อา...ความรู้สึกคุ้ยเคยนี่มัน...
ผมลืมตาตื่นขึ้น พบกับเพดานที่คุ้นเคย กลิ่นห้องที่คุ้นเคย...เหม็นอยู่แหะ
"บรื้นนนน!" เสียงรถบรรทุกตัดผ่านหน้าบ้านของผม อืม เสียงรถที่คุ้นเคย ผมรวบรวมพลังทั้งหมดในร่างกายของผมเพื่อที่จะดันตัวเองให้ลุกขึ้นมา
ฮืบบบ! "อา...ในตอนนี้ข้าได้ตื่นจากการหลับไหลแล้ว" ผมกล่าวกับตัวเองหลังจากที่ลุกออกมาจากเตียงได้สำเร็จ รู้สึกเขินอยู่นิดหน่อยนะเนี่ย สงสัยจะได้รับอิทธิพลมาจากหมอนั่นมากเกินไป ผมเก็บที่นอนของผม ค่อยๆเดินไปที่ห้องน้ำ แปรงฟัน...นี่กะจะให้อธิบายให้หมดเลยเหรอ? ก็ได้ๆ หลังจากที่ผมแปรง ฟันเสร็จ ก็เดินกลับเข้าห้อง เพื่อเปลี่ยนชุด
ในระหว่างที่เปลี่ยนชุดอยู่นั้นตาของผมก็ได้เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่ง ออใช่เกือบลืมนี่ไปเลยผมต้องเอาไปคืนหมอนั่น ผมหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นหน้าปกเขียนไว้ว่า "ดาบพิฆาตเทพ" หนังสือเล่มนี้ถูกเรียกว่า"มังงะ"ในหนังสือนั้นเป็นภาพขาวดำยกเว้นหน้าปก แล่ะอ่านจากขวาไปซ้าย แตกต่างจากคอมมิคซึ่งอ่านจากซ้ายไปขวา เนื้อเรื่องในหนังสือเล่มนี้ก็ประมาณว่า ตัวละครเอกที่เป็นอสูร พยายามจะช่วยน้องสาวจากคำสาปของเทพอย่างสุด เป็นพล็อตเรื่องที่สุดยอดมาก ความรักของพี่น้องช่างวิเศษสุดๆไปเลย และยังถูกเอาไปทำเป็นอนิเมะด้วย
"ยังอ่านไม่จบเลยแท้ๆ" ผมกล่าวกับตัวเองด้วยความเสียดาย เนื่องจากผมไม่มีเวลาอ่านมากนักและมันก็เป็นหนังสือที่ยืมมาซะด้วย แถมให้เวลาแค่3วันเนี่ยนะ? คิดว่าตัวเองเป็นห้องสมุดรึไง?
"เฮ้อ..." ผมถอนหายใจแบบเหนื่อยๆ ก่อนที่ผมจะหยิบหนังสือใส่กระเป๋า และเดินลงบันได
หลังจากที่ผมลงมาแล้ว ก็ได้พบกับน้องสาวผมที่กำลังนั่งโซฟาและดูข่าวอยู่
เธอชื่อว่า "พิมพา" เรียกสั้นๆได้ว่า "พิม" ดูเหมือนว่าเนื้อหาจากข่าวนั้นจะเกี่ยวกับเหตุการ์ณแปลกๆ
"เป็นอีกครั้งแล้วที่เราพบศพนอนเสียชีวิตคาเตียง" สิ้นสุดเสียงคนอ่านข่าว ก็ได้ปรากฏภาพ ของสภาพศพที่พบ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเซนเซอร์ ผมก็สามารถเดาได้เลยว่าต้องตายแบบเละเทะแน่ๆ
"โดยที่ศพนั้นมีสภาพที่ไร้ศรีษะ ซึ่งคาดว่าน่าเสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผลจากการชันสูตรศพ พบว่าสาเหตุการตายมาจากการที่สมองบวมและเกิดระเบิดขึ้น เนื่องด้วยการตายที่ผิดธรรมชาตินี้ ตำรวจจึงคาดว่าน่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการ์ณนี้ ซึ่งก็ยังไม่สามารถหาเบาะแสเพื่อที่จะสาวไปถึงตัวคนร้ายได้เลยค่ะ ขอแสดงความเสียใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ โดยทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอเตือนพวกท่านทุกคนที่อยู่บ้าน ก่อนจะนอนล็อคประตูให้สนิท ปิดหน้าต่างทุกบานให้มิดชิด ขอให้พวกท่านโชคดีค่ะ สำหรับข่าวต่อไป..." นักอ่านข่าวพูดเสริม ก่อนที่จะเปิดประเด็นข่าวต่อไป ดูเหมือนช่วงนี้เหตุการ์ณแบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อย เหมือนจะมีการฆาตกรรมกันบนเตียงล่ะนะ ก็ไม่รู้ว่าฆาตกรมีแรงจูงใจยังไงแต่ก็คงต้องระวังล่ะนะ เอ๋...? แต่เดี๋ยวก่อนนะ นี่น้องเราทนดูอะไรแบบนั้นได้ยังไงกันเนี่ย?
