NovelToon NovelToon

วุ่นนักนะ....คุณสามี(ไม่เต็มใจ)

แนะนำตัวละคร

แนะนำตัวละครหลัก

...

...

' อิงเดือน ' ลูกสาวครอบครัวฐานะปานกลางไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ถึงกับยากจน

...

...

' คราม ' นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เป็นที่หมายตาของสาวๆหลายคน

...

...

' คริสเตียนนา ' ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน คู่หมั้นของครามตั้งแต่เด็กๆ

...

...

' ลูกจีน ' เพื่อนสนิทของอิงเดือน

ลูกกวาด (ผู้หญิง) แฝดคนพี่

อมยิ้ม (ผู้ชาย) แฝดคนน้อง

ทั้งสองมีลักษณะนิสัยขี้อ้อน ชอบเข้าสังคม ร่าเริงแจ่มใส

01 แผนการชั่วร้ายของอิงเดือน

"เฮ้อ! งานแต่งก็เริ่มจะเข้ามาแล้ว กูจะทำยังไงดีวะ"

ฉันนั่งเหมือนคนไม่มีวิญญาณปากก็พูดกับเพื่อนสนิทอย่างเครียดๆและปลงในโชคชะตา

" เอาน่าอิง....อยู่ๆกันไปอาจจะรักกันก็ได้นะมึง"

"รักกับผีสิคะ"

ฉันว่าพรางกระดกแก้วเหล้าเข้าปากรัวๆ รสขมของเรายังไม่ขมเท่ารสชาติชีวิตฉันเลยแม้แต่น้อย

"มึง....ครอบครัวกูก็ไม่ได้ร่ำรวยนะ จะให้กูแต่งงานกับคนรวยๆไปทำไม"

"เขาก็อยากให้มึงสบายนั่นแหละ มึงแต่งกับคนรวยๆไปจะได้มีกินมีใช้ไง"

ฉันยิ้มให้กับความคิดของเพื่อนที่เข้าข้างพ่อแม่ฉันอย่างสุดโต่ง

" งั้นมึงมาแต่งแทนกูแล้วกัน"

"ไม่อ่ะ กูจะหาผัวเอง"

"เห็นไหมล่ะ มันยังหาอยากผัวเองแล้วกูล่ะ กูก็อยากหาเองเหมือนกัน"

"แล้วมึงจะทำยังไงล่ะคะ เหลือเวลาแค่เดือนเดียวมึงจะหาผัวมาทันไหมล่ะ"

ฉันฟังคำพูดของลูกจีนก็ยิ่งเครียดหนักไปอีก ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมีคนเข้ามาจีบเยอะแยะ ดันไม่เอา คิดว่าตัวเองสวยมากไง เป็นไงล่ะ...พ่อกับแม่ดันหาผัวมาประเคนให้ถึงทีเลย เป็นเครียดวุ้ย!!

"เฮ้อ...อีอิงมึงก็แต่งๆไปก่อน แล้วค่อยหาเรื่องหย่าก็ได้ไหมมึง ไม่ต้องเครียดหรอกมึง"

"แล้วคืนเข้าหอล่ะมึง.....กูจะทำยังไง"

ฉันพูดอย่างจริงจัง เรื่องหย่ามันไม่ยากหรอกแต่เรื่องคืนวันเข้าหอนี่สิ ฉันจะจัดการยังไงก่อน ยิ่งเป็นครั้งแรกฉันยิ่งไม่อยากให้มึงไปสุดกระชากจากคนที่ฉันไม่ได้เลือกเอง

"กูอ่ะ อยากเสียซิงให้กับคนที่กูอยากให้จริงๆ กูไม่อยากไปนอนกับไอ้หน้าไหนที่กูไม่ได้เต็มใจ"

"มึงก็เลือกสักคนในนี้สิ ผู้ชายเยอะแยะ เอาแบบที่มึงชอบ เดี๋ยวกูรอจนกว่ามึงจะเสร็จเอง"

ฉันมองมันแล้วก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ ให้ตายสิ ฉันจะทำยังไงกับอนาคตอันมืดมนนี่ดี

" กูหนีไปต่างประเทศดีไหมวะ"

"ช่วงนี้โรคมันเยอะ มึงออกนอกประเทศไม่ได้หรอก"

"ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ไอ้นั่นก็ไม่ได้ นี่กูต้องยอมแต่งจริงๆเหรอวะ"

โว๊ยยยยย นึกถึงงานแต่งทีไรแล้วจิตใจห่อเหี่ยวทุกที เหล้าคงเป็นยาย้อมใจชั้นเลิศในตอนนี้แล้วล่ะ

"หรือกูจะทำอย่างที่มึงว่าดีวะ"

