NovelToon NovelToon

กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย

บทที่ 1

ณ ถนนคนเดินเมืองเหยี่ยชิง.. ขบวนเกี้ยวค่อยๆย่างมุ่งไปยังพระราชวังอย่างช้าๆ ผู้คนต่างจ้องมองไม่คลาดสายตา ชมความงามของคนที่อยู่ในเกี้ยว ใครๆก็อยากเป็นคนที่เปิดผ้าคลุมหน้าของเธอออกพร้อมชมเชยใบหน้าของเธอเช่นกัน ต่างคนก็ต่างอิจฉาจวิ้นอ๋องกันทั้งนั้นที่ได้แต่งงานกับลูกสาวตระกูลหานที่ว่ากันว่าเธอเป็นสตรีที่สวยที่สุดในเมือง

"ท่านแน่ใจหรอที่จะแต่งงานกับเขา ตามคำสั่งของนายหญิง เค้าว่ากันว่านะ จวิ้นอ๋อง ฉางเสี่ยวโม่คนนี้ วันๆไม่เอาการเอางาน กินแต่เหล้าเมาทั้งวัน" ไป๋ไป๋ คนใช้คนสนิทของหานเสี่ยวหลานเอ่ยเธอแนบตัวพิงกับเกี้ยวด้านนอกเพื่อฟังคำตอบของนาย ไป๋ไป๋รู้แม้กระทั่งนิสัยใจคอของเสี่ยวหลานเป็นอย่างดี คนแบบนี้นางก็คงไม่ไหวเช่นกัน ถ้าให้ไปอยู่ก็น่าจะกัดลิ้นตัวเองตายเป็นล้านครั้ง

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้าจะอยู่ได้ไหม ท่านแม่กับฮองเฮาช่างใจร้ายต่อข้านัก" เธอพูดด้วยเสียงครวญครางน่าเห็นใจพร้อมสะอึกสะอื้นเล็กๆน้อยๆปนกับความเสียใจเห็นได้ถึงความกระวนกระวายของเธอเอง ก่อนที่เธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

"ไป๋ไป๋.. ข้าจะหนีงานแต่ง" หานเสี่ยวหลานเปิดผ้าม่านออกพร้อมกับกระซิบข้างๆไป๋ไป๋ เธอยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นเพียงหญิงงามตัวเล็กๆ

"เอาเช่นนั้นจริงหรอเจ้าคะคุณหนู เราสองคนไม่ต่างกันเลยนะเจ้าคะ เป็นเพียงหญิงธรรมดาไม่มีวรยุทธ" ไป๋ไป๋พูดเหมือนตัดพ้อ ก่อนจะก้มหน้างุดสมเพชตัวเอง เธอไม่สามารถปกป้องนายของเธอได้แม้แต่ดาบยังไม่กล้าจับ แม้แต่เลือดเธอยังกลัว

"บ้าไปแล้วหรอไป๋ไป๋ เรามีความงาม มันคือวรยุทธอย่างหนึ่งที่คนหาเทียบเท่าไม่ได้" เสี่ยวหลานพูดด้วยความมั่นใจเพื่อทำให้หญิงสาวสบายใจขึ้น ไป๋ไป๋หันไปมองเสี่ยวหลานในเกี้ยวก่อนจะถอนหายใจพร้อมกับงุดหน้าลงอีกที เธอไม่ใช่ผู้ที่หลงในความงามของตนเช่นเสี่ยวหลาน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกดีขึ้น

"ไป๋ไป๋... เจ้าต้องทำอะไรสักอย่างนะให้ขบวนนี้ล่ม แล้วเราก็หาทางออกไปกัน" เมื่อทุกอย่างเงียบไป เสี่ยวหลานก็เอ่ยขึ้นตัดบรรยากาศตามที่เธอคิดได้ตลอดทางตามจุดประสงค์ เธอต้องออกจากตรงนี้ให้ได้ เธอพยักหน้ารัวๆให้กับไป๋ไป๋เพื่อสื่อให้ทำตาม แต่คนตรงหน้ากลับส่ายหัวเบาๆด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

"ก็นะ ไป๋ไป๋อ่า.. ชิ!" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะปิดผ้าม่านลงด้วยความโมโห เธอนั่งทบทวนหาทางออกกับตัวเอง ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าสีแดงกำลังเคร่งเครียดไปหมด เธอจะไม่ยอมโดนเนื้อมืออันแปดเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกของฉางเสี่ยวโม่หรอก เธอจะไม่มีวันเสียครั้งแรกให้กับเขา

