NovelToon NovelToon

ดั่งฤทัยปราบมารร้าย

แมรี่/ริวเดล

2ปีที่แล้ว

เมื่อถึงโรงพยาบาลชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มละม้ายคล้ายกับชายผู้หนึ่งที่มีนามว่า'ราฟ วิลเลียม'เดินที่ประชาสัมพันธ์ ของโรงพยาบาล เขาสอบถามชื่อคนไข้ก่อนที่ 'ราฟ วิลเลี่ยม'จะมาถึง

"คนที่ชื่อ หนูนา ราชราภา ครับ"เขาตอบเป็นภาษาอังกฤษชัดเจน เขามั่นใจว่าเธอคนนั้นมาคลอดบุตรแน่นอน เจ้าหน้าที่ชะงักเล็กน้อยต่อความหล่าเหลาของชายผู้นี้ ถึงแม้ว่าเขาจะสวมฮูดปกปิดเรือนผม สวมใส่แว่นตาดำก็ตาม เจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะคิดว่าเขาอาจจะเป็นสามีของเธอ หลังจากที่เขาได้ข้อมูลของหญิงสาว เขาจึงไม่รีบร้อนอะไรมากมายจึงไปนั่งพักที่สำหรับให้ญาติรอ

ระหว่างที่เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อรอให้'ราฟ วิลเลียม'ปรากฏตัวนั้น สายตาอันแหลมคมไปปะทะกับร่างใหญ่ชนกับร่างบางคนนึง รูปร่างอรชร ท่าทางกิริยาเหมือนผู้ชาย แต่หน้าตาของเธอละม้ายคล้ายคนที่เขาสืบหามานาน

"โทษฮะ"

คำพูดสั้นๆ กับท่าทางรีบร้อนของเธอมันทำให้เขามองตามทันที ไม่ใช่หน้าตาที่คล้าย แต่น้ำเสียงหวานจนเขาหลงไหล

"รามัณต์ นายไปสืบดูสิ ยัยนั้นรีบร้อนไปไหน"

"ยัยนั้นไม่มีความจำเป็นกับนายน้อยเลยนะครับ"

"ยัยนั้นต้องเป็นอะไรกับเมียของฉันแน่ พวกนายไม่สังเกตรึหน้าตา น้ำเสียงช่างคล้ายกันสิ้นดี"

"ก็จริงครับ"

จังหวะนั้นเองเดย์วิ่งเข้ามาหานายน้อยของเขาทันที เดย์ตามหนูเล็กมาตลอดตั้งแต่ แพน สาวน้อยที่อยู่ข้างกายหนูนามาตลอด เดย์สืบหามาแต่ต้นจนได้ข้อมูลของครอบครัวนี้มาและเขาก็ความจำดีพอว่าหนูนามีน้องสาวดป็นทอม

"ตามยัยทอมนั้นไปก่อนครับ ยัยทอมมันกำลังกรอกประวัติของเด็กและคุณหนูนา ไม่งั้นใบสูจิบัตรคุณหนูได้มีชื่อแม่และเป็นสัณชาติไทยอย่างเดียวแน่ๆ "

"รามัณต์ตามไป ใช้ในนามของฉัน ถ้ามีอะไรฉันเคลียร์เอง"

"ครับนายน้อย"

สิ้นสุดคำสั่งของราฟร่างใหญ่ของรามัณต์วิ่งตามยัยทอมนั้นไป แน่นอนว่าการตามไปเขาไม่ทำให้เหยื่อตายใจแน่นอน หลังจากที่ยัยนั้นกรอกเอกสารเสร็จ เขาเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทันทีแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่ยอม เขาเลยยื้นไม้เด็ด บัตรเจ้าหน้าที่กรุ๊ปบีท วิลเลี่ยม บริษัทที่โด่งดังทุกราชอาณาจักร บริษัทที่สนับสนุนโรงพยาบาลนี้อยู่ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทุกคนย่อมรู้จักดี

"ผมขอแก้ประวัติคนไข้ที่ชื่อว่า หนูนา ราชราภา กับลูกที่พึ่งเกิอมา"

"ปกติเราไม่สามารถทำได้นะคะ"

"มันต้องทำได้สิครับหรือต้องให้คุณราฟ วิลเลี่ยม มาทำเรื่องเอง"

"คือ..."

