เสียงฝีเท้าวิ่งเร็วอย่างไม่คิดชีวิตเหยียบไปตามเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นในป่าอันน่าสะพรึงกลัว ลมหายใจหอบกระแทกถี่ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากขั้ว ดวงตากวาดแกว่งลอกแลกอย่างหวาดผวา ด้วยความมืดมิดของป่าแห่งนี้ทำให้หญิงวัยกลางคนไม่ทันระวัง สะดุดล้มจนตะเกียงที่ถืออยู่ในมือล้มตาม น้ำมันไหลออกจากตะเกียงเป็นเหตุให้ไฟลุกพรึบเผาไหม้ใบไม้บริเวณนั้นทันที หญิงวัยกลางคนตัวสั่นระริก ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
กรรรซ์!!
อุ้งเท้าใหญ่ของหมาป่าก้าวย่างเข้าหาเหยื่ออย่างใจเย็น มันจ้องเหยื่อไม่คิดละสายตา ไม่ว่าหล่อนจะคิดสู้หรือไม่ อย่างไรก็ไม่มีทางรอดแน่นอน
“ฝ่าบาท” เสียงเรียกของชายแก่เบนความสนใจราชาวูฟที่กำลังออกตรวจป่าด้วยตัวเอง
ราชาวูฟย่นคิ้วแล้วเอ่ยถามอย่างนึกรำคาญ
“มีอะไรรึ ฟาเอล” ชายหนุ่มผู้สง่างาม เจ้าของเรือนผมสีดำขลับ จมูกโด่งเรียว ริมฝีปากบางอมชมพู คิ้วคมเข้ม ทว่าดวงตากลับมีสีแดงฉานดั่งเลือดช่างน่ากลัวเกรง เขาหันมองผู้เฒ่าฟาเอล องครักษ์และผู้ดูแลส่วนพระองค์ที่รีบสาวเท้าฉับๆเข้ามาหา ด้วยความกระฉับกระเฉงนี้ทำให้นึกไม่ถึงเลยว่าเขาอายุได้หนึ่งพันปีแล้ว
“เชิญทางนี้พะยะค่ะ ทหารของเราเจอมนุษย์” ผู้เฒ่าฟาเอลพูดจบ ราชาวูฟกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจ
“ดีมาก” พูดจบก็รีบกลายร่างเป็นหมาป่าตัวโต เหม็นสาบเลือด ดวงตาโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม จากนั้นกระโจนไปอย่างรวดเร็ว
ครั้นราชาวูฟเดินเข้ามาใกล้ ภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้น หญิงวัยกลางคนที่เป็นมนุษย์นั่งพิงโคนต้นไม้ด้วยร่างอันสั่นเทา หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม อีกทั้งข้างๆหล่อน ยังมีไฟที่เริ่มลุกลามไปเรื่อยๆ ทหารหมาป่า2-3ตัวที่ยืนล้อมเหยื่ออยู่ เมื่อเห็นราชาวูฟเยื้องย่างเข้ามาก็ถอยหลังเปิดทางให้
กรรรซ์..
ราชาวูฟครางในลำคอ จากนั้นจึงเข้าไปดมเหยื่อ ยิ่งกลิ่นมนุษย์ชัดเท่าไหร่ เขายิ่งพอใจเท่านั้น เพราะการที่จะมีมนุษย์หลงเข้ามาในเขตป่าดงดิบของวูฟไม่มีปรากฏบ่อยนัก และการได้กินมนุษย์จะทำให้วูฟมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่ากินชาวเวทมนต์เสียอีก
“ออกไป!!” หญิงวัยกลางคนหยิบกิ่งไม้ที่ติดไฟปัดป้องไม่ให้หมาป่าตัวโตที่มีดวงตาเหี้ยมโหดนี้เข้ามาทำร้าย ราชาวูฟถอยไปหนึ่งก้าว
คร่าส์!!
