ณ มหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวในโลกที่มีแต่ผู้ชาย...แถมมีกฏว่าต้องอยู่หอกันทุกคน แยกหอเป็น 4 ตึกขนาดใหญ่ แยกตามระดับชั้นปี จำกัดการเข้าเรียนไม่เกินชั้นปีละ 300 คน ทุกคนจะมีห้องส่วนตัวของตัวเอง แต่จะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น ทีวี คอมพิวเตอร์ แต่จะมีแค่ในห้องรวมเท่านั้น ซึ่งเวลาจะใช้ต้องขออนุญาตหัวหน้าตึกที่เป็นพี่ปี 3 และครูที่ปรึกษาหอ สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือ ทุกคนที่มาเรียนที่นี่จะต้องถูกคัดสรรความสามารถพิเศษที่มีมาตั้งแต่เกิด มหาลัยจึงถูกสร้างไว้ในป่าภายในหุบเขา ห่างจากตัวเมืองหลายร้อยกิโลเมตร
มหาวิทลัยก่อตั้งโดยเจ้าขุนมูลนายสมัยก่อน ที่ค้นพบว่าตัวเองมีความพิเศษแตกต่างจากผู้อื่น เกิดจากพันธุกรรมที่จะมีแค่ 1 เดียวเท่านั้นในลำดับชั้นของตระกูล บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่อยู่หลังมหาวิทยาลัย ตั้งโดดเดี่ยวเป็นที่พำนักของท่านผู้ก่อตั้ง ที่ถูกเรียกขานกันว่าคุณชาย
ว่ากันว่าความสามารถพิเศษของตระกูลท่านผู้ก่อตั้ง คือ การแปลงร่าง และลงเวทมนต์ในอาวุธทุกชนิดเพื่อให้ไปในทิศทางที่ต้องการ หรือแม้แต่การฆ่า ก็สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ใครตาย แถมสามารถเขียนยันต์สะกดวิญญาณได้อีกด้วย
"เพราะฉะนั้น ในบ้านจะมีห้องเก็บโหลวิญญาณจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นปีศาจ หรือไม่ก็ภูตผีชั้นต่ำ ผู้เป็นทายาทจะสามารถปลดปล่อยและเรียกใช้งานได้แต่เพียงผู้เดียว"
พระพรายพยักหน้า ปู่เล่านิทานหลอกเด็กอีกแล้ว ใครจะเก่งอะไรขนาดนั้น
"พระพรายไปเรียนที่นี่ อย่าก่อเรื่องอีกละ ปู่ไม่อยากขายหน้ามากไปกว่านี้แล้ว"
ชิ!! ใบหน้าเรียวขาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ทำปากมุบมิบ ใครใช้ให้ปู่มีหน้ามีตาในสังคมละ. ใครใช้ให้พาพระพรายไปแนะนำคนนั้นคนนี้จนเป็นที่รู้จัก ใครใช้ให้คนอื่นมาพูดว่าถ้าพระพรายไม่มีปู่คุ้มกะลาหัว ป่านนี้คงเป็นเด็กเลวๆ คนหนึ่งที่เป็นแค่กุ้ยข้างถนน...
"หลานไม่ได้เป็นดั่งเค้าว่า หลานจะคิดมากทำไม"
หันมาบอกคนพูด เบื่ออะ!! ทำไมต้องอ่านความคิดคนอื่นด้วย.
"อีกอย่างหลานเป็นหลานของปู่ หลานคนเดียว อย่าทำให้ปู่ปวดใจมากไปกว่านี้เลย"
พระพรายหลับตา พยายามไม่คิด เพราะความสามารถพิเศษของปู่ คืออ่านใจคนได้. แต่พระพรายกลับไม่มีอะไรเลย ทั้งๆ ที่จะ 18 แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรที่บอกว่าพิเศษเลย ต่อยตีกับคนอื่นนี่ความสามารถล้วนๆ บอกเลย. เค้ายังจำได้ว่า ปู่บอกอย่างมั่นใจว่าพระพรายมีสิ่งที่พิเศษและสำคัญว่ารุ่นไหนๆ ของตระกูล แต่ช่างมันเถอะ ใครจะไปอยากจะมีกัน...ผิดมนุษย์มนาขนาดนั้น
"ปู่ไม่อ่านใจหลานแล้ว อย่าต่อต้านเลย"
"ขอบคุณฮะ"
พระพรายหันไปมองหน้าคนพูด ปู่จะรู้ไหม ปู่เป็นคนแก่ที่หล่อมาก ผิวหนังตึง ไม่มีรอยย่นสักขีด อายุจะ 50 ทำไมต้องหน้าตาดีแบบนี้ด้วย ตาสวย ริมฝีปากได้รูป เหมือนมองตัวเองเลย....
"เปิด"
ประตูรถเปิดแบบไม่มีใครเปิดที่ปลดล็อค มันเปิดเมื่อถึงสถานที่ที่ต้องการมา มหาลัยในนิทานของปู่ ตึกสีขาวใหญ่โตราวกับวัง ไม่ใหญ๋โต แต่มีครบครัน ที่แรกที่ผ่านและทำให้พระพรายสนใจ คือ อาคารกีฬา ที่ไม่ได้ปิดทึบ แต่เป็นกระจกโปรงใสทั้งอาคาร ทั้ง 3 ชั้น มันดูน่าทึ่งมากๆ ที่เห็นคนเล่นกีฬาแต่ละชนิดในมุมภาพเดียวกัน
"ลงมาได้แล้ว ปู่จะเข้าไปคุยกับเพื่อน อย่าดื้อละ"
ร่างสูงใหญ่สั่งเอาไว้ก่อนเดินเข้าไปในอาคารที่เขียนว่าสำนักอำนวยการ พระพรายหันซ้ายแลขวา สักพักก็มีผู้ชายหน้าตาดี สูงโปร่งเดินออกมา หยุดมองหน้าพระพรายก่อนจะพูด เพราะแน่ใจว่าคนตรงหน้าคือคนที่ถูกมอบฟมายให้มาดูแล
"พระพรายใช่ไหม"
"ฮะ"
พระพรายพยักหน้า มองนิ่งอย่างที่ชอบทำ ดวงตาเรียวทีร่องรอยของความหวุดหงิดใจ
"ฉันชื่อเพชรอนันต์ อยู่ห้องเดียวกับนาย และรับหน้าที่ให้ดูแลนายด้วย"
"อือ"
ไอ้เด็กนี่กวน!! เพชรอนันต์คิดในใจ พยักหน้าทำเสียงในลำคอ จากที่ฟังคนแก่สองคนคุยกันด้านในก็รู้ว่าเอาเรื่องเอาราวใช่ย่อย...แต่ที่นี่ไม่เหมือนข้างนอกนั่น ต้องอยู่ในกฏ ไม่งั้นจะโดนดี