ฉันที่เริ่มรู้สึกมึนๆ แล้วก็เริ่มหาทางออกไม่ได้หันไปหาเพื่อนที่กำลังกินเหล้าอยู่ข้างๆ มันมองหน้าฉันก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย

"มึงจะเอาจริงเหรอ ถ้ามึงเมาแล้วกูจะพากลับบ้าน"

ลูกจีนจับมาที่แขนฉันแล้วออกแรงดึงฉันขึ้นไป แต่ฉันขืนตัวเองเอาไว้แล้วแกะมึงมันออก สายตาสอดส่องไปทั่วแล้วก็หันมายิ้มให้มัน

"อย่างน้อยคนที่กูเสียซิงให้ก็เป็นคนที่กูเลือกเอง"

"ผู้ชายในผับนี่นะมึง เป็นใครก็ไม่รู้...ถ้าติดโรคขึ้นมามันไม่คุ้มกันนะมึง"

"ก็ช่างมันปะไร ดีซะอีก กูจะได้ไม่ต้องนอนกับมัน เผลออาจไม่ต้องแต่งงานเลยก็ได้"

ฉันที่เริ่มโวยวายอย่างไม่สนใจใครเพราะความเมา บอกกับลูกจีนแบบไม่สนใจอะไรแล้ว ลูกจีนขยี้หัวตัวเองอย่างเหลือดอด

"มึง....ถ้ามึงตายล่ะวะ"

"ไม่เป็นไรหรอก บ้านกูญาติพี่น้องเยอะ...พ่อแม่กูไม่อดตายหรอก"

"โถ่ อิดอก สมองคิดได้แค่นี้ มึงเรียนจบมาได้ไงวะ"

" ช่างกูเถอะ...กูจะไปหาผู้ชายมานอนด้วยคืนนี้ มึงไม่ต้องมายุ่ง"

"อีอิง ใจเย็นๆ อย่าวู่ว่าม คนในนี้มันไม่รับผิดชอบมึงหรอกนะ"

"กูไม่ได้จะให้มารับผิดชอบหนิ กูจะฟันแล้วก็ทิ้ง ใครๆก็ทำกัน....มึงไม่รู้เหรอ"

" เมาแล้วเลอะเทอะนะมึง ไป....กลับบ้าน กูจะไปส่ง"

"ไม่!! มึงกลับไปก่อนเลย วันนี้กูไม่กลับบ้าน"

"แล้วมึงจะไปไหน"

"คงจะม่านรูดสักที่แหละ บาย!"

"เฮ๊ย! มึงจะไปไหนอิง มึงกลับมาก่อน"

ฉันไม่ฟังคำทักท้วงของเพื่อนรีบเดินฝ่าเข้าฝูงชนที่เต้นแร้งเต้นกาอย่างสนุกสนาน แต่คนลำบากคือฉันนี่แหละที่ต้องมาฝ่าดงกลิ่งจั๊กแร้ที่ไม่พึ่งประสงค์ ให้ตายเถอะ! มีเงินซื้อเสื้อผ้าสวยๆมาใส่ แต่ไม่มีเงินซื้อโรลออนมาใช้กันรึไง เหม็นเปรี้ยวชิบหายเลยค่ะ

ปึก!

"อ๊ะ!...."

"เป็นอะไรรึเปล่า"

ฉันเงยหน้ามองคนที่ถูกฉันชนเข้าเต็มๆ ฉันทำปากพะงาบๆแต่ไม่มีเสียงพูดออกมา จะว่าอึ้งในความหล่อก็ได้ คนอะไรหล่อควายตายวัวล้ม อิฉันอยากได้ ฉันซบลงไปที่อกของเขาแสร้งทำเป็นเมาไม่รู้เรื่องไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดิน ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเดินผ่านฝูงชนมาได้ก้เถอะ

"คุณไหวรึเปล่า"

"โอ๊ย....ฉันรู้สึกเวียนหัวมากเลยค่ะ คุณช่วยไปส่งฉันที่รถได้ไหมคะ"

"หึ!"

ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ฉันยิ้มออกมาให้เขาบางๆเน้นยั่วยวนด้วยสายตา ไม่คิดเลยว่าวิชาที่เคยพับเก็บไปเมื่อหลายปีวันนี้จะได้ใช้มันอีก แต่ดูๆไปแล้วเขาก็คงจะไม่เบาสินะ ก็ดี! เวลารู้ว่านี่คือครั้งแรกของฉันจะได้ไม่ต้องมาสนใจอะไร

"ผมไม่หลงกลคุณหรอกนะ สาวสวย"

"แย่จังเลยนะคะ พอดีว่าอยากให้หลง"

เขายิ้มบางๆมากให้ฉันพรางก้มลงมาที่ข้างหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกที่มันร้อนวูมวาบ ฉันหายใจติดขัดเล็กน้อยเพราะไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้าใกล้ฉันได้ขนาดนี้ แต่วันนี้เป็นข้อยกเว้นก็แล้วกัน!