ราชาวูฟคำรามดังด้วยความโมโหจนเหยื่อตกใจตัวโยนขวัญหนีดีฝ่อ ราชาวูฟหันไปให้สัญญาณผู้เฒ่าฟาเอลที่กลายร่างเป็นหมาป่าเช่นกัน เป็นอันรู้กันว่า..ลากเหยื่อกลับไปที่วัง.. อีกอย่างเลือดที่ได้จากมนุษย์จะต้องแบ่งไว้เพื่อเป็นยารักษาฟื้นพละกำลังหลังการต่อสู้ ผู้เป็นบ่าวพยักหน้ารับก่อนจะกระโจนใส่เหยื่อ
“กรี๊ด!!”
ผู้เฒ่าฟาเอลคาบเหยื่อลากไปอย่างง่ายดายโดยไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยของเหยื่อ ไม่มีคำว่าปราณี และไม่มีคำว่ารอดพ้น
ฉึก!!
คร่าส์ส์ส์!!
เสียงคำรามของผู้เฒ่าฟาเอลดังลั่นป่าเมื่อถูกลูกศรยิงที่ขาหลังข้างขวา ทำให้เหยื่อหลุดจากปากทันที หมาป่าทุกตัวหันขวับไปมองทิศทางของธนูนั้น
“ย๊ากกก!!” เสียงผู้จู่โจมดังขึ้นก่อนจะพุ่งเข้ามาต่อสู้ ชายหนุ่ม2คนมีอาวุธในมือคนละชนิด
ชายหนุ่มคนแรกมีใบหน้าเนียนใส ผิวพรรณดี มีแก้มบุ๋มน่ารัก แต่ว่าความน่ารักนั้นสวนทางกับฝีมือการต่อสู้ของเขาที่มีอาวุธคู่กายคือ..ธนู.. เขาใช้ธนูได้คล่องแคล่วและแม่นยำมาก
...อัศวินเดมันต์...
ชายหนุ่มอีกคน ร่างสูงโปร่ง เจ้าของเรือนผมสีเทา จมูกโด่งรับกับใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ นัยน์ตาสีเทา เขาใช้ดาบสังหารศัตรูได้อย่างว่องไวเช่นกัน
...ราชองครักษ์ซีฟราน โก เซเวียร์...
“คร่าส์” หมาป่าทุกตัวคำรามใส่ศัตรูผู้บุกรุกด้วยความเกรี้ยวกราด ทหารหมาป่ากระโจนเข้าใส่เดมันต์และซีฟราน ด้วยฝีมืออันเหนือชั้นกว่าทำให้พวกเขาสามารถสังหารหมาป่าได้อย่างง่ายดาย หญิงวัยกลางคนรีบเดินกะเผลกๆหนีออกไปจากตรงนั้น ทว่าผู้เฒ่าฟาเอลไวกว่ารีบพุ่งเข้าไปงับขาของหล่อนไว้ ทำให้หล่อนล้มลงก่อนจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ซีฟรานหันขวับไปมองพลันเบิกตาโพลง
“แม่!!”
ราชาวูฟหันมองตามเสียงของซีฟรานที่ร้องลั่นป่า ‘แม่’ คำนี้ทำให้ราชาวูฟรู้สึกเหมือนถูกยิงด้วยธนูอาบยาพิษ เสี้ยววินาทีเดียวที่เขารู้สึกว่าอยากปล่อยเหยื่อไป แต่...
“กรี๊ด!!” แม่ซีฟรานร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อผู้เฒ่าฟาเอลฝังเขี้ยวคมๆที่ขาหล่อนจนแทบจะขาด
“คร่าส์ส์ส์!!” ผู้เฒ่าฟาเอลคำรามลั่น เมื่อซีฟรานใช้ดาบสัมฤทธิ์ของเขาฟันไปที่ขาของหมาป่าเฒ่าอย่างจัง
“คร่าส์ส์ส์!!” หมาป่าเฒ่าทรุดตัวลงกับพื้น เลือดไหลอาบขาข้างที่ถูกฟัน ดิ้นทุลนทุลาย ราชาวูฟกระโดดเข้ามาคาบผู้เฒ่าฟาเอลแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว
ฉึก!!