"ถ้าไม่อยากมีปัญหาให้ความร่วมมือด้วยครับ"รามัณต์พูดเสียงแข็ง

"ทำตามที่หมอนี่สั่งเถอะ ผมรับรองให้ว่าหมอนี่เป็นคนของวิลเลี่ยม" ชายหนุ่มยื้นตามบัตรให้กับเจ้าหน้าที่ รามัณต์หันไปมองนายน้อยอีกคนของตระกูลวิลเลี่ยม

"ฉันขอสั่ง ห้ามบอกให้นายน้อยของนายรู้ว่าฉันอยู่ที่นี้ โดยเฉพาะมากมาย ห้ามรู้เด็ดขาด

"ครับนายน้อยริว"

"ครับนายน้อยริว"

ณ คฤหาสน์เกลจิล

หญิงสาวร่างบางกำลังหลับไหลในห้วงนิทราอย่างสบายใจ เธออยู่ในความฝันที่แสนหวานระฆังวิวาห์สั่นไปมาเสียงไพเราะเจ้าของร่างบางนามว่า แมรี่ เกลจิล อยู่ในชุดเจ้าสาวเกาะอกยาวประดับด้วยคริสตันและลูกไม้เผยช่วงแขนที่เนียนสวย ผิวพรรณเป็นประกายมีออร่า หน้าตาถูกเต็มแต่งอย่างละนิด ปากนิดจมูกหน่อย สร้างความสง่าเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เจ้าสาวได้ถือช่อดอกไม้เตรียมตัวรอบิดาของเธอส่งตัวเข้าโบสถ์

"เตรียมตัวไปได้แล้วครับคุณหนูแมรี่"ชายชุดดำที่แต่งกายสุภาพเดินเข้ามาหาแมรี่คุณหนูแสนสวย ไม่ใช่สวยธรรมดาสวยสุด ที่สุด ของที่สุด หญิงสาวเงยหน้าไปสบตากับบอดี้การ์ดทันที

"นายพึ่งมาใหม่หรอ ทำตัวดีๆนะอย่าทำฉันอารมณ์เสียล่ะ ไม่งั้นฉันไล่นายออกแน่"แมนีเมื่อเห็นบอดี้การ์ดหนุ่มที่มาใหม่ อะไรกันเนี้ยประเทศฉันขาดบอดี้การ์ดมือดีแล้วหรอถึงจ้างคนเอเชียมาเป็นบอดี้การ์ด หน้าตาก็งั้นๆ

"ครับ"

แมรี่เดินออกจากห้องแต่งตัวทันที ทำไมพ่อฉันมาช้าจังนะ เธอเดินไปเรื่อยๆ

"ทำไงไกลจังเนี้ย เดินขาลากแล้วนะ"แมรี่เดินผ่ากลุ่มดอกไม้ที่ถูกประดับตามทาง เธอเดิมไปจนมีฝามืออุ่นๆฉุดเธอระหว่างทาง ร่างของเธอล้มทับร่างใหญ่ได้สักพักเสียงปืนก็ดังขึ้นสนั่นหวันไหว

ปัง!!!!! ปัง!!!!!! ปัง!!!!!!!

เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง ฝามือหนานั้นยังคงกดศีรษะของแมรี่ลงกับอกของเขาตลอด เขาไม่ตอบโต้อะไรก็เสียงปืนที่ยิงกันไปมาเลย พอเธอจะอ้าปากถามเขา เขาก็กดหน้าเธอลงอกกว้าง เขาเอาแต่ให้เธอเงียบอย่างเดียว

'นายเป็นใครอะ หน้าด็ยังไม่เห็นหรือว่าเป็นคนร้าย ทำไงไม่ฉุดเธอล่ะ ทางออกก็เยอะหรือกลัวกระสุนพลาดมาโดนเธอรึ"เมื่อคิดได้ดังนั้น ปากเล็กก็เริ่มส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ในเมื่อเขามาดีหรือมาร้ายเธอไม่สามารถรู้ได้ เธอขอเลือกสายกลางตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน

"ช่วยด้วย!!!! ช่วยด้วยค่า!!!!!"

"เงียบน่า!!! ร้องให้พวกมันยกพวกมาปาดคอรึไง ยัยบ้า"

"ใครห๊ะะ ยัยบ้า นายกล้าว่าฉันเราะ"แมรี่หันไปมองหน้าเขาทันที นี่มันนาย นาย ว้าย!!!!"

ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวที่จ้องจะด่าเขาทันที เเตาพอเขาเห็นพวกนั้นเล็งปืนใส่คุณหนูปากดี เขาจึงอุ้มเธอมานั่งตักแล้วเอาเบี่ยงบังกระสุนทันที

"ปัง!!!!"

"เหือก!!!"เขาร้องออกมาทันทีเมื่อลูกกระสุนปาดเข้าไปที่แขนของเขาและเธอก็รู้สึกได้ว่าเขาโดนยิง

"นาย นายโดนยิงรึ นายอดทนไว้นะ"เสียงของหญิงสาวเริ่มสะอื้นทันที ทำไมฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย งานแต่งแท้ๆ

กริ๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!

"โอ้ย!!!อะไรเนี้ย!!!!ใครตั้งนาฬิกาปลุกห๊ะ!!!!"เราะ"แมรี่หันไปมองหน้าเขาทันที นี่มันนาย นาย ว้าย!!!!"

ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวที่จ้องจะด่าเขาทันที เเตาพอเขาเห็นพวกนั้นเล็งปืนใส่คุณหนูปากดี เขาจึงอุ้มเธอมานั่งตักแล้วเอาเบี่ยงบังกระสุนทันที

"ปัง!!!!"

"เหือก!!!"เขาร้องออกมาทันทีเมื่อลูกกระสุนปาดเข้าไปที่แขนของเขาและเธอก็รู้สึกได้ว่าเขาโดนยิง

"นาย นายโดนยิงรึ นายอดทนไว้นะ"เสียงของหญิงสาวเริ่มสะอื้นทันที ทำไมฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย งานแต่งแท้ๆ

แมรี่

กริ๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!

"โอ้ย!!!อะไรเนี้ย!!!!ใครตั้งนาฬิกาปลุกห๊ะ!!!!"

แมรี่ที่กำลังหลับสบาย ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุก กรรมอะไรของเธอนี่ใครมาตั้งนาฬิกาปลุกไว้แม่จะสาปแช่งขอให้ตกบันไดลื่นหัวฟาดพื้นหัวแตกตายไปเลย เธอฉันสาบแช่งส่ง เพราะเธอก็ไม่คิดว่าใครจะมายุ่งกับนาฬิกาปลุกที่เธอคิดว่ามันพังไปแล้ว แต่ก็ว่านะมันก็ทำหน้าที่ได้ดีจนทำให้เธอตื่นเช้าถึงแม้ว่าเธอจะไม่ปรารถนาก็ตาม

มือบางเอื้อมไปหยิบนาฬิกาปลุกขึ้นมาพร้อมพามันเข้าห้องน้ำไปด้วย หญิงสาวเอานาฬิกาปลุกวางไว้ตรงอ่างล้างหน้าแล้วเธอก็เริ่มแปรงฟันทันที

หลังจากที่เธอแปรงฟันเสร็จแล้วสายตามองไปที่นาฬิกาปลุก 'ชอบใช่ไหม!! ทำร้ายความสุขของฉันน่ะ ก็อยู่อย่างนี้แหละ' เธอจึงเดินออกจากห้องน้ำแล้วเข้าเป็นนอนที่เตียงต่อ

ร่างบางล้มลงที่เตียงนอนอันแสนนุ่มชวนฝัน 'คอยดูสิถ้ามันส่งเสียงน่ารำคาญอีกนะ ฉันจะเอาน้ำราดใส่มัน' เธอนึกในใจเมื่อเธอเอานาฬิกาเจ้ากรรมไปไว้ในห้องน้ำแล้วเธอได้แต่คิดเล่นๆว่า นี่คือการลงโทษที่มันทำให้เธอตื่นนอนแต่เช้า หญิงสาวนอนได้สักพักก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อข้อเท้าของเธอโดนลากลงจากเตียงอย่างแรง!!!