"แน่ใจเหรอ"

ฉันส่งยิ้มให้เขาแทนคำตอบ รอยยิ้มร้ายกาจตามแบบฉบับผู้ชายแบดๆรักสนุกไปวันๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

"คุณเสนอ ผมสนอง ต้องการเท่าไหร่ล่ะ"

"ชู่ว์....."

ฉันใช้นิ้วชี้เรียวที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีทาเล็บสีแดงสด แตะไปที่ริมฝีปากได้รูปของเขาเบาๆ สบตาคู่คมกริบ สายตาที่มีเสน่ห์เย้ายวนแล้วก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน นี่มันคือแววตาราชสิห์ที่หิวโหย!

30 นาทีต่อมา

ตอนนี้เราอยู่กันที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากผับที่เราออกมามากนัก ฉันกำลังอาบน้ำเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างถ้าสำเร็จก็โชคดีไปแต่ถ้าไม่ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

ไม่นานชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดก็มาอยู่บนตัวฉัน ฉันมองตัวเองในกระจกใบหน้าที่เคยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางถูกลบออกจนหมดเกลี้ยง

"เอาวะ! เสี่ยงดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย"

มีแต่จะเสียใจเท่านั้นแหละ

แอ๊ดดด

เสียงเปิดประตู้ห้องน้ำดังขึ้น ฉันก้าวขาออกมาพยายามทำตัวให้มันปกติให้มากที่สุด พยายามที่จะไม่เผยพิรุธหรือความกลัวออกมาให้ผู้ชายตรงหน้าเห็น

"พร้อมรึยัง"

เขาบอกหน้าฉัน ยิ่งออกมาอยู่ข้างนอกด้วยแสงสีขาวยิ่งเห็นใบหน้าที่สมบรูณ์ที่หาที่ติไม่ได้ ยิ่งเห็นใบหน้าชัด ก็เห็นสีหน้าชัดเหมือนกัน ทั้งกิริยาท่าทางต่างๆที่ดูเย่อหยิ่ง แต่ก็ยังคงมีความร้ายกาจ

"ฉันต้องถามคุณมากกว่า พร้อมรึเปล่าสำหรับศึกครั้งนี้ที่ฉันจะมอบให้คุณ"

"พูดเหมือนจะไปออกรบอย่างนั้นแหละ ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณจะมาอ่อยเล่นๆ ไม่คิดว่าจะเอาจริง"

"ฉันไม่เคยเล่นๆ"

เขาเริ่มปนกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างใจเย็นไม่รีบร้อน พร้อมกับขาที่ก้าวเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ ฉันยอมรับว่าจังหวะนี้ถึงแม้ว่าเมาอยู่ก็ยังต้องสร่างเมาทันที ฉันเผลอก้าวถอยหลังด้วยความตื่นกระดกไปหนึ่งก้าวแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะต้องทำอะไรอยู่ก็ต้องยับยั้งตัวเองทันที แล้วรวบรวมเอาความกล้าทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่เอาออกมาใช้

'นอนกับคนแปลกหน้าทั้งที่เจอไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง กูแม่งโคตรแอดวานซ์'

"กลัวเหรอ"

"เรื่องแค่นี้ฉันไม่กลัวหรอกค่ะ"

ฉันก้าวเดินไปใกล้เขาให้มากขึ้นแสดงให้เห็นว่าฉันไม่ได้กลัวเขาอย่างที่คิด แต่เขากลับไวกว่าฉันมา ในขณะที่ฉันก้าวเข้าไปหาเขา เขาก็ถือโอกาสนี้คว้าตัวฉันเข้าไปแนบสนิทกับตัวเขา

'น้องอิงรับรู้ได้ถึงมัดกล้ามที่แน่น'

"กลัวไหม"

"คิดจะลองเชิงฉันเหรอคะ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ"

ฉันประคองใบหน้าของเขาแล้วจ้องเข้าไปในนัยน์ตานั้น ฉันต้องกล้าขนาดไหนที่ต้องมาสบสายตากับคนที่มีดวงตาที่อันตรายมากแบบนี้ได้ ฉันหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก น้ำลายก็เหนียวหนืดจนกลืนลงคอลำบาก ความกล้าเพียงสุดท้ายที่พอจะมีเหลืออยู่บ้างเพียงน้อยนิด ประคองใบหน้าเขาเข้ามาใกล้ ตัวฉันเองก็ยังต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นไป ริมฝีปากอวบอิ่มขอฉันประกบลงบนปากเขา มือที่ประคองหน้าเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบคอแทน

มือหนาโอบรอบเอวบางที่จู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว การประกอบจูบที่ดูกระทันหันและเก้ๆกังๆ การสอดประสานลิ้นที่ดูไร้ประสบการณ์ก็ทำให้เขาเริ่มงุนงงว่านี่คือการแสดงหรือว่าตัวตนของเธอกันแน่ เขาปลดสายรัดเอวของเธอออกปลดเปลื้องเสือคลุมเกะกะนี่ออกไป เขาค่อยๆพาเธอเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง พร้อมกับการจูบที่ดูไม่ได้เรื่องของเธอ แต่กลับทำให้หัวใจเขากระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที

หลังจากการเล้าโลมที่ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนนำและเธอเป็นคนตามได้ผ่านมาสักพัก และเขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่าเธอน่าจะพร้อมแล้ว มือหนาคว้าหาถุงยางอนามัยที่พกติดตัวมา แต่แล้วมือบางก็จับมือเขาไว้ เขาก้มมองเธออย่างสงสัย

"ไม่ต้องใช้หรอก"

"คุณรู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา หรือคุณจะหวังให้ผมรับผิดชอบอะไร"

"ไม่"

ฉันส่ายหน้าน้อยๆ ในหัวเริ่มประมวลเหตุผลมา

"ฉันได้ยินมาว่าไม่ใส่มันรู้สึกดีกว่า ฉันเลยอยากจะลองสักครั้ง"

"ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมไม่รับผิดชอบนะ"

"ฉันไม่ได้จะให้คุณมารับผิดชอบฉัน และฉันก็ไม่มีโรคอะไรคุณวางใจเถอะ"

มีแต่ฉันนี่แหละที่กลัวว่าอาจจะติดโรคมาจากเขา

"คุณพูดเองนะ"

"อืม"

หลังจากที่พูดคุยกันอยู่สักครู่เขาก็ตัดสินใจทำแบบที่ฉันบอก และแน่นอนวาความเจ็บหน่วงมันแล่นไปทั่วบริเวณ ความเจ็บปวดครั้งแรกที่เกินจะบรรยายได้มันได้ก่อตัวขึ้นจนฉันเองก็เริ่มจะเก็บทรงไม่อยู่ หยาดน้ำตาร่วงลง

"อึก"

ฉันที่พยายามกลั้นเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดไว้ ก็เตรียมใจมาแล้วบ้างแต่ไม่คิดว่ามันจะเจ็บกว่าที่คิดเอาไว้

"นี่คุณ....ทำไม"

เขามองหน้าฉันด้วยความสับสน ถึงตอนนี้เขาคงรู้แล้วล่ะว่าฉันไม่ได้เก่งกาจอย่างที่พูดและแสดงออกไว้

"อย่าสนใจ ฉันไม่ได้ให้คุณมารับผิดชอบอะไร ได้โปรดทำต่อเถอะ"

"คุณยังไม่เคยจริงๆสินะ"

ฉันหลับตาลงรับการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา จนไม่ได้รับรู้เลยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้ใครบางคนได้พึงพอใจอย่างมากในตัวตนที่ฉันเก็บมันไว้

1 เดือนต่อมา

"เชิญคุณอิงเดือนที่ห้องตรวจค่ะ"

ฉันเดินเข้าไปในห้องตรวจที่มีหมอนั่งรออยู่ หมอมองหน้าฉันแล้วยิ้มให้อย่างใจดี

"ยินดีด้วยนะครับ คุณตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้ว"

"ฉันท้องจริงเหรอคะหมอ"

ฉันเอ่ยถามอย่างดีใจ ไม่เสียแรงจริงๆที่ฉันเสี่ยงที่จะมีอะไรกับพ่อของเด็กในคืนนั้น แค่นี้มันก็พอที่จะทำให้งานแต่งล้มเลิกไปได้

"จริงครับ ต่อไปก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ"

หลังจากฟังผลตรวจเสร็จฉันก็เดินออกมาจากห้องหมอ มือบางลูบไปที่หน้าท้องน้อยๆของตัวเอง พร้อมกับความยินดีที่เกิดขึ้น

"แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดนะคะเด็กดี ต่อให้หนูไม่มีพอก็ไม่เป็นไรแม่จะดูแลให้สุดความสามารถ"

ฉันกล่าวกับลูกน้อยของตัวเอง และทีนี้ก็คงถึงเวลาต้องสะสางเรื่องที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้วสินะ

-------------------------

02 คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

"อ้าว ยัยอิงกลับมาแล้วเหรอลูก พี่ทับเขากำลังรออยู่พอดีเลยลูก"

