ตอนที่ 1 : คำทำนายแห่งหงส์เพลิง
เสียงกลองศึกจากสวรรค์ดังก้องสะท้อนทั่วทั้งเก้าชั้นเมฆ
แสงสุริยันลับจากฟ้า เหล่าทวยเทพต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองเมฆสีเลือดที่เริ่มก่อตัวเหนือวังหลวง เหมือนเป็นสัญญาณแห่งหายนะที่ใกล้จะมาถึง
บนแท่นหยกกลางสรวง สตรีชราผู้หนึ่งลืมตาขึ้นจากสมาธิ ดวงตานางเปล่งแสงสีทองดุจเปลวเพลิง “คำทำนายแห่งหงส์เพลิง... ถึงเวลาตื่นขึ้นอีกครา”
น้ำเสียงนั้นสั่นสะเทือนฟ้าดิน ก้องไปถึงทุกสำนักเซียนทั่วทั้งสวรรค์
> “เมื่อหงส์เพลิงพลัดตกสู่ความมืด เมืองนับพันจักล่มสลาย
โลกจะถูกกลืนกินด้วยเพลิงโลหิต
หากมารและเทพไม่อาจร่วมมือ
ท้องฟ้าจะไร้แสงตะวันชั่วกัลปา”
ไม่มีใครรู้ว่า “หงส์เพลิง” คือผู้ใด
ไม่มีใครรู้ว่า “เพลิงโลหิต” คือสิ่งใด
แต่ทุกผู้คนล้วนรู้... ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหม่
---
ณ สำนักชิงอวิ๋น
สำนักแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเหิงเยว่ เมฆหมอกล้อมรอบตลอดปี ราวกับแดนสวรรค์จำลองบนโลก
ภายในสำนักมีศิษย์หญิงสองคนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัย
คนแรก — อวี้อวิ๋น ศิษย์เอกของสำนัก สตรีงามผู้มีพลังวิญญาณแห่งสายลมและน้ำแข็ง ใบหน้าขาวดุจหยก ดวงตาเปี่ยมเมตตา
คนที่สอง — อวี้หลิง เด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาจากเชิงเขา ไร้พลัง ไม่มีวิญญาณธาตุในร่างกาย เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาในแดนเซียน
ทั้งสองเรียกกันว่า “พี่น้อง” แต่เลือดเนื้อหาใช่สายเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ความผูกพันของทั้งคู่ลึกซึ้งยิ่งกว่าสายเลือดใด ๆ
---
ยามค่ำคืน ภายใต้แสงจันทร์เหนือทะเลเมฆ
อวี้หลิงนั่งมองฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว นัยน์ตานางสะท้อนแสงเศร้าลึก
“พี่อวิ๋น... ท่านเคยคิดไหม ว่าคนไร้พลังเช่นข้า อยู่ในแดนเซียนไปเพื่อสิ่งใด”
เสียงนางแผ่วเบาเหมือนกลัวคำพูดจะปลิวหายไปกับลม
อวี้อวิ๋นยิ้มบาง พลางนั่งลงข้างนาง
“เจ้ามิใช่คนไร้ค่าอวี้หลิง เจ้ามีใจอันบริสุทธิ์ ข้าเชื่อว่าสวรรค์ย่อมมีเหตุผลที่ให้เจ้ามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้”
อวี้หลิงก้มหน้าลง “แต่เหตุผลนั้นคืออะไรเล่า... หากข้ามิอาจแม้แต่จะปกป้องตัวเอง”
อวี้อวิ๋นเอื้อมมือลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน “เจ้ามีข้า ไม่ต้องปกป้องตนเองเสมอไปหรอก”
คำพูดนั้นอบอุ่น ทว่าก็เหมือนมีระยะห่างที่ไม่อาจข้ามได้
ในส่วนลึกของหัวใจอวี้หลิง มีบางสิ่งที่ไม่อาจบอกใคร — เพลิงสีดำที่หลับใหลในห้วงจิตของนาง มันคอยเต้นระยิบระยับยามนางเศร้า ยามนางเจ็บปวด มันแผ่วเบา... แต่ทรงพลังราวจะกลืนกินวิญญาณ
---
หลายปีผ่านไป
ข่าวใหญ่สะเทือนไปทั่วสวรรค์ — เทพสงครามหงอี้ จะเข้าพิธีหมั้นหมายกับศิษย์เอกสำนักชิงอวิ๋น “อวี้อวิ๋น”
หงอี้คือบุรุษผู้สูงศักดิ์ รูปงามสง่า พลังแห่งเพลิงทมิฬในกายเขาเป็นหนึ่งในสี่ธาตุศักดิ์สิทธิ์ของฟากฟ้า
เขาเคยช่วยอวี้อวิ๋นไว้ในสงครามอสูรเมื่อหลายปีก่อน และหลังจากนั้นไม่นาน สายสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็แน่นแฟ้นขึ้นจนกลายเป็นข่าวลือทั่วแดนสวรรค์
คืนวันประกาศหมั้น
สำนักชิงอวิ๋นประดับด้วยโคมสีทองนับพัน ดอกบัวเพลิงบานกลางสระน้ำ เสียงขลุ่ยจากเซียนสาวขับขานรับกับสายลม
ทุกคนล้วนยินดี...
