-Gend University-
สวัสดีครับผมชื่อไวท์ ชนาธิป ปัญทวีชัยวัฒน์
ผมพึ่งเรียนจบปลายมาจากโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง แล้วตอนนี้ผมก็ได้เข้ามาเป็นนักศึกษาของมหาลัยนี้ในคณะที่ผมอยากเข้ามาตลอด ใช่ครับตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ วันนี้เป็นวันแรกของผมในรั้วมหาลัยแห่งนี้ ผมไม่ได้เข้าคณะนี้มาตัวคนเดียวหรอกนะครับยังมีเพื่อนสนิทผมอีกคนที่สอบติดและได้เข้ามาเรียนด้วยกัน
"ไวท์ มึงจะยืนเก๊กอยู่กับรถอีกนานไหมพี่เข้าเรียกเข้าหอประชุมแล้วโว้ย" เสียงหนาของอีกคนเรียกผมอย่างดัง ผมหันไปมองหาอีกคนทันที ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าใครครับเพราะทั้งมอตอนนี้ก็รู้จักกันอยู่แค่สองคนถ้าไม่ใช่เพื่อนผมแล้วจะเป็นใคร ใช่ครับมันคือไอกล้าเป็นเพื่อนที่ผมพูดถึงเมื่อกี้ ที่จริงมันไม่ได้ชื่อกล้าเฉยๆหรอกครับมันมีชื่อเต็มว่าต้นกล้า แต่เพราะความขี้เกียจเรียกชื่อเต็มของมันเลยเรียกได้สั้นๆว่าไอกล้าครับ
"เออๆๆไป" ผมตอบมันก่อนที่จะเดินไปหามันและเดินเข้าหอประชุมไป
//น้องๆที่กำลังเดินเข้ามา เดินมารับป้ายชื่อพร้อมบอกชื่อพี่นะคะ เข้ามาเลยค่ะ// เสียงรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวมาถึง
ผมและกล้าเดินเข้าไปต่อแถวกับเพื่อนคนอื่นๆเพื่อรับป้ายชื่อตามที่รุ่นพี่บอกทันที ขณะที่ต่อแถวอยู่นั้นผมมองไปทางเสียงกลองที่กำลังบรรเลงอย่างสนุกสนานที่ดังอยู่อีกทางเพื่อเอ็นเตอร์เทนปีหนึ่งที่ได้ป้ายชื่อและเข้าไปนั่งประจำที่อยู่แล้ว ผมมองอยู่สักพักพร้อมกับขยับไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ถึงคิวผมสักที
“สวัสดีครับ” ไวท์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขาก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้
“ชื่ออะไรครับ” รุ่นพี่ในชุดช็อปสุดเท่ยิ้มกลับและถามอย่างสุภาพ
“ไวท์ครับ” หลังจากที่ไวท์ได้บอกชื่อไปรุ่นพี่ก็เขียนชื่อเขาลงในกระดาษที่ถูกร้อยด้วยเชือกและส่งให้เขาทันที
ไวท์รับมาก่อนจะก้มหน้าและยิ้มให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะเดินออกมาและให้กล้าได้เข้ามารับป้ายชื่อต่อ หลังจากได้ป้ายชื่อมาแล้วทั้งสองคนก็เดินเข้ามานั่งที่ที่เพื่อนๆคนอื่นนั่งอยู่ท่ามกลางสายตาของเพื่อนคนอื่นที่มองมาที่เข้าและกล้าทันทีที่พวกเขาเดินมานั่ง ด้วยออร่าความหล่อของทั้งคู่ทำให้เพื่อนคนอื่นๆหันมามองเขาทั้งสองคนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรได้แต่ยิ้มทำตัวไม่ถูกที่ตอนนี้กำลังเป็นเป้าสายตาของใครหลายๆคน
“ทำไมเขามองเราแปลกๆว่ะ” ไวท์หันไปผมกล้า
“ก็เราหล่อไงมึง” กล้าตอบกลับด้วยความมั่นใจ แน่นอนว่าใช่เพราะความหล่อของทั้งคู่ทำให้ทุกคนต่างมากพวกเขา
“มึงนี่ก็เอาความมั่นมาจากไหน” ไวท์ว่ากับกล้าเบาๆ