"ไปรอตรงนู้น ฉันจะไปหาอาจารย์ก่อน อย่าไปไหนละ"
บอกแล้วก็เดินออกไป ทิ้งพระพรายเอาไว้อีกคน ร่างเพรียวบาง ทำหน้ายู่ใส่ตามหลัง หน้าตาก็ดี ทำไมพูดไม่เข้าหูเลย....ข้างบนนั้นเค้าคุยอะไรกันนะ ทำไมปู่ถึงไม่ลงมาสักที ปล่อยให้ใครไม่รู้มาสั่ง ปีนขึ้นไปแอบฟังดีไหม...ดีปะ....ดีไหมน๊า!! มารู้ตัวเองอีกที อ้าวปีนขึ้นมาแล้ว....มองร่างสูงของปู่ที่อยู่ในห้อง มองจากนอกระเบียง ทำไมปู่กอดผู้ชายคนนั้น คุยอะไรกันนะ ทำไมต้องเครียดแบบนั้นด้วย...มีอะไรที่เกี่ยวกับพระพรายรึเปล่า....เหมือนจะมีคนจับความคิด เพราะปู่หันมามอง พระพรายกระโดดหลบลงไปอีกชั้น เอียงคอมองคนที่อยู่ในห้องด้านใน...ต้องตาต้องใจเหลือเกิน จนไม่อาจขยับไปไหนอีก จนร่างสูงในชุดสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินออกไปจากห้อง พระพรายตามลงมาอีกชั้น และเดินตามไปจนถึงอาคารโรงอาหาร
เค้าเป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ ออกสวยเลยละ ใบหน้าขาวเนียนไร้ที่ติ ไม่มีจุดด่างดำให้ดูแล้วสะดุดเลย เค้าทำอะไรก็ดูดีไปซะหมด สรุปจากการที่พระพรายนั่งมองเค้ามาเป็นชั่วโมงระหว่างที่รอ มีแต่คนสนใจ และอยากจะรู้จัก. ติดแค่ว่าใบหน้าเรียวสวยนั่นเย็นชา ขาวนิ่งดุจหินผา แต่กลับดูงดงามราวกับภาพวาด ดวงตาดุๆ ดำสนิท มันดูเหมือนมีมนต์อยู่ในนั้น ยามที่เงยหน้ามองใคร คนๆ นั้นก็จะมีอยู่สองอาการ คือถ้าไม่หวาดกลัว ก็จะตกหลุมเสน่ห์ไปเลย....ความคิดสะดุดลงเพราะมีคนเรียกนี่แหละ
"พระพรายๆๆ "
เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อตื่นจากภวังค์ หันไปมองคนเรียกเพื่อนใหม่ของเค้านั่นเอง เพชรอนันต์ ดูแบบนี้เลยเห็นชัดว่าเป็นผู้ชายผิวสองสี ใบหน้าหล่อเหลาแบบดูดี แต่ไม่จัดเท่ากับคนที่พระพรายแอบมอง มันน่าเบื่อมากๆ กับการย้ายเข้ามาเรียนกลางภาคเรียนในแต่ละที่ เพราะต้องปรับตัวใหม่ หาเพื่อนใหม่ สังคมใหม่. ที่เป็นแบบนี้เพราะดันไปมีปัญหาทำร้ายร่างกาย ลูกชายผู้อำนวยการก็มันจะปล้ำพระพรายจะให้ทำยังไง
"อาจารย์บอกให้ไปรายงานตัว"
เพชรอนันต์ดึงแขนเสื้อรั้งให้เดินตามมา ไม่ได้สนใจว่าพระพรายจะตามมารึเปล่า
"ฉันจะรอปู่ก่อน"
พระพรายยื้อตัวเองไว้
"ปู่นายกลับไปแล้ว"
เพชรอนันต์บอกเสียงเรียบ แต่คนฟังทำตาโต ก่อนจะเป็นหน้าบึ้ง. หนอย!! เอามาส่งแล้วหนีเลยนะ...ไอ้ปู่บ้า. เคืองใจกับปู่ แต่ตามองคนน่าสนใจตรงนั้นไม่วางตา นั่งเฉยๆ ให้คนเอาหารมาวางตรงหน้า ยังดูดีเลยอะ คนอะไรวะ....
"นายอย่าไปมองเค้ามาก เค้าไม่ชอบ"
พระพรายหันมามองหน้าคนพูด สนใจจะฟังขึ้นมาทีนที วิ่งตามให้ทัน
"นายรู้จักเค้าเหรอ"
พระพรายถามอย่างสนใจ น้ำเสียงตื่นเต้น
"ใครๆ ที่นี่ก็รู้จัก"
เพชรอนันต์ ดึงตัวพระพรายให้หลบกลุ่มคนที่เดินสวนมา
"เหรอ!! เค้าชื่ออะไร"
เพชรอนันต์หยุดเดินและหันมามองหน้าคนช่างซัก ใบหน้าขาวใส ดวงตากลมโต ผิวสีขาวอมชมพู.ตัดกับริมฝีปากสีสวยได้รูป พึ่งเห็นว่าเพื่อนใหม่หน้าตาน่ารักน่าชัง....
"ชื่ออะไร ก็ไม่เกี่ยวกับนาย ถ้าจะรู้จักเค้า ๆ จะเป็นคนบอกเอง"
โอ้ว!! มายก๊อด การรู้จักใครสักคนมันลำบากแบบนี้เลยเหรอ เสียงตุ้บตั้บทำให้หันกลับไปมอง พี่ชายรูปหล่อไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิด กลับเป็นผู้ชายสองสามคน รุมทำร้ายผู้ชายอีกคนที่ดูออกว่าบอบบางแค่ไหน ไม่สู้คนเลย. กล่องช็อคเกอร์แลตตกลงมา ของข้างในแตกไม่มีชิ้นดี
"ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าคุณชายไม่รับของๆ นาย"
"แล้วก็เลิกตาม เลิกถ่ายรูปได้แล้ว คุณชายฉันไม่ชอบ"
"หน้าตาแบบนาย อย่าได้หวังสูงนักเลย"
โอ้โห้!! ถ้าพระพรายเจอคำพูดแบบนั้น คงจะวิ่งหนีอะ แล้วคงไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย. แต่ผู้ชายคนนั้น กลับพยายามจะเข้าใกล้คนที่ไม่ได้มองมาแม้แต่น้อย
"ได้โปรดคุยกับผมเถอะ ผมชอบคุณชายมากๆ เลยนะ"
"คุณชายน้ำ...."
เสียงตบโต๊ะดังปัง ใบหน้าหล่อเย็นชาหันมามอง ลุกขึ้นยืน สะบัดหน้าเดินออกไป กลุ่มผู้ชายสามคนก็รุมยำนะสิ ขณะที่อีกคนไม่มีคำพูดหลุดออกมาเลย มีเพียงสีหน้าที่บอกว่าเจ็บ....
"คาถาปิดปาก"
เพชรอนันต์ส่ายหน้า...พึมพำออกมา
"พระพราย..อย่าไป..."