"แม่ไปทำงานแต่เช้าอีกแล้วเหรอ?" ผมถามน้องของตัวเอง
"..." ทว่าสิ่งที่ผมได้มากลับไม่ใช่คำตอบแต่เป็นความเงียบ เอาตามตรงแล้วผมน่ะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมต้องการคือเสียงของเธอ นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ทำตัวเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากวันนั้นผม..."พึบ พับ" ผมสะบัดหัวตัวเองก่อนที่จะเตรียมตัวไปโรงเรียน หลังจากที่เห็นข่าวนั่นผมก็ไม่อยากอาหารเลย
ในระหว่างที่กำลังเดินไปโรงเรียนนั้น ก็อ่านเรื่องราวของผมคร่าวๆไปก่อนละกัน ผมชื่อ "ธนารัตน์" เรียกสั้นๆได้ว่า "รัตน์" อายุ16ปี เรียนอยู่มัธยมปลาย ค.ส.ช. ย่อมาจาก คิดเก่ง สามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน...นี่คิดอะไรเกี่ยวกับการเมืองอยู่รึเปล่า? และน้องสาวผมซึ่งอยู่กันคนละโรงเรียนกับผม เธอมีอายุ15ปี เนื่องจากโรงเรียนของน้องสาวผมนั้นอยู่ใกล้บ้านกว่าทำให้เธอไม่รีบนัก แต่พวกเราก็ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนหรอก ซึ่งพวกเรานั้นอยู่กับแม่ และแม่นั้นก็ทำงานหนักมากไปเช้าเลิกค่ำ ซึ่งผมก็ต้องคอยเบาภาระให้โดยการไปทำงานพาร์ทไทม์ และรับผิดชอบเรื่องอาหาร ส่วนน้องสาวผมนั้นเธอไม่ได้ทำงานก็จริง แต่เธอนั้นเป็นคนที่ฉลาด ทุกๆเทอมเธอก็มักจะได้เกรดที่สูงและเกรดของเธอก็ไม่เคยตกเลยซักครั้ง ซึ่งต่างจากผมอย่างสิ้นเชิง ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปผมคงเข้ามหาลัยดีๆไม่ได้แน่ ออใช่ ความจริงแล้วพิม หรือน้องสาวของผมนั้นเป็นน้องสาวบุญธรรม ถึงจะว่าอย่างนั้นถ้าเรามีอะไรกับน้องสาวตัวเองก็จะถือว่าผิดศีลธรรมอยู่ดี เพราะฉะนั้นล้มเลิกความคิดที่ตัวเองคิดอยู่ในตอนนี้ซะนะ
ในตอนที่ผมยังเด็กมากๆแม่บอกผมว่าแม่หย่ากับพ่อ ซึ่งผมก็จำหน้าของพ่อไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากผมอายุได้ราวๆ7ปี แม่ก็แต่งงานใหม่ และก็มีน้องสาวติดมาด้วย ในตอนแรกเธอก็อายแต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเปิดใจ พ่อคนใหม่รักแม่อย่างจริงใจ การเงินเราดีขึ้นพวกเรามีความสุข ทว่ามันก็ได้เพียง5ปีเท่านั้น พ่อคนใหม่ก็จากไป...มันเป็นเพราะผมเอง ในวันนั้นพ่อไปรับผมที่โรงเรียน เนื่องจากพิมพาป่วยจึงไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย และดูเหมือนพ่อจะอารมณืไม่ดีเพราะตกงาน แต่ตอนนั้นผมที่ไม่รู้อะไร ได้ทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้น ผมเซ้าซี้พ่อเพราะต้องการของเล่น จนทำให้พ่อไม่มีสติจะขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุ พ่อเสียชีวิตมีแต่ผมรอด...ในวันนั้น แม่เสียใจเป็นอย่างมากกว่าจะฟื้นตัวได้ก็ใช้เวลาไปพักใหญ่ ส่วนพิมก็...