เว้นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนนิ่งในเงามืดหลังเสาแก้ว
อวี้หลิงมองภาพพี่สาวของตนในชุดพิธีสีเงินงดงามราวเทพธิดา ด้านข้างคือหงอี้ในชุดแดงเพลิง ดวงตาเขามีแต่เงาของอวี้อวิ๋นเท่านั้น
หัวใจนางเหมือนถูกบีบจนแหลก
“ท่านพี่...” เสียงนางสั่นพร่า
“แม้แต่ความฝัน... ข้ายังไม่มีที่ให้ยืนเลยหรือ”
ในห้วงจิต เสียงบางอย่างกระซิบขึ้น
> “เจ้าคือหงส์เพลิง... มิใช่เงาของผู้ใด”
ร่างของอวี้หลิงสั่นสะท้าน แสงสีดำแผ่วเบาปรากฏบนหลังมือ ก่อนจะดับวูบไปในชั่วพริบตา
---
คืนนั้นฟ้าผ่ากลางสวรรค์
อัสนีบาตสีเลือดแหวกผ่านเมฆ เหล่าเซียนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเปลวเพลิงสีดำลุกโชนเหนือเขาเหิงเยว่
อวี้อวิ๋นรีบออกมาดู เห็นเพียงน้องสาวของตนยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา เสื้อคลุมนางไหม้บางส่วน ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและเจ็บปวด
“อวี้หลิง! เจ้าไปทำสิ่งใดมา!”
อวี้หลิงมองพี่สาว น้ำตานางร่วงช้า ๆ
“ข้าก็ไม่รู้... ข้าเพียงเจ็บ เจ็บจนหัวใจข้าร้องไห้ แล้วทุกสิ่งรอบตัวก็ลุกเป็นไฟ...”
อวี้อวิ๋นพยายามใช้พลังปราณสยบเพลิงนั้น แต่ไม่ว่าทำเช่นไร เพลิงสีดำกลับไม่ดับ มันกลับดูดกลืนพลังของนางจนร่างอ่อนแรง
ทันใดนั้น เทพหงอี้ปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ
เปลวเพลิงสีแดงจากมือเขาปะทะเข้ากับเพลิงสีดำของอวี้หลิง เสียงระเบิดสะเทือนทั่วหุบเขา
เมื่อควันจางลง อวี้หลิงหมดสติในอ้อมแขนของอวี้อวิ๋น
และบนฟ้าก็ปรากฏสัญลักษณ์แห่งหงส์เพลิง — ครึ่งหนึ่งสีทอง ครึ่งหนึ่งสีดำ
---
วันรุ่งขึ้น
สภาเทพชั้นสูงประกาศคำพิพากษา —
“อวี้หลิง บุตรแห่งเงา ถูกต้องสาปให้ตกจากสวรรค์ เป็นผู้ที่คำทำนายกล่าวถึง”
อวี้อวิ๋นคุกเข่าขอร้องทั้งน้ำตา
“นางเป็นเพียงเด็กที่ไร้เดียงสา! นางมิรู้ว่าพลังนั้นคือสิ่งใด!”
แต่เหล่าเทพทั้งหลายไม่ฟังเสียงใด
เพราะเมื่อหงส์เพลิงตื่นขึ้น... ก็ไม่มีใครรู้ว่านางจะกลายเป็นผู้กอบกู้ หรือผู้ทำลาย
หงอี้ยืนนิ่ง น้ำเสียงเย็นเยียบ
“หากไม่สยบเพลิงนี้ โลกทั้งสามภพจะล่มสลาย”
อวี้อวิ๋นกัดริมฝีปากแน่น หัวใจแหลกสลายเมื่อเห็นน้องสาวถูกผนึกลงยังผืนดินเบื้องล่าง
เพลิงสีดำที่เคยลุกโชนดับลง เหลือเพียงดอกบัวเพลิงสีดำบานอยู่กลางหุบเหว
---
นับแต่นั้น...