แมรี่สบัดสายตามองไปยังตัวตั้งเหตูที่ลากเธอลงมาบนพื้น

"กล้าดียังไงถึงมาลากฉันลงจากเตียงอย่างนี้"

" ผมไม่ได้ลาก ผมมาปลุก นี่ก็ถึงเวลาที่คุณต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว"

"วันนี้ฉันเรียนบ่าย"

"แต่ตารางเรียนของคุณ เรียนเช้า!!!" รามัณต์หรือรามพูดออกมาด้วยเสียงเยือกเย็น ตั้งแต่เขาต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้เธอ ชีวิตของเขาในแต่ละวันแทบจะไม่มีความสุข ต้องมาดูแลเด็กที่ไม่ยอมโตอย่าง แมรี่ สร้างความปวดหัวให้กับเขายังมาก

ความก๋ากั่นของแบรี่สร้างความปวดหัวให้เขาเป็นอย่างมาก ความจริงหน้าที่นี้แทนที่จะเป็นหน้าที่ของเดย์แต่หมอนั่นกับได้ไปอยู่กับนายน้อย ทุกคนคงคิดว่าเขาจะเอายายนี่อยู่

"ฉันขี้เกียจ"

"ขี้เกียจก็ต้องไปเรียน"

"ทำไมต้องบังคับกันด้วยเล่า นายไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ฉันนะ"

"จะเอายังไง ผมไม่ช่วยคุณก็ได้นะ ผมจะบอกทุกอย่างให้พ่อกับแม่ของคุณได้รับรู้ ผมจะได้กลับไปอยู่ ในที่ของผมสักที"

"ฉันขอโทษ"

หญิงสาวทำหน้ามุ่ยใส่ชายหนุ่มทันทีแล้วเก็บผ้าห่มขึ้นเตียง สาวน้อยที่อยู่ในสายตาของรามมาตลอด เดินลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งจนเจ้าตัวทำธุระส่วนตัวเสร็จและออกมาในชุดนักศึกษาที่เขาให้เตรียมไว้ให้ในห้องน้ำ

ชายหนุ่มนั่งรอเธอได้ห้องของเธอเพราะเขารู้ว่าเธอจะเล่นแง่กับเขาอีก

"ไปเราก็ไปกันได้แล้ว มันสายแล้ว"

ร่างทั้งสองของหนุ่มสาวเดินออกมาจากในห้องนอนของแมรี่ ตอนี้ทุกคนรู้สึกชินกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มเพราะตั้งแต่รามมาช่วยดูแลเธอทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเยอะกว่าเดิม จากที่แม่บ้านต้องคอยขึ้นมาปลุกเธอทุกๆ 10 นาที ตอนนี้ก็มีคนมารับหน้าที่แทนแล้ว เด็กรับใช้ทุกคนรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องไปจู้จี้จุกจิกคุณหนูของบ้าน เพราะทุกครั้งที่พวกหล่อนขึ้นไปปลุกเธอ เธอก็เอาแต่อาระวาดและดื้อไม่ยอมแต่งตัวไปมหาวิทยาลัย ซ้ำยังไม่มีใครกล้าว่าเธออีกด้วย แม้กระทั่งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย เพราะเธอเป็นลูกคนเดียวของบ้านเกลจิล

แอบมองเธออยู่นะจ้ะ แต่เธอไม่รู้เลย

ชายหนุ่มร่างใหญ่จ้องมองร้านขนาดปานกลางไม่ใหญ่เกิน ไม่แคบเกินไป ในสภาพที่แต่งกายเรียบร้อยในลุคหัวหน้าพนักงานออฟฟิตที่มีอายุจริงและอายุงานมากที่สุดของบริษัทในเครือวิลเลี่ยม ริวเดล หนุ่มนักธุรกิจสีเทาที่จะไม่ค่อยเข้าไปทำงานสักเท่าไหร่ เพราะมีคนคอยดูแลให้อยู่นามว่า ราฟ วิลเลี่ยม พี่ชายสุดที่รักของเขา ชายหนุ่มในลุคหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาในร้านาหารของสายที่เขาสนใจเมื่อสองปีก่อน

"ริวเดล" ชายหนุ่มในร่างของหนุ่มใหญ่ทรงผมแถบขาวมีหนวดเคราที่ถูกตัดแต่งเป็นระเบียบด้วยฝีมือของ เวดดิ้ง เพื่อนเกย์ที่จ้องจะกินพี่ชายของเขาตลอดเจ็ดปีจนต้องอกหักเมื่อเจอ หนูนา พี่สะใภ้ตัดหน้าไป

"ไงลุง วันนี้อู้งานหรอครับ" กะทะ เด็กหนุ่มหน้าใสพนักงานของร้านถามคุณออฟฟิตที่เข้ามาทานอาหารร้านทุกวัน

"อืม"