"ไอ้ฆาตกร!!! แกฆ่าพ่อฉัน!!!!" เสียงของเธอก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผม เพื่อคอยตอกย้ำให้ผมคิดก่อนทำเสมอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แววตาของเธอเหมือนต้องการที่ให้ผมหายไปจากโลก ถ้าในตอนนั้นไม่มีคนมาห้ามซะก่อน ผมก็คงจะถูกฆ่าด้วยน้ำมือของน้องสาวตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนั่นก็คือสาเหตุที่เธอเปลี่ยนไป ใช่แล้ว...ทุกอย่างมันเป็นความผิดของผมเอง...ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้เรามาโฟกัสที่ปัจจุบันดีกว่า
และในที่สุดผมก็ได้มายืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนนี้แล้ว เอาล่ะ...เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อนะ?
ในที่สุดก็มาถึงโรงเรียนสักที...
เมื่อพูดถึงอดีตอันขมขื่นของผมแล้ว โรงเรียนเองก็ถือเป็นสถานที่ที่สร้างบาดแผลในใจไม่น้อย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดเช็คดูเวลา "07:46" เป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะไปยืนเคารพธงชาติแล้ว ผมมองป้ายหน้าโรงเรียนที่เขียนชื่อกำกับไว้ “ ค.ส.ช. คิดเก่ง สามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็มักจะทำให้ผมเหนื่อยใจเสมอ
ผมเดินเข้าใปในโรงเรียน พบกับทางยาวเชื่อมไปถึงตัวของตึกเรียนตึกหลัก และข้างๆทางเดินนั้นจะมีทั้งหมดสองฝั่ง ในฝั่งขวาจะเป็นที่เคารพเสาธงซึ่งเป็นลานกว้างและมีเสาธงประเทศไทยปักไว้ ถ้าวันไหนโชคไม่ดีหน่อยผู้อำนวยการก็จะอภิปรายยาว ๆ ในตอนที่ร้อนๆ และข้างหลังที่เคารพธงชาตินั้นก็เป็นตึกเรียนอีกหนึ่งตึก เป็นตึกรอง ซึ่งเป็นตึกที่จะมีชมรมต่างๆ หอสมุด ห้องพยาบาล และที่สุดยอดกว่านั้นจะมีโรงยิมเล็กๆอยู่ใต้ตึก มักจะใช้ตอนที่ฝนตกหรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เล่นข้างนอกไม่ได้เท่านั้น
ในส่วนซ้ายนั้นจะเป็นสนามฟุตบอลผสมกับบาสเก็ตบอลขนาดย่อมๆ และมีกรงเหล็กคอยกั้นเพื่อไม่ให้ลูกฟุตบอลหรือลูกบาสเก็ตบอลกระเด็นออกนอกโรงเรียน
ส่วนข้างในตึกเรียนหลักนั้นจะมีโรงอาหารที่ไม่ใหญ่มากอยู่ เนื่องจากมันไม่ใด้ใหญ่มาก จึงทำให้จุคนได้แค่หนึ่งชั้นเรียนเท่านั้น ทำให้ในแต่ละชั้นเรียนก็จะมีเวลากินอาหารกลางวันที่แตกต่างกันไป อย่างตัวผมเองที่อยู่ปี1 ก็ได้กินก่อนชั้นอื่นๆล่ะนะ
