NovelToon NovelToon

Re:ZERO เล่มที่1(นิยาย)

จุดสิ้นสุดแห่งการเริ่มต้น(บทที่1)

1

—นี่มันกลายเป็นเรื่องแย่ขึ้นมาจริงๆแล้วภายในหัวของเขาทับถมไปด้วยคำนั้น ขณะกำลังสิ้นหวังด้วยความยากไร้

ยากไร้ ที่จริงคำนั้นก็ไม่ถูกนัก กระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงมีเงินใส่เอาไว้เต็มเปี่ยม ถ้าซื้อของนิดๆ หน่อยๆ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถึงกระนั้นสภาพตอนนี้ก็อธิบายได้แต่เพียงคำว่าอยากไร้

"กะแล้วเชียว พวกค่าเงินนี่ต่างกันคนละเรื่องเลยสินะ..."

เหรียญสิบเยนอยู่ในมือ—เด็กหนุ่มใช้นิ้วดีดเหรียญกิสะจู* แล้วถอนหายใจลึกครั้งหนึ่ง

เด็กหนุ่มผู้ไร้ซึ่งจุดเด่นใดๆ ผมสีดำ ส่วนสูงอยู่ในค่าเฉลี่ยไม่สูงหรือเตี้ย กล้ามเนื้อร่างกายดูคล้ายได้รับการฝึกฝนมาเข้ากับชุดวอร์มราคาถูกสีเทาได้อย่างน่าประหลาด ด้วยตาดำขนาดเล็ก ทำให้เห็นพื้นที่ตาขาวบริเวณใต้ตาดำแลดูดุดันเป็นจุดเด่น แต่ขณะนี้หางตานั้นตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่มีความมุ่งมั่นใดๆ

รูปลักษณ์ของเขาธรรมดาสามัญชนิดหากอยู่ในฝูงชนคงเล็ดลอดจากสายตาไปได้ในพริบตา ทว่า สายตาของผู้คนที่เหล่มองเขานั้น แฝงด้วยนัยตาของการมอง 'ของประหลาด' เอาไว้อย่างเข้มข้น หากบอกว่าเป็นเรื่องปกติก็คงปกติ จะเพราะอะไรเสียอีก ก็ท่ามกลางกลุ่มคนที่มองมา มีเพียงตัวเขาคนเดียวที่ 'ผมสีดำ' และ 'อยู่ในชุดวอร์ม'

พวกเขาเหล่านั้นมีผมสีทองบ้าง แดงบ้าง แตกต่างกันออกไปหลากหลาย ตั้งแต่สีน้ำตาลไปจนถึงเขียวหรือน้ำเงินมิหนำซ้ำเสื้อผ้ายังมีทั้งชุดเกราะ ชุดนักเต้นระบำ ไปจนถึงชุดที่เป็นเสื้อคลุมยาวสีดำทั้งตัว

___________________________

* เหรียญสิบเยนที่ผลิตในช่วงปี 1951-1958 ขอบเหรียญมีรอยบากรอบๆ เหมือนเหรียญกษาปณ์ของไทย รวม 132 รอย

เด็กหนุ่มรับคลื่นสายตาไร้ความเกรงใจดหล่านั้นเข้าไปจึงทำได้เพียงกอดอกแล้วยอมรับสภาพเสียเท่านั้น

"หมายความว่า นี่คือไอ้นั้นสินะ" เขาดีดนิ้ว แล้วชี้ไปทางผู้คนซึ่งมองมาทางเขา

"—ดูท่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าการอัญเชิญมาต่างโลกแฮะ"

เบื้องหน้าสายตา มีพาหนะทรงรถม้าซึ่งลากด้วยสิ่งมีชีวิตคล้ายกิ้งก่าขนาดยักษ์แล่นผ่านไป

จุดสิ้นสุดแห่งการเริ่มต้น(บทที่1)

2

นัตสึกิ สุบารุ ถือกำเนิดขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงที่สามแห่งระบบสุริยะ เป็นเด็กผู้ชายชาวญี่ปุ่นจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาสามัญ

หากอธิบายช่วงชีวิตเกือบ 17 ปีของเขาอย่างย่อข้อความข้างต้นนับว่าเพียงพอแล้ว แต่หากเพิ่มอีกสักนิดน้อยคงต้องเพิ่มว่า 'นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมปลายของรัฐบาลที่โดดเรียนเป็นนิจ'