ริวเดลตอบไปแค่นั้น เขาไม่คิดที่จะพูดคุยอะไรมากมาย แต่สายตาจ้องมองแต่คนที่อยู่ในห้องทำงานของร้าน ร้านของหนูเล็กถูกเปิดขึ้นใหม่อีกร้านนึง เป็นร้านที่สร้างขึ้นเองกับมือ เนื่องจากหนูนาเจ้สาวสุดรัก(เจ้นา)ไม่ยอมย้ายไปอยู่ที่อิตาลีกับราฟ จึงทำให้ราฟย้ายมาอยู่ที่ไทยถาวร แต่บริษัทแม่ที่อยู่ที่อิตาลีถ้าเป็นเอกสารสำคัญมากเขาถึงจะบินไปด้วยเครื่องบินส่วนตัว ร้านทั้งสองของหนูนา ร้านที่เปิดช่วงเช้าหนูนาเป็นคนดูแลเองส่วนร้านที่เปิดกลางคืนตอนนี้ถูกปรับแต่งให้เป็นบาร์ไปแล้วโดยมีหุ้นส่วนใหญ่คือริวเดลที่อยากมีส่วนรวมกับชีวิตพี่สะใภ้แต่หนูนาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของน้องเขยสักที คาดกันไปคาดกันมาอยู่ร้ำไป

"คอยดูเถอะผมจะฟ้องเจ้าของบริษัทให้ดู"

"รู้จักไง"

"ผมก็ฝากเฮียผมไง ผมรู้จักแฟนของผู้บริหารที่ลุงทำงานด้วยนะ"

"เฮียของนายไม่ทำงานไง"

"ทำสิลุง เฮียผมทำเอกสารอยู่ในห้องนั้นไง" เด็กหนุ่มบอกกับชายชรา

เขาพยักหน้าน้อยๆเธอคงจะไม่ออกมาจริงๆสินะ

"ลุงมีไรเปล่า"

"เห็นร้านใหญ่ดี พอดีฉันมีหลาน หลานฉันกำลังหางานอยู่ ที่นี้รับคนอยู่เปล่า"

"เดียวผมถามเฮียให้ ลุงกินไรล่ะหรือว่าเหมือนเดิม"

"เหมือนเดิม"

"โอเคลุง รอแปป" เด็กหนุ่มเดินออกไปยัง แพน สาวคนสนืทของหนูเล็ก

"พี่แพน โต๊ะลุง ข้าวผัดไส้กรอก"

"เคเค" แพนรับออเดอร์จากกะทะแล้วไปให้ห้องครัวทำหน้าที่ต่อทันที

"พี่แพน เฮียทำไรอะ"

"บัญชีจ้ะ" ยังไม่ทันขาดคำ หนูเล็กก็เดินออกมาจากห้องทำงานมายืดเส้นยืดสาย

"เฮีย มีคนมาขอฝากงานให้หลาน"

"ใครว่ะ" กะทะจึงชี้ลุงออฟฟิตให้หนูนาดู สายตาของริวเดลและหนูเล็กทั้งสองคนสบสายตากัน ริวเดลจ้องมองดวงตากลมโตไม่ละสายตาทำให้หนูละสายตาด้วยตนเองทันที

"ไปบอกเขา ถ้าหลานเขาพร้อมมาที่ร้านได้เลย" หนูเล็กบอกกับกะทะ ยังไงหนูเล็กก็กะว่าจะติดประกาศรับสมัครอยู่เธอเลยไม่คิดเยอะอะไร ขอเป็นคนดีก็พอ กะทะเดินไปบอกลุงออฟฟิตทันทีพร้อมขู่ว่า อยู่ร้านนี้ต้องอึด ทึก ทน ไม่บ่น ไม่ขี้เกียจเดียวโดนเฮียเล็กด่า ริวเดลยกยิ้มเล็กๆขึ้นมาจะได้เริ่มแผนแล้ว