และหากคุณยังคิดภาพของโรงเรียนไม่ออกแล้วล่ะก็ สมมุติว่าผมหันหน้าไปทางทิศตะวันออกอยู่ในตอนนี้ซึ่งเป็นทางเข้าของโรงเรียน หากผมหันไปทางทิศเหนือก็จะพบกับหน้าเสาธง ซึ่งเสาธงจะตั้งอยู่ทางทิศใต้ เมื่อเราจะเคารพธงชาติ เราก็จะหันหน้าไปยังทิศใต้ แล้วก็จะพบกับสนามฟุตบอลขนาดย่อม ๆ ส่วนข้างหลังที่เคารพเสาธงก็คือตึกเรียนตึกรอง อย่างที่ผมว่าไปและถ้าหันกลับมาที่ทิศตะวันออกเหมือนเดิมก็จะพบกับตึกเรียนที่เป็นตึกหลัก ถ้าไม่เข้าใจก็แสดงว่าผมอธิบายไม่เก่ง แต่อ่านๆไปเดี๋ยวก็ปรับตัวได้เอง ทีนี้ก็จบเรื่องอธิบายเกี่ยวกับสภาพของโรงเรียนโดยรวมแล้ว
มาดูที่ห้องของผมกันดีกว่า ห้องเรียนทุกห้องนั้นจะติดอยู่กับระเบียงที่เป็นทางเดิน ผมอยู่ห้อง4 ในโรงเรียนแห่งนี้นั้นเราจะไม่แบ่งระดับความฉลาดของห้อง ผมเดินบนระเบียง เห็นพวกเล่นเกมบ้าง อ่านหนังสือบ้าง คู่รักก็มี รู้สึกจุกๆแหะ และในที่สุดผมก็ได้มาถึงห้องของผมแล้ว ผมมองเข้าไปในห้อง บรรยากาศก็ดูครึกครื้นกันเป็นปกติ ทำให้รู้สึกว่าตัวผมนั้นไม่มีตัวตนอยู่เลย
ผมเตรียมที่จะไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง แต่ทว่า... "ตุบ!" เป็นเสียงของฝ่ามือหนึ่งที่กระทบกับหลังของผม ผมหันไปมองตามที่มาของแรงกระทบ ก็ได้ปรากฏรูปร่างชายหนุ่มที่มีความสูงใกล้เคียงกับผมกำลังยืนอยู่ข้างๆผม แล้วก็ไอ้แสงสะท้อนจากแว่นด้วย
"ไงรัตน์ ไม่เจอกันตั้งสองวัน ฉันคิดถึงแทบแย่เลย" ชายคนนั้นกล่าว
"คิดถึงมังงะที่แกให้ฉันยืมล่ะสิ" ผมสวนกลับเหมือนรู้ในสิ่งที่เขาต้องการ
ชายคนนี้ชื่อ "สมศักดิ์" เป็นชื่อที่โบราณสุดๆ และเรียกสั้นๆได้ว่า "ศักดิ์" เป็น "ไอ้หมอนี่" ที่ผมกล่าวถึง เขาเป็นคนที่มีนิสัยชอบอนิเมะ และมังงะเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าโอตาคุขนานแท้ และยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผมอีก
"แล้วนายได้เอามันมาไหมล่ะ?" ศักดิ์ซักถาม แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"อรุณสวัสดิ์ ศักดิ์!" เป็นเสียงของผู้หญิงที่มีโทนเสียงสดใสร่าเริง และเมื่อสิ้นสุดเสียงของเธอนั้น เธอก็วิ่งตรงเข้ามาหาศักดิ์
เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสูงต่ำกว่าผมกับศักดิ์ประมาณสัก10เซนติเมตรได้ ความยาวของผมเธอนั้นไม่ถึงไหล่ เธอคนนี้คือ "นภา" สาวร่าเริงประจำห้อง เป็นเพื่องสมัยเด็กของศักดิ์
