ฝนโปรยเม็ดเบา ๆ เคาะกระจกเป็นจังหวะค่ำคืน เงาสลัวจากไฟถนนส่องลอดเข้ามาในสำนักงานนักสืบเอกชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
“นักสืบอัยย์” กำลังนั่งเอกเขนกพิงเก้าอี้ไม้ กลิ่นกาแฟขม ๆ ลอยคลุ้งจนเธอเกือบจะเผลอหลับ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้นมา
“ฮะ…ฮัลโหล?” เสียงสั่นเครือจากปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง
“คุณอัยย์ใช่ไหมคะ… ช่วยฉันด้วย… สามีของฉัน เขาหายไป”
อัยย์ขมวดคิ้วทันที
“ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ เล่าให้ละเอียดหน่อย เกิดอะไรขึ้น?”
หญิงคนนั้นบอกว่าเพิ่งกลับมาถึงห้องพัก แต่เจอเพียงแก้วกาแฟที่ยังอุ่นอยู่บนโต๊ะ และประตูห้องปิดจากด้านใน ไม่มีร่องรอยงัดแงะ แต่สามีของเธอ… เหมือนหายไปเฉย ๆ
:ห้องพักหมายเลข 302
อัยย์เดินทางไปถึงหอพักเก่า ๆ ใจกลางเมืองตอนสองทุ่มกว่า ๆ ตำรวจยังไม่มาถึงเพราะผู้หญิงคนนั้นโทรหาอัยย์ก่อน เธอชื่อ มินตรา ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้
“นี่ค่ะ แก้วกาแฟ… ฉันแตะไม่ลงเลย มันยังอุ่นตอนที่ฉันเจอ”
อัยย์สวมถุงมือยางแล้วก้มลงดูแก้วอย่างระมัดระวัง
“กาแฟดำ ไม่มีน้ำตาล… สามีคุณชอบกินแบบนี้เสมอหรือเปล่า?”
มินตราพยักหน้าเบา ๆ
“ใช่ค่ะ เขาไม่เคยใส่น้ำตาลเลย”
อัยย์เดินไปสำรวจรอบ ๆ ห้อง สายตาเธอหยุดที่ หน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดแง้ม ลมฝนพัดม่านบางปลิวไหว
ที่พื้น… มี รอยเท้าโคลนครึ่งเดียว เหมือนใครบางคนเหยียบเข้ามาเพียงครึ่งก้าวแล้วหยุด
“สามีคุณใส่รองเท้าแบบนี้หรือเปล่า?” อัยย์ถามพลางใช้ไฟฉายส่อง
มินตราส่ายหัวทันที
“ไม่ค่ะ… เขาไม่เคยใส่รองเท้าเข้าห้อง”
: เงื่อนงำแรก
อัยย์หยิบสมุดจดเล็ก ๆ ขึ้นมาขีดเขียนบันทึก รอยเท้าโคลนมีขนาดใหญ่กว่าเท้าผู้หญิงชัดเจน แต่ไม่สมบูรณ์ — ครึ่งหนึ่งขาดหายไปเหมือนถูกเช็ดหรือ… จงใจลบ
เธอลองก้มดูใต้โต๊ะข้างเตียง
และที่นั่นเอง เธอเห็น สัญลักษณ์ประหลาด ขีดไว้ด้วยชอล์กสีขาว รูปคล้าย “วงกลมซ้อนทับกับเส้นตรงสามเส้น”
“นี่คืออะไร…” เธอกระซิบกับตัวเอง
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดินด้านนอก มินตราสะดุ้งเฮือก แต่เมื่ออัยย์เปิดประตูออกไปกลับไม่เจอใคร เหลือเพียง เศษกระดาษเล็ก ๆ วางอยู่บนพื้นหน้าห้อง
บนกระดาษมีเพียงคำว่า
“เขาไม่ได้หายไป… เขาแค่ถูกเลือก”
จบตอนแรก
อัยย์เก็บกระดาษนั้นใส่กระเป๋าเสื้อโค้ท มองออกไปยังความมืดและฝนที่ยังโปรยลงมา
ในใจเธอรู้ทันทีว่า… นี่ไม่ใช่คดีหายตัวธรรมดา แต่คือ จุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ใหญ่กว่ามาก
ค่ำคืนถัดมา ฝนยังตกไม่หยุด เมืองเหมือนถูกปกคลุมด้วยความเงียบและความลับ
อัยย์ยังคงนั่งทบทวนบันทึกจากคดี “ห้องพัก 302” เธอไม่ลืมสัญลักษณ์ประหลาดกับกระดาษที่ถูกทิ้งไว้ แต่ยังหาคำตอบไม่ได้
เสียงเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ดังขึ้น
เมื่อเธอเปิดออกก็พบ เด็กฝึกงานชื่อ “ตะวัน” ยืนถือแฟ้มเอกสาร ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“พี่อัยย์! มีคดีใหม่ครับ… ผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาเล่าว่า เธอได้ยินเสียงกระซิบทุกคืนในบ้าน แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย”
อัยย์เลิกคิ้ว “เสียงกระซิบ?”