วัยรุ่นจอมป่วนที่ถูกลากถูจากบ้านมาสู่มหาลัยที่เธอแสนจะขี้เกียจมา มหาลัยที่มีแต่คนใส่หน้ากาก ถึงเธอจะสวย รวย มีชาติตระกูล เธอก็ไม่ได้แฮปปี้กับชีวิตที่เติมแต่งสักเท่าไร เธออยู่กับป๊าของเธอไม่สบายใจเท่ากับได้อยู่กับคุณลุงอันเดรกับคุณป้าจีพ่อแม่ของพี่ราฟและริวเดลที่เคยได้เกือบเป็นคู่หมั้นกัน เธอสบ่ยใจที่ได้อยู่กับสองงท่าน พวกท่านทำให้เธอกล้าที่จะระบายความในใจทุกอย่างจนท่านเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นโดยบอกกับป๊าของเธอว่าราฟมีเมียแล้ว ริวเดลไม่ชอบผู้หญิง มันเลยทำให้เธอเป็นอิสระ แต่เธอต้องเอาตัวรอดจากการคลุมฝูงชนแต่ราฟได้ให้ความช่วยเหลือโดยส่งรามัตณ์บอดี้การ์ดฝีมือดี มีดีกรีทายาทของตระกูลราชวาร ลูกชายของโธม ราชวาร เพื่อนคนไทยที่เป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุดที่ป๊าอยากได้มานาน แต่ของตกลงคือบอดี้คนนี้จะคุ้มครองแมรี่เป็นหลัก เธอไปไหนเขาไปด้วยแลกกับการที่เธอต้องหาแฟนให้ได้ภายในหนึ่งปี

แมรี่ถูกย้ายให้มาเรียนที่ไทยเนื่องจากว่าแม่ของเธอกับป๊าทะเลาะกันเรื่องใหญ่โตทำให้แม่รับไม่ได้หนีไปบวชชีตลอดชีวิต เธอจึงขอร้องตามมาอยู่กับแมีที่ไทยระหว่างที่เธอเรียน แต่ถ้าเธอเรียนจบก็ย้ายกลับสเปนตามเดิม

ช่วงเรียนภาคเช้าที่แสนนานทำให้แมรี่ไม่มีจิตใจที่จะพร้อมเรียน วันนี้เธอตั้งใจแล้วว่าโดดเรียนสะเลย ชีวิตตอนนี้ไม่ต่างอะไรราวกับนักโทษที่โดนคุมตัว กระดิกหางนิดเดียวเสือมันก็ตื่นแล้ว เธอส่องสายตาไปยังนอกหน้าต่าง หืม มีช่องว่างข้างๆมหาลัย ดีล่ะวันนี้ขออิสระสักวันนะ พอเรียนจบวิชา หญิงสาวเร่งฝีเท้าไปยังข้างมหาลัย สาวน้อยพยายามยัดตัวเองเข้าไปในช่องกำแพงนั้น ร่างกายของเธอพ้นจากช่องมหาภัยแล้วยกเว้นข้อขาที่ติดอยู่กับลวดเหล็กที่ขาของเธอรอดไม่พ้น หญิงสาวพยายามบิดข้อขาเพื่อให้มันพ้นจากเหล็กออกมาแต่ทำอย่างไรก็ไม่ได้สักทีเพราะเธอไม่ถนัดด้วยกับการจัดทรงเพื่อให้ขาพ้นออกมา

ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวที่กำลังพยายาม เอาข้อขาของตัวเองออกจากลวดหนาให้ได้ เขามองดูเธอตั้งแต่เธอเดินมาที่ด้านข้างของมหาลัย สายตาคมมองตามไปอย่างร่างบางที่กำลังเอาตัวเข้าไปในกำแพงนั้นแต่เขาก็ไม่เข้าไปห้ามแล้วพาตัวของเธอออกมา เขากลับจ้องมองเธอโดยอยากจะรู้ว่าเธอจะทำยังไงต่อไปร่วม 1 ชั่วโมงที่เธอพยายามเอาเขาออกจากลวดนั้นจนเธอหมดปัญญาทำได้แต่นั่งนิ่งนิ่งแล้วควานหาโทรศัพท์ของตัวเองในกระเป๋าเพื่อโทรหาผู้ชายที่จะช่วยเหลือเธอได้

"รามคุณอยู่ไหนเมื่อ "สายที่เธอโทรหารับขึ้นมาเธอก็แทบจะดีใจกระโดดโลดเต้น

"ผมก็รอคุณอยู่ที่เดิมไง ทำไมคุณถามผมแบบนี้ ตอนนี้คุณอยู่ไหน คุณไม่ได้อยู่ในห้องหรอ"รามพูดปลดออกมา ในขณะที่เขาเองก็ยังคงจ้องมองเธออยู่

"คือว่า..."