"โอ้ว! อรุณสวัสดิ์ โซระจัง~" ศักดิ์กล่าว และถ้าถามว่าทำไมศักดิ์ถึงเรียก นภา ว่า"โซระ" แล้วล่ะก็ นั่นเพราะ "โซระ" ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่าท้องฟ้า ซึ่งศักดิ์มันก็พอมีความสามารถในการพูดภาษาญี่ปุนอยู่ล่ะนะ
ตามตรงแล้ว ถึงแม้ว่านภาจะมีนิสัยร่าเริงก็เถอะ แต่ผมไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลย เนื่องจากนภานั้นมีใจให้ศักดิ์ ถ้าผมไม่มีเพื่อนเป็นศักดิ์ล่ะก็เธอคงไม่แม้แต่จะรับรู้ถึงตัวตนของผมด้วยซ้ำ การที่เธอมีใจให้ศักดิ์นี่มาจากพลังของเพื่อนสมัยเด็กงั้นเหรอ? ว้า...รู้สึกว่าน้ำตาจะไหลซะแล้วแหะ
"อ๊ะ! อรุณสวัสดิ์นะรัตน์..." เธอกล่าวพลางทำท่าเหมือนจะขอโทษที่ไม่เห็นผม นี่เธอได้เท่าไหร่กัน จากการแสดงละครบ้านี่? ผมหยิบมังงะจากกระเป๋าและเตรียมที่จะยื่นให้ศักดิ์ แต่จู่ๆบรรยากาศในห้องก็เงียบไป...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ...?
ตัวผมนั้นรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่จู่ๆก็เงียบขึ้นมา ทั้งๆที่ตะกี้นี้ยังครึกครื้นอยู่เลย และแล้วผมก็พบกับที่มาของสิ่งที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปเมื่อหันหน้าไปมองที่หน้าประตู...
ใช่แล้ว...เป็นเธอจริงๆด้วย เธอได้เดินตรงเข้ามาหาผม
เธอคือ "ธิดาทิพย์" ถ้าเป็นเพื่อนเฉยๆก็จะเรียกว่า "ธิดา" แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทก็จะเรียกว่า "ทิพย์" แต่อย่างผมน่ะไม่มีสิทธิ์เรียกเธอว่า "ธิดา" หรือ "ทิพย์" หรอก เธอคือดาวของห้อง...ไม่สิ ดาวของโรงเรียนเลยล่ะ ด้วยรูปร่างที่เหมือนกับนางเอกจากนิยายเรื่องหนึ่งเลย ถึงคนวาดจะวาดได้ห่วยแตกหน่อยก็เถอะ โอย...ออร่าแสบตาสุดๆ เอาจริงๆแล้วผมไม่ควรจะมีสิทธิ์มองเธอด้วยซ้ำ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเธอใกล้ๆแบบนี้...สวยโคตรๆเลยวุ้ยยยย!! ตรงเสป็คแบบเป๊ะๆ
"อรุณสวัสดิ์นะ ทิพย์" นภากล่าวสวัสดี ดูเหมือนว่าธิดาทิพย์กับธิดาจะดูสนิทกันน่าดู "อื้ม อรุณสวัสดิ์นะ ฟ้า" ธิดาทิพย์ตอบกลับ อา...เสียงของเธอราวกับเทพีแห่งเสียงเพลงเลย... "ฟ้า" ก็คือชื่อเล่นของนภาสำหรับคนที่สนิทกับนภาที่ถึงจะเรียกได้ ถ้าเรียกโดยพละการก็อาจจะโดนอัดได้ ก็ยัยนี่มันเล่นยูโดนี่นะ
"ขอโทษนะ นี่ที่นั่งฉันน่ะ ช่วยหลบหน่อยได้ไหม?" เธอเอ่ยถาม ทว่าเสียงของเธอนั้นมันทำให้ผมเคลิ้มจนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อเลย...