แม่ทักทายฉันอย่างสดใส ฉันมองไปที่อีคุณพี่ทับที่ยิ้มให้ฉันจนเห็นฟันเหลืองอร่ามไม่ใช่ทองนะ ขี้ฟัน เห็นแล้วจะอ้วก

"น้องอิงพี่ทับเอาองุ่นมาฝาก ที่บ้านพี่เหมาซื้อเพื่อน้องโดยเฉพาะเลยนะ"

ฉันยิ้มเจื่อนๆให้พร้อมกับมองไปที่พวงองุ่นเหี่ยวๆ ต้องเป็นคนแบบไหนว่ะเนี่ย ถึงมาทำอะไรแบบนี้ได้ คุณแม่จะเป็นลม

"ในเมื่อคุณพี่ทับมาก็ดีแล้วค่ะ น้องอิงจะได้บอกอะไรบ้างอย่าง"

ฉันยิ้มไปพูดไป และทั้งแม่ทั้งอีพี่ทับ รวมถึงพ่อที่นั่งอยู่ก็ยิ้มร่ามาให้ฉัน

"น้องจะคุยเรื่องอะไรครับ"

"คือน้องอิงจะคุยเรื่องงานแต่งของเราที่จะเข้ามาถึงเร็วๆนี้ล่ะค่ะ"

ทุกคนมองหน้ากันไปมองแล้วยิ้มออกมา คิดว่าฉันจะยอมจำนนสินะ

"อิงลูก แม่ก็กำลังจะคุยกับหนูพอดีเลย ไหนๆก็เกริ่นมาแล้วหนูก็พูดเลย"

ฉันแสร้งทำหน้าเศร้า เดินไปนั่งที่โซฟา

"ก่อนอื่นอิงต้องฝากกราบขอโทษคุณพ่อและคุณแม่ คุณพี่ทับด้วยนะคะ"

"อะไรกันครับเนี่ย ทำไมต้องขอโทษพี่ด้วยล่ะน้องอิง"

"คือ....อิง"

ฉันทำอ้ำอึ้งจนทุกคนเริ่มที่จะงงงวยกัยฉันแล้ว

"จะโทษที่อิงก็ได้นะคะ อิงเสียใจจริงๆที่ต้องเรียนเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ"

"มีอะไรก็พูดสักทีเถอะอิง"

พ่อที่เริ่มจะทนลีลาของฉันไม่ไหว ก็เริ่มจะชักไช้

"คืออิง....ท้องค่ะ"

แม่ที่จับองุ่นขึ้นมาดูก็ถึงกับทำมันร่วงลงกับพื้นทันที อีพี่ทับถึงกับอ้ำอึ้งไปทันทีเหมือนกับพ่อฉันเลย ขอโทษนะ แต่ทุกคนบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เอง

"นี่มันอะไรกันห๊ะอิง....แกท้องได้ไง!"

"อิงผิดเองพ่อ ที่เผลอใจเผลอกายไปกับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ทันข้ามคืน ก็......"

"ตายๆ แม่จะเป็นลม"

แม่ที่รีบหายาหม่องยาดมมาสูดเข้าปอด มันก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดที่ต้องมาเห็นภาพแบบนี้ แต่ให้เลือกระหว่างคนที่ไม่ได้ชอบ ฉันยอมเลี้ยงลูกที่เกิดจากความพอใจของฉันดีกว่า ถึงแม่ว่าจะไม่มีพ่อ แต่มันก็ดีกว่าที่ฉันจะต้องไปทนทุกข์ใจกับคนที่ไม่ได้รัก

"น้องอิงล้อพี่เล่นใช่ไหม"

"ถ้าคุณพี่ทับไม่เชื่อ ก็ดูนี่นะคะ"

ฉันยื่นผลการตรวจครรภ์ให้พี่ทับดู ทั้งพ่อและแม่ก็สุมหัวไปดูด้วยกันกับพี่ทับ พี่ทับเงยหน้าฉันมามองฉันอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วส่ายหัวไปมา อย่างกับกำลังเล่นละครอยู่

"ไม่จริง ไม่จริง ม่ายจริงงงงงงง"

พี่ทับโว๊ยวายแล้วก็วิ่งออกจากบ้านฉันไปเลย ฉันมองตามแล้วยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

3 ปีต่อมา

"ลูกกวาด อมยิ้ม ไปโรงเรียนกันได้แล้วลูก"

"มามี๊ๆ มามี๊เอาการบ้านใส่กระเป๋าลูกกวาดรึยังคะ"

เด็กน้อยเดินมาจับมือฉันแล้วแกว่งไปมา ฉันตรวจดูความเรียบร้อยกระเป๋าของลูกๆ

"เรียบร้อยแล้วค่ะ คนเก่ง"

