NovelToon NovelToon

เงาในรั้วโรงเรียน

เสียงกระดิ่งในยามค่ำ

ฝนยามเย็นโปรยปรายราวม่านบาง ๆ ปิดบังท้องฟ้าสีเทา เสียงลมหอบเอากลิ่นเปียกชื้นของดินเข้ามาในรถคันเก่าที่เพิ่งจอดนิ่งตรงลานโรงเรียน ครู เมธา ปิดเครื่องยนต์ สูดลมหายใจลึก ก่อนมองไปยังอาคารไม้สามชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานกว้าง

บนป้ายไม้เหนือบันไดมีตัวหนังสือเก่าจางจนแทบอ่านไม่ออก — โรงเรียนบ้านหนองนิลวิทยา

อาคารเรียนดูเหมือนจะผ่านกาลเวลามาหลายสิบปี สีไม้ซีดจนกลายเป็นสีเทา รอยน้ำฝนทิ้งทางไหลยาวลงมาถึงพื้น แสงสลัวจากดวงไฟนีออนเก่า ๆ หน้าห้องเรียนส่องวูบวาบเหมือนหายใจ เมธายกกระเป๋าเอกสารขึ้นพาดบ่า เดินฝ่าฝนไปยังห้องพักครูที่อยู่ท้ายตึก

“ครูเมธาใช่ไหมคะ?”

เสียงผู้หญิงดังขึ้นด้านหลัง เขาหันไปเห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงครูสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้ายิ้มบางแต่แววตาเย็นเฉียบ

“ฉันครูจิราพรค่ะ ฝ่ายปกครอง ยินดีต้อนรับนะคะ”

“ขอบคุณครับ ผมเพิ่งย้ายมาวันแรก ยังไม่ค่อยรู้ทางเท่าไร”

“เดี๋ยวฉันพาเดินดูรอบ ๆ ก่อนก็ได้ค่ะ”

ระหว่างเดินไปตามระเบียงไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดใต้เท้า ครูจิราพรชี้ให้ดูอาคารต่าง ๆ — ตึกเรียนหลัก สนามฟุตบอล ห้องประชุม และตึกหนึ่งที่อยู่ลึกสุดทางด้านหลัง

“นั่นคือตึกห้า” เธอพูดพลางหันมามองเขา “เป็นอาคารเก่า ปิดไปนานแล้ว อย่าเข้าไปนะคะ โดยเฉพาะหลังหกโมงเย็น”

“ทำไมเหรอครับ?”

เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงเบา “เด็ก ๆ เขาว่า… ตอนกลางคืนจะมีเสียงกระดิ่งดังออกมาจากข้างใน”

เมธาหัวเราะเบา ๆ “เสียงกระดิ่งเหรอครับ?”

“ค่ะ… ทั้งที่โรงเรียนเราไม่ได้ใช้กระดิ่งแบบนั้นมานานแล้ว”

น้ำเสียงของเธอฟังดูราบเรียบ แต่บางอย่างในแววตากลับบอกว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น

คืนนั้น หลังจากจัดของในห้องพักเสร็จ เมธานั่งจิบกาแฟมองฝนที่ยังตกไม่หยุด เขาได้ยินเสียงบางอย่างลอดเข้ามาพร้อมสายลม — “กริ๊ง… กริ๊ง…” เบา ๆ คล้ายเสียงกระดิ่งลม แต่ไม่สม่ำเสมอ บางครั้งถี่ บางครั้งห่าง

เขาขมวดคิ้ว ลุกขึ้นเปิดประตูออกไปที่ระเบียง แสงจากหลอดไฟหน้าห้องสั่นวูบวาบราวจะดับ

ลมเย็นพัดผ่านหน้า พร้อมเสียง “กริ๊ง… กริ๊ง…” ดังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

ตรงปลายอาคารห้า เขาเห็นเงาร่างเล็กของเด็กหญิงในชุดนักเรียนยืนอยู่กลางฝน ผมยาวเปียกแนบแก้ม มือหนึ่งถือกระดิ่งเล็ก ๆ ไว้แน่น

“หนู… อยู่คนเดียวเหรอ?” เมธาตะโกนถาม

เด็กคนนั้นไม่ตอบ เธอค่อย ๆ หันหน้ามาอย่างช้า ๆ — ใบหน้าขาวซีดปราศจากสีเลือด ดวงตากลวงโบ๋จนมองไม่เห็นลูกตา

เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง “กริ๊ง… กริ๊ง…” ดังและสั่นระรัว

เมธาขยี้ตาแรงหนึ่งครั้ง เมื่อมองอีกที เด็กคนนั้นหายไป เหลือเพียงความว่างเปล่าและเงาดำของตึกห้าที่ฝนสาดกระทบ

แต่เสียงกระดิ่งยังไม่หยุด มันดังต่อเนื่องจากในอาคาร — จากห้องเรียนที่ควรจะถูกปิดตายมานาน

เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า

“เสียงกระดิ่ง... มันมาจากไหนกันแน่?”