ยามเมื่อยืนอยู่บนทางแยกของชีวิตระหว่างเรียนต่อกับหางานทำ มนุษย์เราจะถูกรุกไล่ให้ตัดสินใจเลือก ไม่ว่าใครต่างก็มีช่วงเวลาเช่นนั้นมาเยือนจึงจะเรียกว่าเป็นชีวิตมนุษย์แต่เขาผู้นี้หลบหลีกเรื่องไม่พึงปรารถนาได้เก่งกว่าคนอื่นนิดหน่อย ผลลัพธ์คือ เขาค่อยๆ เพิ่มวันหยุดของตัวเองมากขึ้นพอตัวอีกทีก็กลายเป็นเด็กมีปัญหาไม่ยอมไปโรงเรียนอย่างสง่าผ่าเผยจนทำให้พ่อแม่ต้องร้องไห้ไปเสียแล้ว

"ท้ายที่สุดก็ถูกอัญเชิญมาต่างโลก เป็นอันแน่นอนว่าต้องออกจากโรงเรียน ม.ปลายกลายคันงั้นเรอะ...ตอนนี้ไม่เข้าใจอะไรอีกแล้วนะ"

เขารู้สึกราวกับฝันเห็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาได้อย่างเลวร้ายแต่ทั้งลองหยิกแก้มและกระแทกศีรษะเข้ากับกำแพงดูก็ยังไม่ลืมตาตื่นขึ้น

สุบารุถอนหายใจ ขยับตัวออกจากถนนใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ขณะที่เขาไปอยู่ที่ตรอกด้านหลังถัดจากถนนเดิมไปอีกเส้น หย่อนสะโพกนั่งลงบนพื้นซึ่งสร้างให้เป็นทางเดินเท้า

"ตั้งสมมุติฐานว่าที่นี่เป็นแฟนตาซีต่างโลก วิทยาการอยู่ในระดับยุคกลางอย่างที่ควรจะเป็น เท่าที่ดูยังไม่มีเครื่องจักรให้เห็น แต่สภาพทางเท้าสร้างมาได้ไม่เลว ...และแน่นอนว่าเงินที่เรามีนับใช้ไม่ได้"

ทางด้านความสามารถในการสื่อสารกับคนท้องถิ่นและมูลค่าสิ่งของนั้น สุบารุซึ่งรู้ตัวว่าตนถูกอัญเชิญมายังต่างโลกได้รีบไปตรวจสอบทันทีจนแน่ใจแล้ว

โชคดีที่คำพูดสามารถสื่อสารกันได้ และยืนยันำด้แล้วว่าค้าขายโดยใช้ระบบแลกเปลี่ยนสกุลเงินประเภททองคำ เงิน และทองแดง แม้ว่าเรื่อนผมไม้ที่เข้าไปติดต่อสื่อสารด้วยร้านแรกจำทำหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นักก็เถอะ

การที่เขาสามารถทำความเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มรู้สึกซาบซึ่งว่าตนช่างโชคดีแหลือเกินที่เป็นวัยรุ่นญี่ปุ่นยุคปัจจุบันอันรายล้อมไปด้วยอนิเมะและเกมสำหลับเด็กชายวียแรกรุ่นแล้ว ปรากฏการณ์อย่าง 'ถูกอัญเชิญมายังต่างโลก' นั้น จะเรียกว่าเป็นความฝันอย่างหนึ่งก็ไม่ถือว่าเกิดไป ยิ่งไปกว่านั้น

"ถ้าไม่มีสวัสดีการเพียบพร้อมกว่านี้ล่ะก็ เด็กเจนวาย* อย่างชั้นคงยอมรับไม่ได้หรอกนะ?"