ฉันบอกพรางหยิบแก้มหนูน้อยอย่างหมั้นเขี้ยว

"ข้าวกล่องของอมยิ้มล่ะครับ"

"ใส่กระเป๋าให้แล้วครับ"

ฉันบอกลูกน้อยทั้งสองคน ลูกกวาดกับอมยิ้ม เป็นพี่น้องฝาแฝดชายหญิง เป็นผลงานของฉันเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้พวกเราสามคนแม่ลูกอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่ง ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะเก็บเงินซื้อบ้านให้มันกว้างขวางกว่านี้หน่อย

"งั้นไปโรงเรียนกันเลยยยย เย้"

ฉันจูงมือเด็กๆเดินออกจากห้อง ไปยังลานจอดรถ

ฉันพาลูกน้อยของฉันทั้งสองคนขึ้นนั่งเบาหลังพร้อมคาดเบลท์ให้

"ลูกกวาด อมยิ้ม ถึงโรงเรียนกันแล้วค่ะ"

ฉันบอกเด็กๆที่กำลังนั่งดูดนมกล่องกันคนละกล่องอย่างเอร็ดอร่อย

ลูกแฝดทั้งสองคนของฉัน เป็นเด็กดีทั้งยังชอบที่จะมาโรงเรียน จะว่าชอบเข้าสังคมก็คงจะใช่ ถึงวันหยุดทีไรต้องให้พาออกไปเที่ยวทุกทีเลย

ครืด~~~~

ฉันหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายขึ้นมาดูว่าใครที่โทรเข้ามาแต่เช้า

"ฮัลโหลค่ะ เลขามัสมีอะไรรึเปล่าคะ"

"เลขาอิง วันนี้ท่ายประธานบินกลับมาแล้ว"

"เร็วขนาดนี้เลย?"

"คือตอนนี้ยังไม่มีใครมาที่ออฟฟิศเลย คนขับรถก็ลาพาเมียไปคลอด"

"แล้ว....."

ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ และหนังตาข้างขวาก็กระตุกรัวๆ

"เลขาอิงต้องไปส่งลูกอยู่แล้ว ก็ฝากไปรับท่านประธานด้วยแล้วกัน"

"เอ่อ.."

"เถอะน่า เลขาอิงไปรับอาจจะได้โบนัสเพิ่มก็ได้"

"โอเคค่ะ เลขามัสวางใจได้ แล้วก็ฉันฝากดูเอกสารเข้าประชุมวันนี้ด้วยนะคะ"

" ได้ค่ะ ท่านประธานจะถึงภายใน 8 โมง ยังไงเลขาอิงก็ช่วยเร่งหน่อยนะคะ"

ฉันกดวางสาย ไม่อยากจะไปหรอกนะ แต่พอได้ยินคำว่าโบนัส คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสองอย่างฉัน

มีเหรอจะปฏิเสธ

' 30 นาที จะไปถึงสนามบินทันยังไงวะ '

"มามี๊ เดี๋ยวจะเข้าแถวแล้ว รีบพาพวกเราลงไปกันเถอะ"

เสียงแจ้วของลูกกวาดทำให้ฉันตั้งสติได้

"โอเคค่ะ รอแป๊บนะคะ"

ฉันลงไปปลดสายเบลท์ออก อุ้มเด็กทั้งสองคนลงมาแล้วจัดแจงให้สะพายกระเป๋า

"ตั้งใจเรียนนะคะ"

ฉันก้มลงหอมแก้มนุ่มนิ่มของลูกน้อยทั้งสอง

"ตั้งใจทำงานนะคะ/ครับ"

หนูน้อยทั้งสองกอดล้อมคอฉัน และรุมหนูกันไปทั่วหน้า

"พอแล้วลูก เดี๋ยวเครื่องสำอางมามี๊ลบหมด"

"มามี๊ไม่ต้องแต่งก็สวย"

อมยิ้มพูดอย่างฉอเราะ ฉันหยิกแก้มอมยิ้มอย่างหมั้นเขี้ยว

"เข้าห้องเรียนได้แล้ว"

ฉันส่งเด็กๆให้กับคุณครู ก่อนที่จะโบกมือบ้ายบาย

ฉันก้มลงดูนาฬิกา ตอนนี้ฉันพอมีเวลาอยู่นิดหน่อย ถ้าขึ้นทางด่วนน่าจะเร็วมากขึ้น ฉันรีบขึ้นรถแล้วขับออกจากโรงเรียนลูกๆอย่างรวดเร็วปานเดอะฟาส

20 นาทีต่อมา

"มาถึงเร็วกว่าที่คิดแหะ"

