สายลมยามค่ำพัดกลีบดอกเหมยปลิวว่อนในอากาศ
ใต้ต้นเหมยนั้น... หญิงสาวในชุดขาวบางดุจหมอกยืนเงียบ
แววตาเศร้าสร้อยราวกับสะท้อนเงาจันทร์ในบ่อน้ำ
เธอชื่อ หลินอี้เซียน — เทพีผู้เคยได้รับพรให้ดูแลดอกไม้ทุกสายพันธุ์ในสวรรค์
แต่ค่ำคืนนี้ กลีบเหมยที่เธอเคยทะนุถนอมกลับร่วงโรยอยู่แทบเท้า
เพราะดอกไม้ดวงนี้... คือคำสัญญาระหว่างเธอกับชายผู้จากไป
“หากดอกไม้ร่วงลงโดยไร้ร่องรอย...
จงรู้ไว้เถิด ว่าข้าได้ลืมเจ้าแล้วจริง ๆ”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขา — อวิ๋นเฟิง
แม่ทัพหนุ่มแห่งแดนมนุษย์ ผู้เคยหลงรักเทพีจนท้าทายกฎสวรรค์
เขาถูกลงโทษให้กลับไปเกิดใหม่ในโลกมนุษย์
และลืมความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับนาง
หลินอี้เซียนไม่อาจฝืนชะตา
นางได้แต่เฝ้ามองโลกมนุษย์จากยอดเขาหยก
ทุกปีเมื่อดอกเหมยบาน
นางจะส่งกลีบดอกไม้หนึ่งกลีบลงไป
หวังว่า...เขาอาจจะจำกลิ่นนี้ได้บ้าง
แต่ปีนี้...
ดอกเหมยกลับร่วงโดยไม่มีร่องรอยใดเลย —
ราวกับสวรรค์เองก็ต้องการลบชื่อของนางออกจากโลก
“เจ้าลืมข้าแล้วจริง ๆ หรือ อวิ๋นเฟิง...”
เสียงกระซิบเบาแผ่วกลางลมหนาว
ในขณะเดียวกัน ณ หมู่บ้านเล็กกลางหุบเขา
ชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษสีขาว
ชื่อของเขาคือ เฟิงเหยียน
เขามักฝันถึงหญิงสาวคนหนึ่งในชุดขาวที่ยืนท่ามกลางหิมะ
ทุกครั้งที่เขาวาดรูปเธอ กลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนจะร่วงลงจากที่ใดก็ไม่รู้
กลิ่นหอมแปลกประหลาดชวนให้หัวใจปวดร้าว
วันหนึ่งระหว่างที่เขาเดินขึ้นเขา
เขาได้พบกับต้นเหมยโบราณกลางป่าหิมะ
และตรงนั้น...
หญิงสาวในฝันของเขายืนอยู่จริง ๆ
“เจ้า...คือใคร” เขาถามด้วยน้ำเสียงสั่น
หญิงสาวเพียงยิ้มบาง ๆ
“ข้า...คือคนที่เจ้าลืมไปแล้ว”
สายตาทั้งสองสบกัน
เวลาราวกับหยุดนิ่ง —
ทุกภาพในอดีตกลับมาเหมือนเงาแห่งจันทรา
เสียงกระซิบในหัวแว่วว่า
‘หากเจ้าจำได้ ทุกสิ่งจะสูญสลายอีกครั้ง’
อวิ๋นเฟิง — หรือเฟิงเหยียนในชาตินี้ — จับมือเธอไว้
“ต่อให้โลกนี้หายไป ข้าก็ไม่อยากลืมเจ้าอีกแล้ว”
ทันใดนั้น กลีบดอกเหมยนับพันปลิวสะพรั่ง
สวรรค์สั่นสะเทือน เสียงสายฟ้าดังขึ้นบนฟากฟ้า
เทพีหลินอี้เซียนรู้ทันทีว่าชะตากำลังจะขาด
นางยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนยกมือแตะหน้าชายที่รักเบา ๆ
“ไม่ต้องจำข้า... ขอเพียงเจ้ามีชีวิตอยู่ก็พอ”
เสียงระเบิดแสงสีทองแผ่กระจายไปทั่วหุบเขา
กลีบดอกไม้ทั้งหมดสลายกลายเป็นผงแสง
เมื่อเฟิงเหยียนลืมตาอีกครั้ง
เขายืนอยู่ลำพังใต้ต้นไม้ที่ไร้ดอก
ไม่มีหญิงสาวในชุดขาว
ไม่มีร่องรอยใดของเหตุการณ์เมื่อครู่
เพียงแต่ในใจกลับได้ยินเสียงแผ่วเบา
เหมือนสายลมกำลังขับขานบทเพลงเก่าแก่
“เมื่อดอกไม้ร่วงหล่นไร้ร่องรอย
ความรักก็ยังคงอยู่ในสายลม...”
