เจสสิก้า เฟย กระโดดไปมาด้วยความดีใจ เมื่อเพื่อนตอบรับ จะพบเธอที่ฮ่องกง กว่าเธอจะอ้อนวอนขอร้อง มินตรา เธอกับมินตรารู้จักกันมานานหลายปี หลังจากความคึกคะนองที่อยากจะบินหนีออกจาก กรงทอง การหนีไปเมืองไทยในครั้งนั้นทำให้เธอได้เจอมิตรภาพที่ดี
โดยเฉพาะ มินตรา พิทักษ์เทพสุวรรณ เป็นผู้บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ผู้หญิงที่ทำแต่งานถ้าคนไม่รู้จักมักจะพูดถึงเพื่อนเธอว่า หยิ่ง ดุ ติดจะเงียบขรึม บางครั้งพนักงานในบริษัทของเพื่อน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ถ้าเพื่อนเธอไม่พูดก่อน แต่ก็ยังโชคดีที่เธอกล้าที่จะเอ่ยขอความช่วยเหลือ แม้ช่วงเวลาที่เธอได้รู้จักมินตราจะไม่นานนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
“มิน เธอห้ามเปลี่ยนใจที่จะมาหาฉันนะ”
“เจสสิก้า ปกติฉันพูดจาดูไม่น่าเชื่อถือเลยหรือไง” มินตราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ มืออีกก็ยังถือปากกาเซ็นเอกสารต่างๆ
“ก็ปกติ เธอไม่ค่อยจะว่างเลย กว่าจะอ้อนวอนให้มาได้นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วสินะ” เจสสิก้าพูดบ่น
“ก็ฉันต้องทำงาน ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคุณหนูเจสสิก้า นะคะ”
“ฉันไม่ได้รวย พ่อกับพี่ชายฉันต่างหากที่ร่ำรวย ฉันเห็นเธอทำงานหนักมากๆ อยากให้หาเวลามาพักผ่อน มาเจอฉันบ้างก็แค่นั้น”
“หลังจากเลิกงาน ฉันก็พักผ่อนได้”
“มันไม่เหมือนกันไง” ฟังคำตอบของเพื่อนก็รู้สึกหงุดหงิดนั่นแหละ
ซึ่งมินตราได้แต่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ จนเจสสิก้าต้องบ่นหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ต้องยอมแพ้กดวางสายไป มินตรารู้ว่า เจสสิก้าเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธใครได้นาน ไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเธอนัก
มินตราคิดไปถึงช่วงแรกที่เธอได้เจอกับเจสสิก้า รู้สึกว่า วันนั้นเธอขับรถเพื่อจะกลับบ้าน ระหว่างทางเกิดฝนตกหนักมาก เธอเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เดินลากกระเป๋าอยู่ข้างทาง เนื้อตัวเปียกปอน
เธอสงสารเลยจอดรถข้างทางแล้ววิ่งนำร่มไปให้ ดวงตากลมโตดูจะตื่นเต้นที่เห็นเธอ ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ภายใต้แววตาที่ซื่อ แอบมีความหวาดกลัว คล้ายกับลูกกระต่ายตัวน้อยที่กำลังผลัดหลงทางกับแม่ ใบหน้าของเจสสิก้าดูอ่อนกว่าอายุมาก
“คุณคะ คุณจะไปที่ไหน ฉันจะได้พาไปส่ง” ประโยคคำถามแรกที่มินตราได้ถามออกไป โดยที่เธอไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่าย แต่หญิงสาวกลับส่งรอยยิ้มกว้างกลับมาให้เธอ
