"แฮ่กๆๆ... ให้ตายสิ ชั้นว่า ชั้นจะไม่ยุ่งแล้วนะ สุดท้ายก็อดไม่ได้จริงๆ" สาวน้อยนัยตากลมโต คิ้วหนาดกดำ ใบหน้าขาวซีดที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ กับลมหายใจถี่ๆ ที่เหมือนกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง ตอนนี้เธอกำลังแอบอยู่ซอกตึก ตรงข้ามกับต้นไม้ใหญ่ ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน มีเพียงแสงไฟสลัวๆ ที่ส่องสว่างมาจากเสาไฟริมถนน
ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่า มีใครตามหลังมาหรือเปล่า?
"เฮ้อ.... วุ่นวายกับผียังไม่พอ ต้องวิ่งหนีคนอีกหรอเนี่ย" เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ พรางคิดหาวิธีจัดการกับสถานการณ์ที่เธอเพิ่งประสบมาเมื่อกี้
"นี่เธอ.... เธอโดนคนๆนั้น ทำร้ายจนตายใช่หรือเปล่า" เธอหันไปถามใครบางคน ที่ตามเธอมา แต่ข้างกายเธอกลับไม่มีใคร มีเพียงสายลมอ่อนๆพัดผ่าน กับเสียงรถที่วิ่งบนถนน
"ช่างเถอะ ยังไงชั้นก็มองไม่เห็นเธออยู่ดี แถมไม่ได้ยินสิ่งที่เธอจะพูดด้วย เห้อ....." เธอถอนหายใจยาวๆ ด้วยความหนักใจ
"เอาไงดีวะ" เธอครุ่นคิด สักแปปนึง "โทรหาตำรวจแล้วกัน"
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงไซเรนรถตำรวจ และรถพยาบาลก็ดังขึ้น เธอจึงคว้าฮู้ด ออกมาจากกระเป้สีดำที่เธอสะพายมา แล้วหยิบแมสมาใส่ปิดไว้ครึ่งหน้า "ดีนะ ช่วงนี้เป็นช่วงโควิด ใส่แมสได้ คนไม่สงสัย" จากนั้นเธอก็เดินออกมาจากซอกตึก ก้าวย่างออกมาอย่างช้าๆ หันซ้ายหันขวา ดูว่ามีใครหรือเปล่า
"เราไปกันเถอะ" เธอพูดลอยๆขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าไปยังที่ที่คนกำลังมุงกันและมีเสียงพูดคุยกันจ้าระหวั่น
ณ สถานที่เกิดเหตุ ริมคลอง
สาวน้อยนัยตากลมโต สีน้ำตาล จับจ้องไปยังร่างหญิงสาวที่นอนคว่ำหน้า ร่างของหญิงสาวผู้นั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปกคลุมใบหน้า ปากของเธอมีเลือดแห้งเกรอะกรังเกาะอยู่ และมีรอยฟอกช้ำจากการถูกตบตีหลายครั้ง จากที่เห็นสภาพศพ พอจะเดาได้ว่า เธอถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ และไร้ความปราณี
สาวน้อยนัยตากลมโต กวาดตามองไปยังผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่แล้ว...ดวงตาของเธอก็ไปหยุดอยู่ที่ชายผู้หนึ่ง ที่กำลังมองร่างอันไร้วิญญาณ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย มีเม็ดเหงื่อผุดออกมาจากใบหน้า ยืนกอดอกจ้องมองร่างที่ไร้วิญญาณ มุมปากของเขากระตุกยิ้มขึ้นนิดๆ
"โหดร้ายจริงๆเลย ใครกันมันช่างทำแบบนี้ได้" เสียงป้าที่ยืนดูเหตุการณ์คนนึงพูดขึ้นมา
"ก็นั่นน่ะสิ ยังสาวยังแส้อยู่เลย ใครกันนะ มันช่างโหดเหี้ยมขนาดนี้" เสียงป้าอีกคนพูดตอบ
"ก็จะอะไรได้ล่ะ คงไม่พ้นเรื่องชู้สาวนั่นแหละ สวยแบบนี้ อาจจะไปยั่วใครเข้า" ป้าอีกคนที่สวมเอี๊ยมแม่ค้าพูดขึ้น