เขาครุ่นคิดถึงสถานะการณ์ที่ต้องมาเป็น กับไอเทมติดตัวเริ่มต้นอันแสนจะอัตคัตแล้วเอ่ยปากบ่น

มือถือ (แบตเตอรี่ใกล้หมด) กระเป๋าสตางค์ (มีบัตรสมาชิกร้านเช่าวิดีโอจำนวนมาก) บะหมี่ถ้วยสำเร็จรูปมี่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ (รสซุปกระดูดหมูโชยุ) ขนมขบเคี้ยวซึ่งซื้อ

_____________________

*สำหรับในญี่ปุ่นหมายถึงคนที่เกิดในช่วง 1987-2003 เป็นเด็กรุ่นที่โตมากับการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีและการปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนครั้งใหญ่ที่ให้ลดเวลาเรียนและความเข้มข้นของเนื้อหาลง มักถูกมองด้วยภาพลักษณ์ว่าเป็นคนรักสบายและติดเทคโนโลยี

มาจากที่เดียวกัน (รสซุปข้าวโพด) ชุดวอร์มสีเทาตัวตัวโปรด (ยังไม่ได้ซัก) รองเท้าผ้าใบที่ใช้จนเก่า (อายุสองปี) มีเพียงเท่านี้

"ทำไมถึงไม่มีเอ็กซ์คาลิเบอร์สักเล่มนะ จบเห่แล้ว เอายังไงต่อดี"

ช่วยไม่ได้ เพราะเขาถูกอัญเชิญมายังต่างโลกระหว่างทางกลับจากร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเกิดขึ้นรวดเร็วแค่พริบตา

ขนมขบเคี้ยวเป็นของที่น่าจะมีประโยชน์เดียวในต่างโลกนี้ แต่ด้วยความที่พ่ายแพ้ต่อความหิวโหยของกระเพาะ เขาจึงสวาปามมันไปแล้วครึ่งหนึ่ง จากนั้นเด็กหนุ่มก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่ามันเป็นอาหารที่มีค่าเพียงใด แต่ถึงเขาจะเสียใจแค่ไหนก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว

แม้จะลองตั้งความหวังสุดท้ายว่านี่เป็นรายการแอบถ่ายที่มักจะจัดฉากมาแกล้วกัน แต่รถเทีนมกิ้งก่าที่แล่นตัดถนนไปและรูปลักษณ์ของผู้คนที่สัญจรไปมาก็ดูเหมือนจะทำลายความหวังนั้นไปซะ

"ที่ทุกคนปล่อยผ่านเข้ามาในทัศนวิสัยของสุบารุซึ่งกำลังพร่ำบ่นอยู่นั้นคือผู้คนผมหลายสีในชุดแปลกตา และสิ่งที่ตอกย่ำสุบารุถึงความจริงที่ว่าเขาได้รับการอัญเชิญมายังต่างโลกยิ่งกว่าอะไรก็คือตัวตนของเหล่าอมมนุษย์

เท่าที่ปราดตามอง พบมนุษย์ 'หูหมา' และ 'หูแมว" ซ้ำยังเหลือบไปเห็นชนิดที่แปลกนิดหน่อยอย่าง 'ลิซาร์ดแมน' แต่ก็ยังมีมนุษย์ที่ดูไม่แตกต่างจากสุบารุอยู่ด้วย

"โลกที่มีอมมนุษย์อยู่ บางทีอาจมีสงครามหรือการผจญภัยอยู่ด้วย จะมีสัตว์ที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่หรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง แต่อย่างบทบาทหน้าที่ของกิ้งก่าลากรถม้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้สินะ"

สุบารุเรียบเรียงข้อมูลได้ถึงเท่านั้น ผ่อนลมหายใจยาวซึ่งต่างจากถอนหายใจ หากเรื่องราวเป็นไปตามจินตนาการเพ้อฟัน หลังจากนี้สุบารุจะใช้ความรู้ของยุคปัจจุบันให้เกิดประโยชน์ และบทบาทสำคัญไปทั่วทุกสารทิศแน่นอน

—ทว่า เขายังยอมรับไม่ได้

"สถานการณ์อับจนรอบด้าน สาเหตุของการอัญเชิญเป็นปริศนาโดยสิ้นเชิง ทั้งความจำว่าลอดผ่านกระจกหรือตกลงในบ่อน้ำไม่มี เดิมทีถ้าเป็นการอัญเชิญมา แล้วสาวสวยที่เรียกชั้นมาโลกนั้อยู่กันเล่า?"