"หยุด!!" เสียงของชายปริศนาดังขึ้น พร้อมเสียงฝีเท้าของม้ามุ่งตรงเข้ามายังหน้าขบวน เสี่ยวหลานได้แต่คิดว่ามีคนมาช่วยเธอแน่ๆ ตอนนี้เธอตื่นตัวไปหมด เผยรอยยิ้มเล็กๆขึ้นมา มันตั้งความหวังให้กับเธอ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นก็คือจบกัน

"พวกเจ้าเป็นใคร มาขวางขบวนแบบนี้ หาใช่ที่ตายไม่!?" เสียงของทหารนำขบวนเอ่ย เสี่ยวหลานดีใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอเปิดผ้าม่านเกี้ยวออกก่อนที่จะมองไปยังไป๋ไป๋แล้วพูดว่า

"ไป๋ไป๋ เจ้านี่เล่นตัวเก่งเหลือเกิน ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ช่วยข้าเสียแล้วนะ! เจ้านี่มันนน เดี๋ยวพอกลับถึงจวนเรา ข้าจะซื้ออัญมณีสวยๆให้" เธอพูดก่อนจะยื่นมือไปจับไป๋ไป๋ ที่สีหน้าเคร่งเครียด นางหันไปมองเสี่ยวหลานพร้อมกับส่ายหน้าไปคราหนึ่งก่อนจะหันไปมองชายชุดดำที่นั่งอยู่บนหลังม้า

"เจ้าจะเครียดไปใยกัน ไป๋ไป๋ ว่าแต่เจ้าหาทหารมาได้ยังไงกัน อยู่กับข้าตลอดทางไม่ใช่หรือ" เสี่ยวหลานพูดด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่มบวกกับความสงสัย คนใช้ของนางนี่ข้างในร้ายกาจจริงๆนางคิด

"คุณหนู นั่นไม่ใช่ฝีมือข้า" ไป๋ไป๋หันมาพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนบวกกับส่ายหัวปฏิเสธอย่างเร็วก่อนจะรีบหันกลับไปมองข้างหน้า สีหน้ากระวนกระวายก็เริ่มขึ้น เสี่ยวหลานได้แต่นั่งคิด ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น แล้วตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น เธอนั่งด้วยความสงบเสงี่ยมเพื่อฟังสถานการณ์ด้านนอก

"วางเกี้ยวลง!" เสียงชายปริศนาพูดขึ้นด้วยความหนักแน่น ยากจะขัดคำสั่ง น้ำเสียงที่คุ้นเคยในการสั่งทหาร ดูก็รู้ว่าเป็นผู้มีอำนาจ

"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งพวกข้า!" ทหารหน้าขบวนพูด เสี่ยวหลานได้เพียงคิดว่าหรือนี่จะอันตรายยิ่งกว่าไอ้คนขี้เมาเสี่ยวโม่นั่น

"ทหาร! ไปล้อมไว้ แล้วฉุดตัวหานเสี่ยวหลานกับคนใช้ของนางไป" เมื่อพูดจบทหารที่ซ่อนตัวตามแหล่งต่างๆก็โผลเข้ามาล้อมขบวน เสี่ยวหลานเมื่อได้ยินชื่อของตนก็ตกใจร้อนระอุไปทั่วอก เธอไม่ได้ตกใจกลัวที่มีทหารล้อมหรือล้มขบวน แต่เธอกำลังจะถูกลักพาตัวโดยทหารชั้นต่ำอย่างงั้นหรอ เธอมองดูแขนขาวนวลผ่องของเธอ มันจะโดนจับโดยเนื้อมือหยาบกระด้างของทหารรับใช้พวกนั้น

"เจ้ากล้านัก! ขืนเจ้าทำเช่นนี้ โทษถึงประหาร ฮ่องเต้ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!" ทหารแนวหน้าขบวนเอ่ยก่อนจะชักดาบชี้ไปที่คนซึ่งนั่งบนหลังม้า

"แล้วถ้าข้าเป็นน้องชายฮ่องเต้ล่ะ เขาคงไม่ฆ่าน้องชายของเขาหรอกจริงไหม" คำที่เขาพูดออกมาทำให้คนทั้งขบวนต่างอึ้งไปทั่วหน้าจนต้องหันไปมองกันเอง แม้กระทั่งไป๋ไป๋กับเสี่ยวหลานยังหันหน้าเข้าหากัน เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจถอดผ้าคลุมออกแล้วโยนลงกับพื้นจนดินคลุ้ง เผยให้เห็นคนรูปงามที่นั่งบนหลังม้า ฉางเสี่ยวฉิน

