NovelToon NovelToon

รักวุ่นวายยัยตัวท๊อป

บทที่๑

เรา:รู้จักการนั้นดิไปเถอะBrin

Brin:มึงเขาชอบมึงเปล่าไม่รู้ดิ

เหวินจ่าย:มึงจะถามเขาสุ่มสุ่มห้าไม่ได้วะ

มาร์โก:เขาน่ารักสะมึงเขากลัวกูวะ

เรา:ผูชาย้หี้ยบทที่

เสียงตะโกนเชียร์ในสนามบาสเกตบอลดังกระหึ่ม ชื่อ มาร์โก เวกัส ถูกเรียกขานซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่เขากำลังชู้ตลูกโทษสุดท้ายอย่างแม่นยำเพื่อคว้าชัยชนะให้กับทีม ควันธูปและเสียงประทัดที่ดังขึ้นอย่างเป็นพิธีทำให้เขารู้สึกถึงความสมบูรณ์แบบของชีวิต เขาคือนักกีฬาตัวท็อปของมหาวิทยาลัยที่มีชีวิตในแบบที่ทุกคนใฝ่ฝัน

ในตอนที่เขากำลังจะเดินออกจากสนาม ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่บนอัฒจรรย์ก็ดึงดูดสายตาของเขาไว้ ผู้คนรอบข้างต่างลุกขึ้นยืนและโบกธงทีม แต่เธอกลับไม่สนใจอะไรเลยสักนิด เธอคือคนเดียวในที่แห่งนั้นที่ดูเหมือนจะอยู่ในโลกของตัวเองโดยสมบูรณ์ และความเรียบง่ายของเธอก็แตกต่างจากทุกสิ่งที่มาร์โกเคยพบเจอมา นี้ เราเริ่มต้นด้วยการให้ตัวละคร อารดี มีลักษณะแบบไหนคะ? เช่น เป็นคนเรียบร้อย ขี้อาย หรือเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสู1 นี้ เราจะเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวละครหลักทั้งสองคือ มาร์โกและอารดี โดยจะเน้นไปที่มุมมองของมาร์โกว่าทำไมเขาถึงสนใจอารดีมากเป็นพิเศษค่ะ

บทที่ 1: ชู๊ตเดียวเปลี่ยนโลก

เสียงเชียร์ในสนามบาสเกตบอลยังคงดังกระหึ่มไม่หยุดหย่อนหลังจากที่ลูกบาสเกตบอลพุ่งผ่านห่วงอย่างแม่นยำ ทุกสายตาในสนามจับจ้องไปที่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเสื้อหมายเลข 13 ที่กำลังทำท่าดีใจอย่างมีชัย ใบหน้าหล่อเหลาที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อสะท้อนความภาคภูมิใจ เขายิ้มกว้างโบกมือทักทายเหล่าแฟนคลับที่ส่งเสียงกรี๊ดราวกับจะทำให้สนามถล่มลงมา มาร์โก เวกัส คือชื่อที่ใครๆ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ต่างก็รู้จักดี ไม่ว่าจะเป็นในฐานะนักบาสเกตบอลดาวรุ่ง หรือเพลย์บอยผู้ไม่เคยคบใครเกินสามวัน แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร วันนี้เขาก็คือคนที่มีความสุขที่สุดในโลก… อย่างน้อยก็จนกระทั่งสองนาทีที่ผ่านมา

หลังจากการฉลองชัยชนะจบลง มาร์โกเดินเข้าสู่ห้องล็อกเกอร์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกจากสนาม สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนอัฒจรรย์ที่ว่างเปล่า เธอไม่ได้หันมองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเสียงเชียร์จะดังแค่ไหน เธอก็ยังคงจมอยู่กับโลกของตัวเองโดยสมบูรณ์ และความเรียบง่ายของเธอก็แตกต่างจากทุกสิ่งที่มาร์โกเคยพบเจอมา เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ หัวใจที่เคยเต้นแรงจากชัยชนะเมื่อครู่กลับเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้เห็นเธอ