"ฉันคุณโดดเรียนใช่ไหม"

"ไม่ได้เรียกว่าโดดเรียนนะเรียกว่ามาขอพักผ่อนสมองช่วงกลางวัน"

"แต่นี่บ่ายแล้วคุณควรที่จะอยู่ในห้องเรียน"ชายหนุ่มเดินออกจากที่เขานั่งหลบเธอ ขึ้นทำไมเขาอยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้วางสาย

"นายโกหกฉันหรอ"

"ก็ช่วยไม่ได้คุณเป็นคนหาเรื่องเอง"

"แล้วไง ฉันไม่อยากเรียนตอนนี้นี่ ไงจะห้ามฉันหรอ"

"ผมก็ไม่ห้ามคุณนี้ แต่คุณจะออกจากตรงนั้นได้ไหม"

"ถ้าฉันออกได้ฉันจะโทรหานายทำไมกันล่ะ"

"นึกว่าเก่งแต่ปาก"

"ฉันได้ยินนะ"

"ผมพูดให้ได้ยิน"

ชายหนูเดินเข้าไปหาหญิงสาวใกล้ๆ มือใหญ่จับเขาที่ข้อขาของเธอที่ติดอยู่แล้วบิดข้อขาเธอจนพ้นรวดหนานั้น ทำไมเขาทำได้ล่ะ กว่าเธอจะทำได้ราวๆ เกือบชั่วโมง ไม่ใช่สิ เธอทำไม่ได้ต่างหาก เธอต้องรอให้เขามาช่วยทั้งๆ ที่เธอกำลังจะได้โบยบิน

"ยังไงครับคุณหนูแมรี่จะไปไหนดีกันล่ะ" รามพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะเดินหนี้ไปอีกฝั่งนึง ชายหนุ่มจึงกระโดดข้ามกำแพงโดยใช้มือยันที่กำแพงด้านบนแล้วก็ตวัดขาข้ามมาอีกฝั่งอย่างชำนาญ หญิงสาวมองอย่างอึ้งๆ คนบ้าอะไรทำได้ขนาดนี้เลยหรอหรือว่าเขาจะเป็นแรมโบ้กลับชาติมาเกิดกันแน่

ชายหนุ่มไม่ได้ต่อว่าหญิงสาวอะไรเลย เขาทำหน้าที่เป็นสารถีให้เธอได้นั่ง พาเธอไปในสถานที่ที่หนึ่งที่เขาเคยได้มาดูแลและเคยได้อยู่ที่นั่นมาก่อน ก่อนที่เขาจะมาเป็นแบบนี้ถึงแม้ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนคนพวกนั้นที่อยู่ในสถานที่นั้น เขาก็ไม่ลืมบุญคุณของสถานที่นั้นเลยเพราะสถานที่นั้นปลูกฝังให้เขาเป็นคนดีและทำให้เขาเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น มากกว่าที่เขาต้องอยู่กับชายคนนั้น

"บ้านเด็กกำพร้า"แมรี่พูดออกมาเสียงเบาแล้วหันไปหาชายหนุ่มทันที

"ให้พาฉันมาที่นี่ทำไม"

"ผมอยากให้คุณดูอะไร"ใช้หนุ่มพาหญิงสาวเข้าไปในบ้านเด็กกำพร้าที่มีแต่เด็กตาดำๆ บางคนไม่มีโอกาสได้เรียนต้องเรียนกับครูอาสาเท่านั้นถึงจะมีวิชาความรู้ติดตัว หญิงสาวมองเห็นภาพต่างๆ นึกสงสารเด็กตัวน้อยที่ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนเธอเดินเข้าไปหาเด็กๆ พร้อมกับถุงขนมที่รามแวะซื้อขนมมากมายก่อนเข้ามาที่บ้านเด็กกำพร้า

ตอนแรกเธอก็นึกเอะใจว่าทำไมรามถึงซื้อแต่ของไร้ประโยชน์แต่พอมาเห็นก็ถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะแบบนี้นี่เองเธอเข้าไปพูดคุยกับเด็กๆ เข้าไปเล่นกับน้องๆ เด็กพวกนี้แทบจะไม่มีของเล่นเลยมีแต่ของเล่นเก่าๆ ที่เขาบริจาคให้ เสื้อผ้า ของเล่น ที่เลิกแล้วที่สภาพดี ของเล่นเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้ตามถังขยะ

"เด็กๆน่าสงสารจริงๆ นะเนี่ย"หญิงสาวพูดออกมาเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า