เพชรอนันต์เกาหัวตัวเอง. ถึงจะเก่งมาจากไหน รวยล้นฟ้า แต่ที่นี่จะมาออกฤทธิ์ออกเดชไม่ได้หรอก วิ่งตามร่างเพรียวบาง ที่กระโจนใส่กลุ่มผู้ชายสามคนที่รุมสะกำคนที่กองบนพื้น
"หยุดนะ"
เสียงตะโกนดังก้อง ดังมากพอที่คนพึ่งเดินออกไปจะได้ยิน และหันกลับมามอง
"พวกนายรุมเค้าแบบนี้ ไม่ละอายกันบ้างรึไง"
พระพรายลากคนเจ็บออกมาให้ห่างจากโซนอันตราย สามคนนั้นทำท่าจะเข้ามา
"เข้ามาฉันชกจริงๆ ด้วย"
คราวนี้เกิดการชะงัก
"นายเป็นใคร ไม่เคยเห็นหน้า"
"รู้ไหม!! พวกเราคือใคร อย่ามาอวดดี"
พระพรายยืดตัว ยกยิ้มแบบกวนๆ ใส่ แต่มันน่ารักมากกว่าน่าต่อย
"ไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้ด้วย"
"ปากดีนักนะ ไม่เกี่ยวก็หลบไป"
"ไม่งั้นโดน"
หนึ่งในสาม ป้ายชื่อบอกว่า ภิญโญ ท่าทางเข้มสุด เดินออกมาจะเอาเรื่อง
"ไม่หลบ จนกว่าพวกนายจะปล่อยเค้าไป"
เพชรอนันต์ถอนหายใจ ว่าจะไม่ยุ่งแล้วนะเนียะ ไอ้เด็กมาใหม่ทำไมมันวอนหาเรื่องตั้งแต่วันแรกเลยวะ
"ห้ามใช้คาถาในเวลาเรียน กฏของที่นี่นายน่าจะจำได้นะ"
เพชรอนันต์เดินขึ้นมาบังตัวพระพราย
"อย่ามีเรื่องกันเลย ปล่อยเค้าไปเถอะ"
สามคนหันมามองเพชรอนันต์แล้วก้มหัวให้ แล้วมองหน้าพระพรายก่อนจะเกินออกไป. ทำไมมันง่ายงี้อะ...พระพรายละงง เดินไปจับแขนผู้ชายคนนั้นให้ลุกขึ้น
"นายเป็นอะไรไหม"
พระพรายช่วยเก็บของ ยื่นส่งให้
"ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว"
โอ้โห้!! รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ มีคำว่าชินด้วย...ที่นี่เค้าเรียนกันยังไงวะเนียะ...ปู่บอกว่าเข้มมาก ระเบียบจัด พระรายมาเรียนจะได้ดัดนิสัยให้เป็นคนดีกับเค้าบ้าง...ไม่ใช่พระพรายเลวนะ. แต่เพราะพ่อกับแม่เลิกกัน พระพรายอยู่กับปู่ ปู่ก็ทำงาน ไม่มีเวลาดูแล พอมีปัญหากับจับเปลี่ยนโรงเรียนอย่างเดียว ปีนี้ถือว่านี่คือสถานศึกษาที่เจ็ด...ไม่รู้เส้นใหญ่แค่ไหน แต่รู้ว่าเข้าได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย....
"ขอบใจนะ. ฉันชื่อนินจา นายชื่ออะไร"
"ฉันชื่อพระพราย ภัครคินันทร์. เลิศภิรมณ์"
นินจามองตามคนที่บอกชื่อเล่น ชื่อจริง พร้อมนามสกุล รอยยิ้มสดใสบนหน้า โบกมือให้เพราะโดนคนๆ นั้น ดึงกระเป๋าเป้ลากออกไปอย่างรีบเร่ง
เพชรอนันต์พาไปหาอาจารย์ ให้พระพรายแนะนำตัวหน้าชั้นเรียน ก่อนจะมานั่งคู่กันรอเวลาเรียนคาบต่อไป
"นายต้องระวังเอาไว้"
พระพรายหันมามองเพื่อนใหม่ที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าที่คิด
"ทำไม"
"นายมีเรื่องกับแก๊งนั้น ภิญโญ มันมีความพิเศษที่พละกำลัง ระวังโดนมันสาปเป็นสัตว์ประหลาด. ส่วนสองคนนั้นความสามารถพิเศษ คือ ทำให้คนกลายเป็นน้ำแข็ง คาถาประจำตัว คือ บอกความจริง"
พระพรายทำตาโต. นี่มันเรื่องจริงๆ เหรอ สิ่งที่ปู่บอกมันมีอยู่จริง แล้วเอาเค้ามาไว้ที่นี่ทำไม
"นายมีความสามารถพิเศษอะไร"
เพชรอนันต์ถามอย่างสนใจ
"ยิ้มสวย 😊😊😊😊😊"
พระพรายชี้นิ้วที่แก้มแล้วฉีกยิ้ม เพชรอนันต์อนันเบะปาก เมินหน้าทำเอาคนยิ้มขัดใจ
"ไม่มี"
คำตอบทำเอาคนถามหันมามองแบบไม่เชื่อหู
"แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
พระพรายถอนหายใจ ส่ายหน้า ก็ไม่รู้เหมือนกัน....
"อายุยังไม่ถึง 18 ปี รึเปล่า ความสามารถถึงไม่ปรากฏ"
เพชรอนันต์ถามอย่างเป็นห่วง มาอยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรเลยถือว่าเป็นแกะดำ ชักไม่ดีแล้วสิ!!
"นายแอบอ่านประวัติฉัน"
พระพรายลุกขึ้นพูดเสียงดัง หน้าตาไม่พอใจ จนเพื่อนๆ ในห้องหันมามอง
"นั่งลง"
พระพรายทำหน้างอ ไม่ยอมนั่ง ตอนนี้หัวร้อน. ประวัติที่ไม่ได้อายหรอกที่ไปต่อยตีกับเค้ามา แต่คนอ่านได้มันต้องเป็นครูหรือคนอื่นๆ ไหม ที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นเรียน
"นั่งลง อย่าลืม ฉันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่นายรู้จักนะ"
เพชรอนันต์ขู่ ดึงให้พระพรายนั่ง ทำไมแก้มมันน่าบีบจังว๊า!!! งอนแบบไม่พูดด้วย หน้าตาน่ารักขนาดนี้ ทำไมมีแต่ประวัติขึ้นห้องปกครอง ต่อยตี โดนไล่ออก หัวดีแต่ขี้เกียจ....คะแนนเรียนเลยครึ่งๆ กลางๆ แต่ก็อยู่ในระดับดี
"ฉันว่า ฉันรู้ว่านายมีความสามารถพิเศษอะไร"
เพชรอนันต์หันมาชวนคุย เพื่อเรียกความสนใจ
"นายโกหก ฉันไม่รู้ นายจะรู้ได้ยัง"
พระพรายหันมาง๊องแง๊งใส่....แต่ดูเหมือนเพชรอนันต์จะมั่นใจว่าน่าจะใช่.....แต่ว่าต้องไปดูในตำราโบราณอีกรอบ
"เจ็บใจไอ้เด็กอวดดีนั่น"
ภิญโญ ทุบกำปั้นกับมือตัวเองอย่างเจ็บใจ
"เอาไงดีคุณอัคร ไปเล่นมันต่อเลยไหม"
ชายหนุ่มเจ้าของชื่ออัครพล ลูกชายเจ้าของธุรกิจอสังหา เพื่อนเพียงคนเดียวของคุณชายคิมหันต์ ผู้เย็นชา กำลังบรรเลงเปียโนด้วยอารมณ์สุนทรีย์
"เท่าที่พวกนายเล่ามา ฉันยังหาสาระไม่เจอเลย ยังจะชวนฉันไปเล่นงานคนไม่รู้จักอีก ไม่เกินไปหน่อยเหรอ"
พูดเสร็จก็เล่นเปียโนต่อ ปล่อยให้ภิญโญกระฟัดกระเฟียดมองหน้าเพื่อนอีกสองคน ฉัตรเงิน ฉัตรทอง พี่น้องฝาแฝดอย่างหาคำปรึกษา
"อย่าก่อเรื่องละ ถ้าครั้งนี้คุณชายโกรธ ฉันจะไม่ช่วยอีกแล้วนะ"
เสียงบ่นตามหลังไป ภิญโญ หาได้ใส่ใจไม่ เพราะถึงอย่างไรคุณชายก็ไม่เคยว่าอะไรเค้าแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นตอนนั้น เด็กผู้ชายผอมบางร่างน้อย ผิวขาวราวกับคนเป็นโรค คนที่อ่อนแอและคอยแต่จะออดอ้อนให้คุณชายดูแลอยู่ตลอดเวลา ภิญโญไม่ได้สนใจถึงความสำคัญ แถมไม่รู้จักเด็กนั้นมาก่อนด้วย ครั้งนั้นทำให้ผลั้งมือทำร้ายจนเด็กนั่นต้องออกจากมหาลัยไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ คุณชายโกรธมาก ใช้ไม้ฟาดที่หัวเค้าจนเป็นแผลเป็นมาจนทุกวันนี้ มารู้ทีหลังว่าเด็กนั่นเป็นลูกชายเพื่อนแม่ที่ถูกส่งมาอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก แต่มันสายเกินกว่าจะแก้ตัว. แต่เพราะหลังจากนั้นคุณชายช่วยชีวิตเค้าไว้จากการโดนรถชนโดยไม่สนใจว่าเค้าจะทำอะไรไว้. ทำให้ภิญโญเทิดทูนคุณชายยิ่งกว่าอะไร ทุกคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ ก็อย่าหมายว่าจะได้เข้าใกล้เลย....