ผ่านไปพันปี คำทำนายแห่งหงส์เพลิงถูกลืมเลือนไปในหมู่เทพ
แต่ในโลกมนุษย์ — เด็กหญิงคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมดวงตาสีแดงหม่น
ยามร้องไห้ จะมีเปลวเพลิงดำแผ่วเบาโอบร่างไว้
ไม่มีใครรู้ว่า เธอคือการกลับชาติมาเกิดของ “อวี้หลิง”
และวันที่เธอเติบโตขึ้นมาในโลกที่เต็มไปด้วยพลังและการแย่งชิง
คือวันที่ “เพลิงแห่งชะตา” จะถูกจุดขึ้นอีกครั้ง...
เสียงสายฟ้าฟาดกึกก้องเหนือเมฆชั้นเก้า แสงเงินสะท้อนผ่านเสาแก้วหยกทั่วสวรรค์ ราวกับสวรรค์เองก็กำลังร่ำไห้ต่อโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
กลางลานพิธีเทวา — ร่างของหญิงสาวในชุดขาวถูกพันธนาการด้วยโซ่แสงสีทอง ผมยาวดำสนิทเปรอะไปด้วยเลือดสีชาด แววตาเต็มไปด้วยทั้งความเจ็บและความสับสน
อวี้หลิง — หญิงผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็น “หงส์เพลิงแห่งมาร”
รอบด้านคือเหล่าเทพและเซียนนับพัน บ้างมองด้วยความหวาดหวั่น บ้างมองด้วยความรังเกียจ มีเพียงสองดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและเจ็บปวดที่สุด... ของ หงอี้ เทพสงครามผู้เป็นคู่หมั้นของ “อวี้อวิ๋น”
---
> “นางมิได้ก่อการกบฏต่อสวรรค์!”
เสียงอวี้อวิ๋นก้องกังวานกลางลานพิธี น้ำตาไหลริน “อาจารย์ใหญ่ ได้โปรดเห็นแก่น้ำใจศิษย์เถิด ข้าน้องข้าเป็นเพียงผู้โชคร้าย หาใช่มารไม่!”
> “คำทำนายได้เป็นจริง...”
อาจารย์ใหญ่แห่งชิงอวิ๋นกล่าวเสียงหนักแน่น “เพลิงแห่งมารได้ตื่นขึ้นในกายของนาง หากมิหยุดในวันนี้ ภัยพิบัติจะกลืนสวรรค์ทั้งปวง”
“แต่—”
“พอเถิด!”
เสียงเทพสภาดังขึ้น สวรรค์สั่นสะเทือน
โซ่แสงสีทองบนร่างอวี้หลิงกระชับแน่นขึ้น ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างจนหัวใจแทบแหลก
---
“ข้า... ทำผิดสิ่งใดกันหรือ...”
เสียงของนางสั่นระริก ดวงตาคู่นั้นมองพระเอกผ่านม่านเลือด
หงอี้กำหมัดแน่น เขาอยากจะเข้าไปฉุดนางออกมา แต่กฎสวรรค์นั้นโหดร้ายเกินกว่าจะฝืน
> “เจ้าเป็นหงส์เพลิง...” เสียงเทพพยากรณ์ดังก้อง “ผู้แบกรับด่านเคราะห์แห่งฟ้าและดิน ดวงวิญญาณของเจ้ามิอาจคงอยู่ในสวรรค์ หากยังหลงในรักต้องห้าม—เจ้าจะถูกผลักสู่แดนล่าง จนกว่าจะชดใช้ชะตาแห่งตน”
ทันใดนั้น ท้องฟ้าแยกออก แสงเพลิงสีแดงชาดระเบิดจากร่างอวี้หลิง เปลวไฟที่เกิดจากความเศร้าและความรักแผดเผาทุกสิ่งจนเมฆขาวกลายเป็นควันดำ
อวี้อวิ๋นร้องเรียก
หงอี้พุ่งเข้าหา
แต่สายแสงแห่งสวรรค์ฟาดลงมาก่อน
---
เพียงพริบตา —
ร่างของอวี้หลิงถูกห่อหุ้มด้วยเพลิงสีโลหิตก่อนสลายไปเป็นเศษแสงร่วงหล่นจากสวรรค์
สวรรค์ทั้งมวลสั่นสะเทือน ดอกบัวสวรรค์ร่วงโรย ดวงดาวดับสิ้นทีละดวง
> “นางถูกส่งสู่ด่านเคราะห์แล้ว...”