นางเอกคนหลักซึ่งควรอยู่ในต่างโลกไม่ปรากฏตัวปฏิบัติที่บกพร่องชนิดเป็นไปไม่ได้เลยในโลกสองมิติ การถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างไร้จุดหมายหลังอัญเชิญมานั้นไม่ต่างจากถูกเล่นงานทิ้งเอาไว้เลย

ในความเป็นจริง หลังตรวจสอบสภาพการณ์เรียบร้อยแล้ว สุบารุไม่มีเรื่องอะไรอื่นทำได้อีกนอกจากรีบหนีจากความจริงนั้น

"เอาเถอะ ถ้าพูดอย่างนั้นออกไปก็ไม่ต่างอะไรจากตอนเก็บตัวอยู่ในห้องที่โลกเดิมสินะ"

ภาพพ่อแม่ผ่านขึ้นมาในหัวสมองชั่วครู่หนึ่ง แต่เขาไม่มีเวลามามัวเป็นโลกคิดถึงบ้านหรอก ก่อนอื่นต้องทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์ปัจจุบัน สุบารุคิดเช่นนั้นแล้วลุกขึ้นย่างเท้าไปยังถนนใหญ่ แล้วตอนนั้นเอง

"อ๊ะ ขอโทษครับ"

ขณะกำลังจะออกจากซอย สุบารุสวนทางกับเงาคนหนึ่งซึ่งเดินผ่านตรงนั้นพอดี เขาเอ่ยถ้อยคำแสดงความขอโทษแก่คู่กรณีที่เดินชน แล้วตั้งใจจะเดินผ่านด้านข้างของคนผู้นั้นไป

"—อุ โอ้!"

ใครบางคนคว้าบ่าสุบารุจากด้านหลัง แล้วดึงตัวเขากลับเข้าไปในซอย เมื่อหมุนตัวอย่างง่อนแง่นหันกลับไปดู ผู้โยนสุบารุเข้าไปในซอยคือชายร่างใหญ่ชนิดต้องเงยหน้ามอง และด้านหลังชายผู้นั้นก็มีพวกพ้องอยู่อีกสองคน ชายฉกรรจ์เหล่านั้นเปลี่ยนที่ยืนราวกับจะปิดทางของซอยไว้

ท่าทีอันช่ำชองนั้นขวนให้สังหรณ์ใจไม่ดี

"เอ่อ...ไม่ทราบว่าตั้งใจจะทำอะไรหรือ ขออนุญาตถามสักหน่อยจะได้ไหมครับ?"

"ดูท่าจะรู้จุดยืนตัวเองดีนี่ เอาเถอะ ถ้าเอาของที่ควรเอาออกมาให้ดีๆ ก็ไม่ต้องเจอเรื่องเจ็บตัวหรอก"

"อ่า เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือครับ...แหม นั่นสินะครับฮะๆ แบบนี้แย่จังเลยน้า"

สายตาเหยียดหยามและล้อเลียน ชายหนุ่มเหล่านั้นดูอายุน่าจะประมาณยี่สิบปี ความชั่วร้ายในจิตใจปรากฏออกมาให้เห็นบนร่างกายและใบหน้าอันมอมแมม พวกเขาดูไม่เหมือนอมมนุษย์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นคนดี

การขู่กรรโชกในชีวิตประจำวันโดยส่วนมากมักใช้วิธีการเช่นนีเ เขาบังเอิญมาเจอแก๊งอันธพาล หรือก็คือ

" ซวยแล้ว เกิดอีเวนท์บังคับเข้าแล้วไง"

จุดสิ้นสุดแห่งการเริ่มต้น(บทที่1)

3

สุบารุฝืนยิ้มกลับไปทางกลุ่มผู้ชายเพื่อซื้อเวลาขณะขบคิด

สถานการณ์จนตรอก ทว่า แต่ไหนแต่ไรมนุษย์ผู้ถูกอัญเชิญมายังต่างโลกจะต้องแสดพลังพิเศษเหนือธรรมดาออกมา หากสุบารุได้รับการอัญเชิญมาด้วยเงื่อนไขเดียวกับทวีปต่างโลกมากมายเหล่านั้น ย่อมมีโอกาสสูงที่เขาจะได้พลังพิเศษอะไรบางอย่าง เมื่อคิดเช่นนั้นร่ากายจึงค่อยเบาลง

