บทที่ 1 ชายแปลกหน้า
2 ปีผ่านไป เช้าวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนสตาเดเฟียเนื่องด้วยตอนนี้มีเด็กเข้ามาใหม่มากมายหลายคนจึงทำให้วันนี้เด็กๆแต่ละคนดูครึกครื้นเป็นพิเศษรวมถึงมีเด็กหลายคนที่ยังไม่คุยชินกับการเข้ามาอยู่ในโลกเวทมนตร์ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่หลายอย่างและยังต้องหาเพื่อนใหม่ในโรงเรียนซึ่งมันทำให้เด็กใหม่ที่มาเรียนวันนี้ทุกคนต่างเริ่มต้นทักทายกันอย่างคึกคักและสนุกสนานเป็นอย่างมาก อนาตาเซียเองที่กำลังเดินไปยังชั้นเรียนก็รู้สึกนึกถึงตัวเองตอนที่มาเรียนที่นี่ใหม่ๆเธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากเด็กๆพวกนี้เลยและในตอนนั้นเธอเองก็ยังต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นหลายอย่างเลยทีเดียว
“ไม่รู้ว่าถ้าเราไม่ได้มาเจอที่นี่อนาคตของเราในตอนนี้จะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยเราก็โชคดีที่ได้มาอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้” อนาตาเซียคิดในใจและเดินไปห้องเรียนด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน วันนี้นอกจากอนาตาเซียต้องมาเรียนตามตารางแล้วเธอก็ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำซึ่งนั่นก็คือเธอต้องไปทัศนศึกษาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งตามที่โรงสตาเดเฟียได้แจ้งกับนักเรียนในชั้นปีของเธอ
บ้านพักเอเดิลพัฟฟี่
“อนาตาเซียเธอเตรียมของไปทัศนศึกษาที่หมู่บ้านเสร็จรึยัง” ลูเซียที่กำลังจัดกระเป๋าอยู่อย่างขมักเขม้นถามขึ้น
“ใกล้เสร็จแล้วล่ะ” อนาตาเซียตอบ
“เธอว่าที่หมู่บ้านมีอะไรน่าไปศึกษากัน ฉันไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันมีอะไรน่าไปตรงไหน”
“มันก็อาจจะเป็นบรรยากาศที่มีธรรมชาติไง”
“ที่สตาเดเฟียก็มีธรรมชาติเยอะแยะจะตายยังต้องไปดูที่อื่นทำไม”
“มันก็อาจจะแตกต่างกันไง อีกอย่างฉันก็คิดว่ามันดูน่าสนุกออก ที่นั่นอาจจะมีอะไรใหม่ๆให้เราได้เรียนรู้ก็ได้”
“นี่เธอยังไม่เบื่อธรรมชาติอีกหรอ” ลูเซียพูดแกมหัวเราะ
“มันก็แค่ทัศนศึกษานอกสถานที่อีกอย่างหลายคนบอกว่าหมู่บ้านฟาเรนเดียมีสถาปัตยกรรมที่สวยมากไม่เหมือนกับหมู่บ้านทั่วไปบางทีเราอาจจะได้เจออะไรที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นก็ได้”
“ฉันว่าคงจะสำหรับคนที่ชอบอะไรแบบนั้นมากกว่าเพราะฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนคนอื่นๆเลยสักนิด”
“ก็คงงั้น”
ก๊อกๆๆ เสียงประตูดังขึ้นและหลังจากนั้นหญิงสาวที่เคาะประตูก็เดินเข้ามาด้านในตามปกติเหมือนกับทุกครั้งพร้อมกับทักทายลูเซียและ อนาตาเซีย
“ลูเซีย อนาตาเซีย พวกเธอทำอะไรอยู่” มาเดลินที่เคาะประตูเสร็จแล้วเปิดเข้ามาด้านในห้องและถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“กำลังเก็บกระเป๋า เธอล่ะไม่เก็บหรอ” ลูเซียถามกลับ
“ฉันเก็บเสร็จแล้วว่าจะมาชวนเธอทั้งสองไปห้องโถง”
“ตอนนี้เที่ยงแล้วหรอ” อนาตาเซียถาม
“ใช่ จะไปกันเลยไหมตอนนี้โซอี้กับเทียน่าไปรออยู่ที่ห้องโถงแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ” อนาตาเซียตอบแล้วทั้งสามคนก็ไปทานอาหารที่ห้องโถงใหญ่ทันที
ห้องโถงสตาเดเฟีย
“ว้าว......อาหารที่นี่อร่อยไม่เคยเปลี่ยนเลย” อนาตาเซียกล่าวขึ้นขณะที่กำลังกินน่องไก่อย่างเอร็ดอร่อย
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” ลูเซียที่กำลังทานอาหารอยู่เต็มปากพูดขึ้นพร้อมกับตักอาหารที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว
“เธอสองคนทำอย่างกับไม่ได้กินอะไรมาอย่างนั้นแหละ” โซอี้พูดขึ้น
“ใช่ พวกเราอยู่ที่นี่มา 3 ปีแล้วนะทำอย่างกับไม่เคยกินอาหารที่นี่มาก่อน” เทียน่าพูดแกมหัวเราะขณะมองไปที่คนทั้งสองที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“แหม่อาหารที่นี่มีตั้งเยอะวันๆหนึ่งแทบจะเลือกไม่ได้เลยด้วยว่าจะกินอะไรดีเยอะแยะลายตาไปหมด” ลูเซียตอบ
“ไม่มีใครสบายเท่าโซอี้หรอก” มาเดลินกล่าว
“ทำไมหรอ” อนาตาเซียถามด้วยความสงสัย
“เพราะโซอี้กินได้แค่อย่างเดียว ฮ่าๆๆ” มาเดลินตอบและหัวเราะออกมา
“ใช่ ฉันไม่เคยมีปัญหากับการเลือกอาหารแบบพวกเธอหรอก” โซอี้ตอบ ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอนาตาเซียก็ลุกขึ้นและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“ทุกคนฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวกลับมา” อนาตาเซียกล่าวและลุกเดินไปยังห้องน้ำทันที
ห้องน้ำโรงเรียนสตาเดเฟีย
หลังจากทำธุระเสร็จแล้วขณะที่อนาตาเซียกำลังยืนล้างมืออยู่นั้นเธอก็พบกับพวกของโอลิเวียด้วยความบังเอิญ
“อ่าว อนาตาเซียเธอเองหรอ” เสียงโอลิเวียพูดทักทายขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำและเห็นอนาตาเซียที่กำลังล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือ อนาตาเซียทำเพียงแค่หันไปมองแต่ก็ไม่พูดอะไร
“จะว่าไปแล้วช่วงนี้ไม่ได้เจอเธอเลยนะ เป็นไงจ๊ะช่วงนี้ไปยุ่งเรื่องของใครบ้างล่ะ” ไครีย์ที่เดินมายืนอยู่ข้างโอลิเวียพูดเสริม อนาตาเซียยังไม่สนใจและเตรียมตัวเดินออกไปจากห้องน้ำทันที
“จะรีบไปไหนล่ะ ไม่อยู่คุยกับพวกเราก่อนหรอ” วิกตอเรียกล่าวแล้วเดินมาขวางอนาตาเซียเอาไว้
“ไม่ล่ะฉันไม่มีรสนิยมชอบคุยกับใครในห้องน้ำ” อนาตาเซียตอบ
“นี่” ยังไม่ทันที่โอลิเวียจะได้หาเรื่องต่ออนาตาเซียก็รีบเดินออกไปทันที “ฝากไว้ก่อนเถอะครั้งต่อไปแกเจอดีแน่” โอลิเวียพูดขึ้นด้วยความโมโห
“โอลิเวียเธอว่าพวกเราลองใช้วิธีนี้ดีไหม” ไครีย์เอ่ยขึ้น
“วิธีอะไร” โอลิเวียตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าไหร่
“ก็วางแผนแกล้งมันยังไงล่ะ” ไครีย์พูดต่อ
“แล้วเธอมีแผนอะไร” โอลิเวียถามกลับไปอีกครั้ง
“พรุ่งนี้พวกเราจะต้องเดินทางไปทัศนศึกษา ที่นั่นน่ะมีสุสานอยู่ที่หนึ่งซึ่งมันเป็นสุสานเก่าแก่และมีทางที่ลึกลับซับซ้อนมากพวกเราก็แกล้งส่งจดหมายบอกว่าที่นั่นน่ะเป็นที่อยู่ของลูซิเฟอร์เพื่อหลอกให้อนาตาเซียไปที่นั่นแล้วก็หลงอยู่ในนั้นดูสิว่าคราวนี้มันจะออกมายังไง”
