ณ ชานเมืองแถวจังหวัดทางภาคกลางที่ติดชายทะเลมีร้านหนังสือเก่าที่ตั้งขายมานานกว่า30ปีและร้านพึ่งจะเจ๋งไปได้ไม่นานมานี้เอง 'รส หรือรสริน นั้นรู้จักในนามลูกสาวประธานบริษัทของเว็บไซต์อ่านนิยายชื่อดังทำให้รสสนใจร้านตรงนี้มากเลยจะขอซื้อต่อ
"มีใครอยู่ไหมคะ"เสียงของรสตะโกนเรียกเจ้าของร้านค้าพลางเขย่งใช้ปลายเท้าทำตัวให้สูงขึ้นเพื่อมองภายในร้านว่ามีใครอยู่ที่นี่ไหมจังหวะนั้นเองก็มีหญิงชราวัยประมาณ50ปีเดินออกมาหญิงชราใช้สายตามองไปที่รสไม่มีใครพูดอะไรรสเองก็ยืนเงียบ
"มาทำอะไรจ้ะหนู"ในที่สุดหญิงชราก็เอ่ยปากถามรสที่เห็นกลัวๆ ไม่กล้าถาม รสที่ได้สติก็รีบถามคุณยายต่อทันที
"เอ่อ..คะ..คือว่าหนูมาติดต่อซื้อร้านหนังสือนี้ต่อค่ะ"จนในที่สุดรสก็รวมรวมความกล้าที่จะพูดออกมาและสบตากับคุณยายตรงหน้า
คุณยายที่เห็นดังนั้นก็ทำท่าคล้ายจะเข้าใจว่าคนตรงหน้ามาเพื่อซื้อที่ดินและเกิดอาการลุกลี้ลุกลนคล้ายคนที่เสียสติกระทันหัน
"มะ...ไม่.ซื้อไม่ได้มันมีอาถรรพ์"หญิงชรากรีดร้องออกมารสที่เห็นก็ตกใจมากและเตรียมเรียกรถพยาบาล
"หนูไม่ต้องหรอก"ทว่าก่อนที่รสจะโทรเสียงของชายชราก็ดังขึ้นมาและรีบมากอดคุณยายให้สงบสติอารมณ์ลง
รสที่เห็นดังนั้นก็วางมือถือลงและช่วยคุณตาพยุงคุณยายขึ้นมาแต่สายตาของยายก็ยังหวาดกลัวต่อร้านหนังสือนี้มาก
"คุณลุงเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหมคะ"รสที่ได้เข้ามาภายในร้านหนังสือก็รู้สึกแปลกประหลาดเหมือนมีมนต์ขลังบางอย่างที่ทำให้มันมีประวัติยาวนานขนาดนี้
คุณยายที่สงบสติแล้วก็พยักหน้านั่งลงอย่างเร็วและเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟังว่าแกสองคนอะมีลูกชายหนึ่งคนและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในร้านหนังสือแห่งนี้พวกยายแกก็ซื้อที่นี่เพื่อรอคอยลูกกับมาแต่หารู้ไม่ว่าแกรอมานาถึง15ปีแล้วรสที่ได้ฟังก็ยากที่จะเชื่อกับเรื่องแบบนี้
เหตุที่ต้องขายเพราะว่าตากับยายติดหนี้ที่กู้ยืมไว้มาทำธุกิจและล้มละลายเลยต้องขายร้านหนังสือเพื่อใช้นี่รสที่ได้คุยกับคุณตาคุณยายแล้วรู้สึกเหมือนแก่ขึ้นหลายปีที่เดียว
ยายที่กำลังเล่าเรื่องบางอย่างให้รสฟังก็ถูกตาห้ามไว้เสียก่อน
"เรื่องอัปมงคลบางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้"ตาดุยายที่นั่งข้างๆ
รสที่คุยกับตายายเสร็จก็ทำสัญญาซื้อขายกันทีแต่เพราะว่ายายดูเหมือนกลัวอะไรสักอย่างและไม่อยากให้รสซื้อร้านหนังสือนี้ทำให้รสพบเห็นความผิดปกติแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
เวลา16.00นาฬิกาตากับยายได้เดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้วและรสเองก็ได้อยู่ที่ร้านหนังสือคนเดียวพลางจัดร้านและหนังสือทุกเล่มในนี้ตากับยายแถมให้รสพลันเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งตรงมุมชั้นสุดท้ายที่ไม่ค่อยสนใจออกมาปกหนังสือเป็นสีทองอย่างดีและเหมือนจะอยู่เป็นเวลานานมากแล้วด้วยเลยมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด
แค่กๆๆ
"ฝุ่นเยอะชมัดอะไรเนี่ยเป็นนิยายหรอกหรอชื่อ...ครองภพนิรันดร์"รสที่ได้หยิบหนังสือขึ้นมาดูและเผลอเปิดอ่านน่าแรกหน้าต่อไปและหน้าสุดท้ายจนจบตอนไหนไม่รู้จวบจนเวลาไม่รู้ว่านี่กี่โมงแล้ว
"อ่ะ2ทุ่มตายจริงไม่ได้โทรบอกพ่อเลยทำไงดี"รสที่ตอนนี้อ่านนิยายจนลืมตัวว่าอ่านจบแล้วเลยโทรไปบอกพ่ออีกพักกลับเธอเลยหันมามองหนังสือที่เธอพึ่งอ่านจบเมื่อกี้
"เนื้อเรื่องหน้าสนใจการเขียนดีมากและอินมากด้วยใครกันนะที่แต่งออกมาได้แบบนี้สงสารพระรองชะมัดที่ตามจีบนางเอกตั้งแต่เด็กแต่นางเอกก็ไม่เลือกอยู่ดี"รสบ่นอุบอิบคนเดียวเก็บของใส่กระเป๋ากลับบ้านแต่ทว่าก็เกิดแสงแปลกประหลาดขึ้นบนปกหนังสือและรสก็หายตัวไป
ยามเฉิน ณ เมืองอู่ ตระกูลเฉิน
"คุณหนู....คุณหนูในที่สุดท่านก็ฝื้นแล้ว"รสที่ตื่นขึ้นมาก็มีหญิงสาวใส่เสื้อผ้าแปลกประหลาดพูดภาษาจีนแต่เธอดันฟังรู้เรื่องรสค่อยจับใจความมองภาพตรงหน้าสลับกับสาวใช้และอยู่ดีๆ เธอก็ปวดหัวขึ้นมาและความทรงจำก็ค่อยๆ ไหลมาเด็กสาวคนนี้คือคนรับใช้ของเธอชื่อซือซินและเธอเองคือคุณหนูรองแห่งตระกูลเฉิน เฉินฮวา