ธนูถูกยิงไล่หลังแต่ไม่ทันราชาวูฟที่วิ่งเร็วกว่า ลูกศรจึงพุ่งไปปักที่ต้นไม้ เดมันต์สบถอย่างอารมณ์เสียที่ฆ่าราชาวูฟและผู้เฒ่าฟาเอลไม่ทัน
“โธ่เว้ย!!”
ซีฟรานรีบเข้าไปประคองแม่พร้อมน้ำตานองหน้า ตัวของเขาสั่นระริกเมื่อเห็นใบหน้าของผู้เป็นแม่ซีดลงเรื่อยๆ ขาของแม่มีเลือดออก เนื้อตัวสะบักสะบอม เขาหันไปมองทางที่ราชาวูฟหนีไป ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความแค้นรุนแรงดั่งภูเขาไฟกำลังปะทุ
“เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือข้า..ไอ้ราชาวูฟ ไอ้ตาเฒ่าฟาเอล!!”
“อ๊ากกกก!!”
เสียงผู้เฒ่าฟาเอลร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดทุรนทุราย ขณะที่หมอหลวงประจำวังวูฟกำลังราดน้ำสมุนไพรล้างแผลสด ผู้เฒ่าดิ้นไปมา มือและขาถูกมัดไว้กับเตียงผู้ป่วย ดูจากอาการแล้ว ไม่เคยมีใครในดินแดนที่ได้รับความสาหัสเพียงนี้ สีหน้าของหมอหลวงไม่ค่อยสู้ดีนักจึงตัดสินใจออกไปรายงานราชาวูฟที่รออยู่ข้างนอก
“ฝ่าบาท อาการของผู้เฒ่าไม่สู้ดีเลยพะยะค่ะ” หมอหลวงก้มหน้างุดตัวสั่นเล็กน้อย ในดินแดนวูฟทุกคนต่างรู้ดีว่าหากราชาทรงกริ้วแล้วมีเพียง 2 ทางให้เลือกคือ ตายหรือถูกทรมาน
“อย่างไรรึ!!” ราชาวูฟตวาดลั่น
“เอ่อ..คือ แผลของผู้เฒ่าไม่สามารถสมานได้เองเหมือนปกติ แผลกลับเขียวช้ำเหมือน..กำลังจะเน่า หากเป็นอย่างนี้หม่อมฉันคิดว่า..อั่ก!!” แผ่นหลังของหมอหลวงกระแทกผนังอย่างแรง ไม่นานเท้าก็ลอยขึ้นจากพื้น ราชาวูฟบีบคอหมอหลวงพร้อมยกขึ้นด้วยพละกำลังที่มีมหาศาล
“เจ้าคิดจะปล่อยให้องครักษ์ของข้าและของราชาองค์ก่อนตายอย่างนั้นรึ!!” ดวงตาสีแดงฉานจ้องอย่างโหดเหี้ยม เพียงเขาออกแรงบีบเพิ่มอีกนิดเดียวก็สามารถปลิดชีพหมอหลวงขี้ขลาดผู้นี้ได้แล้ว
“มิ..บัง..อาจ..พะยะค่ะ...อั่ก!!”
โครม!!