"พระพรายละ.."
ทุกคนตะโกนเรียกหาในห้องเรียน บ้างว่าน่าจะกลับหอ บ้างว่าน่าจะไปแอบนอนในห้องพยาบาล แต่เพชรอนันต์รู้ว่าเจ้าตัวแสบนี่ไปไหน มาไม่กี่วันป่วนไปหมด แต่เพราะเป็นคนอัธยาศัยดี หน้าตาน่ารัก ใครๆ ก็เอ็นดู แถมอายุน้อยกว่าทุกคนในห้องตั้งสองปี (ปี 1)
"นี่ๆ ชื่ออะไรอะ"
คิมหันต์มองก้อนหินที่หล่นลงมาข้างตัว ขณะที่เค้ากำลังเรียนยิงธนูอยู่. ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาจนอาจจะทำให้คนโดนมองเป็นน้ำแข็งก็เป็นได้. ไล่สายตามองหาต้นตอ....แล้วหันกลับไปสนใจเรียนต่อ
พระพรายนั่งเท้าคางบนต้นไม้ ไหนบอกห้ามใช้คาถาไง ไอ้คนนั้นก็ใช้ ไอ้คนนี้ก็แอบใช้ ทำไมรู้นะเหรอ ก็ไม่รู้เห็นละมั้ง.....
คิมหันต์มองกระดาษที่ม้วนมากับก้อนหิน หลุบสายตาลงมอง ปรายตามองทิศทางที่มาก่อนจะใช้ปลายคันธนูเขี่ยๆ และดีดกลับไป
"โอ๊ย!!! "
พระพรายคลำหน้าผาก ไม่มองมาสักกะนิด แล้วรู้ได้ไงว่าอยู่ตรงนี่อะ.....เพชรอนันต์บอกว่าคุณพี่หิมะนี่อยู่ปี 3 เป็นหัวหน้าหอ และเป็นผู้คุมกฏของมหาลัยทั้งหมด ไม่เข้าใจตัวเองถ้าดื้อรั้น หรืออยากเผือกรู้ชื่อเค้า แต่เพราะถามกับใคร ไม่มีใครบอกสักคน แถมเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่ติดชื่อ สุดยอด...จริงๆ ปีนลงมาแบบวันนี้ขอยอมแพ้ก่อน วันหน้ามาใหม่
"นี่แก เมื่อไหร่จะเลิกตื้อสักทีวะ"
ยังลงไม่สุดเลย พ่อก็มายืนเขย่าต้นไม้จนสั่นโงนเงน
"ตรงนี้ เค้าห้ามเข้า อ่านหนังสือไม่ออกเหรอ"
ภิญโญ ยืนท้าวเอวค้ำหัวคนที่ตกลงมา แล้วก้มตัวหลบครูสอนยิงธนูตรงพุ่มไม้
"ไม่ได้ตื้อสักหน่อย"
"แค่อยากรู้จัก"
"ไปไหนก็ไปชิวๆๆ "
พระพรายเถียง โบกมือไล่ให้ภิญโญถอยไป เพราะเค้าจะมองคนนู้น คนที่กำลังขึ้นสายและเล็งเป้า อีกอย่างป้ายมันบอกคลาสเรียนชั้นสูง ไม่เห็นมีคำว่าห้ามสักหน่อย ใครจะไปรู้ละ
"ออกไปเลยนะ"
ภิญโญไล่อีก สักพักสองแฝดก็มาช่วยตอกย้ำ สองสามวันการเห็นหมอนี่เพ่นพ่านรอบตัวคุณชายถือเป็นเรื่องปกติ แต่ที่มันทนอยู่ได้นี่ยิ่งกว่าปกติ ภิญโญขนาดถึงกับเอาน้ำแข็งไล่สาด มันก็มาเอาคืนวันหลัง ต่อปากต่อคำเก่ง แถมเอาคืนเก่ง พอๆ กัน
"นี่นายๆ "
แฝดพี่น้องมองหน้ากันมันเรียกใคร
"สองคนนั้นแหละ คนนั้นเค้าชื่ออะไร"
บุ้ยใบ้ไปทางคนหล่อ 2019 น้อยคนนักจะมีท่าทางดึงดูดพระพรายได้ขนาดนี้ ก็แค่ชอบ อยากเป็นเพื่อนไม่ได้เลยเหรอ คนเราจะต่างชนชั้นยังไงก็ต้องเป็นเพื่อนกันได้....
"เค้าไม่บอกหรอก ไม่ต้องอยากรู้"
แฝด 1 บอก
"นายควรรีบไป ก่อนที่คุณชายจะรู้เรื่องนายมาตามแอบมองเค้าทั้งวี่ทั้งวันแบบนี้"
แฝด 2 เตือน พระพรายจำไม่ได้ว่าคนไหนเป็นคนไหน
"บอกชื่อเค้ามาก่อนสิ"
พระพรายเล่นแง่ วิ่งหลบภิญโญ ที่ยกเก้าอี้ม้าหินอ่อนวิ่งตามเตรียมทุ่มใส่ โดยมีสองแฝดทำน้ำแข็งปลายแหลมพุ่งเข้าใส่ จนวิ่งหลบแทบไม่ทัน
"ฉันจะฟ้อง นายด้วยแลัวก็นายด้วย"
พระพรายตะโกนอย่างโมโห มองเส้นการวิ่งของน้ำแข็งแบบชัดเจน ว่ามันจะหล่นตรงไหน
"ฟ้องอะไร ไหนพูดมาดิ"
ภิญโญ วิ่งแบกเก้าอี้ตามมาติดๆ
"ใช่ พูดมาสิ ฟ้องพวกเราเรื่องอะไร"
สองแฝดที่วิ่งขนาบข้างพูดเสริม
"นายใช้เวทมนต์คาถา ในเวลาเรียน คราวนี้สามคนก็เบรคตัวโก่ง หยุดยืนมองหน้ากัน
"โกหก ใครจะใช้ กฏบอกเอาไว้ ใครจะทำ"
ภิญโญวางเก้าอี้ลง ทำหน้าอินโนเซ็นมาก ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังกะฆาตรกรโรคจิต
"นายนะแหละ กะไอ้คู่แฝดนรกเนียะ"
พระพรายชี้หน้า สองแฝดทำท่าโมโหเพราะโดนด่า
"พีี่แฝดคนหล่อ"
เปลี่ยนท่าทียังกะเปลี่ยนกางเกงใน ฉัตรทองยิ้มขำๆ ส่วนฉัตรเงินทำหน้าบึ้ง
"นายจะไปไหนก็ไป อย่ามาแถวนี้อีก"
ฉัตรเงินไล่ ใบหน้าขาวๆ หล่อแบบคนเกาหลี มองไปทางคุณชายที่เคารพ หายไปแล้ว....ตระกูลเค้ามีหน้าที่อารักขา
"พีีใหญ่ คุณชายไปแล้ว"
ฉัตรทองขยับตัวทันที พาเดินกลับแบบทั้งขบวน
"นายจะไปไหน"
ภิญโญหันมาถาม วันนี้พักรบกะมันก่อน หน้าตาน่ารักขาวอมชมพู ถ้ามันไม่ดื้อร้ายๆ มันจะน่ารักกว่านี้
"หอนายไปทางนู้น"
เดินขยับอีกสองสามก้าว ก็มีคนดื้อตามมาอีก....ร่างสูงใหญ่หันกลับมา
"ถ้าตามมาอีก ฉันจะทุ่มนายให้จมกับดินเลย"
พระพรายหยุดเดิน มองตามร่างสูงของสามผู้รักขาคุณชายไป ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจ อยากรู้จังนิสัยจริงๆ ของคุณชายหิมะ นี่เป็นยังไงนะ