"ก็ไม่แน่หรอกนะคะ อาจจะเป็นคนใกล้ตัวของผู้หญิงคนนี้ทำก็ได้ ท่าทางเขาคนนั้นคงแค้นเธอมากเลยนะ ถึงได้ทำกับเธอขนาดนี้" สาวน้อยเจ้าของดวงตากลมโต พูดขึ้นเบาๆ
"หนูๆ หนูรู้เหรอ ว่าใครเป็นคนทำ" ป้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ยื่นหน้ามาถาม ทุกคนที่อยู่รอบๆ หันมามอง
"หนูไม่รู้หรอกค่ะ ว่าใครเป็นคนทำ คนที่รู้ก็มีแค่เธอคนนี้เท่านั้น ที่รู้และบอกเราได้" สาวน้อยนัยตากลมโต พยักหน้าขึ้นลงหนึ่งที แล้วมองไปยังร่างไร้วิญญาณที่อยู่ตรงหน้า "เธอเท่านั้น ที่จะบอกได้" เธอย้ำคำพูดนั้น
"กรี๊ดดดด...... ฮือๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนนึงที่ยืนดูเหตุการณ์ดังขึ้น เธอสวมเสื้อยืดธรรมดา นุ่งกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำ ผมยาวปะบ่า ไว้ผมหน้าม้า หน้าตาจิ้มลิ้ม แต่ดวงตาของเธอกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไหลพราก แววตาของเธอดูนิ่งสงบตรงข้ามกับเสียงกรีดร้องของเธอที่สุดแสนจะทรมาน
"มันฆ่ากู! มึงฆ่ากูทำไม! กูไปทำอะไรให้มึง!" สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มตะโกนลั่น สายตาของเธอจับจ้องไปยังร่าง ที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้า ทุกคนที่อยู่ที่นั่น ต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"หนู.... หนูเป็นอะไรลูก" ป้าคนนึงนั่งยองๆ ถามสาวน้อยที่นั่งอยู่กับพื้น ซึ่งดวงตาของเธอจับจ้องไปยังร่างที่อยู่ข้างหน้า อย่างไม่ละสายตา
"ฮือๆๆๆๆ มันฆ่าหนูๆ ทำไมๆ" สาวน้อยคนนั้นได้แต่พูดซ้ำๆ กับน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาในที่เกิดเหตุ
"เกิดอะไรขึ้น" เสียงลุงตำรวจถาม
"ท่าทางจะผีเข้า" ป้าแม่ค้า กระซิบตอบ ทำให้ลุงตำรวจหันมามองหน้าอย่างงงๆ
สาวน้อยใส่ฮู้ด เจ้าของดวงตากลมโตค่อยๆเดินเข้าไป แล้วหยุดอยู่ด้านหลังของสาวน้อยที่ร้องไห้ ทำให้สาวน้อยคนนั้นสะดุ้ง จากนั้นสาวน้อยใส่ฮู้ดก็พูดขึ้นว่า "ไม่ต้องกลัว ชั้นไม่ทำอะไรเธอหรอก" สาวน้อยพูดด้วยเสียงเรียบเฉย ในขณะที่ดวงตาของเธอจ้องไปยังร่างที่นอนอยู่ตรงหน้า แล้วพูดในใจว่า 'ถ้าเธออยากให้คนที่ทำร้ายเธอได้รับกรรม เธอต้องบอกกับทุกคนเดี๋ยวนี้'
สายลมจากฝั่งตรงข้ามคลองค่อยๆพัด ใบไม้ต้นหญ้าเริ่มสั่นไหวไปตามแรงลม จนทำให้ผมของศพที่เคยปกปิดใบหน้าร่วงหล่นลงมา จนเผยให้เห็นสภาพศพอย่างชัดเจน
"มันฆ่ากู ! มันฆ่ากู!" สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มกรีดร้องออกมาอีกครั้ง ในขณะที่สภาพของหน้าศพค่อยๆ เผยต่อหน้าสาธารณชน สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ รอยฟกช้ำตามใบหน้า ดวงตาที่ถลน เบิกโพรง ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกใจกันอย่างมาก เนื่องจากสาวสวยผู้เคราะห์ร้ายตายตาไม่หลับ และเหมือนว่าศพนั้นกำลังจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ทันใดนั้นตำรวจก็มาปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุ แล้วมีเสียงตะโกนดังขึ้น