“ความคิดของเธอไม่เลวเลยทีเดียว แต่ทำไมต้องเป็นเรื่องของลูซิเฟอร์ด้วยล่ะ” โอลิเวียถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เธอก็รู้ว่าอนาตาเซียสนใจเรื่องนี้แน่นอนว่าถ้าเขียนจดหมายไปแบบนั้นอนาตาเซียต้องรีบออกไปที่สุสานแน่” ไครีย์ตอบ
“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้น” วิกตอเรียพูดเสริม “ดูท่ามันคงจะคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของโลกเวทมนตร์ทำเป็นช่วยคนอื่นไปทั่ว ก็แค่อยากมีชื่อเสียงอยากเรียกร้องความสนใจก็เท่านั้นทำเป็นหัวหมอกุเรื่องลูซิเฟอร์กำลังจะฟื้นคืนชีพไปบอกคนอื่น ใครกันที่โง่เชื่อคนแบบนี้”
“ใช่ ฮึ ดูท่าครั้งนี้พวกเราสนุกแน่ แต่เธอแน่ใจนะว่ามันจะหลงอยู่ในสุสานนั่นจริงๆ” โอลิเวียถามขึ้นเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“สุสานนั่นมีแต่คนที่เป็นผู้ดูแลเท่านั้นที่รู้ทางเพราะมันเป็นสุสานเก่าแก่มีคนเคยเข้าไปหลงทางอยู่ในนั้นอยู่หลายคนว่ากันว่าผู้ที่หลงทางหายตัวไปจนต้องมีผู้คนใช้เวลา 3 วันตามหากว่าจะเจอ”
“มันน่ากลัวแค่ไหน” โอลิเวียถามต่อ
“ก็ถ้าสำหรับคนอายุเท่าเราก็อาจทำให้ไม่กล้าออกไปไหนคนเดียวอีกเลยหรือไม่ก็กลัวความมืดไปตลอดชีวิต”
“กลัวความมืดหรอ”
“ใช่ ในนั้นจะมีบรรยากาศที่เย็นยะเยือกและน่ากลัวบางคนบอกว่ามันมีภายลวงตา และความน่ากลัวก็มากกว่าที่สุสานธรรมดาหลายเท่า” ไครีย์ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมันจะได้ไม่กล้าออกมาอวดเก่งอีก” โอลิเวียพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างซ่ะใจ
หมู่บ้านฟาเรนเดีย
“เอาล่ะเด็กๆทุกคนตอนนี้พวกเรามาถึงหมู่บ้านเรียบร้อยแล้วทางด้านซ้ายเป็นที่พักของพวกเธอจำได้ใช่ไหมว่าเราจะมาทัศนศึกษาที่นี่ 7 วัน เอาล่ะตอนนี้เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยแล้วออกมารวมกลุ่มที่ตรงนี้ได้” หนึ่งในอาจารย์ที่เป็นผู้ดูแลการออกมาทัศนศึกษาครั้งนี้เอ่ยขึ้นหลังจากนั้นเด็กทุกคนก็นำสัมภาระของตนไปเก็บทันที เมื่อทุกคนนำสัมภาระไปเก็บเรียบร้อยแล้วทุกคนก็มารวมกลุ่มกันตามที่อาจารย์ได้บอกเอาไว้ ขณะนั้นเองไครีย์ก็อาศัยจังหวะที่อนาตาเซียเผลอแอบนำซองจดหมายไปใส่เอาไว้ในกระเป๋าสะพายของอนาตาเซียโดยที่อนาตาเซียเองก็ไม่รู้ตัวเพราะตอนนี้เธอสนใจในการมาทัศนศึกษามากกว่าสิ่งรอบข้าง การมาทัศนศึกษาครั้งนี้ทำให้ทุกคนต่างสนุกสนานกับที่นี่มากเพราะนอกจากจะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เด็กๆหลายคนได้เรียนรู้แล้วการสร้างหมู่บ้านของที่นี่ก็แตกต่างไม่เหมือนใครโดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของเมืองสตาทิสเมื่อมาที่นี่จะรู้สึกเหมือนต้องสมต์สะกด ที่นี่มีบ้านหลังเก่าๆสไตล์โบราณที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมีรั่วบ้านตั้งเรียงแถวยาวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากที่นี่จะรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว บรรยากาศก็ยังร่มรื่นและเงียบสงบ ทำให้ผู้ที่มาเยือนรู้สึกสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเมืองได้อย่างเป็นเอกลักษณ์อีกทั้งยังมีฝูงสัตว์ป่ามากมาย และก็ยังมีปลาในลำธารที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำที่ไหลเย็น การมาที่นี่ทำให้เหมือนกับได้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายโดยไม่ที่ต้องรีบร้อนหรือแข่งขันกับใคร หลังจากที่ทุกคนจัดแจงทำทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกคนก็เข้านอนเพื่อพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน
กลางดึกคืนนั้นขณะที่เพื่อนๆของอนาตาเซียกำลังพักผ่อนด้วยความเหนื่อยล้าเธอก็ได้นั่งอยู่บนเตียงนอนพร้อมกับเตรียมหยิบสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าเธอเตรียมตัวที่จะจดสิ่งที่เจอมาวันนี้ลงไปในสมุดตามปกติแต่แล้วในขณะที่เธอกำลังหาสมุดอยู่นั้นเธอก็ได้พบกับจดหมายฉบับหนึ่งในกระเป๋าของเธอ
“นี่จดหมายอะไรเนี่ย” อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความสงสัยเธอหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาและเปิดดูทันทีหลังจากอ่านข้อความด้านในเรียบร้อยแล้วเธอก็ลุกออกมาจากเตียงนอนและเตรียมตัวออกไปด้านนอกทันที ตอนแรกเธอว่าจะชวนเพื่อนของเธอไปด้วยเพราะเธอเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่เท่าไหร่ แต่เมื่อเธอมองไปที่เตียงก็พบว่าเพื่อนของเธอได้นอนหลับไปหมดแล้วเธอไม่อยากรบกวนใครและการไปครั้งนี้มันก็ค่อนข้างอันตรายเธอจึงตัดสินใจออกไปคนเดียว อนาตาเซียเดินทางมาจนถึงสุสานที่ห่างไกลจากผู้คนแล้วเธอก็เดินเข้าไปด้านในนั้นทันที
“โอลิเวียมันเข้าไปในสุสานแล้ว” ไครีย์ที่ยืนข้างๆเพื่อนๆของเธอเอ่ยขึ้นตอนนี้ทั้งสามกำลังยืนดูอนาตาเซียที่เดินเข้าไปในสุสานด้วยความสะใจ
“ฮึ ดูท่าครั้งนี้แกจะเสร็จฉันแล้ว” โอลิเวียกล่าว
“แล้วเราจะทำยังไงต่อ” วิกตอเรียถามขึ้น
“เราก็ปล่อยให้มันหลงอยู่ในนี้รอให้ทุกคนรู้ว่ามันหายตัวไปเดี๋ยวก็ออกมาตามหากันเองแต่ว่ากว่าจะออกมาได้มันคงจะกลัวผีจนเป็นบ้าไปแล้วก็ได้” ไครียกล่าว
“เอาล่ะสาวๆพวกเราไปกันเถอะ” โอลิเวียกล่าวและเดินนำทุกคนไปอย่างสบายอารมณ์ ส่วนทางด้านอนาตาเซียก็เดินหลงอยู่ในสุสานจนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนแล้ว
“ทำไมยิ่งเดินยิ่งหาจุดสิ้นสุดไม่ได้นะ แล้วถ้าที่นี่มีลูซิเฟอร์อยู่พวกนั้นก็น่าจะรู้ตัวแล้วว่ามีผู้บุกรุกทำไมตอนนี้ยังไม่โผล่ออกมาอีก” อนาตาเซียคิดในใจขณะที่เดินอยู่ในสุสานแต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสงสัย เธอเดินมาเรื่อยๆและพบกับก้อนหินรูปร่างประหลาดรูปหนึ่งเธอก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัยพร้อมกับพูดว่า “ทำไมหินก้อนก้อนนี้ถึงได้มีรูปร่างแปลกๆแบบนี้นะ” แต่มันก็ดูแปลกดีขณะนั้นเองอนาตาเซียก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังของเธอแต่แล้วเมื่อเธอหันกลับไปเธอก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากลมและหลุมฝังศพ “ดูท่าที่นี่คงจะน่ากลัวกว่าที่เราคิด” อนาตาเซียกล่าว ตลอดทางเดินอนาตาเซียมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าที่นี่มีอะไรแปลกๆเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองและตามเธออยู่ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกกลัวมากกว่าเดิมและเริ่มคิดที่จะหาทางออกจากที่นี่