"หายไปไหนมา"
พระพรายเบ้ปาก นี่ก็ถามได้ทุกวัน มองเพื่อนคนเดียวที่เริ่มสนิทด้วย และเป็นคนเดียวที่กล้าดุ กล้าว่า
"นายอย่ามาใช้คาถาบังคับให้ฉันตอบ"
เพชรอนันต์นิ่งไป การใช้คาถาคือการที่ผู้ถูกกระทำจะมองไม่เห็น แล้วใยเจ้าเด็กนี่ถึงรู้ละ ไหนบอกไม่มีความสามารถพิเศษไง
"ฉันไม่ได้ใช้"
เพชรอนันต์ทำหน้าท้าทาย พระพรายโบกมือไปมา
"ไม่ได้ใช้ก็ไม่ได้ใช้สิ ฉันจะไปรู้ได้รึไง"
อ้าว!! เดินหนีเข้าห้องไปเลย ตกลงพระพรายมีอะไรพิเศษอย่างที่เพชรอนันต์คิดไว้ไหม มองนาฬิกาต้องกลับบ้านวันนี้ เพราะมีนัดรวมครอบครัว ทานมื้อค่ำร่วมกัน ซึ่งเป็นประจำทุกๆ สัปดาห์เฉพาะวันศุกร์. มองห้องว่างเปล่าหลายห้อง เพราะทุกคนได้รับสิทธิเดินทางกลับบ้านช่วงเสาร์-อาทิตย์ มองกลับไปที่ห้องพระพราย หมอนี่ไม่กลับบ้าน รึว่าไม่รู้กันนะ.....
"มาอีกละ 555 ตลกจัง!! "
อัครพลหัวเราะมองออกไปนอกหน้าต่าง มีลิงอยู่ 1 ตัว หน้าตาบ๊องแบ๊วมาก ทำสายตาสอดส่องมองหา คนที่กำลังซ้อมยิงธนูอยู่ด้านใน
"น้ำหมอก นายไม่คิดจะคุยกับเค้ารึไง"
คิมหันต์วางธนูลงข้างตัว ใบหน้าเย็นชา ปรายตามองคนที่อัครพลพูดถึง
"ไม่"
นอกจากจะไม่คิดจะคุย คุณชายยังใช้คาถาพลางตัวอีกต่างหาก คราวนี้ยิ่งทำให้มองไม่เห็นใหญ่ แต่ที่อัครพลแปลกใจคือเด็กนั้นกลับใช้ปืนลูกยาง ยิงมาที่กระจกก่อนจะกระโดดลงไป
"หึ!! "
อัครพลจะเดินไปหยิบเพราะอยากจะรู้ แต่ต้องชะงัก
"ทิ้งไว้แบบนั้น ไม่ต้องสนใจ"
คนพูดปรากฏตัวให้เห็น ชุดสวมยิงธนูทำให้คิมหันต์ดูงดงาม ถึงจะยาวรุ่มร่าม แต่พอเวลาเดินเหิน กลับน่ามอง แม้แต่อัครพลก็ชอบมองเวลาคิมหันต์เดินไปเดินมาด้วยชุดนี้ และคุณชายก็ชอบใส่ซะด้วยสิ
"คาถาแอบมอง"
อัครพลหลับตา มองข้อความที่ติดกับลูกดอกยาง ไม่ให้ไปแตะ ก็ใช่ว่าจะอ่านไม่ได้สักหน่อย
"นายชื่ออะไรเหรอ"
คนอ่านหลุดขำออกมา แล้วต้องรีบเก็บอาการ. ดูเหมือนเด็กมาใหม่จะมีอารมณ์ และมีความเป็นเลิศด้านความพยายาม ใช่ว่าไม่เคยมีใครตามคุณชายมาก่อน แต่จะโดนสอยร่วงหมด มาแอบดู มาแอบทำอะไร แค่ผ่าน ผู้ดูแล 3 คนให้ได้ก่อน และต้องมาเจอหน่วยอารักขา 3 คน (ภิญโญ 2 แฝด) อีก. แต่รอบนี้ เด็กนี้กลับเจอวงในก่อน ส่วนวงนอกไปไหนก็ไม่รู้ (ผู้ดูแล)
"ไอ้หนู!! "
พระพรายมุ่นคิ้ว เสียงเรียกใครวะ ใครคือไอ้หนู ที่นี่เค้าเรียกกันแบบนี้เหรอ
"ไอ้เด็กน้อย"
คราวนี้หันมาเจอทำเอาสะดุ้ง ใบหน้าหย่อนหยานเกินความจริง มองที่แรกนึกว่าผี
"เรียกผมเหรอ"
พระพรายชี้ที่ตัวเอง ชายแก่ๆ พยักหน้า ชี้ไปที่ประตู
"ออกไป"
"ที่นี่ห้ามเข้า กล้าดียังไง" เสียงตะโกนดุดัน พร้อมกับแสงสีขาวลอยมา. พระพรายก้มหลบ ชายแก่คนแรกทำหน้าแปลกใจ แต่เพราะแสงแวบๆ มันลอยมาอีก ทำให้ผลักร่างเล็กๆ ให้หลบไป พระพรายวิ่งหลบแสงสีขาวที่ลอยไปมาเหมือนบูมเบอแรง
"พิเพก แกช่วยมันทำไมวะ"
คนขี้วีน โผล่หน้าออกมาจากพุ่มไม้ วิ่งตามร่างเล็กๆ ไป ชายแก่คนแรกวิ่งตาม
"นาคิน อย่ายุ่งกับเค้า"
ร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยตัวอ้วน หันมามองแล้วแลบลิ้นใส่ วิ่งตามพระพรายไปแบบเอาเป็นเอาตาย มันหลบบูมเบอแรงไร้เงาของเค้าได้ นาคินอยากรู้ว่ามันเป็นใคร
"คีรี มาห้ามน้องนายเดี๋ยวนี้"
ร่างบอบบางปราดเปรี้ยวก็โผล่ออกมา ใบหน้าสวยหยดกว่าผู้หญิง กระโดดใส่พิเพกแทนที่จะตามน้องชายไป ร่างชายแก่กลายร่างเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ใบหน้าดูคมสันน่ามอง ดูเหมือนนักรบโบราณ. พิเพกหยุดวิ่งตาม หันมารับจุมพิตจากคนมาใหม่แทน
"นายก็รู้ คุณท่านสั่งห้ามยุ่งกับเด็กนั่น"
พิเพกพึมพำชิดริมฝีปากสวยๆ
"ก็ถูก. แต่นาคินไม่รู้นิ"
คีรีหัวเราะในลำคอ กอดลำคอแข็งแรง
"เราไปทำอย่างอื่นกันเถอะ"
ชวนเสียงหวาน พิเพกถอนหายใจ หน้าที่ผู้ดูแลคุณชายไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ ถึงแม้คุณชายจะโตแล้ว วิชาอาคมแข็งกล้า แต่ว่าคุณชายกลับเป็นคนเดียวที่สืบทอดตระกูลนี้ ไม่สีตัวเลือกเหมือนทุกรุ่นที่มีมา หนึ่งเดียวที่ไม่อาจคลาดสายตา หนึ่งเดียวที่สูญเสียไปไม่ได้
"ก็ได้ ทำไมต้องหนักใจด้วย"
คีรี พูดพร้อมกับกระโดดออกจากอ้อมกอด ความสามารถพิเศษคือตาทิพย์. คาถาประจำตัว คือ กระแสไฟฟ้า