“กูพูดความจริง” หลังจากสิ้นเสียงกล้า ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหน้าของแถวเป็นรุ่นพี่ที่กำลังถือไมค์และพูดคุยกับปีหนึ่งกว่าเกือบห้าร้อยชีวิตในหอประชุมแห่งนี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับให้ปีกนึ่งทุกคนได้ร่วมเล่นเกมส์ละลายพฤติกรรมไปด้วยกัน และเพื่อสานสัมพันธ์กับรุ่นพี่และเพื่อนๆในรุ่น เวลาล่วงเลยไปเสียงหัวเราะและเสียงเพลงยังคงดังขึ้นอยู่ตลอด และแล้วก็ถึงเวลาพักสักที
//น้องๆ ทุกคนครับแล้วเราไปพักกินข้าวกินน้ำกันก่อนนะ เดี๋ยวเดินไปเป็นแถวเพื่อนรับข้าวรับนำ้และขนมและไปหาที่นั่งกินให้เรียบร้อยนะครับและเดี๋ยวบ่ายโมงเรามารวมกันที่เดิมนะ// สิ้นเสียงรุ่นพี่ปีสองปีหนึ่งก็ทยอยลุกขึ้นไปทีละแถวอย่างเป็นระเบียบ
ผมเดินเข้ามารับข้าวกับน้ำแล้วมานั่งโต๊ะพร้อมกับไอกล้าเพื่อนคนอื่นๆ ในรุ่น
“เอ้อ หวัดดีกูชื่อเจมส์นะ อยู่อุตสาหการ” สมาชิกในโต๊ะคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ผมและไอกล้า หน้าตาคมๆ กับคิ่วเข้มๆ ของมันพอดูรวมๆ แล้วก็หล่อใช้ได้
“เออ กูชื่อไวท์อยู่อุตสาหการ”
“กูกล้า เหมือนกัน”
“โห บังเอิญจัดกูนึกว่าจะไม่มีเพื่อนซะเเล้ว กูขอไลน์พวกมึงหน่อยดิ่” มันยื่นโทรศัพท์ให้ผมทันที จากนั้นผมก็เลยแลกไลน์กับมันไว้ หลังจากที่คุยกันได้สักพักดูเหมือนมันจะเป็นคนดีใช้ได้เหมือนกัน แค่ตรรกะแปลกๆ ไปหน่อย แต่ช่างเถอะมันก็ไม่ต่างอะไรกับผมและไอกล้ามากดูจะเข้ากันได้ดีอยู่กันเยอะๆ ตะได้มีเพื่อนไปกินเหล้า
“มึงว่ากับข้าวแม่งมันเค็มไปเปล่าวะ” กล้าพูดขึ้นหลังจากตักกับข้าวเข้าปาก
“สัสพูดเบาๆ หน่อยกะได้เดี๋ยวพี่เขาได้ยินจะหาว่าเลี้ยงแล้วยังเสือกเรื่องมาก” เจมส์ตอบ
ผมนั่งยิ้มไม่พูดอะไรแค่รู้สึกว่ามันเค็มแบบที่ไอกล้าพูดจริงๆ แต่เค็มแล้วทำอะไรได้ก็มันมีให้กินแค่นี้ถึงบ่นไปยังไงก็ต้องกินมันอยู่ดี
“สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” คนมาใหม่เกินเข้ามาทักทายพร้อมกับรอบยิ้มที่สดใส โอ้มายก้อดสวยมาก ทุกคนบนโต๊ะหันมองเป็นตาเดียวกันเพราะอึ้งกับความสวยของเธอ
“สวัสดีครับเชิญครับ” ผมตอบรับคำขอของอีกฝ่ายและยิ้มทักทายให้เธอ
“ขอบใจจ่ะ งั้นพี่ขอเเนะนำตัวก่อนนะ พี่ชื่อไอริณนะ เป็นดาวมหาลัยปีสามและเป็นดาวคณะเราด้วย พอดีพี่เข้ามาดูน้องๆ เมื่อเช้าแล้วพี่ก็เห็นน้องไวน์พอดีเลยอยากชวนให้น้องไวท์มาประกวดเดือนคณะกับพี่หน่อย” พี่ไอริณพูดอ้อนๆ และยิ้มให้ผม
“ผมไม่เหมาะหรอกครับพี่หาคนอื่นดีกว่ามั้ยครับ เนี้ยไอกล้าเพื่อนผมหล่อกว่าผมตั้งเยอะ” ผมปัดไปให้ไอกล้าเพราะไม่อยากทำแะคิดว่าผมคงไม่เหมาะกับการเป็นตัวแทนของคณะ
“กูไม่เอาด้วยหรอกนะ แล้วอีกอย่างพี่เขาชวนมึง” แต่แล้วไอกล้าก็ปฏิเสธทันฟัน
“นะๆ ไวท์ช่วยพี่หน่อยนะ เราอ่ะเหมาะสุดแล้ว”
“แต่ผม....”