"กระหม่อมบังอาจเกินไปแล้ว.. ได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเถิด ชินอ๋อง" ทุกคนที่อยู่ในขบวนต่างก้มลงแทบพื้นดิน เมื่อเห็นดังนั้น ใครหน้าไหนขัดคำสั่งของเขาก็โทษถึงตายเช่นกัน ชินอ๋องคนนี้ว่ากันว่าโหดเหี้ยมนัก แต่ทว่าตอนนี้เสี่ยวหลานกลับยิ้มเล็กยิ้มใหญ่ ชินอ๋องมาช่วยเธออย่างงั้นหรอ เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน แทบไม่รู้ว่ามีชินอ๋อง นั่นจึงไม่ได้ทำให้เธอกลัวเลยซักนิด

"วางเกี้ยวลง" ฉางเสี่ยวฉินพูดด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อนุ่มนวลไม่ได้หนักแน่นนัก เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่กล้าขัดขืนแล้ว เพียงแต่ตนมีอำนาจสูงสุดสั่งอะไรไปคนก็ต้องทำตามเป็นแน่ เมื่อเกี้ยวหยุดลงกับพื้น เขาจึงหันไปส่งสายตาสั่งทหารรับใช้คนสนิทให้จับตัวของเสี่ยวหลานกับไป๋ไป๋ไปที่จวนของตน

"อย่าลืมบอกจวิ้นอ๋องของเจ้าล่ะ ว่าข้ามาฉุดตัวเจ้าสาวของเขาไปแต่งงานแล้ว" ชินอ๋องพูดก่อนจะยิ้มมุมปากและหัวเราะในลำคอออกมาก่อนจะควบม้าหนีไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ นี่คือการทำร้ายจวิ้นอ๋องที่ดีที่สุด แต่ทว่าคำพูดนั้นกลับทิ้งให้ทหารคนนำขบวนพวกนั้นคิดเล็กคิดน้อย

"แต่งงานกับข้างั้นหรอ" เสี่ยวหลานพูดกับตัวเอง ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และพูดเสียงดังขึ้นว่า "ข้าตกลง! ข้าจะแต่งกับเขา!" ชินอ๋องผู้นี้ดูเป็นคนเก่งกล้าสามารถ นั่นถึงจะเป็นสวามีที่เพียบพร้อมและคู่ควรที่สุด ถ้าให้ข้าแต่งกับจวิ้นอ๋อง ข้ายอมตายดีกว่า

เธอตัดสินใจเดินลงเกี้ยวและยื่นมือให้กับทหารของชินอ๋อง พร้อมกับยิ้มกว้าง อีกไม่นานเธอก็จะได้เป็นพระชายาชินอ๋องแล้วจะได้รู้จักกับทหารคนสนิทของเขาหลายๆคน มันคงไม่เป็นไรถ้าเธอจะยอมให้ชายชุดดำทหารพวกนั้นจับข้อมือของเธอมัดด้วยเชือก แม้แต่ไป๋ไป๋ก็ได้แต่เบิกตาโตเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น

"คุณหนู เดินนำไปเถิด พวกเราไม่จับตัวท่านอย่างนักโทษหรอก ข้าเชื่อว่าคุณหนูไม่หนีไป อีกไม่นานก็ถึงรถม้าแล้ว" ทหารคนนั้นพูดก่อนจะเดินตามหลังคอยกำชับความปลอดภัยให้และพาไปส่งยังรถม้าที่เตรียมไว้

แต่มีเพียงไป๋ไป๋ที่ทำหน้างงได้ตลอดทางที่รถม้าเคลื่อนไป คุณหนูของเธอเป็นอะไรไปแล้วนะ

"เจ้าเห็นไหมไป๋ไป๋ ทหารคนนี้อ่อนน้อม ประนีประนอมกับข้า เขาได้รับคำสั่งจากชินอ๋อง ชินอ๋องผู้นี้ช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก แถมยังเป็นคนดี เขาเหมาะสมกับข้า" เธอพูดก่อนจะยิ้มพร้อมกับหัวเราะคิกคักในลำคอกลบเกลื่อนความเขินอายของเธอเอง มีเพียงไป๋ไป๋ที่เพียงพยักหน้าให้และยิ้มแห้งๆ ก่อนที่จะมองนอกรถม้าสังเกตตามทาง

บทที่ 2

ภายในตำหนักของฉางเสี่ยวฉิน.. เธอได้แต่งงานเข้าจวนของเขาแล้ว นั่นแสดงว่าคืนนี้ทั้งสองเองต้องมีอะไรกัน เธอได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ภายใต้ผ้าคลุมสีแดง นึกถึงค่ำคืนที่กำลังจะถึงนี้

"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู ท่านลองน้ำหอมที่เราได้รับมาจากฝั่งตะวันตกดีไหมเจ้าคะ ชินอ๋องต้องชอบเป็นแน่" เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนตกหลุมรักเขาไปแล้ว ไป๋ไป๋ก็เพียงแค่ต้องยอมรับเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณหนูของเธอต้องมีความสุข เธอยื่นขวดน้ำหอมที่ข้างขวดถูกสลักเป็นกลีบดอกไม้ให้กับเสี่ยวหลาน