หมอหลวงถูกโยนไปอีกมุม ข้าวของรอบข้างแตกหักกระจุยกระจาย ราชาวูฟเดินเข้าไปก่อนจะควักดาบเขี้ยวหมาป่าที่เป็นอาวุธร้ายแรงประจำกายออกมาจ่อที่คอหมอหลวง
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เจ้าต้องรักษาชีวิตฟาเอลให้รอด แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า..ไป!!” สิ้นเสียงไล่ หมอหลวงรีบผุดลุกแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องพยาบาลด้วยความกลัว
“ไอ้พวกโง่เง่า”
สุดท้ายการรักษาของผู้เฒ่าฟาเอลคือต้องตัดขาขวาทิ้งแล้วใช้นักโทษที่เป็นชาวเวทมนต์ เสกท่อนไม้ให้เป็นขาปลอม แต่ขานั้นไม่สามารถใช้การได้ดีเท่าขาจริง ถ้าหากไม่ตัดสินใจตัดขาทิ้ง เวทมนต์ที่ติดมากับคมดาบสัมฤทธิ์ของซีฟรานจะทำให้ขาของผู้เฒ่าฟาเอลเน่าเปื่อย ลามไปเรื่อยๆจนทั่วร่างและตายในไม่ช้า
“ฟาเอล” ราชาวูฟเดินเข้าไปหาผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่ายังต้องนอนพักรักษาแผลอยู่สักพัก
“ฝ่าบาท” ผู้เฒ่าฟาเอลยันกายเพื่อจะลุกขึ้นนั่ง เขาบีบเปลือกตาเพราะความเจ็บปวดที่ขาแล่นจี๊ด
“ไม่ต้องๆ นอนอยู่เฉยๆ อย่าเพิ่งขยับ” ราชาวูฟกดไหล่ทั้งสองของผู้ป่วยให้นอนลง
“หม่อมฉันขอประทานอภัย ที่จัดการพวกมันไม่ได้”
“ช่างมันเถอะฟาเอล ไม่ว่ายังไงชาวเวทมนต์จะต้องตกเป็นทาสของวูฟอีกไม่ช้า ข้าจะต้องพาท่านพ่อท่านแม่กลับมาให้ได้” ดวงตาสีแดงฉายความโกรธแค้น
“หม่อมฉันสัญญาว่า หม่อมฉันจะทำความปรารถนาของฝ่าบาทให้สำเร็จจงได้”
ราชาวูฟไม่พูดอะไร เขาเพียงยิ้มมุมปากเชิงขอบคุณ ครู่หนึ่งเขาก็คิดอะไรออก
“จริงสิ ข้าไปรู้มาว่าบนโลกมนุษย์มียาที่ดีเยี่ยม และทำให้แผลหายเร็วขึ้น ข้าคิดว่าข้าจะไปหามารักษาเจ้า”
“ฝ่าบาทจะไปด้วยตัวเองหรือพะยะค่ะ” ผู้เฒ่าฟาเอลย่นคิ้ว
“ใช่”
“ไม่ได้พะยะค่ะ บนโลกมนุษย์มีข่ายเวทมนต์ของพวกมันร่ายคลุมไว้หลายแห่ง หากฝ่าบาทบังเอิญหลุดเข้าไปในข่ายเวทมนต์นั่น พวกมันต้องจัดการกับฝ่าบาทแน่ โดยเฉพาะไอ้องครักษ์จองหองนั่น
“ซีฟรานน่ะรึ..หึ!! ข้าไม่มีทางยอมให้มันจับได้หรอก มันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”
“แต่ถึงอย่างไร..” ไม่ทันที่ผู้เฒ่าจะพูดจบราชาวูฟก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“เจ้าคิดว่าข้าจะโง่ให้พวกมันจับได้ง่ายๆรึ!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นพะยะค่ะ”
“ข้าจะไป เจ้าจะขวางข้าอย่างนั้นรึ!” ตวัดสายตาดุดัน
“มิบังอาจพะยะค่ะ” ผู้เฒ่าตอบเสียงค่อยพร้อมลอบถอนหายใจด้วยความจำยอม
...ไม่เคยมีใครขวางได้ หากต้องการสิ่งใด...