“ฉันยังไม่รู้เลยว่า จะไปที่ไหน”
มินตราฟังสำเนียงภาษาอังกฤษออก ต้องนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“คุณไม่รู้เลยเหรอว่า จะไปที่ไหน”
คำพูดที่ดูสงสัย ทำให้หญิงสาวรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น แม้มินตราจะสังเกตเห็นว่า อีกฝ่ายคงจะหนาว
“ฉันไม่เคยมาเมืองไทย เลยไม่รู้ว่า จะไปพักที่ไหนดี”
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นคุณไปพักที่บ้านฉันก่อนไหม แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาไปหาโรงแรม ดีไหม” มินตราได้เอ่ยชวนหญิงสาว พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างลำตัวสภาพเปียกชุมไปหมด ดูแล้วน่าสงสาร ด้วยอารมณ์สงสารก็เลยตัดสินใจชวน
“เอาอย่างนี้ ตอนนี้คุณไปขึ้นรถของฉันก่อน ยืนตากฝนแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่สบาย ไปพักที่บ้านของฉันก่อนก็แล้วกัน จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า พรุ่งนี้เราค่อยว่ากันใหม่”
“คุณใจดีจังเลย ขอบคุณมากๆ ค่ะ” แววตาที่ดีใจ มันระยิบระยับ เต็มไปด้วยความตื้นตัน
เมื่อมินตราขับรถพามิตรที่พึ่งพบเจอ มาถึงบ้าน สายตาของอีกฝ่ายดูจะหวาดกลัวอะไรบางอย่าง เหมือนว่มีใครจะสะกดรอยตาม กระทั่งเธอให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“คุณคงจะไม่ว่า ฉันใช่ไหมที่ตามคุณมาแบบนี้”
“ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะ” มินตราถามน้ำเสียงเรียบ
“เอ่อ...คือว่า ฉันไม่ได้บอกเรื่องราวของฉันคุณฟังเลยว่า ฉันเป็นใคร”
หญิงสาวชะงักไปนิดหนึ่ง หลบสายตามองต่ำก้มลงมองพื้น เหมือนกำลังคิดตัดสินใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี และสักพักก็เงยหน้าขึ้นมา
“ฉันเพิ่งเคยมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกค่ะ”
“แล้วยังไงต่อ”
หญิงสาวแปลกหน้า ได้ทำหน้าคิ้วขมวด มองใบหน้าเจ้าของบ้าน ด้วยแววตาที่ดูจะตื่นเต้น ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้าง
“ทำไมคุณดูไม่ตื่นเต้น หรือวิตกกังวลอะไรเลยคะ”
“ทำไมฉันจะต้องตกใจ ก็คุณบอกฉันแล้วว่า พึ่งจะเคยมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก และกระเป๋าที่วางเรียบรายอยู่ตรงนั้น แล้วทำไมฉันจะต้องรู้สึกแปลกใจด้วย”
“คุณไม่กลัวว่าฉันจะเป็นคนไม่ดีเลยหรือไง” หญิงสาวส่งยิ้มหวาน ใบหน้าสดชื่นขึ้นกว่า ตอนแรกๆ ก่อนจะเอ่ยถามคนใจดีที่ให้ที่พักกับตัวเอง
“ฉันว่า ฉันดูคนไม่ผิด คุณไม่น่าใช่พวกมิจฉาชีพ”
มินตราไม่ต้องการที่จะถามอะไรต่อ เพราะยังไงพรุ่งนี้เธอก็จะพาผู้หญิงคนนี้ไปหาที่พักใหม่อยู่แล้ว