เสียงเทพพยากรณ์กล่าวแผ่วเบา
“ในโลกเบื้องล่าง นางจักสูญเสียทุกสิ่ง... แม้แต่ความทรงจำของตนเอง”
---
เมื่อแสงเพลิงดับสิ้น เหลือเพียงเงาของหงอี้คุกเข่าอยู่กลางลานพิธี
ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปนโกรธเกรี้ยว
> “หากฟ้าไม่เมตตา ข้าจะฝ่าฟ้าตามนางไป...”
---
โลกเบื้องล่าง — จุดเริ่มต้นของด่านเคราะห์
กลางผืนป่าที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา ร่างหญิงสาวตกจากฟากฟ้าลงสู่ผืนน้ำ
เพลิงในกายดับมอด เหลือเพียงเด็กหญิงผมดำในชุดขาวขาดรุ่งริ่ง นอนนิ่งอยู่ริมลำธาร
“เด็กคนนี้...”
หญิงชราผู้เร่ร่อนใช้ชีวิตในหมู่บ้านนักเวทเอื้อมมือแตะหน้าผากเด็ก “อุณหภูมิร่างกายสูงเหมือนไฟ... แต่กลับไม่มีลมหายใจ...”
ทันใดนั้น ดวงตาเด็กสาวเปิดขึ้น — แสงแดงวาบขึ้นในดวงตา ก่อนดับหายไป เหลือเพียงนัยน์ตาสีดำสนิท
หญิงชรายิ้มบาง ๆ
“เจ้าคงเป็นเด็กโชคร้ายที่ฟ้าส่งมาให้ข้าเลี้ยงสินะ...”
นั่นคือการเริ่มต้นใหม่ของ “อวี้หลิง” ในโลกมนุษย์ —
โลกที่เวทมนตร์และพลังจิตปะทะกันทุกย่างก้าว
โลกที่นางต้องผ่าน “ด่านเคราะห์แห่งความรัก ความแค้น และความสูญเสีย” เพื่อกลับสู่ฟ้าอีกครั้ง
---
> “เมื่อหงส์เพลิงตกสู่แดนดิน ด่านเคราะห์แห่งรักจะเริ่มต้น... หากหัวใจยังไม่ดับ เพลิงนั้นจะไม่มีวันมอด”
ตอนที่ 3 : แสงเพลิงในหมู่บ้านนักเวท
หมู่บ้าน “อวิ๋นซี” ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแผ่นดินหลิงอวิ๋น — ดินแดนแห่งมนตราและพลังธาตุ
ที่นี่ ผู้คนต่างถือกำเนิดมาพร้อมพลังเวทในสายเลือด ไม่ว่ามากหรือน้อย ต่างฝึกฝนเพื่อเข้าสู่ “สำนักหลิงเทียน” สำนักเวทสูงสุดของโลกมนุษย์
แต่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากตัวเมือง มีเด็กหญิงผู้หนึ่งเติบโตมาพร้อมคำลึกลับติดตัว — “เด็กแห่งเปลวเพลิงฟ้า”
---
อวี้หลิงในวัยสิบสองปี นั่งอยู่บนหลังคาบ้านไม้ มองท้องฟ้าที่มีหมอกขาวลอยปกคลุม
แสงอาทิตย์ส่องต้องใบหน้าเรียวอ่อนของนาง ดวงตาสีดำขลับเหมือนบ่อน้ำลึกสะท้อนแสงแดงเพลิงแผ่วบางอยู่ในนั้น
นางจำไม่ได้ว่ามาจากไหน จำไม่ได้แม้แต่ชื่อเดิมของตน
รู้เพียงว่าหญิงชราผู้เก็บนางมาเลี้ยงตั้งชื่อให้ว่า “หลิง” — เพราะวันนั้นมีเพลิงลุกขึ้นจากลำธารขณะเจอนาง
> “หลิงเอ๋อร์ อย่ามัวแต่มองฟ้า ลงมาช่วยยายกวาดลานสิเจ้าคะ”
เสียงของ “ท่านยายหลิว” ดังขึ้นจากเบื้องล่าง
เด็กสาวหัวเราะเบา ๆ แล้วกระโดดลงมาอย่างคล่องแคล่ว — เท้าเปล่าของนางสัมผัสพื้นอย่างแผ่วเบา แต่พื้นกลับเกิดรอยไหม้บางจุดโดยไม่รู้ตัว
---
เวลาผ่านไป หลิงเติบโตขึ้นในหมู่บ้านนักเวท
แต่กลับไม่มี “พลังเวท” ใดปรากฏออกมาเลย