“มีงช่วยพี่เขาเถอะพี่เขาอุตส่าห์เห็นความหล่อของมึงท่ามกลางผู้คนหลายร้อยคน” เจมส์พูดขึ้น
“เออมึงก็ช่วยพี่เขาไปเถอะ แค่ประกวดมันไม่เสียหายอะไรหรอก”
“น้าๆๆๆ ไวท์” ไอริณกระพริบตาปริบๆ เพื่อนอ้อนวอนรุ่นน้องของเธอ
“ก็ได้ครับแต่ผมไม่แน่ใจว่าจะชนะมั้ยนะครับ”
“ขอบใจนะไวท์ รับรองว่าปีนี้คณะเราชนะแน่นอน ขอบใจนะเด็กๆ ที่ช่วยพี่พูด เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยง งั้นพี่ไปก่อนนะไม่กวนเวลาพักแล้ว”
“สวัสดีครับ” พวกผมสวัสดีพร้อมกัน พี่เขารับไหว้และเดินออกไปหน้าตายิ้มแย้ม
“ทำมาเล่นตัวไอสัสพี่เขาออกจะน่ารักขนาดนั้นไม่ช่วยก็บ้าแล้ว” กล้าพูดขึ้น
“นั่นดิ่” เจมส์เสริม
“ก็กูไม่อยากให้ใครมาสนใจนี้หว่า อีกอย่างกูก็ไม่อยากไห้ใครรู้จักดูเพิ่มขึ้นด้วย”
“มึงแน่ใจ? ว่าตอนนี้ไม่มีใครรู้จักมึง” เจมส์ถามขึ้น
ว่าแล้วมันก็หยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกับหาอะไรสักอย่างในนั้น
“อ่ะมึงดู” เจมส์ยื่นมือถือตัวเองให้ผม ผมรับมาดูทันที
\~C.ute University\~
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรมลิขิตกันแน่ วันนี้แอดผ่านหน้าคณะวิศวะเจอหนุ่มหล่อหน้าตาดี ทีแรกแอดคิดว่าเป็นดาราหรือไอดอลเพราะว่าเบ้าหล่อพระเจ้าสร้างมากลงมาจากรถหรูสีดำคันหนึ่งบอกเลยว่าละลาย แอดไปสืบมาแล้วจร้าสุดหล่อคนนี้ชื่อน้องไวท์จร้าเรียนอยู่คณะวิศวะด้วยเห็นว่าเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งนี่เองบอกเลยว่าไวท์สมชื่อบ้างแอดแอบได้รูปน้องมาด้วย ใครได้เจอตัวจริงน้องก็เขามาคุยๆกับแอดได้น้าทุกคน #น้องไวท์หล่อม้ากก #เพื่อนน้องก็แซ่บเด้อ #คิวท์บอยวิศวะ #ทีมแม่ #ทีมเมีย
*แนบภาพประกอบ*
ผมดูแล้วอึ้งไปนิดหน่อยครับ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าไปอยู่ในเพจนี้คั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียน งั้นเมื่อเช้าที่หอประชุมที่มีคนมองผมก็คงไม่ใช่เห็นว่าหล่อจนออร่าฟุ้งแบบที่ไอกล้าบอก แต่เป็นเพราะเพจนี้สินะ แต่ช่างเถอะมันคงไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ก็แค่รูปตัวเองอยู่ในเพจเอง
“เป็นไงอึ้งเลยดิ่ ยอดไลค์อย่างเยอะกูอ่านคอมเมนท์มีแต่คนชมว่ามึงหล่อไม่ใช่แค่ผู้หญิงนะเว้ย ผู้ชายก็เข้ามาบอกว่ามึงน่ารักเต็มไปหมดเลย” เจมส์ว่าแล้วก็หยิบมือถือตัวเองคืน
“หล่อกูก็พอรับได้แต่น่ารักนี่กูเถียงขาดใจมองยังไงกูน่ารักว่ะกูออกจะหล่อตรงไทป์สาวๆขนาดนี้”
“นี่มึงไม่รู้ตัวรึไง หน้าดีผิวดีเหมือนผู้หญิงแถมยังยิ้มหวานขนาดนี้” กล้าว่าแล้วก็ขำ
“สัสกล้าหน้ากูก็ไม่ต่างอะไรจากพวกมึงนักหรอก”
“เอ่อๆไม่ต่างครับเพื่อน”กล้าว่า
เห้อผมละไม่ค่อยพอใจกับคำว่าน่ารักจริงๆครับทั้งที่ผมหล่อแมนขนาดนี้ ถึงผมจะหน้าไม่คมเท่าไอกล้ากับไอเจมส์แต่ผมก็ไม่ได้น่ารักปุ้กปิ้กสะหน่อย
หลังจากที่ผมกินข้าวและนั่งคุยกันหมดเบรคผมก็กลับเข้าไปนั่งที่ตามเดิมโดยที่มีเจมส์ย้ายมานั่งกับพวกผม และทำกิจกรรมต่อไปถึงแม้ว่าจะน่าเบื่อไปหน่อยแต่ก็ยังพอรับไหวครับ ผมนั่งอยู่ตรงนี้มาสามสี่ชั่วโมงแล้วในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอยสักที
//น้องๆทุกคนครับพรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิมที่นี่นะครับอย่าลืมใส่เสื้อเชียร์ที่พี่แจกมาและห้ามลืมป้ายชื่อเด็ดขาดนะครับ แล้วก็สุดท้ายสำคัญมากๆเลยมาให้ครบนะครับห้ามขาดหรือห้ามโดดนะ ทราบไหมครับ//