"มันอยู่ที่นี่! มันยังอยู่ที่นี่! คนที่มันฆ่ากูยังอยู่ที่นี่" สาวน้อยตะโกนขึ้นมา ในขณะเดียวกันตำรวจก็กันคนเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าใกล้ศพ ส่วนคนที่มามุ่งดูก็ไม่มีใครกล้าออกไป เพราะถ้าออกไปจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที
"เธอรู้ได้ยังไง ว่าเขาอยู่ที่นี่" สาวน้อยฮู้ดดำถาม ในขณะที่เธอก็ยังยืนอยู่ด้านหลัง และมีชาวบ้านยืนขนาบข้างเธอ
"มันทำกู ทำไมกูจะจำมันไม่ได้ ตอนที่มันซ้อมกู กูจำได้!" เธอตอบเสียงแข็ง
"ถ้างั้นชั้นขอถามหน่อยก็แล้วกัน เขาแต่งตัวแบบไหนตอนทำร้ายเธอ" สาวน้อยฮู้ดดำถาม จากนั้นเธอก็เอื้อมมือมาแตะที่บ่าของหญิงสาวที่กำลังพูดอยู่ตรงหน้าเธอ
ทันใดนั้นเอง สาวน้อยฮู้ดดำ ก็ได้เห็นภาพบางอย่างฉายเข้ามาในหัว เหมือนเครื่องเล่นหนังสมัยก่อน มันเป็นภาพนิ่งไม่มีเสียง สิ่งที่เธอเห็นคือ
สาวสวย หน้ารูปไข่ ผมยาวสีดำเกือบถึงกลางหลัง คิ้วโค้งได้รูป ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ เอวบาง ส่วนสูงประมาณ 160 ซม. เธอเดินมากับชายคนหนึ่ง เขาตัวสูง หล่อ คิ้วเข้ม จัดว่าเป็นคนมีเสน่ห์ แต่แล้วภาพกลับมาตัด ตรงชายผู้นั้นเหวี่ยงหญิงสาวขึ้นเตียง เข้าไปตบตีเธอ ทำร้ายร่างกายเธอ ทั้งเอาไม้เบสที่อยู่ใต้เตียงฟาดไม่ยั้งลงที่กลางหลัง จากนั้นใช้มือจิกหัวเธอลากเธอลงมาจากเตียง เธอพยายามสู้ เธอใช้เล็บจิกลงไปบนแขนและมือของเขา เขาสะบัดมือเธอออก แล้วหันไปคว้าปลั๊กไฟที่อยู่ข้างเตียง นำสายไปมารัดคอเธอจากข้างหลัง หญิงสาวพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เธอพยายามหายใจแต่เชือกที่คอมันรัดหลอดลมเธออยู่ ส่วนชายคนนั้นก็ใช้สองมือรัดเชือกให้แน่นขึ้นจนสุดท้ายหญิงสาวก็แน่นิ่ง เขาใส่เสื้อผ้าให้ศพใหม่โดยสวมชุดวอร์มทับ เอาแว่นตาใส่ให้หญิงสาว พร้อมกับใส่แมสปิดครึ่งหน้า เขาอุ้มเธอออกมาจากห้อง เอาใส่รถยนต์จากนั้นก็ขับมาบริเวณริมคลองที่ไม่ค่อยมีบ้านคน จากนั้นเขาก็ถอดชุดวอร์มที่อยู่ด้านนอกออก แล้วโยนศพไว้ริมคลองที่มีพงหญ้าอยู่ เขาเดินกลับมาที่รถซึ่งรถของเขาจอดฝั่งตรงข้ามกับคลอง ที่มีต้นก้ามปูขนาดใหญ่สูงตระหง่าน เป็นป่ารกร้าง เหมาะแก่การเอารถไปซ่อน เมื่อเขามาถึงรถเขาก็หันไปเห็นว่ามีคนมาเจอศพ เขาเลยรีบใส่หมวก กับชุดวอร์มเพื่ออำพรางตัวเอง เขาขึ้นไปนั่งบนรถ พร้อมกับยิ้มด้วยความภูมิใจ และกำลังจะสตาร์ทรถ แต่สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับจูงสุนัข ในมือถือไฟฉาย ด้านหลังสะพายฆ่องใส่ปลา จากนั้นสุนัขก็เริ่มเห่า เขาใช้ไฟฉายส่องดู ก็ได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งนอนแน่นิ่งริมน้ำ เขาจึงตะโกนเรียกพรรคพวกเขาที่เดินตามหลัง หนึ่งในนั้นเป็นตำรวจที่เพิ่งออกจากเวร ไม่นาน รถตำรวจและรถพยาบาลก็มาถึง.
