...----------------...
ห้องประชุมชั้นบนสุดของตึกสำนักงานใหญ่บริษัทวิจัยชั้นนำ ถูกจัดไว้อย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น ผนังเป็นกระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดาน มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีระยิบระยับ แสงไฟจากอาคารรอบข้างสะท้อนลงบนโต๊ะประชุมไม้โอ๊คสีเข้ม ทำให้ห้องนี้ดูอบอุ่นและลึกลับไปพร้อมกัน
เสียงรองเท้าหนังเดินเก็บเสียงบนพื้นหินขัดสะท้อนเข้ามา นายเอกค่อย ๆ ก้าวเข้ามาในห้อง เขายืนตัวตรง สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ชายหนุ่มผมสีดำสนิทเรียบเรียงเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตขาวเนื้อดีเข้ารูปกับเสื้อสูทสีเทาเข้มทำให้เขาดูสง่างามและมีอำนาจเพียงแค่แรกเห็น
พระเอกเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่าน มือซ้ายถือปากกา กดลงบนกระดาษเบา ๆ ก่อนยกสายตามองมาที่นายเอก
“สวัสดีครับ คุณคือบอดี้การ์ดคนใหม่ใช่ไหม?” เสียงเขาเรียบหรูแต่แฝงความมั่นใจ ทำให้นายเอกรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่าง
“ครับ ผมชื่อ...” นายเอกเริ่มแนะนำตัว แต่ทันใดนั้นพระเอกยกมือขึ้นตัด
“ไม่ต้องแนะนำตัวหรอก ผมรู้ประวัติคุณดี” พระเอกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นแฝงความลึกลับและเสน่ห์แบบที่ทำให้ใครต่อใครต้องเหลียวหลัง “คุณมีชื่อเสียงในวงการนี้พอสมควร”
นายเอกก้มหัวเล็กน้อย “ขอบคุณที่ให้โอกาสครับ” เขารู้สึกหัวใจเต้นแรง ทั้งจากความตื่นเต้นและความกดดันที่ซ่อนอยู่
พระเอกวางเอกสารลงบนโต๊ะ แล้วยืนขึ้น เดินไปยังประตู “งั้นเรามาคุยรายละเอียดงานกันเลยดีกว่า เดินไปที่โต๊ะทำงาน ตามมาสิ”
นายเอกก้าวตามอย่างระมัดระวัง พลางสังเกตทุกท่าทีของพระเอก ตั้งแต่การก้าวเดินที่มั่นคงจนถึงการจับปากกาเบา ๆ บนโต๊ะ เหมือนทุกอย่างล้วนมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่
พระเอกเปิดประตูห้องทำงานส่วนตัว ห้องนี้กว้างขวาง มีผนังสีครีม ติดโปสเตอร์วิจัยและแผนผังโครงการต่าง ๆ โต๊ะทำงานตั้งอยู่ตรงกลาง มีเก้าอี้หนังสีดำสูงหลัง และชั้นวางเอกสารที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
“งานของคุณคือปกป้องผม 24 ชั่วโมง” พระเอกเริ่มอธิบาย น้ำเสียงเย็น ๆ แต่หนักแน่น “แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ...คุณต้องรักษาความลับของบริษัทด้วย”
สายตาของนายเอกจับกับสายตาของพระเอกทันที แม้ว่าคำพูดจะเรียบง่าย แต่แรงกดดันจากแววตานั้นทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสำคัญของงานนี้
“ไว้ใจผมได้ครับ” นายเอกตอบอย่างมั่นใจ แม้หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
พระเอกยิ้มบาง พลางนั่งลงหลังโต๊ะอีกครั้ง “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เอาล่ะ พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย”
นายเอกพยักหน้า “ครับ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับโอกาสนี้”
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเพียงเล็กน้อย ก่อนที่พระเอกจะลุกขึ้น เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังเมืองด้านล่าง
“คุณรู้ไหม ผมมักจะคิดว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่ตัวผม แต่รวมถึงข้อมูลทุกอย่างในบริษัทนี้” พระเอกพูดพลางหันมามองนายเอกอีกครั้ง “คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับคุณ?”