สาวใช้แปลกใจมากที่คุณหนูของตัวเองมองมาที่เธอเหมือนคนไม่รู้จักกันและทำท่าทางแปลกๆ ออกมาพลางบ่นพึมพัมอะไรสักอย่างและเธอกำลังพูดภาษาไทยอยู่
มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันนี่ที่ไหนฉันมาที่นี่ได้ยังไงฉันกำลังจะกลับบ้านและโอ้ย...ลืมไปหมดแล้วสรุปเอาง่ายๆ ก็คือข้ามภพมาเหมือนในนิยายที่อ่านและฉันมาอยู่ในเรื่องไหนเนี่ยรสค่อยทำความเข้าใจกับตัวเองและเริ่มปรับตัวใหม่เพื่อเข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าที่จู่ๆ รสก็คิดได้ว่าหนังสือนิยายที่เธออ่านล่าสุดมันเปล่งเสียงแล้วเธอก็มาอยู่ที่บ้าๆ นี่จะให้พูดตามเนื้อเรื่องเธอมาอยู่ในเรื่อง ครองภพนิรันด์
"ตายๆ นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว"รสกระโดดอยู่กับที่พลางวิ่งไปรอบห้องเพื่อหากระจกมาดูหน้าตัวเองว่าใช่หน้าเดิมป่าวแต่พอส่องแค่นั้นแหละเธอก็เลยรู้เลยว่าร่างนี้เป็นหญิงสาวงามล่มเมืองโดยแท้แต่ใครจะรู้ว่าร่างนี้ถูกคนรอบข้างต่างไม่สบอารมณ์และไม่ชอบอยู่เป็นจำนวนมาก
"คะ..คุณหนูไม่ใช่ว่าธาตุไฟเข้าแทรกแล้วกะมังเพคะ"ซือซินที่เห็นนายของตัวเองกระโดดเล่นรอบห้องพลางตกใจกลืนน้ำลายเหนียวลงคอคิดในใจคุณหนูของบ่าวเป็นบ้าไปเสียแล้วรสที่ได้ยินเสียงเรียกของซือซินก็ว่างกระจกลงและกลับมาสงวนท่าทีดั่งนางพญา
"ซือซิน! "เสียงของรสแข็งมากเรียกสาวใช้ที่ยื่นเอ๋ออยู่หน้าห้องเข้ามาพลางใช้สายตาต้องเหมือนนางร้ายในละครใช้กันถึงกับทำซือซินทรุดเข่าลงและเอาหัวเขกพื้นรสที่เห็นซือซินเอาหัวเขกพื้นก็ทำอะไรไม่ถูกรีบปรี่เข้าไปประคองซือซินขึ้น
สาวใช้ตอนนี้ที่กำลังอยู่ในอาการวิตกที่คุณหนูของเธอมองเธอด้วยความโกรธรสถึงกับส่ายหน้ากับความซือบื้อของสาวใช้เธอถึงกับกุมขมับและเริ่มเรียบเรียงเนื้อเรื่องของนิยายสักที
ตอนที่1ที่รสอ่านก็จะประมาณว่าตระกูลโจวกับตระกูลหลงค้านอำนาจกันและจะเกิดการฆ่าล้างตระกูลตระกูลที่แพ้คือตระกูลพระเอกนางเอกที่เป็นตระกูลศัตรูและคือเครื่องมือในการแก้แก้นของพระเอก
"โจวหลันตีสนิทกับหลงเสวี่ยเพื่อให้นางตายใจจากนั้นก็ขโมยคัมภีร์หัตเทวะของตระกูลหลงมาเพื่อแก้แค้นแต่ไป่จีฉี่กลับมาขว้างแผนการของโจวหลัน"รสตอนนี้ที่เรียบเรียงเนื้อเรื่องได้แล้ว ก็ดูเวลาทันทีวันนี้เป็นวันไหว้เจ้าแม่กวนอิมอีก2วันจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นหนิงหนิงที่คิดได้ดังนั้นก็คิดจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องดูสักครั้งเพื่อให้เนื้อเรื่องเป็นไปในแบบที่ต้องการ
"ซือซินอีกสามวันเราจะออกไปเดินตลาด"ร่างนี้ของรสก็ค่อนข้างมีพละกำลังเพราะฝึกกำลังภายในมาพอสมควรแต่เป็นแค่ตัวประกอบของเรื่องเท่านั้นที่ทำให้นางเอกได้รักกับพระเอกเพราะตัวประกอบเรื่องถึงเดินต่อได้ถ้าไม่มีตัวประกอบเรื่องก็จะเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่นรสคิดในใจและก็หลับไปทันที
ยามเหม่า (05.00~6.59 น.)
รสตอนนี้ได้ตื่นมาออกกำลังกายบริหารร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให่กับร่างกายซือซินก็ถูกบังคับให้ออกมาด้วยทำให้ตอนนี้เรือนเล็กของคุณหนูรองต่างคึกคักเป็นพิเศษแต่ที่ว่าวันดีๆ สักวันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ
"คุณหนูรองเจ้าคะ คุณชายใหญ่เรียกพบเจ้าค่ะ"คุณชายใหญ่หรือก็คือพี่ของเฉินฮวา เฉินเซียนเทียนที่จะถูกแต่งตั้งเป็นประมุขคนต่อไปของตระกูลเฉินรสรินที่ได้ยินก็คิ้วกะตุกเบาแล้วก็เดินตามออกไปทันที
ในห้องของคุณชายใหญ่ชายร่างกำยำคนหนึ่งกำลังยื่นมองมาที่เฉนฮวาอย่างเย็นยะเยือกเธอถึงกลับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอพลางมองไปที่ชายตรงหน้าอย่างสำนึกผิด
"กั่วกั่ว..ท่านอย่าโกรธจ้าเลยนะข้าแค้ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอันตรายกับตัวเองสักหน่อย"เฉินฮวาวิ่งเขาไปโอบกอดกี่ใหญ่ของตนเพื่อคล้ายอารมณ์โกรธของพี่ชาย
"น้องรองเจ้ารู้ไหมว่าพี่ห่วงเจ้ามากแค่ไหน"น้ำเสียงของเฉินเซียนเทียนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเฉินฮวาก็ออดอ้อนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อให้ชายตรงหน้าหายโกรธ