“ฉันชื่อเจสสิก้า เฟย เป็นคนจีน ฉันหนีออกมาจากบ้านที่เข้มงวดกับฉันมาก อายุจะ 25 ปี ฉันยังทำอะไรไม่เป็นเลย ฉันอยากมีชีวิตที่อิสระ เลยแอบหนีมาเมืองไทย โดยที่ทางบ้านของฉันไม่มีใครรู้เลยสักคน”
“อย่าบอกว่า คุณคือลูกสาวของมาเฟีย เหมือนในหนัง” มินตราฟังแล้วครั้งนี้ตัวเธอคงจะต้องตกใจ “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เรื่องแบบนี้จะให้คุณหนีมาไกลถึงเมืองไทย”
“คุณไม่เชื่อฉันหรือไง”
เจสสิก้าทำหน้าเศร้า คล้ายกับคนที่กำลังปลงกับชีวิต
“ทำไมทำหน้าเศร้าจัง คุณเจสสิก้า”
“ก็เศร้าสิ คุณไม่เชื่อ แต่ฉันก็ชินแล้วล่ะ เพราะอยู่ฮ่องกงพ่อกับพี่ชายฉันเขาก็ไม่ค่อยจะสนใจในคำพูดของฉันเหมือนกัน”
“พ่อและพี่ชายของคุณ คงจะต้องมีเหตุผลสิคะ”
“มันก็ถูก ตอนที่อยู่ฮ่องกงฉันเอาแต่เที่ยวกับเพื่อน ฉันไม่ชอบ นั่งทำงาน แต่ไม่ใช่ว่า ฉันเป็นคนไม่เอาไหนนะ เพียงแต่ฉันยังไม่รู้ว่า อยากจะทำอะไรกันแน่ ฉันเลยหนีออกมาตามหาแรงบันดาลใจ แต่พี่ชายฉันมาเมืองไทยบ่อย ทั้งพ่อและพี่ก็ไม่ยอมให้ฉันเดินทางไปต่างประเทศเองเลยสักครั้ง อ้างแต่ว่า จะเกิดอันตราย”
“แล้วทำไมคุณไม่เชื่อพ่อกับพี่ชาย”
“ก็ฉันอยากเป็นอิสระบ้าง”
เจสสิก้าทำหน้าเศร้า ก่อนจะเดินไปยังที่นอนล้มตัวลง คล้ายกับเป็นที่นอนของตัวเอง ก่อนจะพลิกตัวหันหน้ากลับมาพูด
“คุณไม่คิดว่า มันจะเป็นอันตรายอย่างที่พ่อกับพี่ชายคุณเตือนเลยหรือไง”
“ฉันว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่ก็ต้องขอบคุณ คุณมากนะคะ เอ่อ...ขอโทษฉันลืมถามชื่อของคุณเลย”
“ฉันชื่อมินตรา” มินตราพูดบอกชื่อยิ้มๆ
“พรุ่งนี้ฉันคงจะรบกวนคุณอีกครั้ง ให้ช่วยหาโรงแรมให้ วันนี้คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะทำให้คุณรำคาญ”
“แล้วคุณคิดจะอยู่ที่เมืองไทยอีกนานหรือเปล่า”
“ฉันก็ยังตอบไม่ได้”
“แล้วคุณไม่ห่วงว่า พ่อกับพี่ชายคุณจะออกตามหาเลยหรือไง ฉันว่าพ่อกับพี่ชายคุณคงจะต้องเป็นห่วงคุณมากๆ แน่”
“ไม่หรอก ตอนนี้พ่อกับพี่ชายฉัน อาจจะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า หนีออกบ้าน” เจสสิก้าพูดพร้อมกับทำหน้าเศร้า
“ไม่เป็นไรจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันว่าพ่อและพี่ชายคุณเขาคงจะห่วงความปลอดภัย ถ้าตระกูลของคุณเป็นคนมีชื่อเสียงมันก็ไม่แปลกที่พ่อกับพี่ชายคุณจะทำแบบนี้ ส่วนตอนนี้คุณพักผ่อนเถอะ ตากฝนมา ตั้งนาน เดี๋ยวจะพาลไม่สบาย”
“ขอบคุณ คุณมากๆ นะคะ คุณมิน ฉันไม่เคยเจอใครใจดีเหมือนคุณเลยจริงๆ” เจสสิก้าเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มมินตราทั้งข้างอย่างรวดเร็ว
“...” มินตราได้แต่ทำหน้าเหวอ
“เราสองคนเป็นเพื่อนกันได้ไหม ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ”