“พวกนั้นต้องไม่ได้อยู่ที่นี่แน่สงสัยการมาครั้งนี้คงจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆรีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า” พูดจบอนาตาเซียก็เริ่มเดินหาทางออกทันทีแต่ไม่ว่าเธอจะเดินไปหางไหนเธอก็ไม่สามารถหาทางออกได้เลยมิหนำซ้ำหมอกควันที่นี่ก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆรวมถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกก็สงผลให้อนาตาเซียรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที อนาตาเซียเดินอยู่ในสุสานหลายชั่วโมงแต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้เธอจึงนั่งลงที่โขดหินด้วยความเหนื่อยล้าจนเวลาก็ผ่านไปจนถึงตอนเที่ยงคืนอยู่ๆอนาตาเซียก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน
“เอ๊ะ ! เสียงใครเดินอยู่ใกล้ๆแถวนี้กันเวลานี้ยังจะมีคนเดินอยู่แถวนี้ด้วยหรอ” อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความสงสัย และลุกขึ้นยืนทันทีเธอพยายามฟังอย่างตั้งใจว่าเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินอยู่ตรงไปที่ไหนเธอเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยจนพบกับชายคนหนึ่ง ทันทีที่เขาพบกับอนาตาเซียเขาก็พูดขึ้นว่า
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
อนาตาเซียค่อยๆเงยหน้ามองขึ้นไปอย่างช้าๆและทันทีที่เธอรู้ว่าเขาเป็นใครเธอก็รู้สึกทั้งโลงใจและแปลกใจที่เห็นเขา
“นายเองหรอ” อนาตาเซียกล่าวพร้อมกับเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาทันทีเธอพบว่าเสียงฝีเท้าที่เธอได้ยินคือเสียงฝีเท้าของคาเลียตชายหนุ่มแวมไพร์ที่เธอเคยพบที่ห้องสมุดเล็กนั่นเอง “นายมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมากกว่าที่ต้องเป็นคนถามคำถามนี้” คาเลียตตอบ “เอาล่ะรีบออกไปจากที่นี่เถอะ” คาเลียตพูดขึ้นและเดินนำหน้าอนาตาเซียไปทันที
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากออกไปนะแต่ฉันเดินมาจนค่อนคืนแล้วยังหาทางออกไม่ได้เลย” อนาตาเซียตอบ
“ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่เอง” คาเลียตตอบแล้วเดินนำเธอไปด้วยความรวดเร็ว
“นายรู้ทางหรอ” อนาตาเซียที่เดินตามหลังคาเลียตมาถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง” คาเลียตไม่ตอบคำถามของเธอแต่กลับถามเธอกลับมาอย่างไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่เธอถามแม้แต่น้อย
“ก็...บังเอิญเดินหลงทางเข้ามาน่ะ ว่าแต่นายเถอะมาได้ยังไงนายยังไม่ตอบฉันเลย”
“ครอบครัวของฉันเป็นคนดูแลสุสานนี่”
“จริงหรอ ถ้าอย่างนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนายก็จะรู้อย่างนั้นหรอ”
“ใช่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหรือมีผู้บุกรุกนกฮูกที่คอยเฝ้าสุสานจะมาส่งข่าว”
“แล้วนายเจออะไรที่ไม่ปกติรึเปล่า”
“อะไรที่ไม่ปกติน่ะหรอ ตอนนี้ก็ไม่มีนะนอกจากเธอนี่แหละ”
“ฉันหรอ ฉันทำไม”
“ก็คนปกติที่ไหนจะเข้ามาในสุสานนี่กัน”
“ก็ฉันหลงทาง”
“เธอเดินหลงทางตั้งแต่ที่พักมาจนถึงสุสานเลยหรอ ไกลขนาดนี้เนี่ยนะ”
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันพักของฉันไกลจากที่นี่”
“ฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอนะฉันเองก็เคยมาทัศนศึกษาที่นี่เมื่อปีที่แล้วเหมือนกันฉันจะไม่รู้ได้ยังไง”
“แล้วตอนนี้นายมาทำอะไรที่นี่ทำไมไม่อยู่ที่โรงเรียนสตาเดเฟีย”
“ฉันมาทำธุระที่บ้าน”
“บ้าน”
“ใช่ บ้านฉันอยู่ริมผาตรงนั้นน่ะ” คาเลียตตอบแล้วชี้ไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่ริมหน้าผาสูงบนหน้าผาที่กว้างใหญ่ คฤหาสน์แห่งนี้เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ตั้งอยู่ริมหน้าผาที่ติดกับทะเลสาบมีวิวและทิวทัศน์มากมายรอบๆหน้าผาแห่งนั้น
“ไม่ยักรู้ว่านายอยู่ที่หมู่บ้านนี้”
ทั้งสองเดินออกมาจากสุสานได้อย่างปลอดภัยและคาเลียตก็ตั้งใจว่าจะเดินไปส่งเธอยังสถานที่พักเอง
“เธอว่าที่นี่เป็นยังไง”
“ก็สวยดีไม่เหมือนใครแล้วก็ดูลึกลับนิดหน่อย”
“หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่และเป็นบ้านเกิดของฉันถ้าเธออยากรู้อะไรก็มาถามฉันได้ฉันอยู่ที่นี่อีกหลายวัน”
“จริงหรอ แล้วนอกจากสถานที่ที่อาจารย์พาไปแล้วมีที่ไหนอีกไหมที่น่าไป”
“มีสิ”
“แล้วถ้าฉันอยากไปฉันจะไปได้ยังไง”
“เดี๋ยวฉันจะเป็นคนอาสาพาเธอไปเองยังไงวันหนึ่งอาจารย์ก็พาไปได้ไม่กี่ที่หรอกเพราะคนมันเยอะ วุ่นวาย เอาเป็นว่าถ้าเธอว่างและอยากออกไปเที่ยวเมื่อไหร่เป่านกหวีดนี่ก็แล้วกัน แล้วฉันจะรีบมาหาเธอทันที” คาเลียตตอบและยื่นนกหวีดให้กับอนาตาเซียทันที
“ตกลง”
“เอาล่ะตอนนี้ใกล้ถึงที่พักของเธอแล้วต่อไปอย่าหลงเข้าไปในสุสานอีกล่ะ”
“รู้แล้วน่า” อนาตาเซียตอบและเดินเข้าไปยังที่พักของตนทันที
บทที่ 2 บุรุษปริศนา
เช้าวันรุ่งขึ้นอนาตาเซียทำทุกอย่างตามปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยวันนี้อาจารย์ได้พาเธอไปตั้งแคมป์ในป่าเพื่อที่จะได้เพิ่มความสนุกและเรียนรู้เรื่องพืชพรรณในป่าโดยนักเรียนทุกคนจะได้รู้และเข้าใจว่าพืชแต่ละชนิดมีประโยชน์อะไร ขณะนั้นเองทันทีที่โอลิเวียกับเพื่อนของเธอเห็นว่าอนาตาเซียกลับมาโดยไม่ได้ติดอยู่ในสุสานและเธอยังปลอดภัยไม่เป็นอะไรอีกมันจึงทำให้ทั้งสามรู้สึกแปลกใจมาก
“ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้” โอลิเวียพูดขึ้นขณะที่เห็นอนาตาเซียเดินมารวมกลุ่มกับนักเรียนคนอื่นๆที่กำลังเตรียมตัวเลือกจุดสำหรับตั้งแคมป์
“หรือว่ามันเจอทางออก” วิกตอเรียที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดเสริม
“เป็นไปไม่ได้ต้องมีคนพามันออกมาแน่” ไครีย์ตอบขึ้นอย่างรวดเร็ว
“จะยังไงตอนนี้มันก็ออกมาแล้วเราต้องหาวิธีอื่น” โอลิเวียกล่าว
“วิธีอื่นหรอ” วิกตอเรียถามขึ้น
“ใช่ แต่จะต้องให้มันโหดกว่านี้ แล้วก็เรื่องสุสานฉันว่าคงจะเป็นแค่เรื่องหลอกเด็กครั้งต่อไปเธอก็อย่าไปเชื่ออะไรแบบนี้อีกก็แล้วกัน” โอลิเวียพูดด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ” วิกตอเรียถาม
“ในเมื่อครั้งนี้มันออกมาได้ ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องหาอย่างอื่นที่หนักกว่าเดิมดูสิว่าครั้งต่อไปมันจะยังโชคดีอยู่ไหม เอาล่ะเธอสองคนไปสำรวจดูว่าแถวนี้มีอะไรที่พอจะทำให้มันหายหน้าไปจากที่นี่แล้วก็ครั้งนี้ห้ามพลาดเหมือนครั้งที่แล้วอีกล่ะ” โอลิเวียกล่าวความไม่พอใจ
“ได้ เราสองคนจะรีบไปเดี๋ยวนี้” พูดจบวิกตอเรียและไครีย์ก็รีบออกไปจากกลุ่มตั้งแคมป์ทันทีเพื่อไปสำรวจรอบๆป่า ทั้งสองคนเดินเดินไปเรื่อยจนพบกับหลุมขนาดใหญ่ที่นายพรานใช้เป็นกับดักสำหรับจับสัตว์เพียงแต่ว่าหลุมนี้ไม่ได้ถูกใช้มานานแล้วดังนั้นวิกตอเรียและไครีย์จึงช่วยกันใช้ร่ายเวทย์ทำให้หลุมใหญ่ขึ้น
“วิกตอเรียฉันร่ายคาถาเรียบร้อยแล้ว”
“เอาล่ะฉันจะร่ายคาถาเอาเศษหญ้าและกิ่งไม้ออกก็แล้วกัน”
“ตกลง”
“ครั้งนี้เราจะพลาดไม่ได้” หลังจากที่ทั้งสองก็ได้จัดการหลุมเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็ได้ร่ายคาถาปกปิดหลุมเอาไว้เพื่อไม่ให้คนอื่นหรือใครสามารถมองเห็นหลุมนี้ได้
“วิกตอเรียตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเราจะทำยังไงให้มันมาตกหลุมนี่ดี” ไครีย์ถามด้วยความสงสัย
“ถ้าจะส่งจดหมายไปแบบครั้งที่แล้วมันก็ดูจะยังไงๆอยู่ ถ้าอย่างนั้นพวกเราลองทำแบบนี้ดูไหม ฉันจะให้พิน่าไปหามันทำเป็นว่าของหายแล้วขอให้อนาตาเซียไปช่วยหาแล้วเมื่อไหร่ที่มันเผลอก็ผลักมันลงไปในหลุมโดยฉันจะทำสัญลักษณ์เอาไว้ให้พิน่ารู้ว่าหลุมอยู่ตรงไหน”
“ตกลงแผนนี้ใช้ได้เลย แล้วก็อย่าลืมอาศัยจังหวะที่มันอยู่คนเดียวด้วยนะจะได้ไม่มีใครสามารถช่วยมันออกมาจากหลุมได้”
“แน่ใจใช่ไหมว่าพิน่าจะใช้การได้”
“แน่นอนยายนั่นไม่ค่อยมีเงินก็แค่เอาเงินให้มันก็ทำตามที่เราสั่งแล้ว”
“ดี ถ้าอย่างนั้นเรารีบเอาแผนไปบอกโอลิเวียเถอะ”
“อืม” หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยทั้งสองก็กลับไปหาโอลิเวียที่แคมป์ด้วยความรวดเร็ว
เย็นวันนั้นขณะที่อนาตาเซียกำลังยังจดบันทึกอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่นั้นพิน่าเพื่อนร่วมชั้นของเธอก็เดินมาหาอนาตาเซียด้วยท่าทีที่เป็นกังวลและพูดกับเธอว่า
“อนาตาเซียคือว่าก่อนหน้านี้ฉันออกไปเดินเล่นแล้วบังเอิญทำสร้อยที่คุณยายให้หายไปแถวต้นไม้ใหญ่ด้านนู้นเธอไปช่วยฉันหาหน่อยได้ไหม”
“อ๋อ ได้สิ” พูดจบอนาตาเซียก็หยุดเขียนสมุดบันทึกและเดินตามพิน่าไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ไกลออกไปจากจุดตั้งแคมป์ซึ่งเธอเองก็ไม่คิดว่ามันจะไกลขนาดนี้ “ พิน่าเธอทำไมถึงออกมาเดินเล่นไกลจัง” อนาตาเซียถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อะ...อ๋อ คือว่าฉันชอบออกมาหาที่สงบๆนะ” พิน่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย
“อย่างนี้นี่เองต่อไปก็ระวังตัวด้วยล่ะเธอออกมาเดินไกลขนาดนี้ระวังจะหลงทางนะ”
“จ๊ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ นั่นไงถึงต้มไม้ใหญ่พอดีเลยฉันจะหาตรงนี้ส่วนเธอไปหาตรงนั้นนะ”
“ตกลง” ทั้งสองต่างช่วยกันหาสร้อยอย่างขมักเขม้น ทันใดนั้นขณะที่อนาตาเซียกำลังก้มหน้าหาสร้อยอยู่นั้นพิน่าก็อาศัยจังหวะที่อนาตาเซียกำลังก้มหน้าหาสร้อยอยู่นั้นพิน่าก็ผลักอนาตาเซียลงไปในหลุมขนาดใหญ่ทันที “อ้า.....ตุบ” เสียงอนาตาเซียร้องออกมาด้วยความตกใจ “โอ๊ย ! หลุมอะไรมาอยู่แถวนี้เนี่ย พิน่าๆฉันตกลงมาในหลุมช่วยฉันด้วย” เงียบ “เอ๊ะ ทำไมไม่มีเสียงตอบ พิน่าได้ยินไหมฉันตกลงมาในหลุม” อนาตาเซียพูดอีกครั้งพร้อมกับตะโกนออกไปให้ดังกว่าเดิม “พิน่าๆได้ยินรึเปล่า ทำไมไม่มีเสียงใครตอบกลับมาเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ขณะที่อนาตาเซียกำลังยืนงงอยู่ในหลุมจู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นหูของบุคคลบุคคลหนึ่งพูดขึ้นที่ปากหลุมด้วยน้ำเสียงที่เยอะเย้ยว่า
“ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” เสียงวิกตอเรียที่ยืนอยู่ปากหลุมพูดขึ้นด้วยความสะใจ
“ไงอนาตาเซีย อยู่ข้างล่างรู้สึกเป็นยังไงบ้าง” โอลิเวียที่ยืนอยู่ด้านบนของหลุมเอ่ยขึ้น
“โอลิเวีย นี่เป็นฝีมือของเธอเองหรอ”
“อะไรกันฉันก็แค่บังเอิญผ่านมาก็เท่านั้น”
“โกหกเธอเป็นคนทำใช่ไหม”
“ฮ่าๆๆ ถ้าใช่แล้วจะยังไง ทำได้ดีมากเลยพิน่าครั้งนี้เธอไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ เอาเป็นว่าฉันจะให้รางวัลกับเธอก็แล้วกัน ไครีย์เอารางวัลให้พิน่าหน่อยสิ” พูดจบไครีย์ก็ยื่นถุงสีแดงที่มีเงินอยู่จำนวนหนึ่งให้กับพิน่า
“ขอบคุณ” พิน่าตอบและหลังจากที่รับเงินเรียบร้อยแล้วพิน่าก็เดินจากไปทันที
“เธอเป็นคนบอกให้พิน่ามาหลอกฉันหรอ”
“ฉลาดหนิ แต่มาฉลาดตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้วล่ะ”
“โอลิเวียเอาฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้”
“แล้วถ้าไม่ เธอจะทำอะไรฉันได้ เอาล่ะขอให้นอนในหลุมให้สนุกนะ คืนนี้เธออาจจะโดนแมลงอะไรแถวนี้กัดจนตัวลายก็ได้นอนตากลมสักคืนคงจะไม่เป็นไรหรอกเพราะเธอน่ะเก่งอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ฮ่าๆๆ พวกเราไปกันเถอะ”
“เดี๋ยว โอลิเวียๆๆ กลับมาเอาฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะ โอลิเวีย”
แม้ว่าอนาตาเซียจะพูดอะไรหรือตะโกนดังแค่ไหนแต่ตอนนี้ในป่าก็ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอเพราะพวกของโอลิเวียก็ได้กลับไปที่แคมป์ส่วนเธอก็อยู่ในป่าที่มืดมิดและไร้ซึ่งผู้คน
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกนั้นจะทำแบบนี้” อนาตาเซียสถบออกมาด้วยความโมโหพร้อมกับนั้งลงไปยังพื้นทันที ขณะที่เองก็มีเสียงปริศนาพูดขึ้นว่า