เขาเงยหน้ามองฟ้า
แสงจันทร์ส่องต้องกลีบหิมะที่ปลิว —
และทันใดนั้น กลีบเหมยหนึ่งกลีบหล่นลงบนฝ่ามือ
เฟิงเหยียนยิ้มอย่างไม่รู้เหตุผล
หัวใจอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
แม้ไม่รู้ว่ากำลังคิดถึงใคร...
แต่เขารู้ว่า “ใครคนนั้น” เคยสำคัญต่อชีวิตมากเหลือเกิน
“ขอบคุณ...ที่เคยอยู่ด้วยกัน ถึงเพียงครู่เดียวก็ตาม”
สายลมยามค่ำพัดผ่าน
กลีบดอกไม้ปลิวไปกับฟ้า —
ไร้ร่องรอย...แต่ไม่เคยหายจากใจใครเลย
ฤดูหนาวผ่านไปอย่างช้า ๆ
หิมะละลายกลายเป็นหยาดน้ำใสไหลตามรากไม้
เฟิงเหยียนยังคงมาเยือนต้นเหมยต้นนั้นทุกวัน
ทั้งที่เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
บางครั้งเขานำพู่กันมานั่งวาดภาพ
บางครั้งก็เพียงมองท้องฟ้าเงียบ ๆ
ทุกครั้งที่ลมพัด กลีบเหมือนจะร่วงลงอีกครั้ง
แต่พอเขาเอื้อมมือไปรับ...กลับไม่มีอะไรอยู่ในมือเลย
“เจ้าชอบที่นี่สินะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ จากด้านหลัง
เฟิงเหยียนหันไป เห็นหญิงชราผมขาวแต่ผิวเนียนราวสาววัยยี่สิบ
เธอสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าอ่อน ดวงตาเต็มไปด้วยแววอบอุ่น
“ท่านยาย...ข้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่”
หญิงชรายิ้มพลางมองต้นเหมย
“ต้นไม้นี้มีคนปลูกไว้ด้วยความรัก
คนที่มานั่งอยู่ใต้ร่มเงามันบ่อย ๆ ก็มักจะมีหัวใจที่ยังรอใครบางคนอยู่”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเบา
“บางครั้งข้าฝันถึงหญิงสาวในชุดขาว
นางยิ้ม...แล้วร้องไห้พร้อมกัน
ข้าพยายามจะจำชื่อของนาง แต่ทุกครั้งชื่อก็หายไปจากริมฝีปาก”
หญิงชราหันมามองเขา
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าบางความทรงจำ...ไม่ได้หายไป
เพียงแค่สวรรค์ซ่อนไว้ไม่ให้เจ้ามองเห็นเท่านั้น”
เฟิงเหยียนขมวดคิ้ว
“หมายความว่าอย่างไร”
หญิงชราเพียงหัวเราะเบา ๆ
“เมื่อถึงเวลา เจ้าจะเข้าใจเอง”
แล้วเธอก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา
เหลือเพียงกลิ่นดอกเหมยลอยอยู่กลางอากาศ
เขายืนตะลึง มือสั่นเล็กน้อย
หัวใจเต้นแรงเหมือนเคยได้ยินเสียงนั้นมาก่อน
แต่จำไม่ได้ว่าเมื่อใด
หลายวันต่อมา เมืองเล็ก ๆ แห่งนั้นจัดงานชมดอกเหมยบาน
ผู้คนต่างมาชมความงดงามของกลีบดอกสีชมพู
เฟิงเหยียนเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า
จนกระทั่ง...เขาเห็นเธอ
หญิงสาวในชุดขาวเดินอยู่ข้างสระน้ำ
ผมยาวสลวย ดวงตาลึกซึ้งแต่แฝงความเศร้า
ลมหอบกลีบดอกไม้ปลิวว่อนรอบตัวเธอ
ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงเธอคนเดียว
หัวใจของเขาเต้นแรงจนเจ็บ
ขาแทบก้าวไม่ออก แต่สายตาไม่อาจละไปได้
“นาง...คือใครกันนะ”
หญิงสาวหันมามอง
ราวกับรับรู้ถึงสายตานั้น
ดวงตาทั้งคู่สบกันเพียงเสี้ยววินาที
แต่เขารู้ทันทีว่า—
นี่คือคนที่เขาเฝ้ารอมาแสนนาน
“เจ้า...จำข้าได้หรือไม่”
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นในใจ ไม่ใช่ในอากาศ
เขาสะดุ้ง หันซ้ายขวา ไม่มีใครอยู่
เพียงแต่กลีบดอกไม้กำลังร่วง...