เด็กคนอื่น ๆ สามารถร่ายเวทเบื้องต้นได้ตั้งแต่ห้าขวบ
แต่ไม่ว่านางจะพยายามเพียงใด เวทมนตร์ของนางกลับ “ไม่ตอบสนอง”
> “หลิงเอ๋อร์ไม่มีพลังหรอก ว่ากันว่าเด็กที่ตกจากฟ้ามักจะอับโชค”
“บางทีอาจเป็นลูกปีศาจก็ได้”
เสียงนินทาเหล่านั้นติดตามนางไปทุกที่
ท่านยายหลิวพยายามปกป้อง
> “เจ้าพวกเด็กปากเสีย! หลิงเอ๋อร์ของข้าใจดีจะตาย”
แต่ทุกครั้งที่ได้ยิน นางเพียงยิ้มเงียบ
ในดวงตานั้นกลับมีบางสิ่งแปลกประหลาด... ราวกับมีเพลิงที่กำลังอดกลั้นอยู่ภายใน
---
คืนหนึ่ง ท้องฟ้ามืดสนิท ฝนฟ้าคะนองโหมแรง
หลิงสะดุ้งตื่นจากความฝัน — ความฝันเดิมซ้ำ ๆ ที่นางเห็น “หอทองคำกลางเมฆ”
และเสียงของชายผู้หนึ่งเรียกชื่อ
> “หลิงเอ๋อร์...”
นางมองไปรอบตัว เหงื่อชุ่มหลัง
ฝนกระหน่ำลงบนหลังคา เสียงฟ้าร้องดังก้องราวกับหัวใจจะหลุดออกจากอก
ทันใดนั้น แสงฟ้าผ่าฟาดลงใกล้บ้านพอดี
บ้านข้าง ๆ ถูกไฟลุกไหม้ เสียงร้องของผู้คนดังสนั่น
“ไฟ! ไฟไหม้!”
หลิงตกใจ รีบวิ่งออกไปช่วย แต่พอเอื้อมมือไปจับประตูไม้ — เพลิงสีแดงกลับพุ่งออกจากฝ่ามือนางโดยไม่รู้ตัว
ไฟที่ลุกขึ้นนั้นกลับดับลงแทนที่จะลุกไหม้ต่อ
ทุกคนตะลึง
> “เพลิง... ดับเองงั้นหรือ?”
“นั่นมันอะไรกันแน่!”
ท่านยายหลิวรีบคว้ามือนาง
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
---
คืนนั้น หลังเหตุการณ์สงบ
หญิงชราจ้องมองเด็กสาวด้วยสายตาหนักแน่น
> “หลิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเพลิงในกายเจ้ามิใช่เพลิงธรรมดา... มันคือเพลิงที่สวรรค์ไม่อาจรับไว้ได้”
เด็กสาวเบิกตากว้าง “ท่านยายหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“คืนที่ข้าเจอเจ้า... ฟ้าแยกออก มีเพลิงสีโลหิตตกจากท้องฟ้า เจ้าคือสิ่งที่ตกลงมาพร้อมเพลิงนั้น”
คำพูดนั้นทำให้นางนิ่งงัน
หัวใจสั่นสะท้าน — ราวกับภาพเลือนรางในหัวเริ่มหวนคืน
เสียงกลองศึก... เสียงหญิงร้องไห้... และเสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อของนาง...
---
คืนนั้นเอง เพลิงสีแดงเริ่มลุกขึ้นจากแผ่นหลังของนางอีกครั้ง
แต่มันไม่เผาไหม้ผ้า ไม่เผาผิว — มันเต้นราวกับมีชีวิต และส่งเสียงร้องเบา ๆ เหมือนเสียงนก
จากเพลิงนั้น ปรากฏภาพเงาของ “หงส์เพลิง” แผ่วจางในอากาศ
ดวงตาของมันหันมามองนาง... ก่อนจางหายไปกับสายลม
หลิงยกมือแตะหน้าอกของตน น้ำตาเอ่อโดยไม่รู้เหตุผล
> “ข้าคือ... ผู้ใดกันแน่...”
---
รุ่งเช้า ท่านยายหลิวพบเพียงรอยไหม้รูปปีกหงส์บนพื้นไม้
ส่วนเด็กสาวได้หายตัวไปจากบ้าน...
> “เมื่อเพลิงแห่งเคราะห์เริ่มลุก ด่านแรกของฟ้าก็เริ่มขึ้นแล้ว...”
---
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!