หญิงสาวคนนั้นมีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ดูเหมือนจะพันกันเล็กน้อยเพราะลมพัด ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มจางๆ ราวกับว่ากำลังอินไปกับเนื้อหาในหนังสือที่เธออ่านอยู่ มาร์โกไม่รู้ว่าทำไม แต่ภาพของเธอกลับทำให้เขานึกถึงหนังสือการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เขาเคยอ่านตอนเด็กๆ ซึ่งมีตัวละครหญิงที่ดูเหมือนจะอยู่ในโลกของตัวเองอยู่เสมอ เขามองเธออย่างไม่มีทางที่จะละสายตาได้ ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้มาร์โกต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“เฮ้ย มาร์โก แกเป็นอะไรไปวะ” เสียงของเพื่อนร่วมทีมดังขึ้นข้างหู แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่มองไปที่หญิงสาวที่ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวในโลกของเธอ มาร์โกไม่เคยสนใจใครถึงขนาดนี้มาก่อนเลย แต่กับผู้หญิงคนนี้... เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้รู้จักเธอมานานแสนนานแล้ว

มาร์โกเดินตรงไปที่อัฒจรรย์อย่างช้าๆ หัวใจของเขาเต้นแรงจนเขาได้ยินเสียงของมันก้องอยู่ในหู เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปทำอะไร ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครและจะชื่ออะไร แต่เขาก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอให้ได้ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่เธอก็ยังคงไม่รู้สึกตัว มาร์โกตัดสินใจที่จะพูดทักทายเธอ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและก็พบว่ามันคือสายด่วนจากพ่อของเขา เขาตัดสินใจที่จะรับสาย แต่เขาก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากหญิงสาวที่ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่

“มาร์โก รีบกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ มีเรื่องด่วน” เสียงของพ่อเขาดังขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด มาร์โกได้แต่ถอนหายใจและหันหลังกลับไป เขาเดินจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่ก็ไม่ลืมที่จะมองกลับไปที่เธออีกครั้ง เขาหวังว่าในวันข้างหน้าเขาจะได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเธออีกครั้ง

โอเคครับ ถ้าบทสนทนาที่คุณให้มาเป็นส่วนหนึ่งของนิยาย ผมจะลองเขียนบทต่อไปให้เป็นในทิศทางที่เรื่องดำเนินไปได้นะครับเงาในความสับสน

เวเลซหันไปมองมาร์โกที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาของเขาเย็นชาจนน่ากลัว “ถ้าเธอทำร้ายเขา ฉันจะให้เขาแจ้งความบน…” เขายังพูดไม่ทันจบ มาร์โกก็สวนขึ้นมาทันที

“มึงรู้จักน้องเขาด้วยเหรอวะ?” มาร์โกถามอย่างสงสัย

หลีเป้ยที่เงียบอยู่นานก็แทรกขึ้นมาบ้าง “เขาเป็นคนรู้จักกูค่ะ”

“บางทีก็ไม่สำคัญค่ะ” นอราม่าพูดเสียงเรียบ แต่ก็ทำให้ทุกคนหันไปมองเธอเป็นตาเดียว ราวกับว่าคำพูดของเธอมีความหมายแฝงบางอย่าง

“ถ้างั้น…ทำร้ายคนอื่นก็ไม่ผิดสินะ” บลิสพูดขึ้นมาอย่างเหม่อลอย “เพราะสั่งคนมาฆ่าก็ไม่ผิดกฏหมาย ถือว่าเป็นบุญ”

จาโก้ที่นั่งฟังเงียบๆ มาตลอดก็ได้แต่ส่ายหัว “จากใจจริง เรสมีความสุขมากในแบบที่เธอไม่คิดหรอก”

“ไม่พอใจก็ขายกันไม่ใช่เหรอ” แคร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

จากบทสนทนาในนิยายที่คุณให้มา ผมยังไม่แน่ใจว่าใครคือตัวละครหลักหรือประเด็นหลักของเรื่องคืออะไรครับ รบกวนช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่า ตัวละครตัวไหนที่บทนี้เน้นเป็นพิเศษ หรือ คุณอยากให้เรื่องดำเนินไปในทิศทางไหน เพื่อให้ผมเขียนต่อได้อย่างตรงใจคุณครับ? การศึกษาคือสิ่งซ่อนเร้นหรทใบหน้าเย็บแผลนะเราจะเข้าสอบนับยะโลมไหนอีกฆ่ากันละภูผาในคืนเข้าสอบเสร็จแล้วเสียงภาษาไทยด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำเสียงฝีเท้าของใครของเธอกลับไปยังตระกูลหวัดพันรอบสนามๆและราวกับนั้นกลับสร้างเรื่องเราจะพบกันระหว่างการช่วยเหลือของหอยังคงดัง

......................