เสียงเคาะประตู ทำให้มินตราสะดุ้งจากความคิดกลับมาอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเลขาหน้าห้องอย่าง สาธร เดินนำเอกสารที่จะต้องประชุมเดินเข้ามาให้อ่าน มินตราส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
“คุณมินมีประชุมบ่ายนี้นะครับ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินผมจองให้เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ”
มินตราฟังรายงานจากสาธรแล้วก็พยักหน้า ขยับตัวลุกขึ้นเดินไปรับเอกสารการประชุม
สมองก็แอบคิดเรื่องของเพื่อน โดยเฉพาะตอนที่เจสสิก้าอยู่เมืองไทย ดูเหมือนว่า จะกลัวพี่ชายมากๆ จนอยากจะเห็นกับตาว่าน่ากลัวมากขนาดไหน เพราะเจสสิก้าไม่ยอมอธิบายเรื่องพี่ชายอีกเลย”
หลังจากที่เคลียงานทุกอย่างเสร็จ เธอกำลังจะออกเดินทางไป หาเจสสิก้าที่ฮ่องกงตามที่ได้นัดกันเอาไว้
“มิน เจสขอโทษที่ไม่ได้ไปรับ เจสให้คนขับรถที่บ้านไปรับมิน ที่สนามบินนะ พอดีเจสต้องบินไปกับพ่อด่วน แล้ววันมะรืนเจอกันนะ เจสขอโทษมินจริงๆ”
น้ำเสียงที่ดูเครียดของเพื่อนอย่างเจสสิก้า ทำให้มินตราได้แต่อมยิ้ม คงจะรู้สึกไม่ดีที่ให้เธอมา แต่ตัวเองกลับไม่ว่าง
“ไม่เป็นไร ฉันโตแล้วฉันสามารถดูแลตัวเองได้จ้ะ ไปทำงานกับพ่อเถอะนะ ไม่ต้องห่วงฉัน แล้วคนที่เธอส่งมารับฉันอยู่ที่สนามบินแล้ว ใช่ไหม” มินตราพูดให้เพื่อนสบายใจจะได้ไม่ต้องห่วง
เจสสิก้าเดินเข้าไปยังอาณาเขตของ แอดเวิร์ด เฟย มาเฟียที่มีอิทธิพลในฮ่องกง เธอเดินผ่านส่วนต่างๆ ไปจนถึงหน้าประตูห้อง
“คุณเจส ยังเข้าไปไม่ได้นะครับ” เฉิ่น ลูกน้องคนสนิทของ แอดเวิร์ดเดินเข้ามาขว้างไม่ให้คุณหนูของตระกูลเฟย เข้าไปขว้างกิจกรรมพิเศษของเจ้านาย
“เฉิ่น ฉันคุณหนูเจสนะ กรุณาหลีกไป” เจสสิก้าผลักตัวของเฉิ่นให้พ้นไปจากประตูห้องของพีชายเธอ
“ไม่ได้ครับ คุณเจส คุณแอดเวิร์ดยังไม่สะดวกพบคุณหนูตอนนี้ครับ” เฉิ่นพยายามกันไม่ให้ คุณหนูเข้าไปเจอ เขาไม่แน่ใจว่า คุณแอดเวิร์ด ทำธุระเสร็จหรือยัง
เจสสิก้าหยุดนิ่งแล้วมองใบหน้าของเฉิ่นนิ่ง ก่อนจะทำเสียงเศร้า ตัดพ้อเหมือนกำลังน้อยใจ
“แม้แต่เฉิ่น ก็ยังไม่ตามใจเจสเลยหรือไง เฉิ่นไม่เข้าใจเจส เฉิ่นก็เหมือนพ่อและพี่แอดเวิร์ดที่คอยห้ามความต้องการของเจส ใช่สิ เจสเป็นแค่นกน้อยที่ต้องคอยให้ทุกคนคอยป้อนอาหารให้แค่นั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้”
คำตัดพ้อ สายตาที่มีน้ำคลออยู่ตรงเบ้าตา อยู่ๆ น้ำตามันก็ไหล ส่งผลให้ ผู้ชายอย่างเฉิ่น ถึงกับใจอ่อนลงยวบ ผู้หญิงอื่นใดไม่มีใครสำคัญสำหรับเขา เท่าคุณหนูเจส น้ำตาหยดนั้นมันเหมือนน้ำกรดราดไปบนหัวใจผู้ชายที่ต้องเก็บคำว่า รักเอาไว้ข้างใน เพียงแค่เขาเป็นเด็กที่ตระกูลเฟย เก็บมาชุบเลี้ยงดูแล
“คุณเจส...”