“ดูท่าครั้งนี้เธอคงจะซวยจริงๆแล้วล่ะ” เสียงของชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“นั่นเสียงใคร” อนาตาเซียพูดและมองไปรอบๆ
“ฉันเอง”
“ใคร นายอยู่ไหน”
“ฉันอยู่นี้ เธอลองก้มลงมองมาที่กระเป๋าสิ”
เมื่อได้ยินดังนั้นอนาตาเซียก็ก้มลงมองไปยังกระเป๋าของตนและพบว่าในกระเป๋าของเธอมีก้อนหินที่เธอบังเอิญถือติดมาจากสุสาน
“นายอยู่ในก้อนหินหรอ”
“ใช่ ฉันอยู่ในก้อนหิน”
“เอ่อ......ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพานายมาด้วยนะเอาเป็นว่าถ้าฉันออกไปได้แล้วฉันจะเอานายไปคืนที่สุสานก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องๆเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
“นายจะช่วยฉันออกไปจากที่นี่หรอ”
“ฉันช่วยเธอออกไปได้นะถ้าเธอต้องการ เธออยากจะกลับไปที่ตั้งแคมป์เลยรึเปล่า”
“ฉันว่าฉันอยากหาที่สงบๆอยู่สักพักพรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยกลับแคมป์ก็ไม่เป็นไร นายพอจะรู้จักสักที่ไหม”
“ทำไมเธอไม่เป่านกหวีดที่ผู้ชายคนนั้นให้เธอล่ะบางทีเรื่องที่พักเขาอาจจะช่วยเธอได้ก็ได้นะ”
“อืม ฉันยังไม่อยากไปรบกวนเขาเอาเป็นว่านายช่วยฉันออกไปจากหลุมนี่ก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวฉันค่อยตัดสินใจทีหลัง”
“ก็ได้”พูดจบชายคนนั้นก็ดีดนิ้วหนึ่งครั้งทันทีที่เสียงดีดนิ้วจบลงอนาตาเซียก็ขึ้นมาบนหลุมทันที
“เวทย์ของนายนี้ร้ายกาจไม่เบา”
“มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว”
“ทำไมนายถึงมาอยู่ในก้อนหินได้แล้วนายมีร่างรึเปล่า”
“ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่ามาอยู่ในนี้ได้ยังไงส่วนเรื่องร่างฉันจะปรากฏร่างได้แค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น”
“งั้นหรอแล้วนายจะให้ฉันทำยังไงกับนายส่งนายกลับสุสานหรอ”
“ฉันไม่อยากกลับสุสาน อืม......เอาเป็นว่าเมื่อกี้ฉันช่วยเธอเท่ากับว่าเธอติดหนี้บุญคุณฉัน 1 ครั้ง”
“เฮ้อ ! ว่าแล้วเชี่ยวคงจะไม่ได้ช่วยกันเปล่าๆหรอก เอาล่ะนายอยากให้ฉันทำอะไรเป็นการตอบแทน”
“เธอต้องช่วยฉันตามหาสมุดบันทึก”
“สมุดบันทึก”
“ใช่ ในนั้นมันจะมีความทรงจำของฉันอยู่”
“นายจำไม่ได้แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าในนั้นมีความทรงจำของนายอยู่”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“นายมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้นชายในก้อนหินก็ปรากฏร่างขึ้นตรงหน้าของอนาตาเซียทันที เขามีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงสวมผ้าคลุมสีดำยาวและแต่งตัวค่อนข้างเหมือนคนในยุคก่อน เขามีผมสีดำสนิทผิวสีขาวเหลืองดวงตาสีเขียวมรกตปากสีธรรมชาติพร้อมกับเคี้ยวเล็กๆสองข้าง
“นายเป็นเผ่าแวมไพร์หรอ”
“ใช่”
“นายมีชื่อรึเปล่า”
“ฉันชื่ออารอน”
“ฉันอนาตาเซีย ยินดีที่ได้รู้จัก”
“นอกจากสมุดบันทึกนายจำอะไรได้อีกบ้าง”
“เท่าที่ฉันจำได้ก็มีแค่นี้ ฉันรู้แค่ว่าฉันจะต้องตามหาสมุดบันทึกซึ่งมันจะบอกประวัติของฉันทั้งหมดแล้วก็ถ้าเธอช่วยฉันตามหาสมุดบันทึกฉันจะถือว่าเธอได้ใช้หนี้บุญคุณที่ฉันเคยช่วยเธอก็แล้วกัน”
“ตกลง แล้วจะให้ฉันเริ่มหายังไง”
“สมุดบันทึกของฉันถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหนสักที่ในสุสาน”
“สุสานที่ฉันเจอนายน่ะหรอ”
“ใช่”
“แล้วจะให้ฉันเริ่มหาตรงไหนก่อน”
“ฉันว่าเธอไปหาที่พักก่อนเถอะส่วนเรื่องตามหาสมุดบันทึกพรุ่งนี้ฉันจะส่งสัญญาณเอง”
“เอาแบบนั้นก็ได้”
“แล้วตกลงเธอจะไปพักที่ไหน”
“อืม...ไม่รู้สิ”
“เฮ้อ ! ถ้าเธอไม่มีที่ไปก็กลับไปพักที่แคมป์เถอะ”
“จริงๆฉันก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับไปที่แคมป์แต่ฉันคิดว่าฉันจะอาศัยช่วงที่พวกนั้นคิดว่าฉันอยู่ในหลุมไปทำธุระน่ะ”
“ธุระ”
“ใช่”
“พวกนั้นชอบตามเธอหรอ”
“พวกนั้นแค่ชอบจับผิดน่ะ ช่วงหลังๆมานี่พวกนั้นมักจะตามฉันแล้วก็ก่อกวนอยู่บ่อยๆฉันก็เลยเบื่อ”
“อ๋อ แล้วถ้าหายไปอาจารย์จะไม่ตามหาเธอหรอ”
“ไม่หรอกคนเยอะจะตายเขาไม่มาสนใจคนแค่คนเดียวหรอกมันก็แค่การออกมาทัศนศึกษา ไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายเท่าไหร่อาจารย์ไม่ทันสังเกตเรื่องนี้หรอก”
“แล้วเธอจะไปไหน”
“พอดีกว่าฉันสงสัยอะไรบางอย่างกับพวกที่เอาฉันมาปล่อยในสุสานน่ะ”
“สงสัยหรอ สงสัยอะไร”
“ตอนที่ฉันเข้าไปในสุสานระหว่างทางกลับฉันเจอต่างหูข้างหนึ่งหล่นอยู่ที่พื้นซึ่งฉันคิดว่าคนที่เป็นเจ้าของต่างหูนี่ต้องเป็นคนที่ส่งจดหมายให้ฉันเพื่อให้ฉันเข้าไปในสุสานฉะนั้นฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ”
“อาจจะเป็นพวกผู้หญิงเมื่อกี้ก็ได้นะ”
“ถ้าเป็นพวกนั้นก็ดี”
“ดีหรอ”
“ใช่ ยังไงก็เป็นการทำเพื่อความสะใจ ไม่ได้มีเจตนาอื่น”
“เธอนี่ชีวิตดูวุ่นวายจัง ฉันช่วยเธอตามหาเจ้าของต่างหูได้นะ”
“จริงหรอ”
“ใช่ เอาต่างหูนั่นวางบนฝ่ามือแล้วยื่นออกมาสิ” เมื่อได้ยินดังนั้นอนาตาเซียก็ทำตามที่อารอนพูดทันที อารอนใช้พลังเวทย์บางอย่างร่ายลงไปบนต่างหูหลังจากนั้นต่างหูก็ส่องแสงและลอยขึ้นทันที “ต่างหูนี่จะลอยไปที่ที่เจ้าของของมันอยู่ถ้าเธอเดินตามไปก็จะพบกับเจ้าของมัน เมื่อได้ยินอารอนพูดเสร็จอนาตาเซียก็เดินตามต่างหูข้างนั้นไปทันทีต่างหูลอยมาที่แคมป์ของเธอและค่อยๆลอยเข้าไปยังที่พักของโอลิเวีย
“เป็นเธอจริงๆด้วย โชคดีที่ไม่ใช่คนอื่น”
“คนอื่นที่เธอว่าเธอหมายถึงใครหรอ” อารอนถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“นายไม่ต้องสนใจหรอกเอาล่ะฉันจะไปหาที่อื่นพักนายจะกลับเข้ามาอยู่ในก้อนหินเลยไหม”
“อืม แล้วเธอได้ที่พักแล้วหรอ”
“ได้แล้วล่ะ ฉันจะไปพักที่โรงเตี๊ยม”
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ” พูดจบอารอนก็กลับเข้าไปอยู่ในก้อนหินทันที
โรงเตี๊ยม
แอ๊ด เสียงประตูโรงเตี๊ยมเปิดออกและชายเจ้าของร้านก็พบกับหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม ซึ่งคนที่เปิดประตูโรงเตี๊ยมก็คืออนาตาเซียที่กำลังต้องการหาที่พักและเธอก็มาเจอโรงเตี๊ยมแห่งนี้พอดี
“สาวน้อยเธอมากี่คน” ชายเจ้าของโรงเตี๊ยมถามขึ้น
“คนเดียวค่ะ”
“จะเอาที่พักแบบธรรมดาหรือพิเศษ”