//ทราบครับ,ทราบค่ะ// ปีหนึ่งพูดพร้อมกัน
//งั้นกลับได้แล้วครับ เดินทางกลับหอกับบ้านกันดีๆนะครับ//
และแล้วก็จบวันจนได้ครับ ยังดีที่วันดีผ่านไปได้ด้วยดี ผมไม่ไหวแล้วครับอยากจะไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มๆเต็มทนแล้ว
“เฮ้ย พวกมึงพักอยู่ไหนกันว่ะ”
“พวกกูอยู่ไทป์คอนโด มึงอ่ะ”
“เชี้ยบังเอิญอะไรขนาดนี้ว่ะ พระเจ้าส่งพวกมึงมาให้กูแน่เลย กูเหมือนกัน ว่าแต่พวกมึงอยู่ตึกไหนกูอยู่ตึกสี่”
“พวกกูอยู่ตึกห้าอยู่ห้องใกล้กัน”
“เอองั้นกูกลับก่อนนะ มีคนมารอรับแล้ว” เจมส์ว่าแล้วก็โลกมือลาและเดินตรงไปที่รถสปอร์ตหรูคันสีดำที่จอดรออยู่แล้ว
“แล้วมึงอ่ะเมื่อเช้ามาไง” ผมหันไปถามไอกล้า
“เอารถมา”
“งั้นเจอกันกูกลับก่อนแม่งไม่ไหวล่ะเมื่อย”
“เออ” กลังจากถามไถ่จบผมกับมันก็เดินแยกกันไปที่รถใครรถมันทันที ผมมุ่งหน้าตรงกลับห้องเพราะความเหนื่อยล้ากับการที่ต้องนั่งอยู่ทั้งวันในหอประชุม รถในกรุงเทพก็ยังเป็นกรุงเทพติดทุกวันเลย และแล้วผมก็กลับมาถึงห้องจนได้
(ห้องไวท์)
“เห้อ” โทรศัพท์ในมือตอนนี้ลอยไปอยู่บนที่นอนหลังจากเข้าห้องมาได้เขาทิ้งทุกอย่างลงรวมทิ้งร่างตัวเองด้วย
“เหนื่อยชิบหายเลย” เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
ไลน์!! เขาพลิกตัวเองไปตามที่นอนเพื่อหยิบมือถือมาดู ก่อนที่ตะพบว่าเป็นไลน์ของรุ่นพี่คนสวยที่พึ่งเจอกันเมื่อตอนพักเที่ยง
//สวัสดีจร้าน้องไวท์ พี่ไอริณนะที่เราเจอกันเมื่อกลางวันจำได้ไหมเอ่ย?//
//จำได้ครับ พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ//
//อ่อพี่จะบอกเราว่าพรุ่งนี้เรามีนัดคุยเรื่องดาวเดือนกัน เดี๋ยวพี่จะไปรอรับเราตอนเช้าที่หน้าห้องเชียร์นะ อย่าสายหล่ะ//
//ครับ//
//โอเครจร้าเจอกันนะบาย//
ผมอ่านข้อความสุดท้ายก่อนจะปิดแชทลงและเข้าไอจีตัวเองทันที งานอดิเรกของผมคือการลงรูปอัพเดตชีวิตแต่ละวันลงไอจีครับ ถ้าถามว่าทำไปทำไม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับเพราะจุดเริ่มต้นมาจากเพื่อนตัวดีของผมมันบังคับผมครับ ต้องท้าวความไปช่วงม.ปลายครับ มันชอบลงรูปที่ถ่ายติดผมลงไอจีของมันบ่อยๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามันตัดออกไม่เป็นหรือไง จนมันบอกว่ารูปที่ติดหน้าผมมักจะเรียกยอดไลค์ได้ดูอะเสมอ มันบังคับให้ผมสมัครไอจีเพราะมันบอกว่ามีสาวๆชอบไดเร็กมาหามันเพื่อขอไอจีผมทีแรกผมก็ไม่ยอมจนมันเอาโทรศัพท์ผมไปสมัครให้ผมเองพร้อมกับลงรุปแรกให้ผมด้วย หลังจากนั้นมันก็บอกให้ผมลงรูปทุกวันถ้าวันไหนไม่ลงจะต้องเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่มันผมเลยยอมๆทำไปจนติดเป็นนิสัยไปแล้วครับ ตอนนี้ผู้ติดตามผมก็มีถึงหลักหมื่นแล้วครับ แต่ก็เยอะสู้เพื่อนผมไม่ได้หลอกครับรายนั้นเรียกตัวเองว่าเจ้าพ่อไอจีเลยดีกว่า
ผมเลื่อนหน้าฟีดไปมาอยู่สักพักก็กดออกและปิดจอมือถือวางไว้ข้างตัวก่อนที่จะลุกเข้าไปในห้องครัวเพื่อหาอะไรกินปกติผมไม่ค่อยผมไม่ค่อยออกไปหาอะไรกินข้างนอกหรอกครับ ถ้าหากไม่ได้ออกไปทำธุระที่ไหน ผมชอบซื้อของสดเก็บไว้ในตู้เย็นมากกว่าผมใช้เวลาทำอาหารเป็นเมนูโปรดของผม นั่นก็คือข้าวผัดกุ้งแล้วก็ผัดผักสารพัดชนิดที่เรียกได้ว่ามีอะไรก็ใส่เข้าไป ผมใชเวลาสี่สิบห้านาทีก็กินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะเอาจานและอุปกรณ์ต่างๆไปแช่ไว้ ผมเดินเข้าห้องนอนมาและนั่งลงที่โต๊ะทำงานมุมหนึ่งของห้องพร้อมกับเปิดโน๊ตบุ๊ค ผมล็อกอินเข้าเฟสบุ๊คเพื่อเช็คการแจ้งเตือนและข้อความเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ต้องตกใจเพราะแจ้งเตือนมันกลับเยอะมากกว่าปกติ