"ไป๋ไป๋ เจ้าว่าเขาจะชอบกลิ่นนั้นหรอ" เสี่ยวหลานรับจากมือของเธอ แล้วพลิกขวดนั่นจนทั่วเพื่อดูรอบๆ และลองฉีดลองดมดู

"ข้ามั่นใจว่าท่านอ๋องต้องชอบเป็นแน่เจ้าค่ะคุณหนู ข้าว่าคืนนี้เผลอๆ.." ไป๋ไป๋พูดพร้อมกับชี้สองนิ้วเข้าหากัน ก่อนที่เสี่ยวหลานจะยิ้มด้วยความเขินอาย ตัวบิดเป็นเลขแปดไปเสียแล้ว แล้วพูดว่า "เจ้าก็นะไป๋ไป๋" เธอหัวเราะ

"แฮ่ม! ออกไป!" หัวเราะยังไม่ทันเสร็จ เสียงปริศนาก็ดังขึ้นหลังจากประตูถูกเปิดออก ดวงตาคู่สวยมองไปยังเขา น้ำเสียงที่แตกร้าวนั่นดูน่ากลัวเหลือเกิน แต่เธอก็ได้ยินคำนั้นตั้งแต่ขบวนแต่งงานนั่นแล้วนี่นาทำไมตอนนี้ถึงได้กลัวไปได้ ไป๋ไป๋คำนับก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้เสี่ยวหลานอยู่กับเขา

เสี่ยวหลานเองได้แต่ยืนมองเขาด้วยความตกใจ ตะลึงในรูปร่างหน้าตาที่งดงามยากจะบรรยาย เธอรีบสลัดความคิดออกก่อนจะนึกได้ว่าตนกำลังทำอะไร ร่างเล็กรีบเก็บขวดน้ำหอมลงในกล่องทันที และเดินไปนั่งบนเตียงนอนตามขนบธรรมเนียมของคนที่นี่

"เหม็น นี่มันกลิ่นอะไรกัน" เขาพูดก่อนจะใช้มือยีจมูกตัวเองและมองดูหญิงสาว ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมผ้าคลุมหน้าสีแดง ก่อนที่เขาจะหัวเราะในลำคอเบาๆ

"อย่างแรกเลย ที่ข้าจับตัวเจ้ามา เพียงเพราะข้าต้องการเอาชนะจวิ้นอ๋องนั่น เจ้าอย่าเข้าใจผิดไปล่ะ ฮ่าๆ ถอดผ้าคลุมโง่ๆนั่นออกเถิด" เขาพูดจบก็หัวเราะก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้พร้อมกับหยิบรูปวาดสาวงามขึ้นมาจากกล่องไม้ เมื่อเสี่ยวหลานได้ยินดังนั้นและเห็นท่าทีนั้นเธอก็ตกใจไม่น้อย เขามีคนที่ตนรักอยู่แล้วอย่างงั้นหรอ เขาจับเธอมาเพราะต้องการแก้แค้นจวิ้นอ๋องหรือเปล่านะ เธอไม่ได้สำคัญอะไรกับใครเลย ที่นี่มีรักแท้สำหรับเธอไหมนะ

"ชายหญิงแต่งงงานกัน เป็นสามีภรรยา คนที่ต้องเปิดผ้าคลุมคือสามี" เธอหรี่ตาลงก่อนจะพูดอย่างเรียบนิ่งช้าๆ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นแบบนั้น รอยยิ้มที่เธอเคยยิ้มก็หุบลง

"หึ้บ!" อยู่ๆด้ามพู่กันที่เขาจับอยู่ก็พุ่งเข้ามายังผ้าคลุมของเธอ จนมันเปิดออกและปลิวไปติดที่หน้าต่างโดยมีพู่กันปักอยู่ พู่กันอะไรจะหัวแหลมเช่นนั้นกัน เธอตกใจเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ชินอ๋อง ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็คงคิดว่าเขากำลังฆ่าเธอไปแล้ว เธอกระพริบตาเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเธอ

"เอาพู่กันมาให้ข้าหน่อย" เขาพูดออกมาเสียงหลง ต่างจากตอนแรกที่แหบกร้าว แต่ตอนนี้กลับเสียงทุ่มนุ่มนวล เขาไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง หญิงสาวที่เขาฉุดมาสวยยิ่งนัก จะว่าไปนั่นคงน้อยกว่าผู้หญิงในใจของเขา เขาไม่รู้ว่าเขาหลอกตัวเองหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผู้หญิงตรงหน้าได้ทำให้เขาหวั่นไหวไปแล้วจนได้เผลอยิ้มออกมา ดวงตาคมมองยังพู่กันที่ปักอยู่บนหน้าต่างและมองไปยังเธอ เพื่อสื่อให้เอามันมาให้เขา