ในชีวิตที่โคตรแสนจะไร้ค่านี้ ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างสอดส่องลงมา ราวกับเป็นแสงที่นางฟาประทานให้ ทำให้ผมอยากจะอยู่ต่ออีกสักพักหนึ่ง ใครจะไปคิดไปฝันกันว่าตัวประกอบฉากหลังอย่างผมจะมีนางเอกในนิยายมาทักแบบนี้กัน?
"นี่ พวกนายสองคนไม่ได้ยินฉันเหรอ?" เธอถาม ซึ่งผมนั้นก็ไม่ได้ตอบกลับไปเพราะมัวแต่เคลิ้มอยู่ แต่เดี๋ยวนะ? แล้วศักดิ์ล่ะ? ถ้าหากว่าศักดิ์ไม่ได้ตอบล่ะก็หมายความว่า...เอาจริงดิ!? ศักดิ์ขึ้นชื่อว่าเป็นโอตาคุที่ติดสาว2Dที่สุดเลยนะ นี่เสน่ห์ของเธอทำให้ไอ้หมอนี่ที่ไม่สนใจสาว3Dหลงขนาดนี้ เธอคนนี้ไม่ธรรมดาแล้ว
"นี่พวกเขาเป็นอะไรกันเนี่ย?" เธอถามนภา "ไม่รู้สิ คงจะหลงเสน่ห์ของเธอแล้วล่ะมั้ง" นภาตอบกลับแบบประชดประชัน ในที่สุดผมก็ตั้งสติได้ "อะ..เอ่อ..." แทนที่ผมจะหลบให้เธอ กลับพูดตะกุกตะกักซะงั้น
"โถ่...อ๊ะ?" หลังจากที่เธอตัดพ้อ เธอก็ได้มองมาที่มังงะที่ผมถืออยู่ "เอ๋? นั่นหนังสืออะไรน่ะ? ขอดูหน่อยสิ" เธอขอดูด้วยความสงสัย
"อะ.." ในขณะผมยังไม่ทันที่จะเอ่ยคำซักคำ ร่างกายของผมก็ได้ยื่นมังงะของศักดิ์ให้กับธิดาทิพย์โดยทันที
" หืม...? 'ดาบพิฆาตเทพ การช่วยเหลือเนซูโกะ ผู้เป็นน้องสาวของทันจูโร่ ให้รอดพ้นจากคำสาปของเทพ ตำนานดาบพิฆาตเทพได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...' " หลังที่เธออ่านตัวหนังสือบนหน้าปกเสร็จนั้น บรรยากาศรอบห้องก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง...
"ไอ้โอตาคุ" "น่าขยะแขยง" "น่าขนลุก" "แกทำให้นางฟ้าของเราต้องแปดเปื้อน" ต่อให้ไม่ต้องพูดออกมาผมก็รู้สึกได้ถึงคำพูดเหล่านี้ที่ออกมาจากคนรอบข้าง แค่ติดอนิเมะนิดหน่อยก็โดนว่าแหะ สังคมนี่มันน่ากลัวจริงๆ
"อะไรเนี่ย...นายอ่านของที่น่าขนลุกแบบนี้เหรอ?" นภากล่าวพลางทำท่าขยะแขยง ถ้าเธอรู้ว่ามังงะที่เธอเกลียดนักเกลียดหนาเป็นของศักดิ์คงจะไม่มีท่าทีแบบนี้หรอก เหยียดกันชัดๆแบบนี้
"โห...น่าสนใจดีนะ ฉันขอยืมอ่านหน่อยได้ไหม?" ธิดาทิพย์เอ่ยถาม แต่ว่านะ...ศักดิ์มันหวงมังงะของมันมากๆเลยน่ะสิ
"ตะ.."