ตึกห้าไม่ได้ว่าง

เสียงฝนจากเมื่อคืนหยุดลง เหลือเพียงกลิ่นดินชื้นที่คลุ้งอยู่ทั่วลานโรงเรียน ครูเมธายืนอยู่หน้าตึกห้าในเช้าวันจันทร์ เขามองอาคารไม้ที่ซีดเก่าและป้ายเหล็กเป็นสนิมซึ่งเขียนว่า “อาคารเรียนหญิง พ.ศ. ๒๕๐๓”

บานประตูทุกบานปิดแน่น มีตราเทปกาวเก่า ๆ ติดไว้ราวกับเคยถูกปิดผนึกมานานหลายปี

“ครูจะเข้าไปทำไมครับ?” เสียงเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

เมธาหันไปเห็นนักเรียนชายในชุดนักเรียนเปื้อนฝุ่น ยืนถือไม้กวาดอยู่

“เปล่าหรอก แค่ดูเฉย ๆ ครูใหม่อยากรู้ว่าทำไมถึงห้ามเข้า”

เด็กชายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเบา ๆ “เขาว่าข้างในยังมีของของพี่อัญชันอยู่ครับ...”

“อัญชัน?”

เด็กทำท่าจะพูดต่อ แต่เสียงครูจิราพรดังขัดขึ้น “ไปช่วยเพื่อนเก็บสนามเร็ว เดี๋ยวโดนทำโทษ!”

เด็กชายรีบวิ่งหนีไป ทิ้งให้เมธามองตามอย่างสงสัย

ตลอดทั้งวัน เขารู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ตลอดเวลา แม้ตอนสอนในห้องเรียนก็ยังได้ยินเสียง “กริ๊ง… กริ๊ง…” แผ่ว ๆ ลอยมากับลมผ่านหน้าต่าง

แต่เมื่อหันไป ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย

เย็นวันนั้น หลังจากครูคนอื่นกลับไปหมดแล้ว เมธายังนั่งทำแผนการสอนอยู่ในห้องพัก เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นบนระเบียง เขาเปิดประตูออกไป — ไม่มีใคร

กระดานดำหน้าห้องถูกเขียนด้วยชอล์กคำว่า

> “อย่าเรียกชื่อฉัน…”

เขามองซ้ายขวา หัวใจเต้นแรง แล้วรีบลบคำออก แต่พอลบจนหมด เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นทันที กริ๊ง… กริ๊ง…

เสียงนั้นคราวนี้มาจากข้างในตึกห้าแน่ ๆ — ดังชัดจนไม้พื้นสั่น

เมธาหยิบไฟฉาย เดินฝ่าความมืดไปยังตึกต้องห้าม ประตูไม้แห้งเปราะเปิดออกด้วยเสียงเอี๊ยดที่ทำให้ขนลุกไปทั่วตัว กลิ่นอับและฝุ่นตีขึ้นมาทันทีที่เขาก้าวเข้าไป

ในแสงไฟฉาย เขาเห็นห้องเรียนเก่าที่เต็มไปด้วยโต๊ะไม้ผุ หนังสือเรียนสมัยเก่า และภาพนักเรียนหญิงในกรอบไม้แขวนบนผนัง บางรูปซีดจนแทบมองไม่เห็นใบหน้า

เมื่อเดินไปถึงห้องสุดท้ายชั้นล่าง เขาพบโต๊ะเรียนหนึ่งตัวที่ยังสะอาดอยู่ผิดปกติ ราวกับมีคนเช็ดอยู่ตลอดเวลา

บนโต๊ะนั้นมี กระดิ่งเล็กสีเงิน วางอยู่กลางโต๊ะ — มันเงางามราวกับเพิ่งถูกขัดใหม่

เสียงกระดิ่งดังเบา ๆ ทั้งที่ไม่มีใครแตะต้อง

“กริ๊ง…”

เมธายื่นมือไปจะหยิบ แต่ทันใดนั้น แสงไฟฉายก็ดับวูบ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นรอบตัว

เขาหันไปมอง เห็นเงาเล็ก ๆ ของเด็กหญิงในชุดนักเรียนเดินผ่านปลายห้อง

ไฟฉายกระพริบติดขึ้นอีกครั้ง — บนกระดานดำตอนนี้มีลายมือสีขาวที่ไม่รู้มาจากไหน เขียนช้า ๆ ด้วยตัวหนังสือบิดเบี้ยวว่า