ราชาวูฟเดินทางเข้าไปในป่าอีกครั้งเพื่อหาช่องข้ามมิติทะลุไปยังโลกมนุษย์ การเดินทางในครั้งนี้ไร้ซึ่งผู้ติดตาม ความมืดมิดความวังเวงของป่า เขาเองหาได้กลัวไม่ ราชาวูฟได้กลายร่างเป็นหมาป่าเพื่อความรวดเร็วในการเดินทางที่สะดวกกว่าร่างมนุษย์ สิ่งมีชีวิตต่างรีบหนีเอาตัวรอดเมื่อรู้ว่าราชาแห่งวูฟที่โหดเหี้ยมกำลังจะผ่านมา
ทันใดนั้นราชาวูฟได้ลดความเร็วฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนาที่อยู่ไม่ไกลมาก เขาสัมผัสด้วยประสาทจมูกก่อนจะหาที่ซ่อนเพื่อเตรียมตะครุบเหยื่อ
...กลิ่นชาวเวทมนต์...
เล็บอันแหลมคมกางออกเตรียมพร้อม ได้อิ่มท้องก่อนไปโลกมนุษย์ก็ดีเหมือนกัน เพราะหากจะฆ่าใครสักคนในโลกมนุษย์นั้นต้องระวังในหลายเรื่อง
เสียงฝีเท้าที่เหยียบบนเศษใบไม้แห้งดังเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกลิ่นที่ชัดมากขึ้น ครั้นราชาวูฟเห็นว่าได้จังหวะจึงพุ่งตัวเข้าใส่เหยื่อด้วยความรวดเร็วดุจแสง
อั่ก!!
เหยื่อล้มกระแทกพื้น ทว่ารีบม้วนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตั้งหลักอย่างมีสติ ส่วนราชาวูฟกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง หมายจะจัดการด้วยเขี้ยวอันแหลมคมเสีย พลันต้องชะงักเมื่อปลายดาบจ่อมาที่ใบหน้าของเขา
...ดาบปิ่น...
“ถอยไปนะ! ไม่อย่างนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่” หญิงสาวร่างเล็ก เจ้าของเรือนผมนุ่มสีน้ำตาลแดงดัดลอนหลวมยาวระดับเอว ดวงตาของเธอสวยงามน่าหลงใหล อีกทั้งยังมีพลังอีกด้วย
ราชาวูฟนิ่งงันยอมถอยอย่างง่ายดาย ปลายดาบยังชี้มาที่เขา เธอล้วงหยิบบางอย่างออกจากถุงผ้าเนื้อหยาบก่อนจะโยนซากกระต่ายที่ตายแล้วให้เขา
“กินซะเจ้าหมาป่า ข้าแค่ผ่านมา” พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินหนีไป
หมับ!!
“กรี๊ด!!” เธอกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเอวของเธอถูกพันธนาการไว้ ราชาวูฟกลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนรีบรั้งตัวเธอจากข้างหลัง หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุด หากหลุดเมื่อไหร่ ไอ้หมาป่าไร้มารยาทตัวนี้ได้ตายด้วยน้ำมือเธอเป็นแน่ ทว่าพลันหยุดดิ้น นิ่งงัน ดวงตาคู่สวยโพลงโตเมื่อศัตรูกดคางไปที่ไหล่มนของเธออย่างโหยหาพร้อมกระชับกอดให้แน่กว่าเดิม
“ฟีเรเฟีย” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกับเธอผู้นี้เสมอ...ไม่เคยเปลี่ยน
องค์หญิงฟีเรเฟียปัดมือของเขาออกก่อนจะหมุนตัวกลับไปดูให้ชัดว่าใช่คนที่เธอคิดไว้หรือเปล่า
“ราชาวูฟ” เสียงเอ่ยเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน สายตาที่วูบไหวของเธอแสดงออกมาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาที่แข็งกร้าว
“บังเอิญจริงๆที่ได้มาพบเจ้า” ราชาวูฟเหยียดยิ้มดีใจ