"ได้" แม้ว่าเธอจะรู้เห็นเช่นนั้นแต่ยังไงเธอก็ตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว เธอยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชินอ๋องยิ้มให้เธอก่อนที่เขาจะรีบหุบลง เขาคงเสียอาการไม่น้อย เสี่ยวหลานเดินไปดึงพู่กันออกจากหน้าต่างก่อนที่จะมอบให้กับเขา เขาดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก เก่งเรื่องดาบเรื่องวรยุทธ แล้วยังเก่งเรื่องวาดภาพ

"ท่านวาดภาพนั้นเองหรอ" เสียงหวานดั่งน้ำผึ้งเดือนเจ็ดเอ่ย นั่นมันยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ชินอ๋องที่ว่าโหดเหี้ยมยังต้องแพ้สาวงาม เขาสลัดความคิดก่อนที่จะหยิบพู่กันจากมือของเธอมาและทำหน้าเคร่งขรึมเช่นเดิม

"ท่านแพ้ต่อสาวงามอย่างนี้นี่เองสินะ" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่ตอบแต่พยายามเปลี่ยนสีหน้าเป็นปีศาจ เสี่ยวฉินได้เพียงคิดว่าจริงๆแล้วนางอ่อนโยนเช่นนี้หรอกหรอนึกว่าสวยแล้วจะหยิ่งยโส เขาจึงพูดว่า "นี่คือนางในฝัน ข้ารักนาง เจ้าเคยเห็นนางหรือไม่เสี่ยวหลาน" เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถามออกไป ไม่มีใครหน้าไหนกล้าถามหาหญิงอื่นต่อหน้าชายาหรอก

"ขอโทษนะ ข้าไม่รู้หรอก นางสวยน้อยกว่าข้า เทียบเท่าไป๋ไป๋ไม่" หญิงสาวทำหน้าทำตาเยาะเย้ยก่อนที่เธอเองจะเดินไปนอนลงบนเตียงและมองดูเขาที่กำลังทำหน้าตาไม่พอใจ แต่ก็ก้มลงวาดรูปต่อ

"ข้าว่าเจ้ารู้จุดประสงค์ของข้าแล้วนะ ที่ข้าจับเจ้ามาเพียงเพราะอะไร เพราะงั้นข้าไม่ได้รักเจ้า" เขาเอ่ยทั้งๆที่มือก็ยังวาดรูปอยู่ เมื่อมันทำให้อีกฝ่ายเงียบลง เขาจึงยิ้มมุมปากขึ้นและพูดอีกว่า "เมื่อข้าได้พบนาง ข้าจะให้นางเป็นชายาเอก เจ้าจะเป็นแค่สนมเสี่ยวหลิน" เมื่อเห็นว่านางเงียบผิดปกติ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้นางกลับหลับไปไม่รู้หนาวรู้ร้อน สงสัยจะเหนื่อย ฉางเสี่ยวฉินยิ้มออกมาเบาๆก่อนที่เขาจะเก็บรูปภาพนั้นไว้และเดินออกจากตำหนัก

"คำนับท่านอ๋อง" ไป๋ไป๋พูดเมื่อเห็นว่าชินอ๋องเดินออกมาจากตำหนัก

"นางนอนแล้ว เข้าไปดูแลนาง จัดการเรื่องเสื้อผ้าวันพรุ่งให้นางซะ!" เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนน่ากลัว จนทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย

"เพคะท่านอ๋อง!" เธอตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยความกระตือรือร้น ก่อนที่เขาจะเดินหนีไป แล้วเธอก็เดินเข้าไปในตำหนัก

"ถึงขั้นนอนแล้ว คุณหนูของหม่อมฉันช่างมีเสน่ห์ ท่านอ๋องคงชอบน้ำหอมนั่นเป็นแน่ คุณหนูนะคุณหนู" เธอพูดพึมพำก่อนจะยิ้มอ่อนๆ และทำตามที่ชินอ๋องสั่ง

เสียงขลุ่ยที่บรรเลงเพลงด้วยความไพเราะ ชายหนุ่มนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างสงบเสงี่ยม ลมพัดเอื่อยๆทำให้ใบไม้ร่วงล่นในยามค่ำคืนเหมาะกับเนื้อเพลงซึ่งบ่งบอกได้ถึงการโหยหาคนรักที่ห่างกันไกล ใครที่เป่าเพลงนี้ต่างก็ต้องมีจุดประสงค์กันทั้งนั้น

"ผิงเยว่ฉี ถ้าเจ้าได้ยินเสียงเพลงนี้ ได้โปรดมาหาข้า" ฉางเสี่ยวฉินพูดกับตัวเอง มันคือเพลงที่ทำให้ทั้งสองได้พบกัน ครั้งนั้นในป่าไผ่ นางเป็นคู่หูที่อยู่ในสนามรบคู่กับเขา คำสาบานที่ว่าเมื่อรบเสร็จเขาจะขอนางแต่งงาน แต่นางกลับทิ้งเขาไว้และหายไป นางเป็นคนเดียวที่ทำให้ชินอ๋องผู้โหดเหี้ยมกลายเป็นคนดีได้ เพราะนางคือสาวงามในคราบนักรบ

บทที่ 3

ณ จวนชินอ๋อง.. ภายในตำหนักที่ถูกตกแต่งไปด้วยของสีเขียว หันไปทางไหนก็ยังเห็นเป็นไผ่ที่มีสีเขียวสด ไม่มีทางเหี่ยว ถ้าสังเกตตอนกลางคืนจะมองไม่ค่อยเห็น แต่ยิ่งตอนเช้าอย่างกับอยู่ในป่าไผ่ไปเลย ไป๋ไป๋เดินเข้ามาในตำหนักพร้อมกับถือเสื้อผ้าที่พับไว้ในกล่องมากมายเข้ามา

"พระชายา พระชายาท่านจะตื่นเมื่อไหร่กัน แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องแล้วแต่กลับยังใช้นิสัยเดิมอยู่นะเพคะ" ไป๋ไป๋พูดพร้อมกับเดินไปหยิบชามไม้ที่มีน้ำอุ่นๆอยู่ในนั้นซึ่งพาดกับผ้าขาวมาวางไว้ข้างล่างเตียง

"นั่นเจ้าทำอะไร!?" เสียงเคร่งขรึมของชายหนุ่มเดินเข้ามา ไป๋ไป๋ตกใจจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะคำนับชินอ๋อง

"นี่คือน้ำอุ่นสำหรับคุณหนูเพคะ" เธอพูดก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความกลัว ไม่นานเสี่ยวฉินก็จับชามนั้นขึ้นพร้อมกับสาดใส่คนบนเตียง

"กรี๊ด!!!" เสี่ยวหลานสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาราวกับว่าจิตออกจากร่าง เธอมองทั่วเรือนร่างของตนซึ่งตอนนี้เปียกฉ่ำน้ำไปหมดแล้ว

"ไม่ใช่แบบนั้นเพคะ นี่คือน้ำล้างเท้าตอนเช้าให้กับพระชายาทุกๆวันใหม่" เธอรนรานและทำท่าทางปฏิเสธ

"ข้าไม่รู้นี่นา" เขายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะโยนชามให้ไป๋ไป๋รับและเลิกคิ้วใส่เสี่ยวหลานหนึ่งครั้ง ก็หันหลังเดินหนีไปเลย

"ชินอ๋องงงง" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงลากยาวสื่อถึงความโกรธ ดวงตาคู่งามของเสี่ยวหลานจ้องมองเขาด้วยความโมโหเธอขมวดคิ้วแน่น แต่ทว่าเสี่ยวฉินกลับหันมายิ้มและเดินออกไป หญิงสาวโมโหมากจึงโยนหมอนออกไปเพื่อระบาย ขณะนั้นก็มีขันทีเดินเข้ามาพอดีกลับโดนเขาเข้าไปเต็มๆ แพะรับบาปสิ้นดี

"พระชายา" ขันทีผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งเรียบนิ่ง สีหน้าดูไม่เล่นด้วย เธอจึงได้แค่ยิ้มแห้งๆให้กับเขา และบวกกับสีหน้าที่สื่อว่าผิดไปแล้ว

เมื่อเหตุการณ์สงบลงเขาจึงตัดสินใจเอ่ย "ฮ่องเต้ มีรับสั่งให้พระชายากับท่านอ๋องเข้าเฝ้าตามความต้องการของจวิ้นอ๋องพะยะค่ะ" เขาพูดจบก็หันไปพยักหน้าให้ไป๋ไป๋เพื่อสื่อให้แต่งตัวให้กับนาง ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาไม่ได้สงสัยที่ตัวนางเปียกน้ำเลยแม้แต่นิด หรือเพราะจะเป็นเรื่องส่วนตัว หญิงสาวคิด

เสี่ยวหลานนั่งนิ่ง เธอคิดว่าที่ท่านอ๋องเดินออกไปก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าต้องได้เข้าเฝ้า แล้วที่มาตอนนี้ก็คงมาปลุก แต่ช่างกล้านักที่กล้าสาดน้ำที่ใช้ล้างเท้าใส่เธอเช่นนี้