"ทำไมเยอะแบบนี้เนี้ย เกิดไรขึ้น" ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะกดเข้าไปดู เลยได้พบว่ามีเพจดังของมหาลัยเอาภาพผมไปโพสต์แถมแท็กผมเข้าไปด้วย ถึงว่าทำไมแจ้งเตือนถึงเยอะขนาดนี้ ว่าแต่มันไม่รูปที่เพื่อนผมให้ดูเมื่อกลางวันนี่หน่าแต่เป็นรูปผมที่กำลังเปิดประตูรถของผม ผมเลื่อนอ่านคอมเม้นที่ผู้คนต่างเข้ามาชมและเเสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปผมทั้งชายและหญิงเต็มไปหมด ก่อนที่จะเห็นว่านอกจากแจ้งเตือนแล้วแชทผมก็เช่นกันผมแจ้งเตือนมากกว่าสามสิบอินบ็อกผมเข้าไปดูก็พบว่าใครก็ไม่รู้ทักหาผมเต็มไปหมด ผมไม่รู้จักเลยสักคนเดียว ส่วนมากจะเป็นผู้ชายมากกว่าครับผู้หญิงก็มีแต่แค่น้อยกว่า คิดเป็นสามส่วนสองเลยก็ว่าได้และผมเลือกที่จะไม่สนใจและตอบกลับใคร ก่อนที่ผมจะเลิกดูและหันกลับมาเปิดเพลงลั่นห้องแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำทันที
P:ขุนพล
“ไอขุนตกลงเย็นนี้มึงจะไปเปล่า” ตุลย์เพื่อนของผมถามขึ้น
“ไม่ว่ะ พรุ่งนี้ไอริณแม้งนัดกูไปดูน้องดาวเดือนแต่เช้าเลย” ผมตอบ
สวัสดีครับผมขุนพล เรียนอยู่วิศวะปีสามเอกอุตสหการครับ ผมค่อนข้างจะไม่สนโลกเท่าไหร่ผมไม่ได้บอกเองนะครับคนอื่นที่เขาเคยเจอผมเขาพูดกันแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เป็นเดือนมหาลัยนะครับ อ่อผมลืมเเนะนำไปนี่เพื่อนผมครับชื่อตุลย์เพื่อนสนิทคนเดียวตลอดสามปีของผมจะว่าไปนิสัยเราก็ไม่คล้ายกันสักนิดแต่ก็คบกันได้เฉยเลย
“เอ่อๆดีเลย พรุ่งนี้เดี๋ยวกูเข้าไปหามึงที่คณะ”
“มาทำเชี้ยไรพรุ่งนี้มีเรียนบ่ายไม่ใช่”
“กูก็อยากรู้จักน้องดาวเดือนบ้างป่ะว้ะไหนๆก็เป็นรุ่นน้องแล้วช่วยกันดุฝูช่วยกันมองไม่เห็นแปลก”
“สัสมึงอย่ามาอ้าง แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วมึงอ่ะ”
“หรอว่ะ ฮ่าๆๆๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้”
“เออ”
มันตบไหล่ผมแล้วเดินจากไป ผมไม่รอช้ารีบเดินไปที่รถของตัวเองทันที
(ห้องขุนพล)
ผมเดินเข้าห้องมาพร้อมกันดูนาฬิกามี่ข้อมือตัวเองเป็นเวลาสามทุ่มผมใช้เวลาขับรถเพื่อกลับมาที่คอนโดครึ่งชั่วโมงได้หลังจากแวะกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งระหว่างทางกลับ ผมไม่รอช้ารีบเดินตรงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างตัวก่อนที่จะทำงานะที่กองอยู่บนโต๊ะ
*เสียงโทรเข้า*
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็ได้ยินยินเสียงเรียกเข้าดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนครับเป็นยัยไอริณนี่เอง ผมรู้จักไอริณผ่านๆครับเธอเป็นสาววายที่ชอบจับผู้ชายจิ้นกัน เธอก็เป็นเพื่อนของผมแต่ไม่สนิทเท่าไหร่
//ฮัลโหล//
//รับสายช้าจังพ่อคุณ พรุ่งนี้ห้ามลืมนะคะ//
//เอ่อน่าไม่ลืมหรอก ย้ำมาก//
//ก็แกเป็นคนเเบบนี้ไง ฉันเลยต้องโทรมาย้ำ วั้นแค่นี้แหระจ่ะพ่อคุณไม่กวนแล้ว//
ตู้ดดดด!!!! ว่าเเล้วเธอก็ตัดสายใส่ผมทันที
...-Gend University-...
เช้าวันรุ่งขึ้น............