"กั่วกั่วข้าจะไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด"
"จะมีครั้งที่สองอีกรึ! "
เฉินฮวารีบแก้ตัวกับคำพูดเมื่อกี้ทันทีพลางกระโดดไปกอดพี่ใหญ่ของตนให้อารมณ์เย็นๆ ลงหน่อยเฉินเซียนเทียนที่ทำหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาพอน้องสาวมาอ้อนก็ยิ้มออกมาพลางลูปหัวเฉินฮวาที่ตอนนี้กำลังกอดตนแน่นอยู่
"พอได้แล้วน้องรองเดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเจ้าทำแบบนี้จะดูไม่ดี"
เฉินฮวาก็เอามือออกจากเฉินเซียนเทียนและทำปากจู๋ก่อนจะวิ่งกลับเรื่อนของตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้พี่ใหญ่ของตัวเองทำโทษ เฉินฮวาที่กลับเรือนแล้วก็รู้สึกเหมือนเธอไม่ใช่รสรินแต่เธอกลายเป็นเฉินฮวาไปแล้วความรู้สึกแปลกๆ นี้มันเกิดขึ้นเองโดยที่เธอไม่สามารถควบคุมได้
เฉินฮวาเองตอนนี้ก็พยามฝึกฝนกำลังภายในเพราะเจ้าของร่างนี้ก็มีพื้นฐานมากอยู่แล้วเลยไม่ต้องเป็นห่วงมากผ่านมา2ชั่วยาม (4ชั่วโมง) เฉินฮวาก็ยังไม่ออกจากการฝึกจวบจนผ่านไปอีก1ชั่วยามการฝึกก็เสร็จสิ้น
"ปราณขั้นที่7ไม่เลวๆ ข้าคืออัจฉริยะด้านการฝึกยุทธฮ่าๆ "เฉินฮวาหัวเราออกมาคล้ายคนบ้าซือซินที่อยู่ตรงนั้นที่เห็นอาการแปลกเกิดขึ้นอีกแล้วเธอก็รีบวิ่งหนีไปทันที
รุ่งสางวันถัดมาเฉินฮวาเธอก็ทำกิจวัตประจำวันปกติเธอเห็นว่าวันนี้น่าเบื่อทั้งสันและทั้งยังนั่งๆ นอนก็เกิดอาการเบืรอมากๆ เลยอยากไปสำรวจอารยธรรมของจีนสมัยโบราณหน่อย
"ซือซินเตรียมของวันนี้เราจะไปตลาดกัน"ยามซื่อ (9.00~10.59) เฉินฮวาได้เดินทางมาถึงตลาดแล้วเธอได้มองดูอารยธรรมที่สวยงามอย่างนี้เครื่องประดับมากมายของกิน เฉินฮวาหรือรสรินที่เห็นดังนั้นก็ใช้จ่ายมือเติปเลยเจ้าค่ะ อันนั้น อันโน้น อันนี้ 1ชั่วยามผ่านหลังจากซื้อของเสร็จก็หาอะไรกิน
โรงเตี๊ยมฝูหลันเป็นโรงเตี๋ยมที่ดีที่สุดในย่านนี่คนใช้ที่ในโรงเตี๊ยมที่เห็นเฉินฮวาเดินเข้ามาต่างพากันตอนรับเป็นอย่างดีเพราะเสื้อผ้าที่เธอใส่นับเป็นคุณหนูชั้นสูงมากที่เดียวมาถึงโต๊ะเธอก็สั่งอาหารขึ้นมากินอย่างครบชุดเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสั่ง (ก็คนมันรวยอะเนาะ) แต่ก็ไม่วายเกิดเรื่องขึ้น
"เห้ยเจ้าน่ะ!!! ออกมาดิวะ"คนใช้ในโรงเตี๊ยมต่างพากันออกมาห้ามปรามคนที่กำลังทะเลาะกันชายหนุ่มแต่งตัวดีคนหนึ่งกำลังข่มขู่ชายอ้วนที่มอมแม่มเฉินฮวาที่ทนดูอยู่นานแล้วก็อดไม่ไหวเดินออกไปนอกร้านทันที
"คุยกันดีๆ ไม่ได้หรือ"เฉินฮวาโผล่ออกมาจากในโรงเตี๊ยมเพื่อหยุดการทะเลาะกันไม่ใช่สิต้องเรียกว่ารังแกกันฝ่านเดียวมากกว่า
"ก็มันหลอกขายของปลอมให้ข้า"ชายหนุ่มที่แต่งตัวดีหน่อยพูดขึ้นมาพลางมองไปทีาเฉินฮวาที่แต่งตัวตัวดีอย่างกับลูกขุนนาง
"ไม่จริงขอรับคุณหนู ข้าขายของจริง"ยังไม่ทันที่ชายร่างอ้วนตะพูดจบลูกน้องของหนุ่มแต่งตัวดีก็ทืบเค้าทันที
"หยุด!!!!! "เฉินฮวาปล่ดปล่อยแรงกดดันลมปราณขั้น7ออกมาทำให้ชายคนนั้นถึงกับคุกเข่าลง
เฉินฮวาที่เห็นว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในเลยขอของที่ชายร่างอ้วนขายให้เอามาดูปรากฎว่ามันเป็นแหวนมิติที่ทำพันธะสัญญาแล้วเลยไม่สามารถใช้ได้นอกจากทำลายพันธะสัญญาทิ้งก่อนเฉินฮวาเร่งพลังปราณเบาๆ เพื่อทำลายพันธะสัญญาและส่งแหวนให้กับชายหนุ่มคนนั้นทันที
เฉินฮวาหมดอารมณ์เที่ยวก็พาซือซินกลับตระกูลทันที
"ตามสืบมาว่านางคือใคร"
ยามอู่ ทางถนนย้านการค้าวันนี้เป็นกำหนดการที่โจวหลันและหลงเสวี่ยจะเข้าหากันเฉินฮวาไม่พูดร่ำทำเพลงแต่งหน้าแต่งตัวออกจากเรือนมุ่งออกไปเพื่อไปดูเหตุการณ์ของเนื้อเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น เฉินฮวาคิดจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องทั้งเล่มอยู่แล้วโดยคิดเอาไว้ว่าจะไปตีสนิทหลงเสวี่ยให้คลาดกับเหตุการณ์นั้นๆ
"ซือซินวันนี้เจ้าไม่ต้องไปกับข้าเดี๋ยวข้าไปคนเดียว"
"ตะ..แต่คุณชายใหญ่"
"ไม่มีแต่ทั้งนั้นฟังข้าก็พอ"
ซือซินที่กำลังจะเอ่ยปากขึ้นถึงกับปิดปากลงเกือบไม่ทันถ้าคุณหนูของเธอบ้ามาอีกเธอจะไม่ตายเลยเราะเฉินฮวาตอนนี้ก็ได้ถึงย่านการค้าแล้วก็เข้าไปดูโจวหลันกับหลงเสวี่ยที่แอบคุยกันเฉินฮวากระหย่งตัวใช้ปลายเท้าทำตัวให้สูงขึ้นเพื่อดูเหตุการณ์ที่เหมือนในนิยายว่าพระเอกจะหล่อขนาดไหน