“เปิดให้ฉันเถอะนะ เฉิ่น”
เฉิ่นกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูให้ แต่ช้าไป เมื่อประตูห้องดังกล่าวถูกเปิดออกมา พร้อมกับร่างของผู้ชายสูง ใบหน้าหล่อผิวชาว ทรงผมยาวถูกรวบมันเอาไว้อย่างดี
แอดเวิร์ดมาเฟียร้าย ยืนนิ่งตรงหน้าประตู ส่วนด้านข้างเป็นผู้หญิงที่ถูกหิ้วมาจากคลับ ก่อนจะพยักหน้าให้ ลูกน้องคนสนิท พากลับไปส่ง ที่พัก
“มีอะไรอีก ยัยเจส พี่พึ่งจะกลับมาจากทำงาน ก็มาเจอเราโวยวายแบบนี้” แอดเวิร์ดพูดต่อว่า น้องสาวคนเดียวที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของตระกูลเฟย ตระกูลที่ทำธุรกิจสีเทา มาหลายรุ่น จนถึงตอนนี้เป็นรุ่นของเขา ความกล้าได้กล้าเสีย ทำให้เขาผงาดเป็นที่ 1 ฮ่องกง แต่มันก็แลกมากับชีวิตที่ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่ตลอดเวลา และคนเดียวที่ไม่เข้าใจ คือ น้องสาวของเขาคนนี้ กว่าจะตามกลับมาจากเมืองไทยก็เล่นเอาเขาปวดหัวมากๆ
“พี่แอดเวิร์ด เจสอยากจะขอร้องให้วันนี้พี่ไปรับเพื่อนของเจสที่สนามบินได้ไหมคะ” เจสสิก้าพูดขอร้องออกไปตรงๆ
แอดเวิร์ดเดินเข้าไปนั่งบนโซฟา เจสสิก้ารีบเดินตามหลังพี่ชายตัวเองเข้าไปทันที นานมากแล้ว ที่เธอไม่เคยได้เข้ามาในอาณาจักรของ ทายาทของตระกูลเฟย สายตาก็แอบสำรวจไปรอบๆ
“สำรวจห้องพี่พอหรือยัง ส่วนเรื่องที่เรามาร้องโวยวายหน้าห้องพี่ มันสำคัญมากหรือไง เพื่อนเราเป็นใคร ถึงให้พี่ต้องไปรับด้วยตัวเอง”
“สำคัญสิคะ ก็มินตรา ผู้หญิงที่ช่วยชีวิตเจสที่เมืองไทย มินตราเดินทางมาหาเจสที่นี่ แต่พอดี เจสไม่ว่างไปรับ เจสก็เลยมาขอร้องให้ พี่แอดเวิร์ดให้ไปรับแทนเจสหน่อยนะคะ” เจสสิก้าพูดขอร้องและแอบส่งสายตาอ้อนวอน
“มินตรา ผู้หญิงที่กล้าพาเราหนีพี่นะเหรอ”
“เอ่อ...มินเขาไม่ได้พาเจสหนีนะคะ เจสต่างหากที่พามินหนี พี่แอดเวิร์ด”
“จะเป็นเราหรือคนที่ชื่อมินตรา มันก็มีค่าเท่ากัน คือทำให้พี่ต้องเสียเวลามากในการทำเรื่องอะไรที่ไร้สาระในความเอาแต่ใจชองเรา ส่วนเรื่องที่ให้พี่ไปรับ พี่ว่า มินตราเพื่อนเรา คงจะอายุมากพอไม่หลงทางในฮ่องกงหรอกมั้ง น่าจะหาทางมาที่โรงแรมของเราได้”
“ไม่ได้นะคะ น่าเกลียดตายเลย ตอนที่เจสอยู่เมืองไทย มินเขาช่วยเจสทุกอย่าง เจสขอร้องนะคะ ไปรับมินตราแทนเจสหน่อยนะคะ พี่แอดเวิร์ด”
“แล้วเพื่อนเราจะมาถึงกี่โมง”
“เห็นว่า น่าจะถึงช่วงเย็นๆ” เจสสิก้าถึงกับฉีกยิ้ม เธอรู้ว่า แอดเวิร์ดยอมที่จะไปรับเพื่อนให้
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้พี่คงจะนอนก่อนได้ใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปทำงานตามที่พ่อสั่งเอาไว้ได้แล้ว”
แอดเวิร์ดแม้เขาจะโหดร้าย กับใครๆ แต่สำหรับน้องสาว เขามักจะใจอ่อนให้เสมอ
“ขอบคุณพี่มากนะคะ เจสจะได้หายห่วงสักที”
แอดเวิร์ดพยักหน้า ก่อนจะไล่น้องสาวออกไปจากห้องของตัวเอง แรกๆ กะจะผู้หญิงมาหาความสำราญสักหน่อย ก็ต้องถูกขัดขว้าง คิดแล้วก็รู้สึกเซ็งๆ
สนามบินนานาชาติฮ่องกง
แอดเวิร์ดต้องมารอรับเพื่อนของน้องสาว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู ใบหน้าที่สวยคม ของมินตราเพื่อนยัยเจส คิดก็แอบหงุดหงิด อยู่ข้างใน