"เดี๋ยว!" ในขณะผมกับนภากำลังจะพูดบางอย่างนั้น ศักดิ์ก็ตัดบทและพูดขึ้นมาทันที
"ชะ..เชิญตามสบายเลยครับ...ผะ..ผมอ่านจบแล้วไม่มีปัญหาครับ แหะๆ" ศักดิ์พูดแบบตะกุกตะกักพร้อมกับขำแห้งๆ
"แล้วนายจะพูด แทนรัตน์ทำไมเนี่ย?" นภาถามเพราะคิดว่ามังงะที่ "น่าขนลุก" นี่เป็นของผม
แต่ว่านะ แต่ว่านะ...ไอ้ศักดิ์!!! ทำไมแกหักหน้ากันง่ายแแบบนี้ฟระ!? แกลืมช่วงเวลาที่เรามีให้กันไปหมดแล้วเหรอ??? ขนาดผมที่เป็นเพื่อนสนิทของมัน เพราะในตอนนั้นอยากอ่านมาก ขอยืมแทบตายกว่าจะใจอ่อนให้ เพียงแค่ผู้หญิงที่สวยๆหน่อยจากโลก3Dขอก็ให้เลยรึ?
"ดีจัง~ ขอบคุณนะ" ธิดาทิพย์กล่าวขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้ม เพียงแค่รอยยิ้มรอยยิ้มเดียวนั้น ผมก็หายโกรธทันที ในหัวเต็มไปด้วยความเคลิ้มกันเลยทีเดียว
"ฉันไปเขาห้องน้ำแปปเดียวนะ!!!" ศักดิ์ตะโกนออกและวิ่งหนีออกจากห้องเรียน
"เดี๋ยวสิศักดิ์ ใกล้จะเคารพธงชาติแล้วนะ!" และนภาก็ได้ไล่ตามศักดิ์ไป โดยมีที่ผมก็ธิดาทิพย์ที่มองตามทั้งสองคนนั้นจนพวกเขาหายไป
และผมก็คิดได้ว่าที่ที่ผมยืนอยู่เป็นที่นั่งของเธอ ผมตั้งสติและกำลังเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอกริ่งดัง
"เดี๋ยวสิ" แต่ทันใดนั้นเสียงของธิดาทิพย์ก็ได้ฉุดรั้งผมไว้ "นายชื่ออะไรเหรอ?" เธอกล่าวถาม "ธะ..ธนารัตน์ครับ" ผมตอบไปด้วยความตะกุกตะกัก
"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ ไม่ต้องสุภาพก็ได้ จะขอเรียกว่ารัตน์แล้วกัน ขอบคุณที่ให้ยืมอ่านนะ" เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้งบวกกับรอยยิ้มเบาๆอีกหนึ่งที
"แล้วนายเล่นเฟสหรือพวกอินสตราแกรมรึเปล่า?" เธอเอ่ยปากถาม เอาแล้ว...นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? สาวที่สวยที่สุดของโรงเรียนกำลังขอเฟสตูด้วยโว้ยยยยยย!!! ในเฟสของเรามีเพื่อนแค่คนเดียวคือศักดิ์ แต่ในที่สุด..ก็ได้มีผู้หญิงซักที แถมเป็นดาวโรงเรียนซะด้วย...
"มะ...."
"กริ๊งงงงงงงง" ไม่ทันที่ผมจะได้พูด เสียงกริ่งก็ได้ดันขึ้นมาก่อน
"หวา...นี่กริ่งดังแล้ว รีบไปเข้าแถวดีกว่า ไว้ว่ากันทีหลังนะ ฉันไปเข้าแถวก่อนนะ" สิ้นสุดเสียงของเธอ เธอก็รีบวิ่งไปเข้าแถว ทิ้งไว้เพียงตัวผมที่ยืนเหวอรับประทานอยู่ในห้อง ไอ้กริ่งบ้าเอ้ย...
ไปเข้าแถวดีกว่าเรา....
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!