"พระชายา ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเพคะ!" ไป๋ไป๋หันไปพูดก่อนจะลากกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาแล้วทำการเปิดเลือกเสื้อผ้า

"ข้าชอบสีม่วง เอาชุดที่เป็นสีม่วงให้ข้าไป๋ไป๋" เสี่ยวหลินลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา เธอแต่งตัวก่อนที่จะเห็นทุกอย่างในตำหนัก ใบไผ่สีเขียวสด ตำหนักที่มีแต่อะไรเขียวๆ ผ้าม่านเขียวลายไผ่ ของตกแต่งสีเขียว เธอไม่ได้สังเกตมันตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เธอจำได้ว่าภาพวาดของหญิงสาวนั้น มีใบไผ่ด้วย เสี่ยวหลานยิ้มเบาๆ เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องคนนี้ช่างโรแมนติก ตกแต่งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนางในฝันคนนั้นงั้นหรอ

ภายในพระราชวัง ทุกคนต่างยืนอยู่ฝั่งซ้ายฝั่งขวากัน แต่ชินอ๋องกำลังคำนับฮ่องเต้และฮองเฮาอยู่ข้างหน้า ทุกคนต่างจับจ้องมาที่เธอ ที่กำลังจะเดินเข้าไป เธอมาช้าหรอกหรอ

"ถวายบังคมฝ่าบาท" เสี่ยวหลินถวายบังคมก่อนที่จะหันไปมองชินอ๋องที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอมองเขาด้วยสายตางอน ตามที่ผู้หญิงจะเป็น แต่เขากลับถอนหายใจทิ้งใส่เธอ เสี่ยวหลานจึงหันไปทำตาโตใส่เขา

"นั่นไงพะยะค่ะ นางคือพระชายาของหม่อมฉัน ชินอ๋องร้ายกาจนัก กล้าแย่งนางไปจากข้า!" จวิ้นอ๋องพูดด้วยความโมโหตาลุกเป็นไฟ พยายามกรูใส่ แต่ก็ต้องพยายามหยุดความคิดนั่นเพราะสายตาของฮ่องเต้ที่มองมา เขาจึงอุทานออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ได้ดั่งใจ

"ข้าทราบเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็ควรปล่อยไปจริงหรือไม่จวิ้นอ๋อง ข้าว่าชินอ๋องก็คงไม่ได้ตั้งใจหรอก ข้าจะค้นหาสาวงามทั้งแผ่นดินมาคืนเจ้า ดีหรือไม่เล่า" ฮ่องเต้พูดก่อนจะจ้องมองที่เขา นั่นมันเหมือนคำประชดเอาซะเลยถ้าขืนได้ยืนอยู่ต่อคงน่าอาย จวิ้นอ๋องรีบเดินหนีออกไปด้วยท่าทีกระฟึดกระฟัดไม่ได้ดั่งใจ ทุกคนต่างรู้ว่าชินอ๋องเป็นยังไง แถมฮ่องเต้ยังเข้าข้างเขาอีกก็เพราะหวังใช้ประโยชน์จากเขาทั้งนั้นเรื่องนี้เองชินอ๋องก็รู้

"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านชอบกินขนมดอกกุ้ยฮวา จริงหรือไม่" ฮองเฮาเอ่ยปากถามเมื่อทุกคนตกอยู่ในภวังค์เงียบ

"จริงเพคะ หม่อมฉันชอบมาก กินแล้วรู้สึกดี รู้สึกเหมือนมีวรยุทธทั้งๆที่ตนไม่มีวรยุทธเหมือนสวามีเลยเพคะ ชินอ๋องเก่งทั้งวาดภาพ เป่าขลุ่ย เชียวนะเพคะ ซักวันหนึ่งหม่อมฉันจะเรียนกระบี่ปกป้องเขาเองเพคะ" เสี่ยวหลานเชยชมพร้อมกับทำท่าทางประกอบเปรียบเสมือนตนเป็นนักรบ นี่เธอกำลังออกทะเลไปมั่ว ทุกคนต่างหัวเราะให้เธอต่างเอ็นดูกัน แม้แต่ฮองเฮาด้วย เธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรเธอต้องการทำให้ชินอ๋องขายหน้าทุกคน

"เด็กน้อย เจ้าช่างน่าเอ็นดูจริงๆ ถามว่าทำไมข้าถึงรู้ เมื่อเช้าข้าเห็นชินอ๋องไปที่ห้องครัว สั่งให้คนทำขนมดอกกุ้ยฮวาไปที่ตำหนักเจ้า ข้ารู้ว่าเสี่ยวฉินไม่ชอบกิน แต่กลับสั่งคนทำซะงั้น ตอนนี้ข้ารู้คำตอบแล้วล่ะ" ฮองเฮาพูดก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนและมองดูท่าทางของชินอ๋อง