นายเอกนิ่งคิด เขาไม่ได้ตอบทันที เพราะคำถามนั้นเหมือนท้าทายให้เขาตอบใจตัวเอง
“สำหรับผม...ชีวิตและหน้าที่ครับ” เขาตอบเสียงมั่น แม้ใจยังคงเต้นแรง
พระเอกพยักหน้า “ดีมาก นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจากคุณ”
ช่วงเวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองนั่งอยู่ในความเงียบ เสียงนาฬิกาบนผนังและเสียงลมจากประตูเปิดปิดเป็นเพียงเสียงเดียวที่เติมเต็มห้อง
นายเอกมองไปรอบ ๆ ห้อง เขาสังเกตว่าแม้พระเอกจะมีเสน่ห์และสง่างาม แต่มีบางอย่างลึกลับอยู่ในแววตาของเขา ราวกับซ่อนความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ใครรู้ได้
พระเอกจับปากกาขึ้นมาใหม่ เขียนบางอย่างลงบนเอกสาร พลางพูดเบา ๆ “คุณอัลฟ่า คุณรู้ไหมว่าคนบางคนสามารถมองผ่านความจริงแล้วเห็นความลับของอีกคนได้? ผมอยากรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า”
นายเอกเงยหน้ามองตรง “ผมจะพยายามให้ดีที่สุดครับ”
พระเอกยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มนี้ต่างจากรอยยิ้มก่อนหน้า มันแฝงความท้าทายและความสนใจในตัวนายเอกอย่างชัดเจน
“ดีมาก เราจะเริ่มพรุ่งนี้” พระเอกพูดพลางลุกขึ้นและออกไปจากห้อง ประตูปิดเบา ๆ เหลือเพียงนายเอกยืนอยู่คนเดียว
เขาสูดหายใจลึก ๆ พลางคิด “นี่คืองานที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของผม และผมต้องทำให้ดีที่สุด”
นอกหน้าต่าง เมืองยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงสีและความเคลื่อนไหว แต่ภายในใจของนายเอกกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความสงสัย และแรงดึงดูดบางอย่างที่เขาไม่อาจอธิบายได้
เขารู้สึกว่าเส้นทางนี้จะไม่ง่ายเลย และทุกย่างก้าวต่อจากนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย ความลึกลับ และสิ่งที่เขาอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน
____
...----------------...
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดส่องทะลุผ่านหน้าต่างสูงในห้องพักส่วนตัวของพระเอก ทำให้พื้นห้องและเฟอร์นิเจอร์เงาวาวไปด้วยแสงอ่อน ๆ นายเอกเดินเข้ามาในสำนักงานด้วยความรู้สึกผสมผสานระหว่างความตื่นเต้นและความกังวล เขารู้ตัวดีว่างานครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การปกป้องใครสักคน แต่เป็นการก้าวเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความลับและอันตราย
ห้องทำงานกว้างขวาง ตกแต่งเรียบง่ายแต่หรูหรา ผนังสีครีมมีชั้นวางเอกสารและโปสเตอร์โครงการวิจัยเรียงรายเป็นระเบียบ โต๊ะทำงานตั้งอยู่ตรงกลาง มีเก้าอี้หนังสีดำสูงหลัง พระเอกนั่งอยู่หลังโต๊ะ กำลังดูเอกสารบางอย่าง สายตาของเขาเรียบเฉย แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“คุณอัลฟ่า วันนี้คุณจะเริ่มงานเต็มวันเลยนะ” พระเอกเงยหน้ามองนายเอก พลางยิ้มบาง
นายเอกพยักหน้า “ครับ ผมพร้อมแล้ว” เขาต้องฝืนเก็บความประหม่าไว้ เพราะรู้ว่าความประทับใจแรกสำคัญมาก
พระเอกลุกขึ้น เดินไปเปิดประตูห้องแล็บที่อยู่ติดกัน ห้องนี้ถูกล็อกเข้มงวด มีอุปกรณ์วิจัยหลากหลาย เครื่องแก้วสะอาดเงาวับ และแสงไฟสีขาวสว่างเจิดจ้า
“วันนี้คุณจะได้เห็นสิ่งที่ผมทำ” พระเอกพูดเสียงเรียบ แต่แฝงความลึกลับ “แต่บางอย่างคุณยังไม่ควรรู้ทั้งหมด”
นายเอกมองรอบห้อง แสงไฟสะท้อนบนเครื่องแก้วและแผงวงจร ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนฉากในภาพยนตร์สายลับ
เขาเริ่มสังเกตว่าพระเอกไม่เพียงแค่สง่างาม แต่มีออร่าแบบที่บอกว่าเขาควบคุมทุกอย่างได้ แม้แต่สิ่งที่นายเอกคิดว่าเป็นความลับ