"รู้สึกขึ้นมาว่าแรงน้อมถ่วงจะมีแค่ยร้อยละสิบของโลกเก่า เราลุยได้ ลุยได้แน่ๆ! จะจัดการให้คว่ำ ทำให้กลายเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงอนาคตอันสดใสของชั้นให้ดูพวกตัวกระจอกสำหรับเก็บเลเวลเอ๊ย"

"เจ้านี่พูดอะไรพึมๆ พำๆ ก็ไม่รู้ฟ่ะ"

"ไม่เข้าใจหรอกว่าแกพูดอะไร แต่รู้ว่าทำเหมือนพวกข้าเป็นไอ้หน้าโง่อยู่ ชั้นจะฆ่าแกเอง"

"นั้นมันคำพูดของทางนี้ต่างหาก...แล้วแกจะต้องเสียใจเฟ้ย!"

สุบารุพูดทิ้งท้าย ก่อนจะส่งแรงจากทั้งร่างใส่หมัดขวาตรงอัดเข้าที่ชายร่างใหญ่ หมัดนั้นโจมตีเข้ากลางจมูกอย่างงดงาม ทว่า นั้นก็ปะทะกับฟันหน้าของอีกฝ่ายตรงข้ามจนมีเลือดออกมาด้วย

—ต่อยคงเป็นครั้งแรก! ฝ่ายเราก็เจ็บกว่าที่คิดซะอีก

เด็กหนุ่มเคยเล่นเกมจำลองการต่อสู่มาก แต่เพิ่งเคยทำจริงเป็นครั้งแรก ชายผู้ถูกต้อยล้มลงกองกับพื้น สุบารุอาศัยความรวดเร็วออกทระบวนท่าใส่คนอื่นที่กำลังตกใจ

เขาวาดเท้าเป็นเส้นโค้ง โจมตีเข้าใส่ด้านข้างศีษระของชายคนหนึ่ง ก่อนทำให้คนที่สองสลบโดยอดเข้ากับกำแพง

ขณะดอกลายได้ดีกว่าที่คิด สุบารุก็ค่อยๆ มันใจกับ 'ความไร้เทียมทานในต่างโลก' มากขึ้น

"ชั้นถูกกำหนดให้แข็งแกร่งตอนอยู่ในโลกนี้จริงๆ สินะ! ได้รับพลังนี้มาจากจะดรีนาลินที่หลั่งไหล—"

สุบารุตื่นเต้นพร้อมหันหน้ากลับไป ย่อตัวลงหวังโจมตีชายฉกรรจุคนสุดท้าย

ทว่า สิ่งที่เขามองเห็นอยู่ในมือชายคนสุดท้ายนั้นคือมีตซึ่งส่องประกายวาว

สุบารุทรุดเข่าลงกับพื้น งอตัวท่อนบนลงอย่างสวยงามและแนบหน้าผากลงกับพื้น

“ขอประทานโทษด้วยครับ ผมเป็นคนผิดเองทุกอย่างได้โปรดให้อภัยด้วย อย่างน้อยก็กรุณาละเว้นชีวิตด้วยเถอะคร้าบบบ!"

การหมอมกราบ การแสดงความยอมจำนนขั้นสูงสุดต่ออีกฝ่าย หัวใจของคนญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานที่สุด

ความรู้สึกครึ้มใจที่มีอยู่เมื่อที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน ได้ยินเสียงเลือดหดหายไปจากทั่วทั้งร่าง สุบารุหดตัวลีบเอ่ยขอโทษซ้ำๆ พยายามร้องขอความเห็นใจอย่างสุดชีวิต

ก็ของมีคมน่ะไม่ไหวหรอก ถ้าถูกแทงจะฝึกฝนมาขนาดไหนก็จบเห่ ทุกสิ่งล้วนได้ความหมาย

รู้ตัวอีกที อีกสองคนที่ควรจะล้มลงไปกองแล้วกลับฟื้นขึ้นมา ชายคนหนึ่งกดใบหน้าซึ่งมีเลือดกำเดาเยิ้มเอาไว้ ส่วนอีกคนส่ายหัวไปมา แต่เมื่อมองโดยรวมแล้วมีท่าที่แข็งแรงกว่าที่คิด