"หือ?" เสี่ยวหลานหันไปมองชินอ๋องที่กำลังเบือนหน้าหนี ที่แท้เขาก็คงจะมีเยื่อใยสินะแต่เพียงท่าทางปากแข็ง เสี่ยวหลานคิดก่อนจะอมยิ้มออกมา

"ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วกระหม่อมขอทูลลา" เสี่ยวฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เย็นเยือกเหมือนน้ำนิ่งในทะเล ก่อนที่เขาจะหันหน้าไปมองชายาด้วยสายตาดุดัน น่ากลัวเสียจริง เสี่ยวหลานคิด

"หม่อมฉันขอตัวเพคะ" หานเสี่ยวหลานคำนับก่อนจะวิ่งตามชินอ๋องออกไป

"ฉินฉิน!!" เธอร้องเรียกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่หยุดเดินเลยแถมยังเดินเร็วอีก สงสัยจะโกรธอะไรไปเสียแล้ว

"เจ้าว่าอะไรนะ!" ชินอ๋องหยุดเดินก่อนจะหันมามองเสี่ยวหลานจากสายตาดุดันก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อกี๊เขาต้องไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ คนที่จะเรียกเขาแบบนี้ได้ก็คงมีแค่ผิงเยว่ฉีเท่านั้น เธอมีสิทธิ์อะไรกัน

"เปล่าๆๆ ข้าขอโทษด้วยละกันเรื่องของวันนี้ ข้าตั้งใจที่ไม่ได้ตั้งใจ" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะเดินผ่านไป แต่แขนเล็กๆของเธอก็ถูกคว้าด้วยมือหยาบกระด้างที่จับดาบมานานของชายหนุ่ม

"เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป่าขลุ่ย หรือเมื่อคืนเจ้าแอบฟังที่ข้าเป่า" เขาถาม แต่ทว่าเสี่ยวหลานกลับอมยิ้ม มันเป็นครั้งแรกที่เขาจับตัวเธอ ช่างอ่อนน้อมเหลือเกิน

"ข้าไม่ได้แอบฟัง ข้าเพียงเห็นขลุ่ยของท่านวางอยู่ในตำหนักที่ถูกแกะสลักเป็นชื่อผิงเยว่ฉี มันวางอยู่ข้างๆกับภาพวาดของนางแถมตำหนักยังมีแต่อะไรเป็นไผ่เต็มไปหมด สดชื่นเนาะ" เสี่ยวหลานพูดกระพริบตาเล็กน้อยแบบไม่พอใจเมื่อเห็นว่าคนที่ตนรักกลับเคยมีใจให้ใครมาก่อน พร้อมกับมอบตำหนักป่าไผ่นั่นให้เพราะหวังว่านางจะได้เป็นชายาเอก

ชินอ๋องไม่พูดอะไรเพียงแต่ปล่อยแขนของเสี่ยวหลานลงอย่างแรงและเดินหนีไปด้วยท่าทางเคร่งขรึม ในใจโกรธเป็นไฟเมื่อผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้เข้ามาจุ้นจ้านในความรักของเขาเฉกเช่นนี้ ช่างบังอาจ และเมื่อเช้าที่สั่งทำขนมดอกกุ้ยฮวาไปให้เพราะหวังดี

เสี่ยวหลินกลับไปที่ตำหนักแต่พบว่าไป๋ไป๋กำลังขนของออกมา

"เจ้าทำอะไรน่ะไป๋ไป๋" เสี่ยวหลานตกใจมากจึงรีบถามออกไป กวาดสายตาไปเห็นขนมดอกกุ้ยฮวาที่ถูกโยนทิ้งลงกับพื้น

"ชินอ๋องมีคำสั่งให้พวกเราย้ายไปอยู่ตำหนักอื่นเพคะพระชายา เขาบอกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับคนแพศยาอย่างพวกเรา" ไป๋ไป๋เอ่ย

"กล้ามาก! ขนกลับเข้าไปเหมือนเดิม! ข้าจะไม่ออกไปไหน แล้วก็ลื้อของต่างๆที่เกี่ยวกับป่าไผ่นั่นออกไป รูปภาพกับขลุ่ย เอาออกไปซะ" เสี่ยวหลานพูดด้วยความโมโหที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน ในเมื่อเธอเป็นพระชายาเอก นี่คือตำหนักของชายาเอก จะมีใครกันล่ะที่จะเข้ามาพรากตำแหน่งนี้ไปได้ เสี่ยวหลานเดินไปกระโดดเหยียบขนมกุ้ยฮวาจนเละด้วยความโกรธ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!