ฉันเดินเข้าไปในสนามบิน ดีนะที่วันนี้มีประชุมใหญ่ ฉันถึงได้แต่งตัวสวยมาก

ฉันนั่งฆ่าเวลารอท่านประธานที่ร้านกาแฟ

"สั่งกาแฟดำให้ท่านดีไหมนะ ถ้าท่านถูดใจอาจได้โบนัสเพิ่ม"

ฉันลงความเห็นกับตัวเองก็คิดว่าน่าจะต้องซื้อเพื่อไว้ เดินทางนานๆอาจจะเมื่อยและอีกอย่างช่วงเวลาที่ต่างประเทศกับไทยมันแตกต่างกัน ท่านคงจะมีง่วงนอนบ้าง

ฉันถือแก้วกาแฟดำร้อนเดินไปรับท่านประธานสายตาสอดส่องว่าเมื่อไหร่ท่านจะเดินออกมา และท่านประธานคนนี้ไม่ใช่คนที่ฉันเคยเจอหน้ามาด้วยสิ เนื่องจากส่วนมากท่านทำงานที่ต่างประเทศมากกว่า และตอนที่ฉันสมัครงานท่านก็ไปดำรงตำแหน่งที่อื่นก่อน

'ถามเลขามัสดีไหมนะ'

"ท่านครับ ทางบริษัทส่งข้อความมาบอกว่าจะให้เลขาอิงเดือนมารับ"

ชื่อฉันหนิ ฉันหันไปมองด้านหลังก็พบกับผู้ชายร่างสูงใหญ่อยู่สองคน ชายใส่ชุดสูทดำล้วนน่าจะเป็นบอดี้การ์ด ส่วนคนที่ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินที่ตอนนี้กำลังยืนหันหลังอยู่ ก็คงจะเป็นท่านประธาน

ฉันเดินตรงดิ่งด้วยท่าทีมาดมั่นเข้าไปหาทันที

"สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉันอิงเดือนเองค่ะ"

ฉันใช้เสียงทุ้มหวานส่งกระแสเสียงนี้ออกไป ทุกครั้งที่ฉันใช้เสียงนี้มักจะมีคนตกหลุมพรางอยู่บ่อยๆ

"สวัสดีครับเลขาอิงเดือน"

การ์ดกล่าวทักทายฉันอย่างสุภาพ ฉันโค้งให้เล็กน้อยกับรอยยิ้มจางๆ

"ไม่ทราบว่า ท่านรอดิฉันนายไหมคะ"

"ไม่เลยครับ ผมพึ่งมาถึง"

เสียงนี้ ฉันเริ่มสะกิดใจกับน้ำเสียงที่มันดูคุ้นหูเอามากๆ ฉันยืนมองนิ่งรอให้เจ้าตัวหันหน้ามา

"ลำบากคุณจริงๆ ทั้งที่ไม่ใช่เลขาของผมยังต้องมารับถึงที่นี่"

"ไม่เป็นไรค่ะ ท่านประ....."

เสียงหลุดรอยหายเข้าไปในลำคอทันทีที่เห็นหน้าของท่านประธาน ลำตัวเย็นวาบพร้อมกับขนที่ลุกชูชันขึ้นมา หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ หัวใจที่เริ่มจะเต้นไม่เป็นส่ำหลังจากหยุดไปเมื่อสักครู ตื่นเต้นยิ่งกว่าเจอเจ้าหนี้ ก็พ่อของลูกนี่แหละ!

"คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ"

เขาเดินเข้ามาจับที่ท่อนแขนฉันเบาๆ ในขณะที่ฉันกำลังตลึงในความโลกกลมนี้อยู่ ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนระหว่าง เจอคู่นอนเก่าที่เป็นเจ้านาย หรือ เจ้านายที่เป็นพ่อของลูก

ฉันรีบสกัดความคิดตอนนี้ออกไปให้หมดก่อน เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเขาเองก็อาจจะจำฉันไม่ได้แล้วก็ได้

ฉันชักแขนออกเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มประจำตัว

"ไม่มีอะไรค่ะ นี่กาแฟดำที่ดิฉันตั้งใจซื้อให้ท่านค่ะ"

ฉันยื่นแก้วกาแฟให้ เขารับมันง่ายดาย จังหวะที่มือยื่นมารับแก้วกาแฟ ฉันรับรู้ได้ถึงความอุ่นที่แน่นอนว่าไม่ได้มาจากแก้วกาแหแน่นอน

เขากำลังกุมมือฉัน?

นี่ตั้งใจหรือแค่บังเอิญ?