วันที่สองของชีวิตเฟรสชี่ปีหนึ่งทุกคน ไวท์หนุ่มหล่อน่าใสเดินมาพร้อมกับเพื่อนของเขาทั้งสองคนต้นกล้าและเจมส์ เจมส์และต้นกล้าใส่เสื้อเชียร์ที่รุ่นพี่แจกพร้อมกับแขวรป้ายชื่อไว้ที่คอ ส่วนไวท์ส่วนชุดนักศึกษาเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้าตามที่พี่ไอริณบอก ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปทางห้องเชียร์ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่หน้าหอประชุมของคณะซึ่งใช้เป็นห้องเชียร์นั่นเอง
หญิงสาวที่ใช่ชุดนักศึกษาหน้าตาดีเมื่อเห็นรุ่นน้องที่กำลังเดินมาก็ทักขึ้น
“เอ้ามาพอดีเลยพี่กำลังตะโทรถามว่าอยู่ไฟนะ” ไอริณพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้
“สวัสดีครับพี่” ทั้งสามคนพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“ดีจ่ะ งั้นเราไปกันเลยไหม” ไอริณหันหน้ามาบอกไวท์
“งั้นพวกผมเข้าเชียร์ก่อนนะครับ” ต้นกล้าและเจมส์บอกรุ่นพี่คนสวยก่อนตะเดินเข้าหอประชุมไป
P: ไวท์
“ไปเลยหรอครับ” ผมพูดทักขึ้นเมื่อเห็นพี่ไอริณเดินนำไป
“ใช่จ่ะ ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว”
“แล้วผมไม่ต้องบอกรุ่นพี่ข้างในก่อนหรอคับ” ผมถามด้วยขึ้นเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่โดนรุ่นพี่ว่าทีหลัง
“เรื่องนั้นเราไม่ต้องห่วงพี่แจ้งพี่ๆ เขาไว้แล้ว” พี่ไอริณว่าแล้วก็เดินต่อไป ส่วนผมก็เดินตามเธอไปติดๆ และแล้วเราก็เดินมาหยุดที่รถคันหนึ่ง
“ขึ้นรถไปกับพี่เลยแล้วกัน ขากลับเดี๋ยวพี่ขับมาส่งที่รถอีกที” เมื่อเธอพูดจบก็เปิดประตูฝั่งคนขับขึ้นไปทันที ส่วนผมก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ผมนั่งรถมาสักพักหนึ่งและแล้วรถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคณะบริหารธุรกิจ
“ป่ะ ถึงแล้ว” พี่ไอริณว่าแล้วก็ลงรถ
“ไกลจากคณะเราเหมือนกันนะครับเนี้ย”
“นั่นเป็นเหตุผลที่พี่ขับรถมาไงจ๊ะ”
หลังจากจบบทสนทนาผมก็เดินตามพี่สาวคนสวยเข้ามาในคณะจนมาหยุดที่หน้าห้องใหญ่ๆ ห้องหนึ่ง
(กองประกวดดาวเดือน)
“สวัสดีจ่ะทุกคน” ผู้หญิงที่มากับผมทักทายคนที่อยู่ในห้องด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“มาแล้วหรอคะพี่ริน” เสียงของสมาชิกที่อยู่ในห้องคนหนึ่งตอบรับพร้อมกับเดินเข้ามาหา
“ใช่จ้ะคนสวย” พี่ไอริณตอบ
“ปากหวานตลอดเลยนะคะคนนี้ถ้าหนูไม่ได้ชอบผู้ชายหนูจีบพี่ไปแล้ว”
“ชอบผู้ชายไปเถอะจ้ะพี่เชียร์อยู่”
“ฮ่าๆๆพี่ก็ อุ้ย!!นี่เดือนคณะพี่หรอคะ” สายตาของเขาหันมาที่ผม
“ใช่จ้าเป็นไงสมราคาคุยพี่ไหม”
“ฮื้ม!!! ยิ่งกว่าค่ะหล่อน่ารักแถมหุ่นดีแบบนี้รับรองเป็นตัวท็อปปีนี้เลยก็ว่าได้”
“เว่อร์ไปป่ะเนี้ยตัวเธอ” รุ่นพี่สองคุยกัน พร้อมกับเดินเข้ามาที่เก้าอี้ว่างโดยที่รุ่นพี่ผู้ชายหน้าสวยกอดแขนพาผมเข้ามาด้วย
“โอ้ยมัวแต่คุยพี่ลืมแนะนะตัวเลยสุดหล่อ พี่ชื่อหยกนะ” พี่เขาพูดขึ้น
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมไวท์ครับ”
“ยินดีมากเลยจ่ะสุดหล่อมามะมานั่งข้างๆพี่” พี่หยกตบที่เก้าอี้ว่างๆข้างๆเขา