“นี่เธอเป็นใคร ทำไมยัยเจสถึงได้รักเธอมาก” แอดเวิร์ดบ่นกับ มือถือของตัวเองที่มีภาพของคนที่จะต้องมารับปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
ช่วงที่กำลังรอ เฉิ่น เดินเข้ามาประกบเจ้านายของตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบข้างๆ
“เจ้านายครับ ผมชักจะได้กลิ่นไม่ค่อยดี”
“อือ... ฉันรู้ แล้วตอนนี้เพื่อนยัยเจสอยู่ตรงไหน”
แอดเวิร์ดรับรู้ถึงสถานการณ์ผิดปกติบางอย่าง ตั้งแต่ตัวเขาปรากฏตัวในสนามบินแห่งนี้
“น่าจะรอโหลดกระเป๋าอยู่นะครับ เดี๋ยวผมเข้าไปดูให้ดีไหม”
“ไม่ต้อง ฉันเข้าไปดูเอง ส่วนนายให้คนของเราแอบกระจายยอยู่รอบๆ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรมาก ฉันจะพาเพื่อนยัยเจสหนีออกไปเอง นายทิ้งรถเอาไว้ให้ฉันก็แล้วกัน”
“มันจะดีเหรอครับ” เฉิ่นลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามเจ้านาย
“ดีอยู่แล้ว เกิดให้นายไปรับเดี๋ยวเพื่อนของยัยเจสเป็นอะไร นายจะซวย สำหรับฉันนะเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ตอนนี้นายล่อพวกแมลงหวี่ไป อีกทาง จะเข้าไปยังด้านใน”
“ครับ เจ้านาย”
แอดเวิร์ดสั่งลูกน้องคนสนิทเสร็จ เขาแสร้งเดินเข้าไปยังบริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทำท่าทางเหมือนกำลังสอบถาม เหล่าพนักงาน
“คิดจะมาเด็ดหัวของฉันที่นี่ มันไม่ง่ายไอ้ลูกหมา”
“ขอโทษนะคะ สายการบินที่คุณแอดเวิร์ดมารอ ตอนนี้ได้ถึงแล้วนะคะ”
“ขอบคุณครับ” แอดเวิร์ดฉีกยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งกลับไปให้พนักงานประจำเคาน์เตอร์ ยิ้มที่สาวๆ เห็นต้องเคลิ้มตาม
คนที่เดินไปรับกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว เข็นรถเพื่อที่จะไปยืนรอตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ตามที่ได้นัดกับเพื่อนเอาไว้
มินตราเข็นรถพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ช่วงที่กำลังเข็น เธอรู้สึกตกใจ เมื่อมีร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้าซ้อนทางด้านหลังของเธอ
“ว้าย! คุณเป็นใคร”
มินตราจะร้องโวยวาย กำลังจะหันไปเรียกให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินช่วย ยังไม่ทันจะได้อ้าปากตะโกน ฝ่ามือหนา ก็ยกขึ้นมาปิดทับไม่ให้ร้องตะโกนเรียกใครให้ช่วย
“ฉันเป็นคนของเจส ถ้าไม่อยากเจอเรื่องระทึกก็เดินไปกับฉันเงียบๆ เข้าใจไหม” แอดเวิร์ดเอ่ยเสียงเข้ม
มินตรารู้สึกตกใจ ปะปนกับความหวาดกลัว แม้จะรู้มาบ้างว่า เพื่อนเธอเป็นลูกสาวของมาเฟีย แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง
“อือ...” ใบหน้าเล็กพยักหน้า ดึงข้อมือใหญ่ให้พ้นจากริมฝีปากของเธอ และหันหลังกลับมาพูด
“ไม่ต้องมาปิดปากฉัน แค่บอกฉันก็พอ ไม่ต้องทำท่าทางแบบนี้ ส่วนเรื่องระทึก มันจะระทึกยังไง ตอนนี้...” มินตรายังพูดไม่ทันจบ เธอก็ถูกแรงกระชากจากมือหนา พาเธอวิ่งหนีทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างชุลมุน
“รีบวิ่งๆ ไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวคนของฉันจะเก็บกระเป๋าให้เธอเอง ตอนนี้เราต้องรีบไปที่รถก่อน เร็ว!”
