ะ...ชอบอยู่คนเดียวบ้างล่ะ... ถ้าทุกคนที่นั่นสังเกตุซักหน่อย...พวกเขาน่าจะเห็นนะว่าเธอ ไม่เคยวิ่ง หรือ กระโดด เลยซักครั้ง.อีกอย่าง...บ้านของเราอยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงแค่ 1 สถานี...1 สถานีเท่านั้น. ถ้าเธอเป็นคนที่นักเรียนลือกันว่าไม่ชอบเข้าหาใครจริงๆ มันจะไม่ดูย้อนแย้งไปหน่อยเหรอที่เธอออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแบบนี้? ขนาดชั้นคำนวณเล่นๆดูนะ...1 สถานีแค่นี้ต่อให้ออกจากบ้านตอน 8 โมง 50 ยังมาทันแบบชิวๆเลย."
"......."
โจดี้นิ่งไป.
เขารู้มัน...เขารู้ถึงสิ่งที่เราเป็นอยู่...ต-แต่...ได้ยังไง.?????? ข้อมูลพวกนั้นมันคือความลับนี่???
คำถามผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด พร้อมๆกับความกระวนกระวาย ไม่สบายใจแบบสุดๆ เขาจะเอายังไงกันแน่???
" โจดี้ โจฮันสัน...เกิดที่ฟิลาเดเฟีย อเมริกา...แม่เสียตั้งแต่จำความไม่ได้ พ่อเป็นศาล...พี่สาว จบกฏหมายจาก Harvard ตอนนี้เป็นทนายอยู่ที่ เพ็นซิเวลเนีย...เป็นคนเดียวในครอบครัวที่มีพลัง และเป็น โรคกระดูกเปราะซีกล่าง ถูกไหม?"
"........"
โจดี้แน่นิ่ง...สมองตัดการรับรู้รอบตัว. เธอไม่มีอะไรจะพูดแม้แต่นิดเดียว.เขารู้ Personal Info ของเธอหมด. รู้แม้กระทั่งว่าเป็นตรงซีกไหน.
โรคกระดูกเปราะกรรมพันธุ์ (Osteogenesis imperfecta หรือ Brittle bone disease) เป็นความผิดปกติของยีนที่ผลิตสารที่พบในข้อต่อซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระดูก
ส่วนใหญ่เป็นโรคทางพันธุกรรมที่แสดงออกด้วยการที่กระดูกหักง่ายด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อยหรืออยู่เฉยๆ กระดูกก็อาจจะหักได้เอง
แม้ผู้ที่เป็น โรค OI ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่เด็กที่เป็นโรค OI บางคนก็ไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ แต่เป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
นั่นคือข้อมูลสั้นๆของสิ่งที่โจดี้ "แอบเป็น" อย่างลับๆโดยไม่บอกใคร.
"......"
" นายรู้ได้ยังไง? ..."
ปากพูดแบบนั้น แต่น้ำเสียงกลับสั่นเครือ.เพียงแค่นี้ มันทำให้เด็กหนุ่มแสยะยิ้มออกมา.
" เธออาจจะโกรธอยู่นะ...แต่พนันได้เลยว่าไม่นานหรอก. ถ้าชั้นถามเธอซักคำ...ว่า เธอจะคิดยังไง ถ้าชั้นสามารถ รักษา ให้เธอกลับมาเดินได้ปกติอีกครั้ง?"
ราวกลับเวลาหยุดเดิน. โลกทั้งใบหยุดหมุน. วันนี้มันวันอะไรกัน? หลายๆอย่างตีเข้ามาในหัวของโจดี้มั่วไปหมด. แต่เมื่อเธอได้ยินคำว่า รักษา...มันก็ทำให้ดวงตาเบิกกว้างทันที.
" ร..รักษา...? อย่ามาล้อเล่นกันนะ! มันเป็นไปไม่ได้! ไม่มีใครทำได้! "
ติ้ง...
สัญญาณแจ้งเตือนบอกว่ารถไฟได้มาถึงสถานีที่หมายแล้ว.
ซิด บาร์เร็ตไม่พูด. แต่เขาหันหลังใส่ แล้วเดินออกไปจาก โบกี้...โจดี้ไม่รอช้ารีบเดินตามออกไปทันที.
" ซิด! กลับมาก่อน! รักษา?! รักษายังไง?! น-นายเป็นใครมีสิทธิมาพูดแบบนั้น?! ซิด! "
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!