มาร์โก:หนีฉันหราไม่มีทางสักหรอก

เวสกัส:คิดหรือฉัรจะหนีน่ยไม่พ้น

ภีม:ผมคือบอดี้การ์ดของผม

พราว:ดราาแสนสวย

ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวของเราจะเข้าสู่ช่วงที่ทั้งภีมและพราวต้องเผชิญกับคลื่นข่าวซุบซิบและแผนการทำลายชื่อเสียงของนที

หลังจากที่ภาพและข่าวลือถูกปล่อยออกมา พราวต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากทั้งต้นสังกัดและสังคมออนไลน์ที่ตัดสินเธอไปแล้วว่ามีความสัมพันธ์กับบอดี้การ์ด ภีมเองก็ถูกเพ่งเล็งและถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ใกล้ชิดกับดาราดัง พราวรู้สึกสับสนและเสียใจที่ความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างเธอกับภีมต้องถูกตีความในแง่ร้าย ในขณะเดียวกัน ภีมก็รู้สึกผิดที่ทำให้พราวต้องมาเดือดร้อน

แต่แทนที่จะถอยห่าง ภีมกลับตัดสินใจที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเธอ เขาเริ่มใช้ทักษะของเขาในการสืบสวน เพื่อหาหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าข่าวที่นทีปล่อยออกมานั้นเป็นเรื่องโกหก ในช่วงเวลาที่พราวอ่อนแอที่สุด ภีมคือคนเดียวที่เข้าใจและคอยปลอบโยนเธออย่างแท้จริง ทั้งสองต้องจับมือกันเพื่อฝ่าฟันมรสุมครั้งนี้ให้ได้

ตอนนี้เรื่องราวของเราดำเนินมาถึงจุดที่ภีมต้องสืบสวนเพื่อหาหลักฐานมาหักล้างข่าวลือ คุณอยากให้ฉากต่อไปนี้เน้นไปที่การที่ภีมเริ่มหาหลักฐาน หรือให้เป็นฉากที่ภีมกับพราวเผชิญหน้ากับนทีโดยตรงเลยครับ?

บทที่๓

ผมเข้าใจแล้วครับ! บทสนทนาแรกนั้นเป็นเพียงฉากยั่วให้สงสัย ซึ่งเต็มไปด้วยตัวละครหลากหลายและประเด็นที่ซ่อนเร้น ส่วนบทต่อไปที่เกี่ยวกับ ภีม (บอดี้การ์ด) และ พราว (ดาราสาว) ที่กำลังถูกทำลายชื่อเสียงโดย นที (คู่แข่ง/ผู้ไม่หวังดี) นั้นเป็นประเด็นหลักที่เราจะดำเนินต่อ

​บทที่ 3: เงาที่ตามรอย

​สถานการณ์ตอนนี้คือ ภีม กำลังจะเริ่มสืบสวนเพื่อหาหลักฐานมาหักล้างข่าวลือที่นทีปล่อยออกมา และทั้งคู่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก ผมจะเน้นไปที่การที่ภีมเริ่มหาหลักฐาน โดยมีพราวเป็นศูนย์กลางของความอ่อนแอและความเข้มแข็งที่กำลังก่อตัวขึ้น

​ความมืดหลังแสงไฟ

​ภีมเดินออกจากห้องทำงานของผู้จัดการพราวในสภาพที่ใบหน้าเรียบเฉย ทว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง พราวที่นั่งรออยู่บนโซฟาหนังสีดำเงียบๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเหนื่อยล้า เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่วันนี้ดูธรรมดาจนผิดวิสัยดาราดัง

​“ผู้จัดการบอกว่าไงบ้างคะ” เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ

​ภีมเดินไปทรุดตัวนั่งข้างๆ เธอ เขาวางมือลงบนมือของพราวที่เย็นชืด “เขาบอกให้คุณพักงานทุกอย่างก่อนจนกว่าเรื่องจะซาลง” เขากระชับมือเธอเบาๆ “แล้วก็…ให้ผมออกห่างจากคุณสักพัก”

​พราวหัวเราะในลำคอ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ไร้ความสุข “เหตุผลคือ ‘เพื่อรักษาภาพลักษณ์’ ใช่ไหมคะ”

​“ผมไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์” ภีมตอบหนักแน่น “ผมสนใจแค่ว่าใครทำเรื่องนี้” เขาหันไปสบตากับเธออย่างจริงจัง “ผมจะหาตัวนทีแล้วทำให้เขายอมรับความจริงให้ได้”