“เอ๋!? โดนท่าไม้ตายเปรี้ยงเดียวจอดของชั้นแล้วยังทำท่าแบบนั้นหมายความว่าไง!? สิ่งที่ควรจะได้จากการถูกอัญเชิญล่ะ!?”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่ได้! กล้าทำกันได้นะแก!” สิ่งที่ควรจะได้จากการถูกอัญเชิญ สุบารุคิดผิดไปโดยสิ้นเชิงเขาไม่ได้แข็งแรงขึ้นเป็นพิเศษเลย

สุบารุที่หมอบกราบอยู่โดนเหยียบศีรษะจากด้านบนหน้าผากครูดกับพื้นจนเลือดไหล เขาถูกเตะอัดที่ใบหน้าตามมาด้วยความรุนแรงอื่นๆ ถาโถมเข้าใส่ร่างซึ่งพยายามขดตัวม้วน

ผู้เริ่มลงมือก่อนคือสุบารุ เพราะอย่างนั้นบรรดาชายฉกรรจ์พวกนี้จึงไม่ปรานี

—แย่แล้ว เจ็บสุดๆ อาจจะตายก็ได้ จริงๆ นะเนี่ย

มันไม่เหมือนกับโลกเดิม ไม่มีหลักประกันว่าพวกแก๊งอันธพาลจะไม่เอาชีวิต สู้เตรียมตัวเตรียมใจตายอย่างสมเกียรติตอบโต้ออกไปก่อนจะโดนทรมานจนตายดีกว่า—

“อย่าขยับนะ เจ้าโง่!”

“โอ๊ย! โอ๊ยยย เจ็บๆๆๆ!”

ชายคนหนึ่งเหยียบขยิ้มือของสุบารุซึ่งทำท่าจะลุกยืนขึ้นขณะเปลี่ยนท่าจับมีดเป็นแบบคว่ำลง

“เดี๋ยวพ่อทำให้ขยับไม่ได้แล้วจะปล้นไปไม่ให้เหลือเลยบังอาจทำเรื่องบ้าๆ ซะได้..."

"ถะ ถ้าทำไปเพราะหวังเงินทองล่ะก็พูดตามตรงว่าเปล่าประโยชน์ ยังไงชั้นก็ไม่มีเงินเลยสักแดง...!"

"งั้นจะเป็นเสื้อผ้าหายาก รองเท้าหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ จงกลายเป็นอาหารหนูในตรอกซะเถอะ"

อา โลกนี้เองก็มีหนูอยู่ด้วยแฮะ ถ้าตัวไม่ใหญ่ก็ดีสิเหมือนอย่างพวกภูตผี

สุบารุคิดแบบหนีจากความจริง พลางมองมีดที่กำลังจะล้วงลงมาราวกับเป็นเรื่องของคนอื่น

ภาพย้อนอดีตก่อนตายก็ไม่ได้เห็นปรากฏการณ์ที่ว่ากันว่ามองเห็นโลกนี้เคลื่อนไหวช้าลงก็ไม่มี

มันคงจะจบลงราวกับเส้นด้ายขาดผึ้งกระมัง

—ตอนนั้นเอง

“หลบหน่อยๆๆ! เจ้าพวกนั้นน่ะ เกะกะจริง!”

ใครสักคนส่งเสียงร้อนรน วิ่งเข้ามาในซอย

ชายกลุ่มนั้นตกตะลึงเงยหน้าขึ้นมองสุบารุเองก็เช่นกันเขาเหลือบตาขึ้นไปมองเพราะร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

เบื้องหน้าสายตามีเด็กผู้หญิงร่างเล็กผมสีทองยาวประบ่าวิ่งตัดเข้ามาปลายผมพลิ้วไหว

นัยน์ตาสีแดงฉายแววมุ่งมั่น ฟันเขี้ยวที่โผล่ออกมานิด ๆ ดูเป็นคนขี้แกล้ง

ความประทับใจเมื่อแรกเห็นคือท่าที่แก่แตดเล็กน้อยแต่ใบหน้านั้นก็ชวนให้รู้สึกว่า ถ้าเธอยิ้มจะดูทรงเสน่ห์กว่าคนทั่วไป