"มาสิ พิเพก ดูสิ วันนี้นายจะตามฉันทันไหม"
เสียงหัวเราะ เรียก ท้าทายออกวิ่งนำไปก่อน พิเพก ความสามารถพิเศษ แปลงร่าง คาถา สะกดจิต ส่ายหน้าวิ่งตาม
"ไอ้เด็กบ้า วิ่งตามไม่หยุเเลยวุ้ย!! "
พระพรายวิ่งหลบแสงขาวนั้นไปมา ยิ่งหลบมันก็เพิ่มจำนวน ม้วนตัว ฝุ่นเฝิ่น ไม่ต้องสนใจแล้ว หน้าดำเพราะตกขี้โคลนแบบเต็มๆ
"หยุดนะ"
โกรธจัด เพราะหน้าตาหล่อๆ เลอะเถอะหมด นาคินที่กำลังสะใจ หัวเราะกับการหลบไปมาเหมือนสุนัขจนตรอกของอีกฝ่าย ถึงกับเบรคตัวหยุด ก่อนที่บูมเบอแรงที่รุมเร้าศัตรูมาตลอดทางจะแตกสลายหายไป ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้ ไม่มีใครเคยทำแบบนี้มาก่อน
ร่างอ้วนๆ ขาวๆ ลอยขึ้นม้วนตัวอยู่ในอากาศแบบไม่รู้ตัว ร้องไห้จ้าเพราะตกใจ พระพรายกระพริบตาปริบๆ มองร่างอ้วนขาวของเด็กน้อยผู้ชายแต่มัดจุกสองข้างเหมือนเด็กผู้หญิง
"โอ๋ๆๆ อย่าร้องนะ พี่ขอโทษ"
พระพรายเอื้อมมือไปข้างหน้า นาคินร่วงอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาดุดันเปลี่ยนเป็นบ๊องแบ๊ว ทำเอาน่าเอ็นดูสำหรับพระพราย
"ฉันคิดว่ามีคนอื่นจะทำร้ายฉัน ฉันเลยโมโห ขอโทษนายจริงๆ นะ แก้มยุ้ย"
พูดเสียงอ่อนโยน บีบแก้มขาวน่ารักน่าชัง เดินอุ้มกลับเข้าไปด้านใน
"เดี๋ยวพาไปส่งบ้านนะ แก้มยุ้ย"
คุยกระหนุงกระหนิงเสมือนหนึ่งไม่ได้ตามทำลายล้างเด็กแปลกหน้าที่แอบเข้ามาในที่ต้องห้าม
"น้องนาย มันดราม่าเกินอายุจริง"
พิเพกกอดอกมองตามสองคนนั้นไป ทันได้เห็นทุกอย่าง
"เมื่อกี้นายเห็นไหม"
คีรี ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในรอบประวัติศาสตร์มีคนประเภทนี้น้อยมาก คนที่มีพลังต้านอำนาจคนอื่น คนที่ไม่รู้จักอะไรกับคาถาที่ถูกทำใส่
"เห็น!! คุณท่านถึงบอกอย่ายุ่งกับเค้าไง"
พิเพกยักไหล่ เค้าไม่ได้สนใจหนังสือ ตำราโบราณอะไรนั้น แต่ผิดกับอีกคน เรียกว่าหนอนหนังสือเลยก็ว่าได้
"ถ้าเค้าใช่ เค้าก็ต้องเป็น...."
คีรีกำลังจะพูดในสิ่งที่รู้ๆ สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น แต่พิเพกส่ายหน้า
"มันหมดยุคสมัยนั้นแล้ว อีกอย่างคุณชายคงไม่ยอม"
คีรีพยักหน้า.....แต่ว่าคุณท่านอาจจะกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ก็เป็นแน่
"ไปรับน้องนายเถอะ...ทำตัวร้ายกาจ...ยังมีหน้าไปอ้อน ออเซาะเค้าอีก"
คีรีพยักหน้า อายุจริงๆ ของนาคินไม่ใช่เด็กๆ สิ่งที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา น้องเค้าอายุ 19 ปี แต่ร่างกายถูกกักให้อยู่เท่านั้น. อารมณ์เลยปรวนแปร ขี้โมโห ความสามารถพิเศษ ควบคุมอาวุธแบบไร้เงา คาถาประจำตัว เสกไฟ
"ขอบใจนะที่พาเค้ามาส่ง" พิเพกแปลงร่างกลับมาเป็นชายแก่ มาดักหน้าด้วยเส้นทางลัดของตระกูล รับร่างเล็กๆ ของนาคินเข้าอ้อมแขน มองพระพรายที่เอาแต่บีบแก้มขาวๆ ขิงนาคิน
"ทีหลังอย่าออกไปไกลๆ จากบ้านนะ มันอันตราย รู้ไหม แก้มยุ้ย อย่าทำอีกเชียว"
"เค้าทำร้ายนาย ๆ ไม่โกรธเหรอ"
พิเพกถามอย่างสงสัย
"แต่ผมไม่บาดเจ็บอะไรเลยนี่ฮะ" พระพรายเงยหน้ยิ้มจนตาหยี. พิเพกยกยิ้ม..แอบตบหัวนาคิน 1 ที ดูเอาซะ
"แต่ทีหลังอย่าเข้ามาอีก..ที่นี่เป็นเขตต้องห้าม" พิเพกเตือนก่อนจะพานาคินเดินออกมา
"ปล่อย"
พอพ้นสายตาก็เริ่มออกฤทธิ์ทันที กระโดดลงจากอ้อมแขนพิเพก
"อย่ายุ่งกับเค้านาคิน...เค้าต้านพลังนายได้. แต่แค่ไม่รู้ตัว. ถ้าเค้าใช้เป็นนายจะแย่"
พิเพกเตือน มองเด็กอายุ 19 ในร่างเด็ก 6. ขวบ หันมามองหน้าคนแก่ที่กลายร่างเป็นชายหนุ่ม ทำหน้าไม่สบอารมณ์...ในใจกำลังคิดว่าพระพรายน่าสนใจ
"ให้มันถึงตอนนั้นก่อนเถอะ"
พิเพกส่ายหน้ากับความอวดดีของนาคิน. มองขึ้นไปห้องกระจก คุณชายมองลงมาด้วยท่าทีเย็นชา พิเพกก้มหัวให้ก่อนจะเดินออกมา
"ฟิ้ว!!!! "
เสียงธนู 3 ดอกพุ่งด้วยความเร็วแสง จบแทบมองไม่เห็น พุ่งปักที่จุดกึ่งกลางเป่าอย่างแม่นยำ
"เก่งมาก หลานปู่"
เสียงตบมือ ก่อนที่ร่างสูงจะพุ่งขึ้นไปที่ฐานที่สอง ขึงเส้นสีขาวเรืองแสงกับต้นไม้สองต้น ดึงลูกธนูไร้เงาขึ้นรังแล้วยิงออกไป ลำแสงสีขาวแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ก่อนคลื่นพลังงานสีดำจะพวยพุ่งออกมาจากซอกหลืบต่างๆ
"จงมา"