"เจ้าทำอะไร"
เสียงของบุรุษเสียงแข็งที่จู่ๆ ก็โพล่งพูดออกมาเฉินฮวามองชายตรงหน้ากระโดดถ้อยหลังออกมาเพื่อรักษาระยะฟ่างระหว่างชายหญิง เธอกมหน้าดุ้มและทำเนียนไม่สนใจชายตรงหน้าที ฉิบหายละไปจีฉี่พระรองของข้าทำไมท่านต้องโผล่มาเวลานี้
"เจ้าไปไหนหยุดก่อน!!! "
เสียงของบุรุษดังทำให้โจวหลันกับหลงเสวี่ยที่กำลังสนทนากันหันมามอง เฉินฮวาเห็นท่าไม่ดีแล้วก็ใช้วิชาตัวเบาทะยานออกไปเพื่อไม่ให้ไป่จีฉี่ตามทัน ไปจีฉี่ที่เห็นเฉินฮวาทยานออกไปก็ไม่ได้ตามไปเพราะรอดูเรื่องที่สำคัญกว่า
"นึกว่าใครที่แท้ก็องค์รัชทายาทนี่เอง"โจวหลันเป็นคนแรกที่พูดออกมา ไปจีฉี่ที่เห็นหลงเสวี่ยอยู่กับโจวหลันก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเพราะนางเป็นคู่หมั่นของเขา
"ข้าไม่ได้มาทำอะไรเพคะ ท่านพี่"หลงเสวี่ยพูดออกมาหลงเสวี่ยกรีดน้ำตา แสร้งร้องไห้เพื่อให้คนตรงหน้าหลงเชื่อว่าตนไม่ได้มาทำอะไรจริงๆ
เฉินฮวาที่ตอนนี้กลับมาดูเหตุการณ์อีกครั้งถึงกับหนังตากระตุกเบา เยสเข้...นางเอกโครตต.....แหลเลยเฉินฮสาถึงกับส่ายหน้ากับจริตจการของนางเอกตามสเต็ปคุณชายรองก็หลงเชื่อโจวหลันก็ออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เจ้าจะแอบดูอีกนานไหม"
เฉินฮวาถึงกับกลั้นหายใจเมื่อได้ยินเสียงของบุรุษตรงหน้าพูดออกมา แต่ก็ถูกจับได้แล้วเป็นไงเป็นกันเธอเดินกมหน้าดุ่มเข้าไปหาไป่จีฉี่กับหลงเสวี่ยลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
"ข้าไม่ได้แอบดู ข้าแค่ผ่านทางมาเฉยๆ "เฉินฮวาตอยแบบไม่ใส่ใจและทำทีไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไป่จีฉี่ถึงกับอมยิ้มองครักษ์ประจำกายขององค์รัชทายาทที่เห็นเขายิ้มถึงกับโลกจะแตกย้านเมืองจะล่มสลายเพราะเขาไม่เคยยิ้มเลย
หลงเสวี่ยที่เห็นองค์รัชทายาทยิ้มก็รีบพูดกับเฉินฮวาต่อ เฉินฮวาที่เห็นอาการกินน้ำส้มสายชู (หึงหวง) ของหลงเสวี่ยถึงกับคิดในใจว่าอยากตบในเนื้อเรื่องอีนางเอกให้ความหวังสองฝ่ายและเลือกพระเอก
เฉินฮวาตอนนี้กำหมัดแน่นพร้อมจะต่อยนางเอกแน่ถ้ายังไม่หยุดแสดงอาการแสร้งทำแบบนี้ทำให้เธอเองถึงกับอดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ไปจีฉี่ที่เห็นอาการของเฉินฮวาก็จับมือเธอออกมา หลงเสวี่ยก็ยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้น
"นางเอกหรอนี่มันนางร้ายชัดๆ นางวันทองสองใจมาคุยด้วยหน่อยทำเป็นหวงสรุปมึงชอบใครคะชอบจับปลาสองมือบอกเลยพระรองจอง"เฉินฮวาบ่นอุบอิบแต่ก็ลืมไปว่ามีคนข้างๆ เดินมาด้วย
"เจ้าพูดอะไรของเจ้าข้าฟังไม่ถนัด"
"เรื่องของหม่อมฉันเพคะองค์รัชทายาท"
เฉินฮวาที่พูดออกไปถึงกับทำให้ไปจีฉี่ถุงกับหยุดเท้าลงและมองคนตรงหน้าเพราะเรื่องที่ไปจีฉี่เป็นองค์รัชทายาทยังไม่มีใครรู้นอกจากองค์จักรพรรดิกับฮองเฮา เฉินฮวาที่พูดผิดไปเริ่มแก้ตัวกับคนตรงหน้าก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ เฉินฮวาตอนนี้เหมือนกลืนอะไรแข็งๆ ลงคอทำให้พูดอะไรลำบาก
"อะ..เอ่อ...คือว่า"เธอกระพริบตาถี่มองไปที่บุรุษตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังมองมาทางเธออย่างคาดโทษแต่ไม่ทันที่ไปจีฉี่จะถามอะไร เฉินเซียนเทียนก็เดินออกมาจากไหนไม่รู้
"น้องรองกลับบ้าน"
"เพคะ พี่ใหญ่"
เฉินฮวาที่ตอนนี้เหมือนสวรรค์ทรงโปรดส่งม้าจาวมาช่วยชีวิต เฉินเซียรเทียนกระเหม่นตามองไปที่ไปจีฉี่ราวกับกะกินเลือดกินเนื้อไปจี่ฉี่ที่เห็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเฉินถึงกับห้าวถอยหลังไปสองก้าว
เมื่อเฉินฮวากัยเฉินเซียนเทียนไปแล้วไปจีฉี่ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะความโล่งอก
"ใครจะคิดกันว่านางเป็นคุณหนูรองของตระกูลเฉินพี่ชายนางเป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปีที่บรรลุปราณแท้จริงก่อนอายุ18แต่ถึงพี่จะโหดก็........."ไปจีฉี่สลัดความคิดออกทันทีเมื่อคิดถึงท่าทางเมื่อกี้ของเฉินเซียนเทียน
"พี่ใหญ่ไม่น่าไปมองเขาอย่างนั้นเลยนะเจ้าคะ"
"น้องรองนี่เจ้าเห็นบุรุษอื่นดีมากกว่ากี่งั้นรึ"