“ช่างโชคร้ายจริงๆที่ได้มาพบเจ้า...ราชาวูฟ” ท้ายประโยคเอ่ยประชดประชัน
...ราชาวูฟ ที่โหดเหี้ยม อยากจะฆ่าใครก็สามารถฆ่าได้ตามอำเภอใจ... เธอย้ำเตือนกับตัวเอง
“ไม่เอาน่าฟีเรเฟีย” ราชาวูฟขยับตัวเข้าไปหา แต่ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อปลายดาบชี้จ่อมาที่คออีกครั้ง ดาบปิ่นขององค์หญิงรัชทายาทแห่งโอกอน ทุกคนต่างรู้ดีหากหมาป่าตัวไหนถูกคมดาบนี้แม้เพียงเล็กน้อยร่างจะสลายไปทันที
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า” เธอจ้องจิกสายตามองเขาโดยไม่กะพริบ
“ข้าไม่ทำร้ายเจ้า” ราชาวูฟขยับได้แค่ริมฝีปาก
“หึ! อย่างนั้นรึ แล้วเมื่อครู่ล่ะ เรียกว่าทำร้ายหรือเปล่า”
“ข้าไม่รู้ว่าเป็นเจ้า ข้าจะทำร้ายคนที่ข้า ‘รัก’ ได้อย่างไร”
“หุบปาก!! ช่วยระวังคำพูดของเจ้าด้วย..ราชาวูฟ เจ้าอย่าลืมว่าข้า...ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว” แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ องค์หญิงฟีเรเฟียได้รู้สึกว่าเธอฝืนใจที่พูดคำนี้เสียจริง แววตาของราชาวูฟหม่นแสงเมื่อได้ฟังถ้อยคำที่บาดใจ แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อของเธอได้หมั้นหมายไว้กับใคร
“ซีฟรานไม่ได้รักเจ้า ข้าดูออก”
“แต่ซีฟรานปกป้องข้าได้” องค์หญิงฟีเรเฟียเว้นประโยคก่อนจะฝืนใจพูดต่อ
“ปกป้องข้าจากหมาป่าที่โหดร้ายอย่างเจ้า”
“ไม่นะฟีเรเฟีย เจ้าเข้าใจผิด” ราชาวูฟขมวดคิ้วแล้วขยับเข้ามาอีกแต่ก็ถูกปลายดาบจ่อเข้าไปใกล้อีกจนแทบสัมผัสบริเวณคอหอยอยู่แล้ว
“อย่าเข้ามา!!”
ดวงตาของราชาวูฟแสดงออกว่ากำลังน้อยใจและเสียใจ เขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น ยกเว้นเธอ
“ไหนเจ้าเคยสัญญา..” ไม่ทันได้พูดจบประโยค หญิงสาวก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“ไม่มีสัญญาอีกต่อไป” เธอจ้องเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ซึ่งสวนทางกับสายตาของผู้ถูกจ้องจิกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อยู่ๆหัวใจขององค์หญิงฟีเรเฟียรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอชักดาบกลับแล้วย่อดาบให้เล็กลงเป็นปิ่นปักผมที่ดูธรรมดา จากนั้นจึงก้าวเท้าเดินหนีไป
...ข้าเกลียดสายตาแบบนี้ของเจ้า ราชาวูฟ ..และข้าก็เกลียดตัวเองนักที่เผลอใจอ่อนให้เจ้า...
“เจ้าจะไปที่ใดรึ” เขารีบรั้ง องค์หญิงฟีเรเฟียหยุดฝีเท้า
“อย่าคิดตามข้ามา” เธอพูดโดยไม่หันกลับไปมอง จากนั้นทุกอย่างในระยะใกล้ถูกองค์หญิงฟีเรเฟียร่ายมนต์ใส่ล้วนกลายเป็นหินรวมถึงราชาวูฟ เขาขยับได้เพียงลูกตาเท่านั้น เมื่อทุกอย่างแข็งอยู่กับที่ เขาพยายามขยับตัว อยากรีบตามไปใจจะขาด แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงมององค์หญิงเดินจากไป
...เจ้าใจร้ายกับข้ามาก ฟีเรเฟีย...