คิมหันต์ แบมือขึ้นยันต์รูปร่างเหมือนผอบ เงาจางๆ สีดำพวยพุ่งเข้าไปอยู่ด้านใน..หมุนวนลงไปจนหมด เสียงร่ายคาถาก่อนผอบจะปิดฝาลงด้วยลำแสงสีขาว
"คิมหันต์ เจ้าต้องทำให้ได้เร็วกว่านี้...มีอยู่หนึ่งตนที่หลุดรอดออกไป จงไปตามเก็บมา"
เสียงคุณท่านดังขึ้นมาในโทรจิต
"ครับคุณปู่"
คิมหันต์ จรดนิ้ววาดเป็นวงกลมก่อนจะแตะที่ดวงตา ภาพละอองสีดำหลุดลอดไปหนึ่งตนจริงๆ ด้วย พลังวิญญาณมีมากพอที่จะหนีออกไป มันวนเวียนลอยห่างออกไปทางด้านหลังป่า และใกล้ๆ กัน คิมหันต์ก็เห็นใครบางคนนอนเล่นอยู่แถวนั้น
"ทำไมเรา ไม่มีพลังวิเศษเลย"
"แล้วทำไม คุณปู่ถึงส่งเราเรียนที่นี่ด้วย"
"แตกต่างจนน่าสมเพช"
พระพรายพึมพำกับตัวเอง ลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ บางอย่างทำให้หันไป กระโดดหลบตามสัญชาตญาณ....กลุ่มดำๆ พวยพุ่งเป็นรูปร่าง
"ขอร่างกายแก. ให้กับข้า"
ก่อนจะรู้ตัว ควันสีดำก็พุ่งเข้าใส่ตัวของพระพราย เหมือนลมพัดผ่าน พระพรายยืน งงๆ วิญญาณตนนั้นก็ งง
"เหตุใดถึงสิงร่างแกไม่ได้"
มันสบถ ก่อนจะวนกลับ รวบรวมพลังที่มีพุ่งใส่อีกครั้ง ชนตัวพระพรายหล่นลงไปในขี้โคลน
"แกเป็นใคร"
มันคำรามด้วยความโมโห ก่อนจะพุ่งใส่อีกพระพรายยกมือขึ้นบัง...แสงสีขาววาบตรงหน้าคนที่ยืนอยู่....ดวงตาที่หลับตาปี๋ลืมตาข้างหนึ่งเพื่อมอง แค่เพียงด้านหลังพระพรายก็รู้ว่าคือใคร....
"นาย..."
สายตาเย็นเยียบปรายตาแค่มอง พระพรายเลยได้แค่ยิ้มหวานๆ บนหน้าดำๆ โบกมือให้....ใบหน้างดงาม เยือกเย็น ราวกับรูปปั้น ผิวขาวดังเกล็ดหิมะ รูปร่างสูงทรงดูงดงาม น่าเกรงขามทุกท่วงท่า ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ สะบัดหน้ากลับไปอีกทาง ก่อนจะยกมือดึงลูกธนูขึ้นสายแล้วยิงไปข้างหน้า....
"โอ๊ย!!! "
เสียงร้องครวญครางบอกถึงความเจ็บปวด ร่างสูงๆ ในชุดคลุมแบบนักธนู. พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ทั้งรวดเร็ว และรุนแรง
"ยอมซะเถอะ"
เสียงทุ้มดังกังวานลั่นป่า เสียงท่องคาถา สัญลักษณ์ยันต์สีขาวเกิดขึ้นรอบตัวคิมหันต์ หมุนขึ้นเป็นวงล้อ ก่อนจะลอยไปครอบวิญญานไม่ให้ไปทางไหนได้อีก...
"ปล่อยข้าไป"
เสียงกระแทกชนกับวงล้อเรืองแสงเป็นระลอกอย่างไม่ยอมแพ้
"จงยอมให้จับซะเถอะ. มิฉะนั้นเราจะทำลายดวงวิญญาณเจ้า"
ร่างสูงดึงผอบผนึกออกมา ก่อนจะเดินเข้าสู่วงล้อด้วยท่วงท่าสง่างาม พระพรายขยับตัวเข้าใกล้ เพราะอยากเห็นว่าเค้าปราบวิญญาณกันอย่างไร
"ฝันไปเถอะ จงจำไว้ให้ดีเถอะทายาทผู้ชอบธรรม ไม่นานหรอกทายาทอีกผู้หนึ่งจะบังเกิด จะหนุนนำวิญญาณทั้งหลายให้เป็นอิสระ คำทำนายได้เริ่มขึ้นแล้ว แกอย่าได้เหิมเกริมไป"
เสียงสยองขวัญ พูดอย่างเชื่อง ร่างกายปรากฏขึ้นเด่นชัด รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางน่าหวาดกลัว
"เราหลีกลี้ซ่อนกายมาเป็นสิบๆ ปี แต่ว่าพวกเจ้าก็ยังไม่ยอใหยุดไล่ล่า ทั้งๆ ที่พวกเราไม่เคยออกมาทำลายผู้ใด"
ช่วงเวลาของการพูดคุย พระพรายกลับมองเห็นการเคลื่อนไหวภายใต้พื้นดิน กลุ่มควันสีดำ ขึ้นเป็นรูปร่างต่างๆ ของศพ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ คน หรืออะไรที่มีพลังของความอาฆาตและเจ็บปวดก่อนตาย...
"นี่ๆ "
พระพรายหมอบคลานต่ำ พยายามเรียกร่างสูงที่ครุ่นคิดกับสิ่งที่วิญญาณร้ายพูด
"มันกำลังสูบพลังอยู่"
พระพรายพยายามพูด...และชี้ไปทางด้านหลังวิญญาณที่ค่อยขยายร่างกายใหญ่ขึ้น
คิมหันต์มองเมินแบบไม่สนใจ ใบหน้ามอมแมมที่เห็นแค่ลูกกระตา พยายามพูดอะไรบางอย่าง เพียงแค่หันไปมอง วิญญาณร้ายสะบัดปลายมือลำแสงสีแดงพุ่งใส่คิมหันต์ ที่กระโดดหลบ ผอบในมือกลิ้งลงไปทีีพื้นข้างๆ พระพราย.
"5555 ผู้สืบทอด เจ้าจะทำเช่นไร สิ่งที่กักเก็บข้าได้ ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว"
คิมหันต์แบมือคันธนูสีขาวก็ปรากฏ ดึงลูกขึ้นเล็ง
"ช่วยไม่ได้ แกก็ต้องสลายไป"
แสงสีขาวพุ่งเป็นทาง วิ่งเข้าหาปีศาจตนนั้น พระพรายมองอย่างตื่นตาตื่นใจ นี่มันหนังกำลังภายในชัดๆ
"เจ้าไม่อยากรู้อะไรมากกว่านี้เหรอ"
เมื่อจนมุม โดนลูกศรยิงเข้าร่างจนบาดเจ็บ หดร่างเล็กลงเรื่อยๆ มันคงหาทางเอาตัวรอด คิมหันต์ทำหน้านิ่ง ขึ้นสายธนูอีกลูก มันจะได้จบไปสักที...