เฉินเซียนเทียนนั่งนิ่งๆ แผ่กลินอายเย็นเชียบออกจากร่างมาเบาถึงกับทำให้เฉินฮวาถึงกับหนาวสั่นและรีบง้อพี่ใหญ่ตนสักที
"พี่ใหญ่เจ้าคะข้าจะเห็นชายอื่นดีกว่าพี่ใหญ่ได้อย่างไรเพคะ"
เฉินฮวาทำน้ำเสียงออดอ้อนคนตรงหน้าเพื่อให้เขาสงบลง เฉินเซียนเทียนอยู่กับคนอื่นจะเป็นคนเคร่งขรึมแค่อยู่กับน้องสาวตัวเองก็ดังดอกไม้ที่พึ่งผลิบาน
ยามเซิ่น (15.00~16.59) เฉินฮวาและเฉินเซียนเทียนก็กลับมาถึงตระกูลเฉิน เฉินเซียนเทียนก็แยกตัวออกไปพักผ่อนก่อนเฉินฮวาเองตอนนี้ก็อยู่เรือนจองตัวเองแล้วก็เรียกซือซินเข้ามา
"ซือซินเจ้าเข้ามานี่หน่อย"
"มาแล้วค่ะคุณหนู~^"
เสียงขานรับดังมาแต่ไกลเฉินฮวาที่ซื้อของมาเยอะแยะก็ให้ซือซินเอาไปเก็บและของที่เป็นอาหารก็ให้นำไปให้สาวใช้กินได้เลย
นี่ก็ผ่านมา4วันแล้วที่ข้าเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ข้าจะสามารถเปลี่ยนเรื่องราวได้ไหมนะฉันจะไม่ลืมว่าตัวฉันเป็นใครมาเพื่อทำอะไร ฉัน รสริน วงค์ศิริ จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับโลกนี้ให้ได้
ยามไฮ่ เฉินฮวารู้สึกนอนไม่หลับก็ออกมารับลมข้างนอกตำหนัก (เปลี่ยนจากเรือน) และมองไปที่ดวงจันทร์ด้วยความคิดถึงโลกใบเก่าเธอก็ร้องเพลงจันทร์เจ้าเอ๋ยที่เป็นภาษาไทยออกมาโดยไม่รู้ตัวไปจีฉี่ตอนนี้ที่อยู่บนหลังคาตำหนักของเฉินฮวาเธอได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหลังคาบ้าน
"นั่นใคร!! "เฉินฮวาใช้ลมปราณโจมตีไปทางเงา
"ข้าเอง"
เสียงจองบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นเฉินฮวาที่เห็นใบหน้านั้นชัดๆ ก็กระโดดถอยหลังออกมาอย่างไกล
"ทะ..ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร"เธอพูดตะกุกกัก
"ปีนกำแพงขึ้นมา"
คำตอบที่ได้ถึงกับทำให้เฉินฮวาอยากพุ่งเข้าไปต่อย นี่มันบ้านคนอื่นเท่ากับลักลอบเข้ามานะ
"มาทำอะไร"
"ถามเจ้าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือรัชทายาท"
ตามจริงไปจีฉี่ที่มาหาวันนี้ไม่ได้มาถามเรื่องนั้นแค่อยากมาเจอหน้าเด็กน่ารักคนนี้เฉยๆ ไปจีฉี่แสร้งทำหน้าเคร่งขรึมเพื่อให้หญิงสาวตรงหน้าเกรงกลัวตอนแรกเฉินฮวาก็กลัวๆ นะแต่ตอนนี้มันเริ่มจะเยอะละ
"ทำไมจะรู้ไม่ได้มีสมองก็คิดสิ"
เฉินฮวาสบถคำพูดออกมาห้าวหานเยี่ยงผู้ชายทำให้ไปจีฉี่ยิ่งชอบกิริยาท่าทางนี้ เฉินฮวาที่เห็นคนตรงหน้าไม่สนใจก็ก็เริ่มรู้สึกโมโหจะเดินเข้าห้องทันทีแต่ไปจีฉี่ก็เดินเข้าไปด้วยเธอจึงหยุดเท้าลงและมองไปที่บุรุษข้างหลัง
"ห้องข้า"
"><"
ไปจีฉี่ก็ไม่ได้สนใจก็เดินตามเฉินฮวาเข้าห้องสาวใช้ที่เดินผ่านมาเห็นก็ปิดปากเงียบสนิทและวิ่งออกไปไม่ให้เฉินฮวารู้ตัว
"ท่านมีอะไรจะพูดก็พูดมาข้ามีเวลาไม่มากเดี๋ยวคนมาเห็นเข้าจะดูไม่งาม"เฉินฮวาก็เปิดคำถามตรงไปที่พระรองที่ไม่สนโลกอะไรเลยเธอเองก็รู้ว่าพระรองไม่ได้เข้ามาเพราะเรื่องที่เธอเป็นองค์รัชทายาทแน่นอน
"ข้าไม่มีอะไร ข้าแค่อยากเจอหน้าเจ้า
เฉินฮวาถึงกับเบือนหน้าหนีที่อีตาพระรองมายอดเขาถึงห้องนอนถ้ามาเห็นสงสัยก็คงไม่วายทะเลาะกับนางเอกแน่ๆ ไปจีฉี่ที่เห็นเฉินฮวาเบือนหน้าหนีก็เข้าไปยืนด้านหน้าเฉินฮวาที่อยู่ต่ำกว่าไป่จีฉี่ก็เขย่งเท้าใช้ปลายเท้าทำตัวให้ขึ้นเพื่อให้เสมอกับคนตรงหน้า
ใบหน้าของทั้งสองนั้นใกล้กันมากทำให้เฉินฮวาใบหน้าร้อนผ่าวพลักไปจีฉี่เบาๆ ออกจากห้องทันที แต่ไม่ทันที่ไปจีฉี่จะออกจากห้องของเฉินฮวาเสียงจองคุณชายใหญ่ก็ดังขึ้นและเดินเข้ามาทางเรือนของเธอ
ฉิบหายละเฉินฮวารีบให้ไปจีฉี่เข้าไปอยู่ใต้เตียงและเธอก็แกล้งนอนเฉินเซียนเทียนที่มาถึงหน้าห้องของเธอก็ตะโกนเรียกเฉินฮวาให้ออกมา
"น้องรอง! "
"เพคะ"
เฉินฮวาแสร้งทำเสียงงัวเงียคล้ายคนพึ่งตื่นไปจีฉี่ที่อยู่ใต้เตียงถึงกับปรบมือให้กับการแสดงในใจเฉินเซียนเทียนก็เดินเข้ามาในห้องพลางสำรวจดูรอบห้องและมองไปที่เฉินฮวาที่ห่มผ้าอยู่
"พี่ใหญ่มีอะไรรึป่าวคะ"
"พี่ได้รับรายงายว่ามีบุรุษมาพบเจ้าในยามวิการพี่เลยมาตรวจดูถ้าไม่มีอะไรพี่กลับก่อนนะฝันดี"
เฉินเซียนที่กำลังก้าวออกไปสังเกตเห็นผ้าห่มของเฉินฮวาตกพื้นก็เดินเข้าไปเก็บให้ไปจีฉี่ที่อยู่ใต้เถียงถึงกับกลั้นหายใจใจสั่นระริกๆ
"เจ้าทำผ้าตก"
"ขอบคุณเพคะ"