เธอโผล่มาตรงจังหวะราวกับจับเวลาไว้ เปลวเพลิงแห่งความหวังที่มอตดับไปแล้วทอแสงอยู่ในดวงตาของสุบารุ

รอเวลานี้อยู่เลย

เด็กสาวในชุดเก่าซอมซ่อเนื่อตัวมอมแมมโผล่ออกมาเจอกับสถานที่ซึ่งกำลังจะเกิดเหตุปล้นฆ่าขึ้น

ตามท้องเรื่องแล้วเด็กสาวผู้นี้คงมีนิสัยขี้สงสาร แล้วเรื่องราวก็จะพลิกผันเป็นว่าเธอเข้ามาช่วยชีวิตอันบอบบางที่ทำลังจะมลายหายไปของสุบารุ ทว่า—

“รู้สึกจะเกิดเหตุอะไรสุดยอดมากๆ เลยนะเนี่ย แต่โทษทีนะ! ฉันกำลังรีบ! ขอจงมีชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็งน้า!”

“เฮ้ย เฮ๋!? จริงเด่ะ!?”

ความหวังนั้นถูกทำลายลงง่ายดายในพริบตา

เด็กสาวยกมือขึ้นเป็นเชิงแสดงความรู้สึกผิดต่อสุบาวิ่งตัดทะลุซอยแคบไปด้วยความรวดเร็ว ผ่านด้านหลังของบรรดาชายฉกรรจ์ไป จนถึงด้านในของตรอกซึ่งดูท่าจะเป็นทางตัน—แต่แล้วเธอก็กระโดดเตะแผ่นกระดานปิดทางซอยขึ้นไปเกาะผนังเอาไว้ และตอนยังไม่มีใครได้ทันรู้ตัวก็กระโดดตัวลอยหายไปจากด้านบนของสิ่งปลูกสร้าง

เมื่อมองไม่เห็นร่างของเด็กสาวผู้นั้นแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่สถานที่เกิดเหตุจะจมดิ่งลงสู่ความเงียบ

เด็กสาวผู้ผ่านมาราวกับพายุใต้ฝุ่นทำเอาทุกคนที่อยู่ตรงนี้ตกตะลึง

ทว่า ที่สถานการณ์ของสุบารุไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยเป็นความจริงอีกข้อหนึ่ง

“จะไม่ตกใจกับเรื่องเมื่อจนเปลี่ยนใจหน่อยเหรอ!?"

“ยิ่งเสียอารมณ์เพราะถูกขัดขวางซะมากกว่า อย่าคิดว่าจะขอดไปสบายๆ นะเฟ้ย”

ขณะนี้ร่างกายของเขาโดนบรรดาชายเหล่านั้นรุมกระตื่นจนกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้

ประกายแสงจากมีดในมือของผู้ชายกลุ่มนั้นทำให้สัมผัสแห่ง “ความตาย" ซึ่งรุกไล่เข้ามาลอยทะลักขึ้น

—ไม่นะ ไม่ โกหกใช่ไหม คงไม่ใช่หรอก จะจบกันง่ายๆอย่างนี้เนี่ยนะ

สุบารุยิ้มบิดเบี้ยว เฝ้าวิงวอนอย่างเอาเป็นเอาตายว่าใครก็ได้โปรดช่วยปฏิเสธสถานการณ์ตอนนี้ที่เถิด แต่จุดพลิกผันดีๆ เช่นนั้นไม่มาเยือนปลายแหลมของมีดใกล้มา

ความรู้สึกยอมแพ้ครอบงำในอก เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าน้ำตาเกือบจะโหลทะลักออกมา

ไม่ใช่สิ ความหวาดกลัวต่างหาก เขาแค่รู้สึกทนไม่ได้หากต้องจบลงอย่างว่างเปล่าโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ท่ามกลางความรู้สึกสิ้นหวังกดดันรุนแรง ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างของเขาถูกละทิ้งนั้นเอง—

“พอแค่นั้นแหละ เจ้าพวกวายร้าย”

เสียงนั้นสะกดข่มทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงโหวกเหวกของผู้คนคำก่นด่าหยาบคายของชายกลุ่มนั้นหรือลมหายใจไม่เป็นจังหวะของตัวสุบารุเองลงไปจนหมด ทำให้โลกสั่นไหว

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!