"แล้วคุณรู้หรือยังว่าทำไมพ่อแม่ของคุณถึงอยากให้คุณเรียน"

"ฉันก็รู้อยู่หรอกนะ แต่ที่นั่นมันไม่ใช่ที่ของฉันนี่ ที่ของฉันอยู่ที่สเปนนายลืมไปแล้วหรอ นายคงลืมไปแล้วสินะ ฉันย้ายมาที่นี่เพราะอะไร"

"ผมไม่ลืม คุณย้ายมาที่นี่เพราะแม่ของคุณ"

"งั้นฉันอุปการะเด็กที่นี่ได้ไหม"

"ถ้าคุณคิดจะอุปการะคุณทำเป็นมูลนิธิช่วยเหลือดีกว่ายังจะมีประโยชน์อีก"

"มูลนิธิก็ต้องใช้เงินมากนะสิ อีกอย่างฉันยังไม่อยากออกสังคมตอนนี้ เดี๋ยวฉันจะโดนหาว่าทำบุญเอาหน้าเดี๋ยว นายก็ด่าฉันอีก"

"ผมไม่ว่าอะไรคุณหรอกนะ ถ้าคุณคิดทำดี"หญิงสาวมองหน้ารามที่เขาพูดออกมา มันก็จริงถ้าเป็นเรื่องที่มีสาระเขาแทบจะไม่ห้ามอะไรเธอเลยปล่อยให้เธอทำเต็มที่ แต่เมื่อใดเธอออกนอกลู่นอกทางเขาก็จะจิกกัดเธอเหมือนหมาบ้า

"คุณก็อย่าเอาเรื่องสังคมเข้ามาสิ คุณก็ทำด้วยใจของคุณก็แค่นั้น"รามพูดต่อหลังจากที่หญิงสาวมองหน้าของเขายังพิจารณา

"นายก็ทำเรื่องแบบนี้เป็นหรอ"

"ผมเกิดมาจากที่นี่ "

"อะไรกัน นายเป็นลูกของลุงโธมไม่ใช่หรอ"ชายหนุ่มเริ่มนิ่งขึ้นเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น

"เขาไม่รับผมเป็นลูกตั้งแต่ที่เมียของเขาจากไปแล้ว"ชายหนุ่มพูดเสียงแข็ง เมียของเขา เมียที่เป็นแม่ของเขา เขาเกิดมาเพื่อให้แม่ของเขาตาย นั่นคือสิ่งที่ใช้คนนั้นบอกเขามาโดยตลอด

"แล้วฉันต้องทำไงละคุณ "

"ก็ถ้าตั้งมูลนิธิโครงการแบบนี้ที่มหาวิทยาลัยคุณแล้วสิ่งของหรือเงินบริจาคก็โอนให้บ้านเด็กกำพร้าโดยตรง แค่มีคุณเป็นสื่อกลางและคุณก็เป็นต้นแบบให้เพื่อนๆ ของคุณน้องๆ ของคุณในมหาลัย"

"ฉันจะทำได้หรอ"

"แล้วผมสมัครงานจะได้สัมภาษณ์เลยไหมครับ"

"เดี๋ยวฉันบอกเฮียให้"หนูเล็กเดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงดังชอบใจลูกน้องของเธอ

"นายเข้ามาสัมภาษณ์งานได้เลย "ชายหนุ่มเดินตามหนูเล็กเข้าไปในห้องทำงาน ส่วนมากเธอก็ถามแค่ประวัติส่วนตัวซึ่งประวัติส่วนตัวของเขาถูกแปรงประวัติมาทั้งหมดและเขาก็ปลอมตัวและพร้อมที่อยู่หลักฐานได้อย่างแนบเนียนหนูเล็กไม่ได้สะกิดใจอะไรเพราะเห็นชายหนุ่มหน้าตาซื่อๆ แถมยังเป็นลูกครึ่งอีกด้วย

" ชื่อบิวสินะ งั้นเริ่มทำงานวันพรุ่งนี้ได้เลย"

"ผมขอเริ่มงานวันนี้ได้เลยเลยได้ไหมครับ"

"ก็ได้แล้วแต่นาย"

เธอให้เขาเริ่มงานทำวันพรุ่งนี้แต่เขาพร้อมที่จะเริ่มงานทำในวันนี้เลยเธอจึงให้เขาได้เริ่มงานทำที่ร้านโดยเป็นเด็กเสิร์ฟอาหารทันที

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!