“นี่คือโครงการวิจัยล่าสุดของเรา” พระเอกเริ่มอธิบาย พลางเดินช้า ๆ ไปรอบห้อง “คุณอัลฟ่า คุณคงเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบริษัทนี้มาบ้าง แต่สิ่งที่คุณเห็นตรงนี้ยังเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของทั้งหมด”
นายเอกพยักหน้า แต่สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่สามารถละสายตาจากพระเอกได้ แม้จะพยายามทำตัวเป็นมืออาชีพ
“คุณจะต้องอยู่เคียงข้างผมตลอดเวลา” พระเอกพูดต่อ “ไม่ใช่แค่เพื่อปกป้องร่างกาย แต่รวมถึงข้อมูลสำคัญทั้งหมดด้วย”
คำพูดนั้นทำให้นายเอกรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนัก แต่ในเวลาเดียวกัน หัวใจเขาก็เต้นแรงด้วยความท้าทายและความตื่นเต้น
ระหว่างวัน นายเอกต้องติดตามพระเอกไปทุกที่ ตั้งแต่การประชุมกับทีมวิจัย ไปจนถึงการตรวจสอบอุปกรณ์และเอกสารสำคัญ ทุกครั้งที่พระเอกพูดหรือเคลื่อนไหว นายเอกจะสังเกตอย่างละเอียด เหมือนทุกท่าทีมีความหมายซ่อนอยู่
ช่วงบ่าย พระเอกเรียกนายเอกไปยังห้องประชุมเล็ก มีหน้าต่างเปิดรับลมจากด้านนอก
“คุณรู้ไหมว่าการปกป้องใครบางคนไม่ใช่เรื่องง่าย” พระเอกพูด พลางหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม “บางครั้งสิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ได้มาจากภายนอก แต่เป็นความลับที่ซ่อนอยู่ข้างใน”
นายเอกเงียบ ฟังอย่างตั้งใจ ความสงสัยในใจเริ่มเพิ่มขึ้นทุกที เขาเริ่มคิดว่าอาจมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับโครงการวิจัยที่พระเอกยังไม่ได้เปิดเผย
“แต่ผมเชื่อว่าคุณทำได้” พระเอกมองตานายเอก พลางยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นทำให้นายเอกรู้สึกแปลกใจ ทั้งอบอุ่นและกระตุ้นความสนใจไปพร้อมกัน
หลังจากประชุม นายเอกต้องติดตามพระเอกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของบริษัท พวกเขาเดินผ่านแล็บหลายห้อง ทุกครั้งที่ผ่าน นายเอกจะเห็นอุปกรณ์และเอกสารที่ถูกเก็บไว้อย่างเข้มงวด
ในช่วงบ่ายแก่ ๆ พระเอกนั่งลงที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง และหันมาพูดกับนายเอก
“คุณอัลฟ่า คุณรู้ไหมว่าผมไม่เคยไว้ใจใครง่าย ๆ” พระเอกพูดเสียงเรียบ แต่สายตาจับจ้องตรง ๆ “แต่ผมเริ่มไว้ใจคุณแล้ว”
นายเอกรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่เขาไม่อาจปฏิเสธ เขายืนอยู่ข้างโต๊ะ พลางคิดในใจว่าเส้นทางนี้จะไม่ง่าย แต่เขาต้องทำให้ดีที่สุด
ช่วงเย็น พระเอกเดินไปยังหน้าต่าง มองออกไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ
“คุณเห็นเมืองตรงนั้นไหม?” พระเอกพูดเบา ๆ “ทุกอย่างที่เราทำอยู่ตรงนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับโลกภายนอก แต่บางครั้งโลกภายนอกก็ไม่สำคัญเท่ากับความปลอดภัยของคนที่คุณห่วงใย”
นายเอกเงยหน้ามองสายตาพระเอก ฟังแล้วใจเต้นแรง ความหมายของคำพูดนั้นแฝงความท้าทายและความอบอุ่นไปพร้อมกัน
“ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ” นายเอกตอบ พลางยิ้มบาง ๆ แม้ในใจจะรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมาก
พระเอกพยักหน้า “ดีมาก เราจะเริ่มอย่างจริงจังพรุ่งนี้”
เมื่อพระเอกออกจากห้องไป ทิ้งให้นายเอกอยู่คนเดียว เขายืนหายใจลึก ๆ มองไปรอบ ๆ ห้อง และคิดถึงเส้นทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ความลึกลับ และแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขารู้ตัวว่า งานนี้ไม่เพียงแค่การปกป้องใครสักคน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวบางอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
...----------------...