"มันใส่เสื้อยืดด้านใน ด้านนอกเป็นชุดวอร์มสีดำ มีแถบสีเหลืองสองเส้น ยาวตั้งแต่บ่ายลงมาถึงแขน ใส่รองเท่าผ้าใบสีดำ สวมหมวกแก๊บสีดำ ที่สำคัญข้อมือมัน... ยังมีรอยเล็บกูจิกมันอยู่เลย......" เธอพูดไปพราง สะอื้นไปพราง
"มึงฆ่ากูทำไม....." เธอร้องไห้จนตัวงอ จากนั้นมีเสียงเอะอะโวยวายจากด้านหลังดังขึ้น
"ปล่อยกู! ปล่อยกูนะ อย่ามาจับตัวกู กูไม่ได้ทำ อีนี่มันเพ้อเจ้อ!" เสียงชายคนหนึ่งกำลังตวาดชาวบ้านที่กำลังพยายามจะจับตัวเขา
"ถ้าไม่ได้ทำก็อย่าเพิ่งไปไหนสิ คนอื่นเขาก็ยืนเฉยๆให้ความร่วมมือ ส่วนคุณ...จะกระโตกกระตากทำไม ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด" ตำรวจสองนายเดินเข้ามาแล้วพูดตอบกลับชายที่กำลังโวยวาย
"กูบอกว่า กูไม่ได้ทำไง ไม่รู้เรื่องหรอ" ชายคนนั้นตะโกนใส่หน้าตำรวจ
"ครับๆ คุณไม่ได้ทำ. ถ้าเช่นนั้นผมขอดูข้อมือคุณหน่อยสิครับ ถ้าดูแล้วไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ คุณก็กลับบ้านได้ครับ" ตำรวจทั้งสอง ค่อยๆ เดินเข้าหาชายที่อยู่ตรงหน้า แล้วเอื้อมมือจะไปจับข้อมือของอีกฝ่าย แต่ทันใดนั้นเอง ชายคนดังกล่าวแหวกวงล้อม พยายามวิ่งหนี แต่ตำรวจไวกว่า คว้าตัวชายคนนั้นไว้ได้แล้วจับใส่กุญแจมือ
เมื่อชายผู้นั้นถูกล๊อกตัว หญิงสาวที่นั่งร้องไห้ก็ลุกขึ้นยืน หันมาจ้องมองเขาด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น แล้วเอ่ยถามชายที่อยู่ตรงหน้า
"มึงฆ่ากูทำไม" เธอยืนกำหมัดแน่น
ชายคนนั้นก็ยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า "มึงอย่าเพ้อเจ้อ กูไปฆ่ามึงตอนไหน มึงก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ไง" ชายผู้เกรี้ยวกราดตะคอกใส่หน้าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอจ้องหน้าเขาอย่างไม่กระพริบตา แล้วกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย ทันใดนั้นร่างเล็กของหญิงสาวคนนั้นก็ค่อยๆหงายหลัง สาวน้อยใส่ฮู้ดรีบกระโจนไปรับเธอ พบว่าหญิงสาวผู้นั้นสลบไปแล้ว จากนั้นสาวน้อยใส่ฮู้ดรู้สึกเสียวแปร๊บที่หูทั้งสองข้างของเธอเหมือนมีคลื่นเสียงหลายร้อยเดซิเบลกระแทกเข้ามาในหู เธอเงยหน้ามองชายที่กำลังถูกตำรวจคุมตัว ทันใดนั้น มีภาพปรากฏขึ้นในหัวของเธอ สิ่งที่เธอเห็น คือ
มีหญิงสาวผมยาว มีสีดำไปทั้งตัว ผมยาวปิดหน้าปิดตา กำลังเกาะที่หลังของชายคนนั้น และพยายามเอามือทั้งสองข้างบีบคอของชายคนนั้นอีกด้วย
เมื่อสาวน้อยใส่ฮู้ดเห็นเช่นนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า "นับแต่นี้ต่อไป คุณจะไม่มีวันได้พบกับความสงบสุขอีกเลย เขาจะไม่มีวันปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลกรรมเช่นนั้น" เธอมองไปยังชายผู้นั้น เพื่อเป็นการบอกเขาเป็นนัยๆ จากนั้นเธอก็ละสายตาจากชายคนนั้น เธอก้มมองลงไปที่พื้นอย่างเหม่อลอย แล้วพูดขึ้นอีกว่า "เธออย่าได้ลงมือทำอะไรเขาเลย เธอจะมีบาปติดตัวเปล่าๆ ดีไม่ดี เธออาจจะไปพบกับเขาอีกในชาติหน้าก็ได้" สาวน้อยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา พูดต่ออีกว่า "เจอกันชาตินี้ไม่พอหรือไง ปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรมเถอะ ชั้นไม่ได้ขอให้เธอปล่อยวางโดยเร็วหรอกนะ แต่ชั้นอยากจะบอกว่า ขอให้เธอค่อยๆรอดูชีวิตของเขานับจากนี้เถอะ เขาจะต้องชดใช้ให้เธออย่างสาสมแน่นอน จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้ ต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น" เมื่อสาวน้อยพูดจบเธอก็ยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจเบาๆ เธอหวังว่าเขาจะคิดได้บ้าง ชายคนนั้นพยายามดิ้นและอาละวาดไม่ยอมให้จับ จนตำรวจต้องลากตัวขึ้นรถ ส่วนสาวน้อยที่กำลังประคองตัวหญิงสาวที่กำลังหมดสติอยู่นั้น ถูกล้อมไปด้วยชาวบ้านที่กำลังทำหน้าสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เอ่อ... ป้าคะ มียาดมไหมคะ?" สาวน้อยใส่ฮู้ดถามขึ้น ป้าคนนึงก็ควักยาดมออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นให้สาวน้อย แต่เธอก็ไม่รับยาดมนั้น
"คือ.... หนูต้องกลับบ้านแล้วค่ะ ฝากที่เหลือด้วยนะคะ " สาวน้อย ลุกขึ้นแล้วรีบปรี่หนีออกมา แต่ก็มีป้าคนนึงเรียกเธอ
"หนู หนู.... หยุดก่อนลูก" ป้ารีบเดินมาดักหน้า
"หนูเป็นใครลูก หนูเป็นเจ้าแม่ตำหนักไหน" ป้าถามด้วยความตื่นเต้น
"เปล่าค่ะ ไม่ใช่ๆ หนูก็แค่คนธรรมดานี่แหละค่ะ ไม่ใช่เจ้าแม่ที่ไหน" เธอรีบตอบด้วยความตกใจ และคิดในใจว่า 'ทุกคนคิดว่าเราเป็นร่างทรงแน่ๆ' เธอจึงรีบหันหลังกลับ แล้วมีเสียงนึงตะโกนขึ้นมา "แล้วหนูเป็นใครล่ะ? ทำไมต้องปิดหน้าปิดตาด้วย" สาวน้อยถอนหายใจยาวๆแล้วหันกลับไปยังต้นเสียงที่ตะโกนถามเธอ เธอจึงถอดแมสที่ปิดหน้าออก เอาฮู้ดที่คลุมหัวออก แล้วเงยหน้าตรงๆ พร้อมกับสบตากับทุกคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มให้หวานๆหนึ่งที พร้อมกับพูดว่า "หนู น้ำมนต์ เองค่ะ พวกลุงพวกป้าก็เคยเห็นหนูนี่คะ เวลาไปทำบุญที่วัด" ลุงกับป้ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วก็ร้อง "อ๋อออออ" พร้อมกัน "นี่เจ้าน้ำมนต์เองรึ หายหน้าหายตาไปซะนานเชียว พอกลับมาทีก็ทำเอาพวกข้าใจหายใจคว่ำหมด" ป้าที่ส่งยาดมให้พูดขึ้น พร้อมกับเอามือทาบอก "ป้า แต่ป้าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกหลวงปู่นะ ไม่งั้นหนูโดนบ่นหูชาแน่เลย" สาวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเพราะว่าเธอไม่อยากถูกพระอาจารย์ดุ เรื่องที่เธอมายุ่งกับสิ่งที่มองไม่เห็นแบบนี้ เธอจึงหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้านทันที
น้ำมนต์ เดินไปพราง คิดไปพราง 'ทำไมคนเรา จึงได้ทำร้ายใครได้ง่ายๆ ขนาดนี้นะ คุยกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นจะต้องฆ่ากันเลย เห้อ.... สุดท้ายแล้วคนที่ทุกข์ ทรมานก็คือพวกเขาเอง' เธอเดินไปถอนหายใจไป
เธอได้ยืนมองดูดาวบนฟ้าระหว่างทางกลับบ้าน คืนนี้ฟ้าสวยจัง ถึงแม้ว่าดวงจันทร์จะมีครึ่งเสี้ยวก็ตาม "โลกนี้สวยงามเสมอ.... แต่คนต่างหากที่ทำให้มันดูแย่" เธอพูดเปรยออกมา ด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ เธอเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือ เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ "กลับบ้านดีกว่า จะได้ไปเม้าให้แม่ฟัง" เธอรีบวิ่งกลับบ้านด้วยความร่าเริง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!