ช้า ๆ เหมือนทุกกลีบล้วนบอกว่า
“จำให้ได้สิ จำข้าให้ได้...”
เฟิงเหยียนวิ่งตามหญิงสาวคนนั้นไป
ฝ่าฝูงชน ฝ่าหิมะที่เริ่มโปรย
จนกระทั่งถึงสะพานหินข้ามลำธาร
เธอยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มให้เขา
“เจ้ามาช้าไปอีกแล้ว...” เธอพูดเบา ๆ
“ข้า...เคยบอกไว้ ว่าถ้าเจ้าจำข้าได้ โลกนี้อาจพังอีกครั้ง”
เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหายไปอีกแล้ว
ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตข้า”
หญิงสาวส่ายหน้า น้ำตาไหลริน
“เจ้าพูดแบบนี้ทุกภพชาติเลยรู้ไหม...”
“นี่คือชาติที่ห้าแล้ว”
แสงสีเงินระยับปรากฏรอบร่างเธอ
เฟิงเหยียนยื่นมือไปคว้า แต่จับได้เพียงลม
“ไม่...ข้าไม่ยอมอีกแล้ว!”
เขาตะโกนสุดเสียง
ทันใดนั้น กลีบดอกไม้ทุกกลีบบนสะพานหยุดเคลื่อนไหว
เวลาทั้งหมดเหมือนหยุดนิ่ง
แสงจันทร์ส่องลงมาอาบร่างทั้งสอง
หญิงสาวมองเขาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ครั้งนี้...เจ้าอาจทำได้”
เธอก้าวเข้าไปในอ้อมแขนเขา
ร่างทั้งคู่หายไปท่ามกลางแสงขาวเจิดจ้า
ทิ้งไว้เพียงสะพานว่างเปล่า และเสียงสายลมแผ่วเบา
“เมื่อดอกไม้ร่วงหล่นไร้ร่องรอย...
บางที ความรักอาจกำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
ในเช้าวันต่อมา ชาวบ้านพบชายหญิงคู่หนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นเหมย
ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร
แต่เมื่อมองตากัน ต่างก็รู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยรักกันมานานแสนนาน
หญิงสาวยิ้ม
“ข้าชื่อ...อี้เซียน แล้วเจ้าล่ะ?”
ชายหนุ่มยิ้มตอบ
“ข้าชื่อเฟิงเหยียน”
สายลมพัด กลีบดอกเหมยร่วงลงระหว่างทั้งคู่
ครั้งนี้...มันไม่หายไปอีกแล้ว
รุ่งเช้าหลังจากคืนที่ทั้งคู่ได้พบกัน
เสียงนกร้องรับแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ลอดผ่านใบเหมย
อี้เซียนตื่นขึ้นมาก่อน เห็นเฟิงเหยียนยังหลับอยู่ข้าง ๆ
แสงแดดส่องผ่านเส้นผมเขา ทำให้ใบหน้าอบอุ่นราวกับภาพในความฝัน
เธอยื่นมือไปแตะปลายแก้มของเขา
สัมผัสนั้นอ่อนโยนเหมือนกลีบดอกไม้
แต่ในใจกลับรู้ดี...ว่าสิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
“เจ้าคือสิ่งต้องห้ามของสวรรค์”
เสียงจากฟากฟ้าดังก้องในหัวเธอ
เป็นเสียงของ จ้าวเทียนกง เทพผู้เฝ้ากฎแห่งสวรรค์
“ข้าจะไม่กลับไป” นางกระซิบตอบเบา ๆ
“แม้สวรรค์จะสลาย ข้าก็จะอยู่กับเขา”
ทันใดนั้น กลีบดอกเหมยที่ปลิวอยู่รอบ ๆ กลับกลายเป็นเถาวัลย์สีเงิน
มัดข้อมือของนางแน่นราวกับโซ่เหล็ก
สายลมกลายเป็นแรงดูดดึงจากฟากฟ้า
แสงทองสาดลงมาเป็นวงกลมกลางป่า
เฟิงเหยียนสะดุ้งตื่น เห็นร่างของอี้เซียนกำลังถูกแสงนั้นดูดขึ้นไป
“อี้เซียน!” เขาตะโกนสุดเสียง
ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปคว้ามือเธอไว้ทันก่อนที่ร่างจะลอยขึ้นไป
แรงดึงนั้นรุนแรงราวกับพายุจากสวรรค์
แต่เขายังยื้อไว้แน่น — แม้ผิวมือจะฉีกเลือดซึม
“เจ้าปล่อยเถิด”
เสียงของนางสั่นเครือ “นี่คือสิ่งที่สวรรค์ลิขิตไว้แล้ว”
“ข้าไม่สนกฎสวรรค์!”