“เอาที่พักที่อยู่ชั้นบนและมีหน้าต่างค่ะ”
“ตกลง” พูดจบชายเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ยื่นกุญแจห้องให้กับอนาตาเซีย ส่วนเขาก็รับถุงเงินที่อนาตาเซียให้ไปทันที หลังจากรับกุญแจมาเรียบร้อยแล้วอนาตาเซียก็เดินไปที่ห้องของเธอทันที เมื่อเธอมาถึงห้องพักเธอตรงไปนอนบนที่เตียงด้วยความเหนื่อยล้าไม่นานเธอก็หลับเข้าสู่ในห่วงนิทราโดยไม่รู้ตัว
บทที่ 3 เรื่องราวในอดีต
กลางดึกคืนนั้นขณะที่เธอกำลังหลับอยู่ ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆอนาตาเซียก็ได้ยินเสียงบางดังขึ้นเป็นระยะๆ มันเป็นเสียงของคนข้างห้องที่กำลังคนคุยกันอยู่ เสียงนั่นเหมือนกับว่าพวกเขากำลังประชุมกันอยู่มีเสียงคนหลายคนพูดถกเถียงกันไปมาไม่นานก็หยุดลง ตอนแรกเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่ทันทีที่เธอได้ยินชื่อที่คุ้นหูเธอก็ลืมตาแล้วตรงไปที่กำแพงทันที เธอค่อยๆเอาหนูแนบกับกำแพงและตั้งใจฟังอย่างดี เธอได้ยินบทสนทนาบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก
“เดมิร่าเธอตามหาผู้เฝ้าคทาเหนือพิภพไปถึงไหนแล้ว” เสียงชายคนหนึ่งถามขึ้น
“นายท่านจากที่เราทราบข่าวว่ากันว่ามันอาศัยแถวนี้ส่วนเรื่องคทาไม่มีใครเห็นมานานมากแล้วค่ะ”
“ตามหามันไปเรื่อยๆมันต้องซ่อนคทาเอาไว้ที่ไหนสักที่”
“ค่ะนายท่าน”
“พวกแกทุกคนต้องรีบตามหามันให้เจอโดยเร็วอย่าให้พวกที่สนับสนุนมันรู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ไม่อย่างนั้นเราจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้”
“ค่ะ นายท่าน ส่วนเรื่องดาบมาธอร์นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้ได้ส่งคนไปตามราชินีหิมะแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะพ้นคำสาปแต่ก็ไม่น่าจะตามตัวยากค่ะ”
“ดี ไม่ว่ามันจะพ้นคำสาปหรื่อไม่ตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะต่อให้มันจะมีดาบมันก็สู้เราไม่ได้”
อนาตาเซียที่ยืนฟังอยู่นั้นได้ยินเสียงเพียงน้อยนิดเท่านั้นเธอจับใจความได้เพียงว่าพวกเขากำลังตามหาอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่เธอแน่ใจก็คือเสียงคนที่พูดอยู่นั้นคือเสียงของเดมร่าอาจารย์ที่หายตัวไปจากสตาเดเฟียหรืออาจารย์ที่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนลูซิเฟอร์นั่นเอง
“อาจารย์เดมิร่ามาทำอะไรที่นี่” อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ที่นี่ต้องมีอะไรแน่ๆเราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกเขากำลังวางแผนทำอะไร”
เช้าวันรุ่งขึ้นระหว่างทาง
“อารอนนายอยู่แต่ในก้อนหินไม่เบื่อบ้างหรอ” อนาตาเซียถามขึ้น
“ก็เบื่อนะฉันอยู่ที่นี่มานานจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว”
“นายมีเพื่อนบ้างรึเปล่า”
“ไม่นะ ปกติฉันไม่ปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นเพราะมันจะทำให้คนอื่นตกใจคิดว่าฉันเป็นผี”
“แล้วนานไม่ใช่ผีหรอ”
“ถ้าฉันเป็นผีป่านนี้ฉันคงจะหลอกคนอื่นไปทั่วแล้วไม่มาอยู่ในก้อนหินนี่ให้เบื่อหรอก”
“ก็คงงั้น จะว่าไปแล้วถ้าฉันเจ้าไปในสุสานอีกรอบฉันจะออกมาได้ใช่ไหม” อนาตาเซียถามอารอนระหว่างที่เธอกำลังเดินทางไปสุสาน
“ได้อยู่แล้วฉันจำทางที่นั่นได้เป็นอย่างดีไม่ต้องห่วง”
“เอาล่ะฉันจะต้องเริ่มหาจากตรงไหนก่อนดี”
“เอาเป็นว่าเริ่มตั้งแต่หน้าสุสานก็แล้วกัน”
“ได้” อนาตาเซียตอบและเริ่มคนหาสมุดบันทึกทันที “สมุดบันทึกของนายรูปร่างเป็นยังไงหรอ”
“อืม ขอนึกก่อนนะ มันก็น่าจะเหมือนกับสมุดบันทึกธรรมดานี่แหละคือฉันจำได้แค่นี้โทษที”
“แล้วนอกจากนี้มีอะไรที่พอจะทำให้ฉันรู้รึเปล่าว่าอันไหนคือสมุดบันทึกของนาย”
“อ๋อ มันจะมีอักขระโบราณอยู่บนปกและจะมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะเปิดมันได้”
“นายแน่ใจนะว่ามันอยู่ในสุสาน”
“ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”
“ห่ะ ไม่แน่ใจ”
“ก็ฉันรู้จักที่นี่ที่เดียวหนิยังไงมันก็น่าจะอยู่ในนี้แหละ”
“เฮ้อ ! ฉันจะหาเจอไหมเนี่ย”
“หวังว่าเธอจะหามันเจอก็แล้วกัน”
อนาตาเซียใช้เวลาหาสมุดบันทึกอยู่นานแต่สุดท้ายแม้ว่าจะหาแทบจะทุกซอกทุกมุมของสุสานแล้วแต่เธอก็ยังหาไม่เจอ
“นายแน่ใจนะว่าสมุดบันทึกของนายอยู่ที่นี่ฉันพยายามหาแทบจะทุกที่แล้วนะแต่ทำไมไม่เจอ”
“จริงๆฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่ฉันก็ไม่รู้จะไปหามันที่ไหน”
“นายนี่ไม่รู้แล้วจะหาเจอได้ยังไงเล่า”
“ก็ฉันจำไม่ได้หนิ แฮะๆ”
“เธอมาทำอะไรที่นี่” เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่อนาตาเซียกำลังยืนมองไปยังพื้นอย่างจนปัญญา เธอหันหลังกลับไปแล้วพบว่าเสียงชายที่พูดเมื่อกี้คือเสียงของคาเลียต
“นายเองหรอ” อนาตาเซียถามขึ้นและในขณะนั้นอารอนก็ได้หลายไปแล้ว
“ใช่ ฉันเองเธอมาทำอะไรที่สุสาน”
“พอดีว่าฉันทำของหายเลยกลับมาหาน่ะ”
“ของหายหรอ”
“ใช่ มันเป็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่งน่ะนายพอจะเคยเห็นสมุดบันทึกที่หล่นอยู่ที่นี่มาก่อนไหม”
“จริงๆแล้วก่อนหน้านี้หลังจากที่เธอกลับไปฉันก็เจอสมุดบันทึกเล่มหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าเป็นของเธอรึเปล่า”
“จริงหรอ ขอฉันดูสมุดบันทึกเล่มนั้นหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ แต่ฉันเอามันกลับไปไว้ที่บ้านน่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้เธอก็แล้วกัน”
“ตกลง”
“เธอก็กลับได้แล้วตอนนี้พวกอาจารย์กลับที่พักกันหมดแล้วไม่ได้อยู่ในป่าแล้วเธอกลับไปได้แล้วไม่ต้องมาอยู่ที่นี่บ่อยๆหรอก”
“เข้าใจแล้วฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้” พูดจบอนาตาเซียก็เดินออกจากสุสานและเตรียมตัวกลับไปยังที่พักของเธอทันที ตอนนี้เวลามาทัศนศึกษาเหลือเวลาอีก 2 วันโดยหลังจาก 2 วันเธอจะต้องกลับสตาเดเฟียแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็จึงต้องรีบเร่งหาสมุดบันทึกให้เจอโดยเร็ว ซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าสมุดบันทึกที่คาเลียตจะนำมาให้นั้นจะใช่เล่มเดียวกับที่เธอตามหารึเปล่า