ฉันช้อยสายตาแอบมองปฏิกิริยาเขา แต่เขาก็ดูนิ่งสงบ หรือนี่จะแค่บังเอิญ

ฉันปล่อยมือจากแก้วกาแฟ รวบมือทั้งสองข้างมาประสานกันที่หน้าท้องเล็กน้อย สายตาจ้องมองเขาเป็นระยะ

"ไม่ทราบว่าท่านรับประทานอะไรมาบ้งแล้วรึยังคะ"

"ทานนิดหน่อย ตอนอยู่บนเครื่องแล้วครับ"

"จะทานอาหารเช้าก่อนไหมคะ"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจะไม่ทันประชุม"

ฉันพยักหน้ารับรู้

"งั้นเราไปกันเลยไหมคะ"

เขาพยัญหน้าให้ฉันเล็กน้อย ฉันเดินนำหน้าเขาไปยังรถยนต์ ในระหว่างทางก็คิดทบทวนเรื่องของเขา

หรือว่าเขาจะจำฉันไม่ได้จริงๆ แค่หนึ่งคืนมันคงจะไม่ได้พิเศษหรือมีความทรงจำอะไรให้เก็บไว้ก็เป็นได้ ถ้าเกิดเขาจำฉันไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ ฉันสามารถวางใจเรื่องลูกได้แล้วใช่ไหม

ไม่ได้!

ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจำฉันไม่ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะได้สำคัญวิเศษวิโสอะไร บางทีเขาอาจจะจำฉันได้ แต่อาจจะแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ก็ได้นี่

เฮ้อ~ ฉันถอนหายใจเฮือกใจ เป็นจังหวะเดียวกันที่เดินมาถึงรถฉัน ฉันกดรีโมตปลดล็อค

"เลขาอิงเดือนครับ ให้ผมคับเถอะ"

การ์ดของเขาเอ่ยของอย่างสุภาพ

"ฉันขับเองก็ได้ค่ะ คุณทั้งสองเดินทางมาเหนื่อยน่าจะพักกันในรถสักหน่อย"

"ไม่เป็นไรครับ ผมคงปล่อยให้คุณขับไม่ได้"

ไม่ไว้ใจฉัน?

ไม่พาไปตายหรอกน่า ฉันยิ้มให้เล็กน้อยปากก็กำลังจะอ้างตอบ

"คุณให้เขาขับเถอะ เขาชอบขับรถ"

ท่านประธานพูดอย่างสงบนิ่ง ฉันก็ได้แต่นิ่งเงียบแล้วยิ้ม ยื่นกุญแจให้การ์ดเขาไป พร้อมทั้งเดินไปเปิดประตูรถเตรียมจะขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

"เลขาอิงเดือนครับ"

ฉันมองไปที่การ์ดแล้วทำหน้าสงสัยว่าเขาเรียกฉันไว้ทำไม เขามองไปที่ท่านประธานและกลับมามองที่ฉัน

ฉันต้องเปิดประตูรถให้เขาด้วยเหรอ?

ฉันเดินไปเปิดประตูรถให้เขา เขามองหน้าฉันสักครู่อย่างมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่พูดแล้วก็ก้าวขึ้นรถไป ฉันปิดประตูตามอย่างงงๆ

ฉันเดินอ้อมที่จะไปนั่งข้างหน้าเหมือนเดิม

"เลขาอิงเดือนครับ"

"คะ"

ฉันมองหน้าเขาและเริ่มจะไม่พอใจนิดๆ มองสายตาที่เขาพยายามจะสื่อความหมายไปที่เบาะหลัง

"ให้ฉัน...ไปนั่ง"

"ครับ"

"ฉันนั่งข้างคุณก็ได้ค่ะ"

"นั่งข้างหลังดีกว่าครับ ผมชอบนั่งข้างหน้าคนเดียว"

นี่รังเกียจฉันรึไงยะ!

ฉันจำต้องพยักหน้ายิ้มๆให้ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวเองไปเปิดประตูด้านหลังและขึ้นไปนั่งข้างท่านประธานอย่างเลี่ยงไม่ได้

เมื่อรถแล่นตัวออกจากสนามบินก็เป็นเวลาเกือบจะ 9 โมงแล้ว ซึ่งเราต้องไปให้ทันประชุมใหญ่ตอน 10:30 และแน่นอนว่าเวลานี้รถติดมากเลยทีเดียว

"รถที่เมืองไทยค่อนข้างติดเลยทีเดียว"

คนข้างกายที่ไม่ได้พูดมาเป็นเวลาสักพัก ก็เอ่ยขึ้น ฉันมองออกไปนอกถนนที่รถติดเรียงรายกัน

"เราต้องไปทางด่วนค่ะ อาจจะทันหรือไม่ก็สายนิดหน่อย"

"ไม่มีทางเลือกแล้ว เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดเถอะ"

"ครับท่านประธาน"

หึ! รถติดขนาดนี้การเข้าประชุมยังไงก็สาย ฉันรู้ดี เพราะฉันต้องเจอกับรถติดทุกเช้า

------------------

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!