หมดกำลังตะนั่งเลยครับแต่ทว่ากลับมีใครบางคนดึงเก้าอี้ไปด้านหลังเสียก่อน ให้ตายเถอะไม่เห็นหรือไงว่ามีคนจะนั่ง ผมมองตามเก้าอี้ไปสายตาไปพบกับหนุ่มในชุดช็อปคณะร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยที่เดียวครับตาเชี่ยวๆกับจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากที่เข้ารูปทำให้ผมเห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้ แต่เรื่องมารยาทนี่คงไม่ต้องพูดถึงแล้วมั้งครับ
“คุณขุนพลคะไม่เห็นหรอว่าน้องกำลังจะนั่ง” พี่ไอริณถามขึ้น
“เห็นแต่ฉันจะนั่งอ่ะ มีปัญหาหรอ” คำว่ามีปัญหาหันมาทางผมพร้อมกลับหน้ากวนบาทาสุดๆนี่จะเอาแบบนี้ใช่ไหม รู้จักผมน้อยไปซะเเล้ว
“ไม่มีครับ อยากนั่งก็เชิญเลยผมไม่ใจร้ายให้คนแก่เป็นโรคกระดูกยืนหรอก” ว่าจบผมก็ยักคิ้วให้อีกฝ่ายหนึ่งที
“มึงว่าใครเป็นโรคกระดูก”
“ผมเปล่าว่าใครพูดลอยๆพี่ร้อนตัวทำไม”
“นี่มึงจะเอาใช่ป้ะ”
“ผมยังไงก็ได้”
“โอ้ยพอเลยทั้งคู่จะตีกันทำไมคะคนกันเองทั้งนั้น”
“หึ”ร่างสูงในชุดช็อปส่งเสียงไม่พอใจ
“แกตัวดีเลย มาทีหลังยังจะมาวุ่นวายน้องอีก นี่น้องเดือนคณะเราน้องไวท์ ไวท์นี่พี่ขุนพลเป็นเดือนมหาลัยปีเดียวกับพี่ อ่อแล้วน้องพี่ถ่ายรูปอยู่ตรงนั้นดาวคณะเรา” หลังจากพี่ไอริณพูดจบผมก็หันหน้าหนีตานี่ทันที หึเหม็นขี้หน้าชะมัดไม่น่าชมว่าหล่อเลยอันที่จริงผมว่าผมหล่อกว่าเยอะ
“เตี้ยขนาดนี้แถมหน้าตาไม่ได้เรื่องจะชนะหรอ?” เสียงอีกฝ่ายดังขึ้น
“พี่ว่าใคร”
“รู้ตัวจะถามทำไม หาคนใหม่น่าจะดีกว่ามั้งคณะเรามีดีกว่านี้เยอะ” ร่างสูงหันไปบอกเพื่อนสาวที่นั่งอยู่
“อย่ามาเลอะเทอะไม่มีใครเหมาะเท่าไวท์แล้ว พูดมากต่อไปแกก็ดูเเลน้องมันด้วยเพราะฉันจะไปดูน้องดาวเอง ห้ามชวนน้องทะเลาะแล้วก็ดูแลดีๆหล่ะ ถ้าฉันรู้ว่าแกไม่สนใจ แกเตรียมตัวตายเลย” พี่ไอริณว่าแล้วก็เดินไป อีกคนก็กำลังจะเถียงแต่อีกคนไม่สนใจ ส่วนผมคนที่ต้องรับเคราะห์กรรมครั้งนี้ไม่ต้องคิดเลยครับแน่นอนว่าไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้เอาไว้หลังเลิกงานแล้วค่อยคุยกับพี่ไอริณเรื่องคนดูและรอบนอกก็ได้ยังไงผมก็ต้องขึ้นรถพี่เขากลับคณะอยู่แล้ว...
ผมนั่งรอคิวเพื่อที่จะถ่ายรูปโปรไฟล์อยู่ โดยมีคนใส่เสื้อช็อปนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย เราทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกัน ผมบอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยถูกชะตาสักเท่าไหร่เลยครับ คอะไรเจอกันครั้งแรกก็ทำตัวไม่น่าประทับใจเอาซะเลย ดูไม่เป็นมิตรกับใครด้วยโดยเฉพาะผม
ผมนั่งไถไอจีดูอะไรไปเรื่อยโดยไม่สนใจใคร ผมเลื่อนไปสักพักจนไม่มีอะไรให้ดูแล้ว ผมเลยเก็บมือถือลงแล้ววางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปที่รุ่นพี่คนอื่นๆที่กำลังวุ่นๆกับดาวเดือนที่กำลังเช็ตผมและแต่งหน้า และรุ่นพี่ที่ประกบตากล้องเพื่อเช็ครูปน้องๆอยู่
"กูว่าปีนี้คณะวิศวะชวดตำแหน่งแน่เลยหว่ะ" เสียงเข้มของอีกคนดังขึ้น เป็นเสียงของเขาคนนั้น เขาพูดแล้วมองมาที่ผมก่อนจะทำส่ายหน้าใส่ผมสายตาดูถูกเล็กๆ
"พี่รู้ได้ไงว่าผมจะแพ้"
"กูเห็นหน้ามึงกูก็รู็แล้ว"
"งั้นกล้าพนันกับผมไหมล่ะ ถ้าผมชนะพี่จะให้อะไรผม"
"ทำไมกูต้องพนันไร้สาระกับมึงด้วย"
"ก็ถ้าพี่มั่นใจว่าผมจะแพ้ หรือว่าพี่กลัวว่าผมจะชนะขึ้นมาแล้วพี่จะขายหน้า"
"หึ!!! อย่างกูเนี้ยนะกลัวก็ได้กูพนันกับมึงก็ได้"