“นี่คุณ!”
แอดเวิร์ดไม่สนใจ คนข้างๆ จะพร้อมไหมในการวิ่งหรือเปล่าไม่รู้ เขารีบพาอีกฝ่ายวิ่งหนีออกไปตรงประตูฉุกเฉิน
“นี่คุณ! ว้าย!”
มินตราต้องร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง นึกด่าตัวเองในใจ ไม่รู้ว่า คิดถูกหรือคิดผิดที่เดินทางมาหาเพื่อนที่นี่
“อย่ากรี๊ด ... ถ้าเธอไม่อยากโดนพวกมันยิง”
มินตราเงยหน้าขึ้นไปมองเสียวใบหน้าของคนที่ลากตัวเธอวิ่งไปตามเส้นทาง
“ทำไม ฉันต้องมาเจอแบบนี้ด้วย”
มินตราแอบมีน้ำตาซึมบ่นต่อว่า สายตาก็คอยมองกลับไปทาง ข้างหลัง และมือหนาก็พาเธอเข้าไปในซอกลืบเล็กๆ ที่มีถังขยะวางอยู่หลายใบ
“เข้าไปหลบตรงนี้ก่อน” แอดเวิร์ดใจก็นึกสงสารเพื่อนของน้องสาว
“ฉันไม่เข้าไปในถังขยะเด็ดขาด” มินตรายื้อแขนตัวเองเอาไว้ ไม่ยอมทำตาม
“” ฉันให้หลบไม่ได้สั่งให้เข้าไปในถังขยะ ฉันก็ไม่บ้าเข้าไปในถังขยะกับเธอหรอกนะ”
“ใครจะไปรู้...”
แอดเวิร์ดสังเกตเห็นว่า มีกลุ่มคนที่กำลังตามไล่ล่าเขาวิ่งเข้ามาใกล้กับจุดที่เขาอยู่
ซอกเล็กที่พอจะเข้าไปยัดกันได้สองคน มือหนาดึงร่างของมินตราเข้ามาแนบชิดติดกับอกแกร่ง ก่อนจะก้มหน้าลงมาสำรวจว่า หญิงสาวเป็นยังไงบ้าง
ส่วนคนที่กำลังคิดจินตนาการภาพของหนังมาเฟีย ที่ตัวเองเคยได้ดู จำต้องยกมือขึ้นปิดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น
“เป็นอะไร อยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก” แอดเวิร์ดถามด้วย ความสงสัย
“อ้าว! ฉันต้องป้องกันตัวเองก่อน ในหนังเวลาที่หนีเข้ามาใน ที่แคบๆ แบบนี้ คนเลวมักจะจับผู้หญิงจูบทำเหมือนว่าเป็นคู่รัก ฉันไม่อยากจะเสียจูบแรกกับคุณ”
แอดเวิร์ดฟังแล้วจากที่เครียดๆ อยู่ถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมา อย่างทนไม่ได้
“ฉันพาเธอมาหลบ ฉันไม่ได้พาเธอมาจูบ ยัยเด็กขี้มโนเอ๋ย!”