เย็นวันหนึ่ง หลังจากผ่านวันแรกของงานเต็มไปด้วยการติดตามและเฝ้าดูพระเอก นายเอกได้รับคำสั่งให้ไปกับพระเอกที่งานเลี้ยงของบริษัท งานจัดในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยโคมไฟระยิบระยับและโต๊ะกลมสีขาวเรียงรายรอบห้อง เสียงดนตรีแจ๊สเบา ๆ สร้างบรรยากาศหรูหรา แต่ยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่น
นายเอกก้าวเข้ามาในห้อง หัวใจเต้นแรง เขาต้องคอยสังเกตทุกท่าทีของพระเอก เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่ยังเกี่ยวข้องกับการรักษาภาพลักษณ์ของเขา
พระเอกยืนอยู่กลางห้อง สนทนากับเพื่อนร่วมงานหญิงและผู้บริหารหลายคน เสื้อเชิ้ตขาวกับสูทสีเข้มทำให้เขาดูสง่างามอย่างเหลือเชื่อ ท่าทางเรียบง่ายแต่ดึงดูดทุกสายตา นายเอกสังเกตความราบเรียบของท่าทางและความมั่นใจที่สะท้อนออกมาอย่างชัดเจน
“คุณอัลฟ่า ผมอยู่ตรงนี้ครับ” นายเอกพูดเบา ๆ พลางพยายามทำตัวเหมือนเงาที่เงียบสงัด
พระเอกหันมามอง พลางยิ้มบาง ๆ ราวกับเห็นความตั้งใจและความกังวลในสายตานั้น “คุณมองผมแบบนั้นทำไม?”
นายเอกรู้สึกหน้าแดงเล็กน้อย รีบก้มหน้า “เปล่าครับ ผมแค่…สังเกตการณ์เฉย ๆ”
พระเอกหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นไม่ดัง แต่แฝงความอบอุ่นและเสน่ห์ที่ยากจะละสายตา ทำให้นายเอกรู้สึกทั้งอึดอัดและกระตุ้นหัวใจไปพร้อมกัน
ตลอดงาน พระเอกคุยกับเพื่อนร่วมงานหลายคน นายเอกต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งเพื่อความปลอดภัยและเพื่อสังเกตการณ์ เขาสังเกตว่าพระเอกพูดคุยอย่างสนิทสนม แต่ไม่เคยละสายตาจากเขาเลย
บางครั้ง พระเอกหัวเราะหรือเอียงคอมองคนอื่น แต่สายตานั้นยังคงจับจ้องนายเอกเป็นระยะ ๆ ราวกับทดสอบความรู้สึกของเขา
ช่วงหนึ่ง มีผู้ร่วมงานหญิงเข้ามาสนทนากับพระเอกอย่างใกล้ชิด
“คุณคิง, โปรเจกต์ของคุณก้าวหน้าเร็วมากเลยนะคะ”
พระเอกยิ้มมุมปาก พลางเอียงคอเล็กน้อย “ก็ต้องขอบคุณทีมงานทุกคน”
นายเอกยืนอยู่ด้านหลัง รู้สึกถึงแรงหึงเล็ก ๆ ในใจ แม้เขาจะรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องปกติ แต่ความรู้สึกนั้นกลับทำให้หัวใจเต้นแรงเกินกว่าที่ควบคุม
“ทำไมเขาต้องสนใจคนอื่นแบบนี้ด้วย…” นายเอกคิดในใจ พลางกำมือแน่น
พระเอกสังเกตนายเอกอีกครั้ง เขาเดินมาหา พลางพูดเสียงเบา “คุณอัลฟ่า ผมเห็นคุณอยู่ตรงนั้น คุณไม่ต้องเก็บตัวเงียบก็ได้นะ”