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินมายังที่พักทั้งสองก็พูดคุยกันเรื่องสมุดบันทึกตลอดเวลา
“อารอนนายคิดว่าสมุดบันทึกที่คาเลียตเจอจะเป็นของนายรึเปล่า” อนาตนเซียถามขึ้นด้วยความอยากรู้ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจว่าอารอนจะคิดเหมือนกับเธอรึเปล่า
“ฉันว่าน่าจะใช่นะ เพราะนอกจากของฉันแล้วคงจะไม่มีสมุดบันทึกของใครอีกหรอก”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”
“ว่าแต่เมื่อกี้นายหายไปไหนเร็วจัง”
“แหม่ ฉันอยู่ที่นี่มานานแค่ได้ยินเสียงลมหายใจฉันก็กลับเข้าไปในก้อนหินแล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าหันมาอีกทีนายก็หายไปแล้ว”
“อนาตาเซียมาอยู่ที่นี่นี่เอง” เสียงหนึ่งในเพื่อนสนิทของเธอเอ่ยขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า” อนาตาเซียถามกลับด้วยความงุนงง
“ก็เมื่อวานนี้เธอไม่อยู่ที่แคมป์จำได้ไหม” ลูเซียพูดขึ้น
“ใช่ ตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นเธอแล้ว ดีนะที่อาจารย์ยังไม่รู้ว่าเธอหายไป” เทียน่ากล่าวเสริม
“พวกเราคิดว่าเธอหลงอยู่ในป่ากำลังคิดอยู่เชียวว่าจะออกไปตามหา” โซอี้กล่าว
“ใช่ พวกเราคิดว่าถ้าวันนี้เธอยังไม่กลับมาหรือหาเธอไม่เจอคิดถึงว่าจะไปแจ้งอาจารย์อยู่แล้ว” มาเดลินกล่าว
“ว่าแต่เธอไปไหนมาหรอ” โซอี้ถามขึ้น
“อ่...อ๋อ พอดีเมื่อวานฉันไปทำธุระแถวนี้มาน่ะเลยไม่ได้กลับไปที่แคมป์”
“อย่างนี้นี่เองต่อไปก็บอกพวกเราก่อนด้วยล่ะ พวกเราจะได้ไม่ต้องกังวลขนาดนี้” เทียน่าพูดขึ้น
“ตกลง”
“เอ่อแล้วก็ เมื่อวานฉันไปนอนที่โรงเตี๊ยมมาได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกับอาจารย์เดมิร่าไม่มีผิด”
“เธอคิดมากเกินไปรึเปล่าถ้าอาจารย์เดมิร่าอยู่ที่นี่จริงๆทางการก็น่าจะมาตามไปได้นะ” เทียน่ากล่าว
“แต่ก็ไม่แน่นะถ้าอาจารย์สามารถหลบซ่อนมาได้หลายปีแบบนี้บางทีอาจารย์อาจจะอยู่ที่นี่ก็ได้” มาเดลินกล่าว
“ก็อาจจะเป็นไปได้ แล้วเธอได้ยินอะไรอีกรึเปล่า” ลูเซียถามต่อ
“ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ว่าเท่าที่รู้เหมือนกับว่ากำลังตามหาอะไรสักอย่าง”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ระวังตัวดีๆล่ะเท่าที่รู้ตอนนี้เราก็ไม่แน่ใจว่าคนที่เธอได้ยินเสียงจะเป็นอาจารย์เดมิร่าจริงๆรึเปล่า” โซอี้กล่าว
“ใช่ ไม่ว่ายังไงก็ควรระวังตัวเธอยิ่งชอบหายไปคนเดียวบ่อยๆอยู่ด้วย” ลูเซียพูดเสริม
เช้าวันรุ่งขึ้นคาเลียตก็นำสมุดบันทึกมาให้กับอนาตาเซียตามที่ได้กล่าวเอาไว้โดยเขานัดเจอกับอนาตาเซียที่ด้านหลังของสถานที่พัก
“นี่เป็นสมุดบันทึกที่ฉันเจอใช่ของเธอรึเปล่า” คาเลียตถามขึ้นขณะที่นำสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้กับอนาตาเซียเธอรับมันมาแล้วตรวจดูสมุดบันทึกอย่างสะเอียด
“ตามที่อารอนบอกสมุดบันทึกจะมีอักขระโบราณอยู่ที่ปก” อนาตาเซียคิดในใจ “อารอนๆใช่เล่มนี้รึเปล่า” อนาตาเซียก้มหน้าลงไปกระซิบถามอารอนที่อยู่ในกระเป๋า
“เท่าที่ฉันรู้สึกนะ ฉันรู้สึกว่าน่าจะเป็นเล่มนี้นี่แหละเพราะว่ามันมีพลังบางอย่างที่แฝงอยู่ในสมุดซึ่งพลังนั่นเหมือนกับพลังของฉันไม่มีผิด” อารอนตอบ เมื่อได้ยินดังนั้นอนาตาเซียก็รีบตอบคาเลียตทันทีว่า
“คาเลียตนี่เป็นสมุดบันทึกของฉันเองขอบคุณนายมากนะที่เอามาคืน”
“ไม่เป็นไร ฉันเองก็กำลังจะตามหาเจ้าของอยู่พอดีถ้าเป็นของเธอก็ดีแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวเข้ากลับก่อนนะ” พูดจบอนาตาเซียก็หมุนตัวกลับไปทันที “อารอนสมุดบันทึกของนายอยู่นี่นายจะปรากฏตัวแล้วเอาไปตอนไหน” อนาตาเซียกระซิบ
“เอาเป็นว่าเย็นนี้เธอกลับไปที่โรงเตี๊ยมก็แล้วกันฉันจะปรากฏตัวตอนที่ฟ้ามืดแล้วแล้วก็ที่ที่ไม่มีคน”
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้เจอกัน”
“อืม”
โรงเตี๊ยม
“นี่ออกมาได้แล้วตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฉันอยู่ในโรงเตี๊ยมแล้ว” เมื่อได้ยืนดังนั้นอารอนก็ปรากฏตัวออกมาทันที
“เฮ้อ! ในที่สุดฉันก็เจอสมุดบันทึกสักที”
“เอาล่ะที่นี่นายจะทำยังไงต่อ”
“คงจะต้องฟื้นฟูความจำกันสักหน่อยแล้ว เอาล่ะเอาสมุดบันทึกของฉันไปวางเอาไว้ที่โต๊ะ” เมื่ออารอนพูดจบอนาตาเซียก็นำสมุดบันทึกไปวางที่โต๊ะตามที่เขาบอกทันที
“ฉันวางเสร็จแล้ว แล้วไงต่อ”
“ฉันจะร่ายมนต์แล้วเธอถอยออกมา”
“อ๋อหรอ” อนาตาเซียรีบเดินออกมาจากโต๊ะแล้วยืนดูอารอนร่ายมนต์ทันที ไม่นานก็มีแสงสว่างออกมาจากสมุดบันทึกเล่มนั้นแล้วอารอนก็หายเข้าไปในสมุดด้วยความรวดเร็ว
“อย่าบอกนะว่าอารอนเข้าไปในสมุดเรียบร้อยแล้ว” อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความสงสัย “จะว่าไปแล้วโลกเวทมนตร์ยิ่งนานวันยิ่งลึกลับแฮะถึงฉันจะอยู่มาเป็นปีแล้วแต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เจออะไรใหม่ๆอยู่ตลอดไม่อยากจะคิดว่าถ้าฉันกลับไปอยู่ในโลกใบเดิมจะเป็นยังไง” อนาตาเซียพูดกับตัวเองตัวความอยากรู้ ตอนนี้เธอนั่งรออารอนอยู่ที่โต๊ะจนเวลาผ่านไปสักพักจนในที่สุดเขาก็กลับออกมา “เป็นยังไงบ้าง” อนาตาเซียถามขึ้น
“ก็ดี”
“ก็ดีหรอแล้วนายจำเรื่องราวในอดีตได้รึเปล่า”
“ฉันจำเรื่องราวในอดีตได้แล้วแต่ตอนนี้แค่ยังรู้สึกสับสนนิดหน่อย เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันเป็นอิสระจากก้อนหินก้อนนั้นแล้ว ส่วนเธอตอนนี้ก็ถือว่าได้ทดแทนบุญคุณที่ฉันเคยช่วยเธอเท่ากับว่าตอนนี้เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ฉันขอไปตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน ! นายจะไปไหนนายยังไม่ได้บอกอะไรฉันเลยเกี่ยวกับอดีตของนายน่ะ นายจะไปเลยหรอ”
“เฮ้อ ! ขอโทษนะฉันก็อยากจะบอกเธอนะแต่ว่าฉันมีสิ่งที่จะต้องไปทำน่ะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกก็แล้วกัน” พูดจบอารอนก็หายตัวไปทันที
“เฮ้อ ! ไปซะแล้ว” อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความเศร้าใจ “ฉันพึ่งจะเคยมีเพื่อนเป็นคนแบบนายครั้งแรกยังไม่ทันได้ทำความรู้จักเท่าไหร่นายก็หายไปซะแล้ว เฮ้อ!”