"ได้ งั้นถ้าผมได้เป็นเดือนมหาลัยพี่จะต้องทำตามาี่ผมขอหนึ่งอย่าง ถ้าผมแพ้ผมพี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ดีลป่ะ"
"เออ มึงจำได้ด้วยแล้วก็เตรียมตัวได้เลย เพราะว่ามึงไม่มีทางได้เป็นเดือนมหาลัยหรอก" หลังจากเขาพูดจบก็ลุกออกไป
หึคอยดูแล้วกันผมจะพยายามคว้าตำแหน่งมาให้ได้ ผมพูดกับตัวเองในใจก่อนที่จะได้ยินเสียงใสๆของพี่ไอริณเรียกผมไปถ่ายรูป
และแล้วภาระกิจก็เสร็จสิ้นสักที่ ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงแล้ว ทุกคนกำลังเก็บของและเตรียมแยกย้ายกันไปคน ผมที่ยืนรอพี่ไอริณคุยงานกับพี่คนอื่นๆอย่ ก็เดินไปหยิบมือถือตัวเองแล้วกดโทรหาเพื่อนทันที
//ฮะโหล มึงเลิกเชียร์ยัง//
//พึ่งเลิกเมื่อกี้เลยกำลังเดินไปเอารถกับไอเจมส์//
//มึงมารับกูที่คณะบริหารดิ้ รถกูจอดอยู่ที่คณะ//
//หึ มึงบ้าหรอครับคุณไวท์รถกูนั่งได้สองคนครับ ไอเจมส์มันขอติดรถกลับด้วยวันนี้แฟนมันไม่ว่างมารับ มึงไปยังไงมึงก็กลับอย่างนั้นดิ่//
//เออ งั้นไม่เป็นไรกูกับเองก็ได้//
หลังจากที่ผมพูดจบผมก็กดตัดสายทันที ผมมองไปที่พี่ไอริณเธอยังคุยงานไม่เสร็จเลยครับดูท่าแล้วคงอีกนานเลย ตอนนี้ผมอยากกลับจะแย่แล้วครับทั้งเมื่อยทั้งหิวข้าว เฮ้ออออ!!!
P: ขุนพล
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องหลังจากที่ผมออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกมา ผมมายืนข้างหลังไอรุ่นน้องตัวดีที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ผมไม่ยินทุกประโยคที่มันพูดตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ แล้วตอนนี้มันก็วางสายไปแล้วแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่รู้สึกตัวว่าผมมายืนอยู่ข้างหลังมันเลยสักนิด
"ฮะฮึ้ม" ผมกระแอมเพื่อให้อีกคนรู้สึกตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะสะดุ้งโหย่งเพราะความตกใจ ผมเห็นหน้าเหว่อๆของมันตอนนี้ก็อดตลกและนึกขำขึ้นมาในใจ
"โอ้ยพี่เล่นอะไรของพี่เนี้ย แล้วไม่กลับไปอีกหรอผมนึกว่าทนความหลอของผมไม่ได้แล้วหนีกลับไปซะอีก"
"มึงเพ้ออะไรไม่ทราบ ถึงกูจะไม่ชอบหน้ามึงแต่กูก็มีความรับผิดชอบนะเว้ย" ผมตอบกลับไป อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไรแล้วยักคอ้วพร้อมกับยิ้มมุมปากให้ผมแทน ผมเห็นหน้ามันตอนนี้แล้วอยากจะซัดแม่งสักหมด
หลังจากที่ผมเถียงกับไอเด็กเตี้ยจบผมก็ตะโกนบอกเพื่อนสาวที่กำลังประชุมกับเพื่อนคนอื่นอยู่อีกด้านของห้อง
"ริณเรากลับก่อนนะ"
"เอ้ยเดี๋ยวดิ่ขุนรอแปป" เธอพูดจบก็เดินเข้ามาหาผมทันที
"เราฝากพาน้องไวท์ไปส่งที่คณะหน่อยสิน้องจอดรถไว้ที่คณะ เมื่อเช้ามากับเราพอดีเรายังไม่เสร็จธุระอ่ะ ฝากด้วยนะห้ามตีกันหล่ะ ตีกันมากระวังได้กันเองนะจ๊ะ"
"จะบ้าเรอะ เตี้ยแบบนี้ใครจะเอา" ผมตอบเพื่อนสาวก่อนจะทำหน้าเหย่ใส่คนบางคน
"อ้าวนี่พี่บูลลี่หรอ ผมไม่ได้เตี้ยเว้ย ตัวเองสูงเกินไปแล้วมาว่าคนอื่นเตี้ยประสาท"
"มึงว่าใครประสาท"
"นั่นพูดไม่ทันขาดคำเลย ระวังนะเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นนะ พี่เห็นมานักต่อนักแล้ว" ไอริณพูดขึ้น
"เออไม่คุยกับเธอแล้วฉันกลับก่อนนะ มึงก็เก็บองตามมาแล้วกันช้ากูไม่รอนะเว้ย" ว่าแล้วผมก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!