​“อย่าเลยค่ะภีม” พราวส่ายหน้าช้าๆ “ตอนนี้ทุกคนเชื่อไปหมดแล้ว ข่าวมันแรงเกินไปแล้ว ถ้าคุณเข้าไปยุ่ง…คุณจะเดือดร้อนไปด้วย” น้ำตาเริ่มคลอหน่วยในดวงตาคู่สวยของเธอ “ความจริงไม่สำคัญหรอกในวงการนี้…คนอยากเชื่ออะไร เขาก็จะเชื่ออย่างนั้น”

​ภีมยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างแผ่วเบา “สำหรับผม…ความจริงสำคัญที่สุด” เขาจับไหล่เธอให้หันมามองเขาตรงๆ “ให้ผมจัดการเรื่องนี้ คุณแค่ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”

​รอยเท้าในความมืด

​คืนนั้น ภีมไม่ได้นอน เขาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานในแบบที่เขาเคยทำเมื่อครั้งยังเป็นมือสืบสวนนอกเครื่องแบบ เขาเริ่มจากการเจาะเข้าสู่ระบบที่อาจเชื่อมโยงกับนที ข่าวที่ถูกปล่อยออกมาไม่ได้มีแค่รูปถ่าย แต่มีรายละเอียดการสนทนาที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาอย่างแนบเนียน ซึ่งบ่งบอกว่าคนที่ทำเรื่องนี้จะต้องมีความสามารถด้านเทคโนโลยีสูง และอาจเป็นทีมงานมากกว่าแค่คนคนเดียว

​จู่ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ปรากฏข้อความป๊อปอัพขึ้นมาพร้อมเสียงแจ้งเตือนเบาๆ: “ไม่พอใจก็ขายกันไม่ใช่เหรอ” มันเป็นคำพูดเดียวกับที่แคร์พูดในบทสนทนาที่พราวเคยเล่าให้เขาฟังถึงกลุ่มคนในวงการที่ชอบพูดจาเสียดสี

​ภีมขมวดคิ้วแน่น เขารีบตรวจสอบที่มาของข้อความ และพบว่ามันมาจากแหล่งที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือ มีไฟล์ภาพขนาดเล็กแนบมาด้วย เมื่อเขาเปิดดู มันคือภาพถ่ายของนทีที่กำลังนั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในร้านอาหารหรู ซึ่งผู้หญิงคนนั้นดูคล้ายกับนอราม่า—หญิงสาวที่กล่าวว่า “บางทีก็ไม่สำคัญค่ะ” ในวงสนทนาก่อนหน้านี้

​“หรือว่านี่ไม่ใช่แค่นทีคนเดียว…” ภีมพึมพำกับตัวเอง

​ในขณะที่ภีมกำลังขยายภาพเพื่อดูรายละเอียดใบหน้าของนอราม่าให้ชัดขึ้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมกับแสงไฟสลัวจากโถงทางเดินที่สาดเข้ามา เผยให้เห็นร่างของพราวที่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอดูเหมือนไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว

​“ภีม…คุณยังไม่นอนอีกเหรอคะ” พราวถามเสียงอ่อน

​ภีมรีบกดปิดหน้าจอทันที เขาไม่อยากให้พราวเห็นสิ่งที่เขาค้นพบจนกว่าจะแน่ใจ “ผมแค่เช็กความปลอดภัยรอบๆ บ้านน่ะครับ”

​พราวเดินเข้ามาใกล้ แล้วมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งดับไป “คุณกำลังทำอะไรที่อันตรายอยู่ใช่ไหมคะ”

​ภีมลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาเธอ เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่ดึงเธอเข้ามากอดอย่างแน่นหนา นี่คือช่วงเวลาที่พวกเขาเป็นเพียงชายหญิงที่ต้องการพึ่งพิงกันและกัน ไม่ใช่ดาราสาวกับบอดี้การ์ด

​“ผมแค่ปกป้องสิ่งที่ผมรัก” ภีมกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูเธอ “ไม่ว่ามันจะแลกมาด้วยอะไรก็ตาม”

​คุณคิดว่าผู้หญิงที่อยู่กับนทีเป็นนอราม่าจริงหรือไม่? และการมาของข้อความแปลกๆ นี้จะนำภีมไปสู่การเปิดโปงแผนการที่ใหญ่กว่าที่คิดหรือไม่ครับ?

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!