เฉินเซียนเทียนก็เดินออกไปเฉินฮวาและไปจีฉี่ต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ไปจีฉี่คลานออกมาจากใต้เตียงพลางสำรวจดูรอบๆ ว่าไม่มีใครอยู่แล้ว
"ท่านอย่ามาเจอข้าแบบนี้อีก"
"เออน่าไว้เจอกันที่ตลาดยามอู่"
เฉินฮวาที่กำลังจะพูดประโยคต่อไปไปจีฉี่ก็ใช้วิชาตัวเบาทยานออกไปแล้วทำให้เธอถึงกับกุมขมับเพราะนิสัยของรัชทายาทที่แอบปีนบ้านคนอื่นตอนเช้าเฉินฮวาและเฉินเซียนเทียนต้องเข้าสำนักศึกษา
เฉินเซียนก็ศิษย์สำนักอัคคี เป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักเป็นอัจฉริยะในรอบหมื่อนปีขนาดราชวงศ์ยังต้องเกรงใจตระกูลเฉินอยู่3ส่วนปีนี้เป็นปีที่สำนักหลายๆ สำนักเปิดรับสมัครศิษย์ตอนแรกเฉินฮวากะว่าจะเข้าสำนักอักคีแค่ปราณของนางมีคุณสมบัติธาตุน้ำเลยต้องเข้าสำนักวารีสวรรค์
แน่นอนว่าใยนางเอกต้องอยู่สำนักบุปผาที่เปิดรับสมัครเฉพาะศิษย์ผู้หญิงเช่นเดียวกับสำนักวารีสวรรค์เฉินฮวาที่ตอนนี้ก็รอลงทะเบียนตรวจวัดคุณสมบัติ
"ในปีนี้สำนักวารีสวรรค์ของพวกเราได้ทำการเปิดรับสมัครศิษย์ โดยที่ผู้สมัครสอบต้องผ่านบททดสอบของทางสำนักทำให้ผ่านถึงจะได้เข้าเป็นศิษย์สายนิกเพื่อขัดเกล่าถ้ามีลมปราณขั้นหกขึ้นไปจะถูกรับเป็นศิษย์สายในทันทีโดยที่ไม่ต้องทำการทดสอบ
หลายคนทำการทดสอบเพื่อวัดพลังปราณผ่านมาหลายคนมีแต่คนที่ได้เป็นศิษย์สายนอกก็มาถึง จ้าวหนิงเยียน เสียงกระซุบกระซิบกันว่านางเป็นคนที่พลังลมปราณขั้นหกและสามารถเป็นศิษย์สายในได้ทันทีเฉินฮวาที่มองไปที่จ้าวหนิงเยียนก็รู้ว่าเป็นตัวละครลับที่โผล่ออกมาตอนสุดท้ายทำให้นางเอกได้ตกเป็นทาสของพระเอกและได้รักกัน
"ตัวละครลับต้องโผล่มาตอนใกล้จบแต่ข้านี่เจอตัวละครลับตั้งแต่ต้นเรื่องข้าจะมำยังไงดีให้เนื้อเรื่องนี้มันถูกสับเปลี่ยนให้หมด"เธอเม้มปากบ่นกับความยุ่งเยิงจองนิยายที่มีความซับซ้อนมากเกินไปเฉินฮวากระตุกยิ้มอย่างชั่วร้ายและก็มาถึงคราวเธอที่ต้องวัดพลัง
นางคือคุณหนูรองตระกูลเฉินว่ากันว่ามีพลังบมปราณขั้น7เสียงซุบซิบของฝูงชนทำให้เฉินฮวายิ้มอย่างภูมิใจและว่างมือส่งพลังปราณเข้าไปเพื่อตรวจสอบและสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก็มาถึง
"ขะขั้น..ปะ...แปด"
เสียงฝูงชนกลายเป็นตกตลึงทันทีความเร็วบ่มเพาะนี้เทียบเท่ากับพี่ชายของเธอที่เป็นบุตรฟ้าประทานไม่ใช่สิตอนเฉินเซียนเทียนอายุ15มีลมปราณแค่ขั้น7เท่านั้นแสดงว่าเธอเหนือกว่าพี่ชายนางที่เป็นอัจฉริยะนางคือสัตว์ประหลาด
เฉินฮวาก็ลงออกมาจากแท่นวัดพลังและเดินสวยๆ ไปรอผลประกาศอันดับหนึ่งในการสอบแน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหนที่ได้ที่หนึ่งก็คือเธอนั่นเองทำให้เต้าสำนักวารีสวรรค์ออกมากล่าวประกาศทดสอบรอบต่อไป
"ต่อไปเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติเส้นลมปราณที่สอบตัวต่อตัวกับอาจารย์ของสำนักไม่ให้ใครดูเพราะมันเป็นความลับของแต่ละบุคคลคุณหนูเฉินตามข้ามา"เสียงของเจ้าสำนักเรียกเฉินฮวาเข้าพบเป็นการส่วนตัวทำให้ศิษย์หลายๆ คนต่างอิจฉาตาร้อน
"เรียกข้ามาพบมีอะไรรึเจ้าคะ"
"ข้าจะทำการตรวจสอบคุณบัติเส้นชีพจรของเจ้าเอง"
เจ้าสำนักวารีสวรรค์ก็จับไปที่ชีพจรของเฉินฮวาและทำการตรวจสอบถึงกับทำให้เธอเหงื่อตกขึ้นมาเฉินฮวาที่เห็นสีหน้าไม่ดีของเจ้าสำนักก็เข้าไปประคองไว้ เจ้าสำนักที่ตั้งสติเรียนเรียงคำพูดได้แล้วก็ค่อยบอกเฉินฮวาเกี่ยวกับเส้นชีพจรของเธอ
"เจ้ามีเส้นชีพจรหยินสวรรค์"
วันต่อมาข่าวของคุณหนูตระกูลหลงของสำนักบุปผาต่างดังไปทั่วเมืองว่านางมีเส้นชีพจรบุปผาศักดิ์สิทธิ์เฉินฮวาก็เบ้ปากถ้าทุกคนรู้ว่าเธอมีเส้นชีพจรสวรรค์ไม่ฆ่าตัวตายเลยหรอ แต่ถ้าเรื่องที่เธอมีเา้นชีพจรสวรรค์แพร่ออกไปมันจะเกิดอันตรายกับเฉินฮวาและครอบครัวเลยเก็บมันไว้เป็นความลับมีเพียงแค่เจ้าสำนักวารีสวรรค์เท่านั้นที่รู้
เรื่องที่เฉินฮวาเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักต่างถูกกลบกลื่อนโดยข่าวของหลงเสวี่ยเฉินฮวาไม่ค่อยสบอารมณ์ทำใยนางเอกเท่าไหร่เพราะชอบทำให้พระรองเธอเสียใจเธอก็ไม่ยอมเช่นกัน
ยามอุ้ย โถงประชุมตระกูลเฉินเรื่องสอบเข้าสำนักของลูกหลานตระกูลเฉินเฉินฮวาคิดว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ก็ไม่ต่างจากการรวมญาติกันเท่าไหร่หรอก