> “ฉันยังอยู่ที่นี่…”

เสียงกระดิ่งดังถี่ขึ้นจนแทบกลบเสียงฝนที่เริ่มตกอีกครั้ง

เมธาถอยหลังช้า ๆ มือสั่น แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เงาเล็ก ๆ ตรงมุมห้อง — เด็กหญิงคนเดิม กำลังยืนมองเขาอยู่เงียบ ๆ ด้วยใบหน้าที่เปียกฝน

ชื่อที่ถูกลืม

เช้าวันใหม่แสงอ่อนของพระอาทิตย์สาดเข้ามาในห้องพักครู ครูเมธายังคงนั่งนิ่งอยู่กับถ้วยกาแฟเย็น ๆ ในมือ ความฝันเมื่อคืนยังติดตา — เด็กหญิงในชุดนักเรียนถือกระดิ่งยืนมองเขาอยู่กลางห้องเรียนเก่าของตึกห้า

เขาลองเอื้อมมือไปแตะกระดาษโน้ตที่ลบออกเมื่อคืน — แต่มีร่องรอยชอล์กจาง ๆ ยังคงอยู่

> “…ฉันยังอยู่ที่นี่…”

เสียงกระดิ่งไม่ได้ดังในตอนกลางวัน แต่บางสิ่งในอากาศทำให้เขารู้สึกว่าโรงเรียนนี้ไม่เหมือนโรงเรียนอื่น

หลังเลิกสอน เมธาเดินไปที่ห้องสมุดเก่า ห้องไม้เต็มไปด้วยหนังสือผุหลายเล่มและแฟ้มเอกสารเก่าที่ถูกเก็บเข้าตู้สูง

เขาเปิดแฟ้มหนึ่ง — เป็นบันทึกการรับนักเรียนย้อนหลังสิบปี มีชื่อเด็กหญิงคนหนึ่งซ้ำ ๆ ปรากฏในเอกสารหลายฉบับ — “อัญชัน นิลบัว”

แต่แปลก… ไม่มีข้อมูลหลังปี ๒๕๔๓

“หายไปไหนนะ…” เมธาพึมพำกับตัวเอง

ครูจิราพรมาพบเขาที่ห้องสมุด

“ครูเมธา เจออะไรหรือเปล่าคะ?”

“ผมเจอชื่อเด็กหญิงอัญชัน… แต่ไม่มีข้อมูลหลังจากปี ๒๕๔๓”

เธอหันหน้าไปอีกทาง ทำเหมือนไม่ได้ยิน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “อัญชัน… เด็กคนนั้น เกิดเรื่องขึ้นหลายปีแล้วค่ะ”

เมธาเงียบไป ครูจิราพรจ้องตาเขา

“โรงเรียนเรา… เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง แต่คนส่วนใหญ่ไม่พูดถึง”

“เหตุการณ์อะไรครับ?”

เธอถอนหายใจช้า ๆ “เด็กหญิงคนนั้น… เธอไม่ได้จากไปตามธรรมชาติ ทุกคนพยายามลืมเรื่องนี้ แต่บางสิ่ง… บางอย่างยังอยู่”

ตอนบ่าย เมธาตัดสินใจกลับไปตึกห้าอีกครั้ง คราวนี้เขาเอาสมุดบันทึกเก่าที่เจอในห้องพักครูมากับตัว

บนโต๊ะเรียนที่วางกระดิ่ง เขาเปิดสมุดและพบข้อความเขียนด้วยลายมือเด็กหญิง:

> “ช่วยฉันด้วย… ใครบางคน… ทำให้ฉันอยู่ที่นี่ตลอดไป…”

ขณะอ่าน เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง — คราวนี้ชัดเจนและใกล้กว่าเดิม

เมธาสะดุ้ง เขายกไฟฉายส่องไปรอบ ๆ ห้อง แต่ไม่พบใคร

เพียงแต่… ในเงามืดมุมหนึ่ง มีเงาเล็ก ๆ ยืนอยู่เหมือนเคย

เด็กหญิงยกกระดิ่งขึ้น เหมือนเรียกร้องให้เขาเข้าใกล้

และในที่สุด เมธาก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่ว ๆ

> “ชื่อฉัน… คืออัญชัน…”

หัวใจเขาเต้นแรง เมธารู้แล้วว่าการสืบค้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป เด็กหญิงไม่ได้ปรากฏตัวเพียงเพื่อหลอกหลอน แต่เธอมีบางสิ่งที่ต้องการให้เขาเข้าใจ…

บางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความลับมืดของโรงเรียน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!