เฟิงเหยียนคำราม “ข้าสนแค่เจ้า!”
ทันใดนั้นแสงรอบตัวสั่นสะเทือน
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นราวกับสวรรค์โกรธเกรี้ยว
เมฆดำปกคลุมเหนือหุบเขา
ดอกเหมยที่เคยงดงามร่วงโรยราวกับฝน
จ้าวเทียนกงปรากฏกายท่ามกลางแสงทอง
“เทพีหลินอี้เซียน เจ้าเคยสาบานว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับมนุษย์อีก
เหตุใดจึงฝืนกฎ!”
อี้เซียนก้มหน้าด้วยน้ำตา “ข้าขอโทษ...แต่หัวใจข้าไม่อาจลืมเขาได้”
เฟิงเหยียนยืนข้างเธอ แม้ไม่เข้าใจทุกสิ่ง แต่เขารู้ว่า
หญิงคนนี้คือคนเดียวในชีวิตที่เขาอยากปกป้อง
“ถ้าเป็นเพราะข้า ข้ายอมรับโทษแทนนางทั้งหมด!”
เขาตะโกนด้วยเสียงเต็มแรง
แสงสีทองส่องลงมาที่ร่างของเขา
โลหิตกระอักออกจากปาก เขาทรุดลงกับพื้น
อี้เซียนกรีดร้องสุดเสียง “ไม่—!!”
น้ำตาของเธอร่วงลงแตะผิวดิน
และตรงนั้น...กลีบดอกเหมยผลิบานอีกครั้ง
ราวกับแม้แต่โลกยังเศร้าไปกับเธอ
จ้าวเทียนกงชะงัก
“น้ำตาแห่งเทพี...ทำให้กฎสั่นคลอน”
เสียงสวรรค์ดังก้อง
เมฆหมุนวนเหนือท้องฟ้า
เวลาราวกับหยุดนิ่งอีกครั้ง
อี้เซียนกอดเฟิงเหยียนแน่น
“เจ้าทำไมต้องโง่ถึงเพียงนี้...”
เฟิงเหยียนยิ้ม ทั้งที่เลือดไหลจากมุมปาก
“เพราะข้าจำได้แล้ว...เจ้าคือหญิงที่ข้าเคยรักในทุกภพชาติ”
แสงจากร่างของเขาส่องจ้า
กลีบดอกไม้ทุกกลีบที่เคยร่วง...กลับรวมตัวขึ้นอีกครั้ง
กลายเป็น ดอกเหมยสีทองเพียงดอกเดียว
กลีบนั้นลอยขึ้นฟ้า แล้วแตกกระจายเป็นแสงสว่างที่ปกคลุมสวรรค์
จ้าวเทียนกงมองภาพนั้นด้วยสายตานิ่งงัน
“ความรักของเจ้าสองคน...บริสุทธิ์เกินกว่ากฎจะลบเลือนได้”
เขาชูไม้เท้าขึ้น
“งั้นข้าจะให้เจ้าทั้งคู่...ได้อยู่ในโลกที่ไร้กฎของสวรรค์”
เสียงฟ้าร้องสุดท้ายดังขึ้น
ร่างของทั้งสองค่อย ๆ จางหายไปจากโลก
เหลือไว้เพียงดอกเหมยสีทองที่ส่องแสงอ่อน ๆ กลางป่า
หลายปีต่อมา มีเด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งเปิดร้านดอกไม้ในเมืองเล็ก ๆ
ชายหนุ่มชื่อ “เฟิง”
หญิงสาวชื่อ “เซียน”
ทั้งคู่จำกันไม่ได้ว่าเคยพบกันมาก่อน
แต่ทุกครั้งที่ฝนตก กลีบดอกไม้ในร้านจะร่วงลงเอง
และในตอนนั้น...พวกเขามักจะหันมายิ้มให้กันอย่างไม่มีเหตุผล
“บางรัก...แม้สวรรค์ยังไม่อาจลืม”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!