เฉินฮวาเดินมาถึงก็นั่งลงเพื่อฟังพวกผู้ใหญ่ประชุมกันเกี่ยวกับลูกหลานที่สอบเข้าสำนักได้แน่นอนว่ายังไงก็ถูกเปรียบเทียบเหตุการณ์แบบนี้ควรชินได้แล้วนะสำหรับรสแต่ไม่ใช่เฉินฮวาที่ถูกเปรียบเทียบประจำและเธอไม่เคยแก้ไข้คำพูดเหล่านั้นเลย
"คุณหนูรองก็คงสอบได้เป็นแค่ศิษย์สายนอกสินะ"ญาติผู้ใหญ่พูดขึ้น
"ใช่ๆ นางแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยโดดเด่นอยู่แล้ว"คนในห้องโถงต่างพากันพูดจาเสียดสี
"ไม่เหมือนกับหลิงเอ๋อของข้าได้เป็นถึงศิษย์สายในโดยแค่สอบครั้งแรก"เฉินฮวาก็ฟังพวกป้าอวยลูกตัวเองต่อไปเธอรอพวกเขาอวยกันให้เสร็จก่อนและปิดฉากด้วยความประทับใจ หึหึไม่รู้ซะแล้วคนแบบนี้และที่รสในร่างเฉินฮวาเกลียดที่สุด
"คุณหนูรองคงไม่กล้าพูดอะไรสินะ เพราะไม่มีอะไรให้พูด"และเวลาทุกคนรอคอยก็มาถึงหลังจากที่ป้าๆ ลุงๆ ทั้งหลายอวยกันเสร็จเฉินฮวาก็ลุกขึ้นทำให้ทุกคนเงียบทันที
"ข้าจะบอกข่าวดีให้ฟังนะ ข้ามีปรานอยู่ที่ขั้น8 เป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักวารีสวรรค์ ถ้าทุกคนไม่เชื่อดูนี่ ดูส่ะ?! "เฉินฮวาก็หยิบตราเจ้าสำนักขึ้นมาทำให้ญาติถึงกับพูดไม่ออก
คุณชายใหญ่ที่เคร่งขรึมตลอดเวลาถึงกับหลุดยิ้มออกมาทำให้ญาติพากันหน้าเสีย ไม่ใช่...ไม่ใช่สิต้องเรียกหน้าพังยับไม่เหลือเค้าโครงแล้ว เป็นใครมาจากไหนถึงชอบเสียดสีคนอื่นอยากจะถีบแล้วทุบๆ ให้หมดยางเลยคอยดูเฉินฮวาคิดในใจ
ฉันเนี่ยโครตเกลียดเหตุการณ์แบบนี้เลยบอกตรงปากว่างมากก็กินสิ...สรรหาอะไรมาพูดกันนักหนาเหลือเกินเฉินฮวาเม้มปากบ่นกับพฤติกรรมที่มีทุกยุคทุกสมัยมันต้องถูกสั่งสอน
เรือนหลังเล็ก ยามซวี (19.00~20.59 น.) ใบไม้ปลิวไสวลมออนๆ พัดมาเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศเรือนหลังเล็กค่อนข้างปรอดโปร่ง
"สูดดดดดด"
เฉินฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางมองไปที่ดวงจันทร์ที่กำลังเรืองแสงเปล่งประกายบนนภายิ่งทำให้หน้ามอง
"ตุบ?! โอ้ย! "
เสียงของคนร้องมาจากทางตรงไม้เฉินฮวาใช้วิชาตัวเบาทยานออกไปดูที่มาของเสียงนั้น ไปจีฉี่ที่ตกลงมาจากตรงไม้ก็ยืนขึ้นมาปัดฝุ่นเฉินฮวาที่มาเห็นว่าเป็นใครเธอเอามือกายหน้าผากก่อนที่จะเลิกสนใจเดินกลับตำหนักทันทีทว่าชายหนุ่มรูปร่างหล่อเหลาก็มาขวางทางไว้
"หลบข้าจะไปเข้านอน"
เหมือนเสียงของเธอจะทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ยินก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้าตำหนักปิดประตูลงกลอนไปจีฉี่ที่เห็นการกระทำของหญิงสาวถึงกับคิ้วกระตุกตัวแข็งข้างเหมือนความหล่อของเขาจะไม่ทำให้หญิงสาวสนใจได้เลย
แค่ปิดประตูลงกลอนไม่ได้เป็นปัญหาต่อไป่จีฉี่แม้แต่น้อยเขาใช้วิชาสลายร่างเข้าไปในห้องนอนของเธอ เฉินฮวาที่เห็นชายหนุ่มตรงหน้าเข้ามาในห้องด้วยท่าทีสบายใจเธอถึงกับเว้นระยะห่างระหวางชายหญิงถึงเธอจะอยากได้พระรองแค่ไหน......ที่กระโดดออกมาไม่ใช่ว่ากลัวพระรองจะทำอะไรนะแต่กลัวตัวเองอดใจไม่ไหว
"ประตูทางเข้ามีใยท่านไม่เข้า"
"ข้าชอบเข้าทางหน้าต่าง"
คำตอบที่กวนทีนแบบนี้เฉินฮวากับร้องกรี๊ดในใจกับท่าทางกวนประสาทของพระรองไปจีฉี่ที่เห็นท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าเขาถึงกับขมวดคิ้วสงสัยกับทางแปลกประหลาดนั้นว่านั่นคือกุลสตรีหรือ
เฉินฮวาขี้เกียจตอล้อต่อเถียงก็หันหลังกลับไม่สนใจคนตรงหน้าสักนิดแต่จู่มือของไปจี่ฉี่ก็คว้าหมับเข้าที่แขนของเฉินฮวาทำให้เธอเสียหลักลมลงซุกอกของเรื่อนร่างบุรุษ แต่ถ้าคือตอนนี้วิญญาณของรสที่ตอนนี้กำลังพลุ่งพลานจะเข้าไปกอดจูบกับไปจีฉี่แต่วิญาณเฉินฮวาบอกว่ามันไม่ดี (อารมณ์ประมาณนางฟ้ากับนางมารเพื่อให้ตัดสินใจ)
"นี่เรือนผู้อื่นท่านอยากเข้ามาก็เข้ามาได้งั้นเหรอ"
"ได้สิถ้าข้าอยากเข้า"
เฉินฮวาอยากทุบและลากเข้าห้องประเดี๋ยวนี้คนอะไรกวนประสาทแต่ยังหน้ารักใช่พระรองต้องเป็นของเรา ไปจีฉี่ขมวดคิ้วสงสัยสายตาแบบนั้นมันอะไรกัน
"วันพรุ่งจะมีการประลองของสำนักบุปผาเจ้าจะไปดูหรือไม่ผู้ที่เข้าชมมีสิทธิ์ประลองด้วยได้"ไปจีฉี่กล่าวเป็นนัยเพื่อให้เฉินฮวาไป