กลางดึกคืนนั้น
ขณะที่อนาตาเซียกำลังนอนหลับอยู่นั้นอยู่ๆลมหนาวก็พัดเข้ามาในห้องของเธอเวลานั้นหน้าต่างที่โดนลมพัดอย่างรุนแรงก็ส่งเสียงดังปึงปังๆอยู่เป็นระยะๆความเย็นเริ่มพัดเข้ามาในห้องของเธอเรื่อยๆ ไม่นานอนาตาเซียก็ตื่นขึ้นจากเสียงเรียกของผู้หญิงคนหนึ่ง
“อนาตาเซียๆ ตื่นเร็ว” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเขย่าตัวและเรียกชื่อเธออย่างไม่หยุดหย่อน
“ฮืมมม ใครหรอ” อนาตาเซียพูดขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
“อนาตาเซียฉันเอง”
“ใครหรอ”
“ฉันราชินีหิมะ”
“ราชินีหิมะ” ทันทีที่ได้ยินชื่ออนาตาเซียที่อยู่ในภวังค์ก็ตื่นขึ้นมาทันที “คุณมาได้ยังไง”
“เอาล่ะตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนอยากให้เธอช่วย”
“เรื่องด่วนหรอ”
“ใช่ ตอนนี้ฉันถูกลูซิเฟอร์ตามล่าอยู่เธอรับนี่ไปและเก็บเอาไว้” ราชินีหิมะพูดพร้อมกับยื่นดาบมาทอร์ให้กับอนาตาเซีย
“นี่คือดาบมาทอร์หนิ คุณเอามาให้ฉันทำไม ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ไม่ได้ตอนนี้เธอต้องรับมันเอาไว้” ราชินีหิมะตอบ
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
“ฉัน ฉันไม่สามารถดูแลมันได้อีกแล้วลูซิเฟอร์กำลังตามหามัน”
“ลูซิเฟอร์หรอ”
“ใช่ เธอช่วยดูแลมันแทนฉันที”
“แต่ดาบ”
“ขอร้องล่ะ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากเธอฉันก็ไม่รู้จะพึ่งใคร”
“ก็ได้ค่ะ”
“แล้วก็จำเอาไว้นะถ้าไม่จำเป็นอย่าให้ใครรู้ว่าเธอมีดาบนี่เด็ดขาดอีกอย่างฉันมีเรื่องที่จะต้องขอร้องเธอ
“ขอร้องฉัน”
“ใช่ ฉันอยากจะขอให้เธอออกไปตามหาของวิเศษทั้ง 5 เพื่อที่จะได้เอาพลังของมันมารวมกันและกำจัดลูซิเฟอร์ ตอนนี้กำลังของพวกมันแข็งแกร่งขึ้นแล้วมันกำลังตามล่าคนที่ดูแลของวิเศษฉันเองก็เหมือนกัน”
“แต่คุณเคยบอกว่าพลังของลูซิเฟอร์สู้พลังของดาบไม่ได้นี่คะ”
“ตอนนี้ลูซิเฟอร์มีกริซอสูร กริซนั่นสามารถทำลายของวิเศษได้ ความจริงแล้วกริซนั่นคือกริซที่ถูกสร้างขึ้นมาจากปรโลก ที่ซึ่งเป็นโลกของวิญญาณหรือคนที่ตายไปแล้วกริซนั่นเป็นกริซที่มีอานุภาพมาก มีคนบางคนลงไปนำมันมาให้เขา ตอนนี้เธอต้องรีบตามหาของวิเศษทั้งหมดให้ได้เป็นทางเดียวที่จะสามารถช่วยเหลือทุกคนได้”
“แต่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครบ้างที่มีของวิเศษ”
“หนังสือเล่มนี้จะช่วยเธอได้” ราชินีหิมะพูดขึ้นพร้อมกับยื่นหนังสือโบราณ 1 เล่มให้เธอ”
“ตอนนี้ฉันมีเวลาไม่มากคงช่วยเธอได้แค่นี้ เอาล่ะฉันต้องไปก่อนแล้วไม่อย่างนั้นพวกมันอาจจะรู้ว่าฉันมาที่นี่” พูดจบราชินีหิมะก็จากไปพร้อมกับลมหนาวทันที ไม่นานสภาพอากาศในห้องก็กลับมาอบอุ่นเหมือนเดิมหลังจากที่เธอเก็บดาบเข้ากระเป๋ามิติของตัวเองเรียบร้อยแล้วเธอก็รีบเปิดอ่านประวัติผู้ดูแลของวิเศษทันที
“หนังสือรวมประวัติผู้ดูแลของวิเศษ” เสียงอนาตาเซียที่กำลังอ่านปกหนังสือที่ราชินีหิมะมอบให้เธอด้วยความอยากรู้ “อืม ในหนังสือบอกว่าผู้ที่ดูแลของวิเศษทั้ง 5 มีทั้งหมด 5 คน คือ 1 ราชินีหิมะแห่งเทือกเขาน้ำแข็งผู้ดูแลดาบมาธอร์
2 อารอน ราชาแห่งเงาผู้ดูแลคทาเหนือภิภพ เอ้ หรือว่าอารอนที่เราเจอคือเขาเองหรอ โชคดีที่มีรูปให้ดูไหนดูสิเป็นคนเดียวกันรึเปล่า” พูดจบอนาตาเซียก็รีบดูรูปของอารอนราชาแห่งเงาทันที “ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเขาจริงๆ เฮ้อ! ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะขอที่ติดต่อเขาหน่อยก็ดี ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ต้องมาลำบากแบบนี้ แล้วฉันจะไปตามหาเขาที่ไหนดีล่ะเนี่ยพูดแล้วก็น่าโมโหอุตส่าห์เจอหนึ่งในผู้คนดูแลทั้ง 5 แล้วไม่น่าพลาดเลยเรา เอาล่ะอ่านคนต่อไปก่อนดีกว่า
3 เฮเลน่าราชินีแห่งหุบเขาไอทานีหรือราชินีเอลฟ์ผู้ดูแลคันศรแห่งเทวา “ราชชินีผู้ดูแลของวิเศษแต่ละองค์แลดูสวยจัง” อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความตะลึงขณะมองที่รูปภาพบนกระดาษ
4 แมคโลริคราชาแห่งท้องทะเลเป็นผู้ดูแลตรีศูลแห่งบัลลังก์ “ราชาแห่งทะเลดูท่าครั้งนี้คงจะต้องพึ่งมาเดลินซะแล้ว
5 เซ็นเซย่าราชินีแห่งพายุเป็นราชินีแห่งทะเลทรายลึกลับผู้ดูแลโล่มีทัสควบคุมพายุ “จะว่าไปแล้วครั้งนี้คงจะไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนซะแล้วแถมยังยังไม่รู้ด้วยว่าจะหาเจอรึเปล่า เฮ้อ !” เสียงอนาตาเซียถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าใจ “จะเริ่มหาจากที่ไหนก่อนดี อืม......เอาเป็นว่าเริ่มที่ราชาแห่งเงาก่อนแล้วกันน่าจะมีโอกาสเจอมากกว่าอย่างอื่น ไม่อยากจะเชื่อว่าอารอนคือราชาแห่งเงาเจอเขาครั้งหน้าฉันจะต้องทำความเคารพรึเปล่า พูดแล้วก็ทำตัวไม่ถูกเลย” อนาตาเซียพูดกับตัวเองด้วยความสับสนและก็ตั้งใจอ่านหนังสือต่ออย่างขมักเขม้น
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!