ดินแดนวูฟ คือ ดินแดนของเผ่าพันธุ์หมาป่าเวทมนต์ที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ทั้งนี้การกลายร่างเป็นมนุษย์จะต้องใช้พลังในตัวอย่างมากมาย ชาวหมาป่าระดับชาวบ้านทั่วไป ส่วนมากจะกลายร่างได้เฉพาะกลางวัน บ้างก็ไม่สามารถกลายร่างได้เนื่องด้วยอยู่ในฐานะที่ต่ำ ยกเว้นราชวงศ์แห่งวูฟและข้าราชบริพารในวังเท่านั้นที่มีพลังในการกลายร่างได้นานตามต้องการ
โอกอน คือ ดินแดนของชาวเวทมนต์ พ่อมดแม่มด โดยมีกษัติย์ฟีเรอุส เดอลีน โอกอน องค์เหนือหัวเป็นผู้ปกครองดินแดนและมีอำนาจสูงสุด พระองค์ได้รับชัยชนะในการออกรบแยกชิงอำนาจกับดินแดนวูฟ จึงเป็นมิ่งขวัญกำลังใจแก่ประชาชนดินแดนโอกอนยิ่ง
เดิมทีองค์ราชันแห่งวูฟได้อยู่เหนืออำนาจของโอกอน หากไม่พอพระทัยชาวเวทมนต์คนใดก็จะรับสั่งให้นำมาเป็นอาหารเสีย นี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามคลื่นใต้น้ำที่องค์เหนือหัวแห่งโอกอนได้วางแผนกับราชองครักษ์อย่างลับๆ ครั้นเมื่อชัยชนะเป็นของโอกอน องค์เหนือหัวได้รับสั่งให้ทหารจับตัวองค์ราชัน องค์ราชินี และองค์ชายน้อยแห่งวูฟมาเป็นเชลย ทว่าฟาเอล ราชองค์รักษ์ส่วนพระองค์แห่งราชสำนักวูฟได้พาองค์ชายหลบหนีไปได้ องค์เหนือหัวจึงได้เพียงองค์ราชันและองค์ราชินีวูฟมาเป็นเชลยเท่านั้น จากนั้นมาดินแดนแห่งวูฟได้เริ่มเสื่อมสลายลงเรื่อยๆ
จนกระทั่งองค์ชายแห่งวูฟ หรือ องค์ชายวาติกัน เซเน วูฟ ได้บรรลุนิติภาวะ ฟาเอลได้จัดพิธีราชาภิเษกขึ้น และได้รวบรวมพลทหารที่หลบหนีมาด้วยกันเข้ายึดครองดินแดนวูฟที่ตกเป็นของโอกอนคืนมา ชาวหมาป่าที่ตกเป็นทาสได้รับการปลดปล่อย ตั้งแต่นั้นมา ดินแดนวูฟได้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยมีองค์ราชันองค์ใหม่เต็มเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถเป็นผู้ปกครองสูงสุด
ความแค้นที่ราชาวูฟมีต่อโอกอนมากมายสุดพรรณนา อยากจะฆ่าล้างบางเสียให้รู้แล้วรู้รอด เอาเลือดของพวกมันมาล้างเท้าให้สาสม ทว่าราชาวูฟกลับทำอย่างนั้นไม่ได้แม้ความแค้นจะปะทุในอกมากมายแค่ไหน เพียงเพราะผู้หญิงที่เขามอบความรักให้ทั้งหัวใจคือ องค์หญิงฟีเรเฟีย เดอลีน โอกอน พระธิดาแห่งโอกอน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!