ตะวันพยักหน้าแรง
“ครับ… แล้วเมื่อคืนผู้หญิงคนนั้นหายไป เหลือทิ้งไว้แค่… เทปบันทึกเสียง”
: บ้านครอบครัว “ชลธิชา”
บ้านไม้สองชั้นที่ตั้งอยู่นอกชานเมือง มืดเงียบผิดปกติ ญาติของชลธิชา—the missing woman—เล่าว่าเธอบอกเสมอว่า ได้ยินเสียงพูดในห้องทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่
ตะวันกดปุ่มเทปเก่า ๆ … เสียงซ่าแทรกมาก่อน จากนั้นก็ตามด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา
“…มา… มา… เลือกเธอแล้ว…”
มินตราขนลุกทันที เธอหันไปมองอัยย์
“เสียงนี้… ฟังเหมือนหลายคนพูดพร้อมกัน”
อัยย์ขมวดคิ้วแล้วหยิบสมุดขึ้นมาจด
“ไม่ใช่เสียงวิญญาณ เสียงนี้ถูกซ้อนทับด้วยอะไรบางอย่าง… ฟังดี ๆ มันมีจังหวะเหมือนรหัส”
: รหัสที่ซ่อนอยู่
อัยย์เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา แล้วให้ตะวันช่วยแปลงเสียงเป็นคลื่นสัญญาณ
ไม่นานนัก เธอก็พบว่าเสียงกระซิบมี พิกัดตัวเลขซ่อนอยู่
“นี่มันพิกัด GPS…” อัยย์เอ่ยช้า ๆ
: กลางป่าเปลี่ยว
ทั้งคู่เดินทางตามพิกัดไปในป่าเงียบสนิท ลึกจนแทบไม่มีบ้านคน
ในความมืดพวกเขาพบ กล่องไม้ขนาดเท่าหีบศพ ถูกทิ้งไว้กลางลานโล่ง
ตะวันเสียงสั่น “พี่… เราควรเปิดมั้ยครับ?”
อัยย์ใช้ไฟฉายส่อง แล้วค่อย ๆ แง้มฝากล่อง
แต่ข้างในกลับ ว่างเปล่า … มีเพียงสัญลักษณ์เดียวกับที่เธอเจอในคดีห้องพัก 302 วาดไว้ด้วยชอล์ก
ท่ามกลางความเงียบ เสียงกระซิบแผ่วเบาก็ดังขึ้นรอบ ๆ ตัว
“…เขาถูกเลือกแล้ว… เธอเองก็เช่นกัน…”
ตะวันรีบหันซ้ายหันขวา แต่ไม่เห็นใคร
อัยย์ยืนมองกล่องไม้ตาไม่กระพริบ เธอรู้แล้วว่า นี่ไม่ใช่แค่การหายตัว แต่เป็น “เกม” ที่ใครบางคนกำลังเล่นกับพวกเขา
เสียงฝนยังคงโปรยเบา ๆ ทว่าความจริงกลับหนักอึ้งในใจของอัยย์
ทุกคดีที่เกิดขึ้น… ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ใครบางคนกำลัง เลือกเหยื่อทีละคน
และเธอเอง… ก็อาจจะเป็นเป้าหมายต่อไป
เสียงข่าวจากวิทยุท้องถิ่นดังขึ้นในสำนักงานเล็ก ๆ ของอัยย์
“เมื่อคืนที่ผ่านมา… เด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมปลายหายตัวไปหลังถูกท้าให้เข้าไปในโรงเรียนร้างย่านชานเมือง ตำรวจพบเพียงรอยเลือดยาวไปจนถึงห้องเรียนเก่า แต่ยังไม่พบร่างผู้สูญหาย…”
อัยย์ปิดวิทยุพลางถอนหายใจยาว
“อีกแล้ว…” เธอพึมพำ
ตะวันที่นั่งกินขนมอยู่ถึงกับทำขนมตก
“พี่ครับ! นี่มันคดีต่อเนื่องแน่ ๆ เลยใช่ไหม? ต้องใช่แน่ ๆ”
อัยย์มองตะวันด้วยสายตาเข้มขึ้น