นายเอกยกสายตาขึ้นสบกับสายตาพระเอก รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ยากจะอธิบาย “ผมแค่ทำหน้าที่ครับ”
พระเอกยิ้มบางอีกครั้ง “ดีมาก แต่บางครั้งก็ไม่เป็นไรที่จะผ่อนคลายบ้าง”
ช่วงเวลานั้น นายเอกรู้สึกใจสั่น และสังเกตว่าพระเอกไม่เพียงแค่เจ้าชู้กับคนอื่น แต่ยังพยายามสื่อสารบางอย่างผ่านสายตา ทำให้เขาเกิดความสับสนระหว่างหน้าที่และความรู้สึก
หลังจากงานเลี้ยง พระเอกชวนไปเดินเล่นบริเวณระเบียงด้านนอก อาคารสูงทำให้เห็นวิวเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ
“คุณอัลฟ่า คุณรู้ไหม บางครั้งเสน่ห์ไม่ได้อยู่ที่การพูดหรือการกระทำ แต่อยู่ที่วิธีที่คนอื่นมองคุณ” พระเอกพูดพลางหันมามองนายเอก
นายเอกยืนเงียบ ฟังสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและท้าทาย เขารู้สึกทั้งหวั่นไหวและสงสัย
“คุณคิดว่าผมเจ้าชู้หรือเปล่า?” พระเอกถามเสียงเรียบ แต่แฝงความเจ้าเล่ห์
นายเอกหน้าแดงเล็กน้อย “ผม…ไม่แน่ใจครับ”
พระเอกหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นทำให้นายเอกรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นอีก “บางทีความจริงอาจจะซ่อนอยู่ในคำตอบที่เราไม่พูดก็ได้”
ทั้งสองยืนอยู่เงียบ ๆ มองวิวเมือง ฟังเสียงลมและรถยนต์ด้านล่าง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดผสมกับความอบอุ่น
“คุณอัลฟ่า คุณทำหน้าที่ได้ดีมากวันนี้” พระเอกพูดเบา ๆ พลางเอียงคอมอง
นายเอกพยักหน้า “ขอบคุณครับ ผมจะพยายามให้ดีที่สุด”
สายตาของพระเอกเต็มไปด้วยความสนใจและแรงดึงดูด แต่เขายังคงเจ้าชู้และสงวนความลับบางอย่างไว้ ทำให้นายเอกรู้สึกทั้งอยากเข้าใกล้และต้องระวังตัว
เมื่อกลับเข้าไปในสำนักงาน พระเอกหันมาพูดอีกครั้ง
“จำไว้นะ คุณอัลฟ่า งานนี้ไม่ง่าย แต่คุณทำได้ ผมเห็นศักยภาพในตัวคุณ”
นายเอกพยักหน้า แม้ใจยังเต้นแรงจากความใกล้ชิดและแรงดึงดูดที่เกิดขึ้น เขารู้ตัวว่าเส้นทางนี้จะไม่ง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายและความรู้สึกที่เขาไม่อาจละเลย
ในตอนกลางคืน นายเอกกลับมาที่ห้องพักหัวใจยังเต้นแรง พลางคิดถึงรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และสายตาของพระเอก ความรู้สึกผสมระหว่างความสงสัย ความชื่นชม และแรงดึงดูดทำให้เขารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวบางอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!