"เรื่องปู่ของเจ้า"
"การแย่งชิงอำนาจระหว่างพี่น้อง ความลับ!!! ที่มิมีใครล่วงรู้"
เกิดการชะงักไป ใบหน้าเย็นชาเผลอแสดงอารมณ์ออกมา.....มองวิญญานร้ายด้วยสายตาเกรี้ยวกราด พอๆ กับที่มันพุ่งตัวเข้าใส่เป็นระลอก ร่างสูงขยับหลบไปมา จนพลาดทำอาวุธหลุดมืิอไป. มันอาศัยจังหวะคันธนูหล่นออกจากตัวคุณชายรูปงาม. ทำให้วงล้อยันต์เสื่อมเนื่องจากเจ้าของได้รับบาดเจ็บ เปิดช่องทางให้หนีออกไป
"ตะเอ๋"
มันหยุดชะงัก เพราะเด็กหน้าดำมายืนฉีกยิ้มข้างหน้า ดึงรอยแยกของวงล้อที่แตกออกให้เชื่อมต่อกัน
"เป็นไปไม่ได้"
วิญญาณร้ายพึมพำ ล่องลอยถอยหลัง
"นี่!!! "
พระพรายตะโกนเรียกคนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง โยนคันธนูวิเศษที่ไม่เคยมีผู้ใดแตะต้องได้นอกจากเจ้าของ วิญญาณร้ายมองตาม ผวาตามคันธนูเพื่อไม่ให้ถึงมือ คิมหันต์กระโดดคว้ารับแล้วกลิ้งตัวดึงลูกธนูปล่อยออกอย่างเร็ว ปักกลางอกแบบใกล้ชิด
"ข้า...ยัง...ไม่....อยาก...."
ใกล้ชิดแบบตาต่อตา คิมหันต์วาดมือที่คันธนู อาวุธคู่กายก็หายไปทันที....มองหมอกสีดำกลายเป็นสีขาว จางหายไปในอากาศ เปรียบเสมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น....
"เอ่อๆๆๆ "
เสียงอึกอักอยู่ทางด้านตรงข้าม ใบหน้านิ่งขรึมหันไปมอง สายตาเย็นชาไม่มีอารมณ์ใด เด็กตรงหน้ากำลังโดนวงล้อกักวิญญาณเล่นงาน เพราะไปจับมันเอาไว้ แขนขากางออกเพราะมันขยายตัวกว้างขึ้น....คิมหันต์ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน พึมพำเบาๆ กงล้อก็สลายตัว เสียงหล่นลงบนพื้นดัง "ตุ้บ" ดูช่างน่าสงสาร
"อูยยยย!!! "
เสียงครางลากยาว ทำเอาคนไร้อารมณ์หันมามองนิดหนึ่ง
"ทีหลังห้ามเข้ามา"
เป็นประโยคแรกที่พระพรายได้ยิน เสียงทุ้มเพราะเสนาะหู. ลุกขึ้นนั่งมองร่างสูงปราดเปรียวทำอะไรบางอย่าง แต่แปลกที่พระพรายก็มองเห็น ลำแสงสีขาวถูกวาดเหมือนตาข่าย มันถูกจิ้มลงพื้นดิน จากกรอบเล็ก ๆ มันขยายตัวออกกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
"กลับไปได้แล้ว"
นี่ถ้าไม่ชอบตั้งแต่แรกเห็น พระพรายจะต้องพ่นคำพูดอะไรสักอย่างใส่คุณชายนี่!! มันต้องแรงน่าดู แต่ตอนนี้นึกไม่ออก
"ไปส่งหน่อยสิ"
คิมหันต์มองคนล่วงล้ำพื้นที่ต้องห้าม หน้าดำจนมองไม่เห็นผิวหน้า เหลือแต่ลูกกระตาโตที่มองมาที่เค้าทุกการกระทำ ปรายตามองด้วยความเย่อหยิ่ง เก็บผอบขึ้นมา
"มาได้ก็กลับเองได้"
ร่างสูงมาหยุดยืนตรงหน้า ก้มหน้าจ้องดวงตากลมโตที่มองเห็น วาดนิ้วขึ้นรูปเหมือนดาวห้าแฉก พึมพำคาถา แล้วจิ้มที่หน้าผากเบาๆ
"จงลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้"
คาถาลบความจำ พระพรายปัดมืออย่างลืมตัว กำนิ้วมือนุ่มๆ เอาไว้ ปู่เคยเล่าว่าคนที่ใช้ต้องมีพลังแก่กล้า...คนที่ถูกคาถาจะจำอะไรไม่ได้เลย
"ปล่อย"
คิมหันต์กระตุกนิ้วมือออกอย่างตกใจ นอกจากคาถาใช้ไม่ได้ผล. เด็กนี่ยังบังอาจแตะต้องเค้า....
"ชื่ออะไร บอกหน่อยสิ"
พระพรายยิ้ม ใคร่อยากรู้ พยุงตัวขึ้นยืน ทำไมรู้สึกตัวเองเตี้ยจังเมื่อเทียบกับคุณชายตรงหน้า นิ้วเรียวงามสะบัดออกเหมือนโดนของร้อน ใบหน้าบึ้งตึงเย็นชา หางตาก็ไม่แล เดินออกไปแบบไม่พูดสักคำ
"เดี๋ยวสิ...ชื่อละ!!! "
"คนอุตส่าห์ช่วย ไม่รู้จักมีน้ำใจ"
พระพรายบ่นงึมงำ หันหลังเดินกลับหอพัก คนอื่นที่เดินผ่านพอเห็นหน้าก็หัวเราะกันยกใหญ่ ซุบซิบกันเบาๆ แต่พระพรายก็ได้ยิน ช่างมันเถอะ!!! ไม่เห็นจะแคร์
"ไปก่อเรื่องอะไรอีก"
เพชรอนันต์มองหน้าดำๆ เต็มไปด้วยขี้ดิน แล้วถอนหายใจ วันนี้รวมญาติ เค้าอุตส่าห์กลับก่อนเวลา เพราะเป็นห่วงว่าพระพรายจะเหงารึเปล่า แล้วดูสิ กลับมาไม่เจอใครสักคน รออยู่สองชั่วโมง พ่อตัวดีถึงได้โผล่มา
"ขอร้องน้ำเพชร นายห้ามบ่นฉัน"
พระพรายยกมือไหว้ เพชรอนันต์คว้ามือของพระพรายขึ่นมาดู
"ไปโดนอะไรมา"
พระพรายก้มมองตาม พึ่งเห็นนะเนียะ มือตัวเองแท้ๆ ยิ้มกลบเกลื่อน มันแค่เป็นรอยถลอกเอง แสบๆ คันๆ ดี
"สงสัยล้ม"
ตอบแบบไม่สนใจ ทำท่าจะถอดเสื้อออก เพชรอนันต์หน้าแดง
"นายจะทำอะไร"
"อาบน้ำไง" พระพรายมุ่นคิ้ว สงสัยอะไร
"แล้วทำไมต้องถอดตรงนี้"
เพชรอนันต์โวย.....พระพรายท้าวเอว เอามือลง แล้วชี้ให้เพชรอนันต์มองป้ายห้อง
"นี่มันห้องฉันไหม ทำไมฉันจะแก้ผ้าไม่ได้"
ร่างสูงเพรียวของเพชรอนันต์หันหลังเดินหนีออกจากห้องทันที เสียงหัวเราะตามหลังมาว่าอยากได้คนถูหลังให้. เพชรอนันต์ได้แต่ด่าในใจบางทีพระพรายก็หน้าไม่อายเหลือเกิน. .....
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!