“เราต้องไปดูที่โรงเรียนด้วยตาตัวเอง”
: โรงเรียนร้าง
โรงเรียนประถมเก่าแก่ถูกปิดตายมานานนับสิบปี ประตูเหล็กขึ้นสนิม เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างแตก ๆ ดังหวิวเหมือนเสียงคราง
สารวัตรคมน์ยืนรออยู่แล้วพร้อมลูกน้องตำรวจสองสามคน
เขามองอัยย์ด้วยสายตาขุ่น ๆ
“อีกแล้วนะ คุณนี่ชอบมายุ่งทุกคดีจริง ๆ”
อัยย์ยกคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าตำรวจทำงานเสร็จไว ฉันก็คงไม่ต้องมา”
คมน์หันหนี แต่ไม่ได้ไล่เธอออกไป — เพราะรู้ดีว่าหลายครั้งเธอก็ช่วยหาคำตอบที่ตำรวจมองข้าม
: รอยเลือด
ในห้องเรียนชั้นสอง มีกลิ่นอับคละเคล้ากับกลิ่นสนิมและเลือด
พื้นไม้มีรอยเลือดเป็นเส้นลากยาวไปจนถึง กระดานดำ
ตะวันเอามือปิดจมูก
“กลิ่นแรงมากเลยพี่…”
อัยย์คุกเข่าลงใกล้ ๆ รอยเลือด ใช้ไฟฉายส่องอย่างระมัดระวัง
เลือดไม่ได้กระจาย แต่ถูก “ลาก” ไปเป็นเส้น เหมือนกับมีใครบางคนจงใจให้เห็นเส้นทาง
เธอเดินตามรอยไปจนถึงกระดานดำ — บนกระดานมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยชอล์กสีขาว
“เราเห็นเธอแล้ว”
: เสียงในเงามืด
จู่ ๆ ไฟฉายของตำรวจคนหนึ่งกะพริบและดับลง เสียงบางอย่างดังมาจากมุมห้องที่มืดสนิท
เสียงเหมือน “เด็กหัวเราะ” แผ่ว ๆ
ตะวันขยับไปใกล้อัยย์ทันที
“พี่ ได้ยินไหม…?”
อัยย์นิ่งเงียบ สายตาจับจ้องไปที่เงามืด ก่อนจะเดินไปใกล้กระดานดำอีกครั้ง
เธอก้มลงใต้โต๊ะครู — และก็เจอ สัญลักษณ์เดิม อีกครั้ง วงกลมกับเส้นตรงสามเส้น
ทันใดนั้น ลมแรงพัดหน้าต่างกระแทกเสียงดัง ปัง!
ข้อความบนกระดานที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ถูกลบหายไป เหลือเพียงรอยฝุ่นมัว ๆ ราวกับไม่เคยมีใครเขียน
: เงื่อนงำเชื่อมโยง
อัยย์หยิบสมุดจดขึ้นมาทันที
“สัญลักษณ์นี้ปรากฏสามครั้งแล้ว — ห้องพัก 302, กล่องไม้ และโรงเรียนร้าง… ใครบางคนกำลัง ‘เซ็นชื่อ’ ไว้ทุกคดี”
คมน์มองเธอด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น
“คุณคิดว่านี่คือฆาตกรรายเดียวกัน?”
อัยย์เงยหน้าขึ้น
“ไม่ใช่แค่ฆาตกร… แต่คือใครบางคนที่อยากให้เราตามเกมของเขา”
ค่ำคืนนั้น อัยย์ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนร้าง มองไฟตำรวจสว่างวาบสลับกับเงามืด
ในใจเธอรู้ว่า ทุกเหยื่อไม่ได้ถูกเลือกอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
แต่คำถามคือ — ใครกำลังเลือกพวกเขา? และเพื่ออะไร?
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!