"ไม่เอาไม่อยากไปอ่ะ"
ลานประลองสำนักบุปผา
"เจ้าจะพาข้ามาทำไมกันเดี๋ยวคู่หมั้นเจ้าก็ไม่พอใจ"เฉินฮวาที่นั่งอยู่บนลานประลองบ่นอุบอิบขณะรอชมประกวดความสามารถของอัจฉริยะคนใหม่
"เจ้าบอกไม่มาแต่ก็มาจนได้นะ"ไปจีฉี่พูดล้อเลียน
"เห้อข้าคร้านจะเถียงกับเจ้าเต็มทีคนอะไรวาจาคมคายดั่งอิสตรี"
"เจ้าก็วาจาห้าวหาญราวกับบุรุษ"
เฉินฮวาที่เถียงกับไปจีฉี่ที่ตอนนี้ปลอมตัวมาดูงานประลองและแน่นอนใยหลงเสวี่ยก็ต้องสังเกตเห็นเธอกับไปจีฉี่ พลันสายตาอีกคู่ก็มองมาที่เธอเช่นเดียวกันนั่นก็คือโจวหลันนั่นเองเฉินฮวาถึงกับเอามือก่ายหน้าผากกับการปลอมตัวที่โครตจะเนียน
"ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาชมการประลองของสำนักบุปผาเพื่อประกาศอัจฉริยะที่มีเส้นชีพจรศักสิทธิ์ให้ทุกคนประจักแก่ความสามารถของเธอ"ทันใดนั้นหลงเสวี่ยก็ก้าวขาออกมาบนเวทีเพื่อท้าประลองแต่ไม่มีสิทธิ์ในสำนักคนไหนถ้าประลองนางเลย
ในขณะที่ศิษย์สำนักอื่นก็รู้สึกรำคาญใจก็พากันท้าทายหลงเสวี่ยผ่านมาหลาย10คนก็ไม่ทำให้เธอเปลืองแรงเลย นี่สินะที่เรียกว่าสกิวนางเอกเหอะเดี๋ยวจะได้รู้จักกับสกิวนักเขียนส่ะหน่อย
"ข้าศิษย์สายตรงเจ้าสำนักวารีสวรรค์ขอท้าประลอง'
เฉินฮวาพลางพูดออกมาท่ามกลางฝูงชนและกระโดดขึ้นไปบนเวทีไปจีฉี่ที่ดึงแขนเสื้ออยู่ก็ถูกสลัดออกฝูงชนต่างซุบซิบกันการประลองต่อไปนี้ถึงจะน่าตื่นเต้น
"ข้าจำนางได้นางคือคนที่อายุน้อยที่สุดในสำนักวารีสวรรค์ที่มีพลังขั้น8แต่หลงเสวี่ยเองถึงจะมีพลังขั้น7แต่เส้นชีพจรสามารถลบจุดบกพร่องนี้ได้"
เฉินฮวาตอนนี้ที่ประจันหน้ากับหลงเสวี่ยกลางเวทีพลางปลดปล่อยแรงกดดันมัจฉาที่เป็นวิชาของสำนักวารีสวรรค์ หลงเสวี่ยเองก็ปลดปล่อยเส้นชีพจรบุปผาศักดิ์สิทธิ์ออกมาเกิดเป็นกลีบดอกไม้ลอยรอบตัวเธอ
เฉินฮวาไม่รอช้าใช้ทักษะดินแดนเหมัณฑ์ทันทีทำให้ลานประลองทั้งลานกลายเป็นน้ำแข็งหลงเสวี่ยที่ตอนนี้ยื่นอยู่บนลานน้ำแข็งก็ได้ใช้ทักษะมีดดอกไม้เข้าโจมที่เฉินฮวาแต่ไม่ทันที่มีดดอกไม้จะเข้าถึงก็กลายเป็นน้ำแข็งแล้วก็ตกลงพื้นไป
ฝูงชนต่างตื่นเต้นกับการสู้กันของสองอัจฉริยะสองสำนัก ทางด้านหลงเสวี่ยเองที่ตอนนี้ถูกกดดันไม่น้อยแต่เฉินฮวายังไม่ได้ใช้พลังถึงครึ่งนึงด้วยซ้ำ
"ข้าจะใช้ทักษะสุดท้ายถ้ามันทำอะไรเจ้าไม่ได้ข้าขอยอมแพ้"
"เชิญเลย"
เฉินฮวาตอบเรียบๆ ไม่ได้สนใจอะไร ทว่าอยู่ดีลานประลองก็เกิดการสั่นไหวขึ้นดอกไม้ก็งอกเต็มลานประลองเลื้อยเข้าพยามจะรัดเฉินฮวา
"ท่านเจ้าสำนักวิชานั้นอันตรายมากนางยังฝึกไม่ถึงขั้น"
เจ้าสำนักบุปผาก็ยกมือขึ้นเพื่อห้ามเหล่าผู้อาวุโสที่กำลังจะไปหยุดหลงเสวี่ย ตอนนี้ลานประลองผุดดอกไม้เต็มไปหมดทำให้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักบุปผาต่างพากันวิตกกังวลวิชานี้เป็นวิชาที่ร้ายกาจมากเฉินฮวาอาจถึงตายได้แต่....ทุกคนคิดผิดเฉินฮวาที่ยืนอยู่บนลานประลองกลับแค่รู้สึกคันๆ เท่านั้นและใช้ทักษะสบั้นเต๋าทำให้ลานดอกไม้ต่างถูกพังทลายลง
เหล่าผู้อาวุโสของหลายสำนักที่ตอนนี้กำลังตกตะลึงกับวิชาสบั้นเต๋าของสำนักวารีสวรรค์ที่ไม่ผู้ใดฝึกได้มานานแล้วนอกจ่กเจ้าสำนักวารีสวรรค์คนปัจจุบันแต่ตอนนี้กลับเพิ่มมาหนึ่งแสดงว่านางตองมีเส้นชีพจรหยินที่หายากอยู่แน่
แต่ผู้อาวุโสหลายสำนักเดาถูกครึ่งนึงเพราะว่ามันไม่ใช่เส้นชีพจรหยินธรรมดาแต่เป็นเส้นชีพจรสวรรค์ที่เหล่าทวยเทพยังอิจฉา
หลังจากที่สบั้นเต๋าถูกใช้ไปแล้วควันขโมงก็หายไปเผยให้เห็นเรือนร่างของหลงเสวี่ยที่อยู่กลางลานประลองผู้อาวุโสที่เห็นก็เข้าไปรับและหายตัวเจ้าไปในสำนักทันที
ชายในลานประลองต่างตาเป็นประกายที่เห็นในเรือนร่างของอิสตรีอัจฉริยะตอนนี้หลงเสวี่ยก็สลบไปแล้ว
"ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง"
เฉินฮวาหัวเราะอย่างชั่วร้ายและเดินกลับที่อย่างสบายใจไปจีฉี่ตอนนี้ก็ลงมาเดินใกล้เฉินฮวาแล้ว
"อะไรเจ้าจะมาทำร้ายข้าเรื่องทำคู่หมั้นเจ้าขายขี้หน้าหรอ"
"เปล่าๆ ข้าคะ..แค่ออกมาเฉย"
ไปจีฉี่ที่เห็นทักษะสบั้นเต๋าแล้วยังเสียวสันหลังไม่หายต่อจากนี้เขาจะไม่เถียงคนผู้นี้อีก
"เสี่ยวฮวาชนะศิษย์สำนักบุปผา!!? "
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!