“ใครจะไปรู้ จูบไม่จูบไม่รู้ ฉันก็ต้องระวังตัวเองก่อน แล้วพวกนั้นมันไปหรือยัง ฉันอึดอัดแล้วนะ...”
“...”
มินตราเบิกตาโตตกใจ เสียงอู้อี้ เมื่อปากได้รูปก้มลงมาบด ปิดทับริมฝีปาก หญิงสาวอ้าปากเตรียมต่อว่า แอดเวิร์ดแทรกปลายลิ้นเข้าไปหา ความหวาน ทำไมมันหวานจัง
มินตราใช้มือดันผลักหน้าอก ตอนนี้หายใจเริ่มจะหายใจไม่ พยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ไม่สามารถผลักให้อีกฝ่ายออกไปได้ มือหนา ยึดท้ายทอย พยายามทำให้เธอดิ้นหนีไม่ได้
“อือ อื้อ”
เมื่อร่างกายเป็นอิสระ ฝ่ามือเล็กเตรียมง้างที่จะฟาดลงไปบนแก้ม ของอีกฝ่าย
“ฟาดมา ฟาดกลับอีกรอบนะ หรือว่าติดใจ”
“ไอ้...ไหนว่า จะไม่จูบไง แล้วที่ทำเขาเรียกว่า อะไร”
“เธอไม่เห็นหรือไงว่า พวกมันกำลังมองมาที่เรา ดีนะที่ฉันรู้สึกเร็ว พวกมันเลยไม่ทันได้สังเกต มันไปกันแล้ว ไปเถอะ”
แอดเวิร์ดทำเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เดินออกมาจากซอกเล็ก ๆ ที่พอีกฝ่ายเข้าไปหลบซ่อน
“สรุปคุณเป็นใครกันแน่ เจสสิก้าไม่น่าส่งคนหื่นแบบคุณมารับฉัน”
“ฉันทำขนาดนี้ เธอยังเดาไม่ออกเลยเหรอว่า ฉันเป็นใคร ถ้าไม่รู้ ก็จงไม่รู้ต่อไป เธอนี่พูดมาก ไป! รถจอดอยู่ใกล้ๆ แค่นี้”
มินตราได้แต่มองตามแผ่นหลังคนที่เดินนำเธอไปยังรถสปอร์ตสีดำที่จอดอยู่ตรงใกล้ๆ ถ้ามันจอดใกล้ขนาดนี้ ทำไมไม่พาเธอขึ้นไปหลบข้างในรถ สายตาที่เธอใช้มองมันเต็มไปด้วยความโกรธ โดยเฉพาะรอยยิ้ม เจ้าเล่ห์นั้นที่เธอรู้สึกไม่ชอบเอามากๆ
เธอชักไม่แน่ใจว่า การมาหาเพื่อนในครั้งนี้มันจะเป็นเรื่องที่ดี ในใจก็นึกหวั่นๆ สถานการณ์ที่ไม่ใช่หนังหรือนิยายที่เธอเคยอ่าน มันเป็นเรื่องที่เธอไม่ได้คิดหรือเตรียมใจเอาไว้ด้วย
“ฉันควรจะบินกลับเมืองไทยดีกว่าไหม”
“อ้าว! ไม่ขึ้นรถ ยืนนิ่งรอพวกมันย้อนกลับมาอีกหรือไง” เสียงตะโกนเรียกดังมาจากรถ
“ใช่ ฉันรอให้พวกนั้นมันมายิงคุณทิ้ง”
“หึ หึ ถ้ายิงผม มันก็ยิงคุณด้วย ก็ดีตายคู่ เจสจะได้ร้องไห้ครั้ง เดียวพอ”
คำพูดที่แสนจะกวนอารมณ์ มินตราพ่นลมหายใจออกมาเสียงดังให้อีกฝ่ายได้รู้ว่า ตัวเธอเริ่มจะโมโหจริงๆ มือเอื้อมไปเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ
“รีบมาก็ออกรถสิ รอให้พวกมันมาช่วยคุณขับรถหรือไง” มินตราเอาคำพูดของอีกฝ่ายมาพูดย้อนกลับไป แปะปากหันหน้าออกไป มองวิวด้านนอกแทน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!