ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ณ สวนดอกไม้ส่วนตัวของคฤหาสน์ตระกูล จรินทร์ในวัยสิบสองปีกำลังช่วย เพทาย เด็กหญิงวัยเก้าปีเก็บดอกไม้เพื่อนำไปประดับแจกัน
"พี่จรินทร์..ทำไมดอกไม้พวกนี้ถึงสวยงามต่างกันเจ้าคะ" เพทายถามพลางชี้ไปที่ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่ง
"ก็เพราะมันเป็นคนละสายพันธุ์กันน่ะสิ" จรินทร์ตอบพร้อมกับเก็บดอกไม้สีขาวดอกนั้นขึ้นมาแล้วยื่นให้เธอ "เหมือนกับคนเราไงเพทาย ทุกคนมีความสวยงามในแบบของตัวเอง"
เพทายรับดอกไม้มาด้วยความดีใจ และมองพี่ชายที่แสนดีของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม "ท่านนายพลในอนาคตของข้า" เธอเอ่ยขึ้นอย่างซุกซน
จรินทร์หัวเราะเบาๆ "เจ้าอยากให้พี่เป็นนายพลหรือ"
"เจ้าค่ะ ข้าอยากให้พี่เป็นผู้กล้าหาญที่ปกป้องแผ่นดิน" เธอตอบด้วยรอยยิ้มที่ใสซื่อ "แล้วข้า…ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ"
คำพูดของเพทายทำให้จรินทร์รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธออย่างแผ่วเบา "ไม่ต้องห่วงหรอกเพทาย ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร พี่จะคอยปกป้องเจ้าตลอดไป"
เพทายรับรู้ได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงและแววตาของเขา เธอเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจว่าคำสัญญานั้นจะเป็นนิรันดร์ ในวัยเด็ก พวกเขาต่างคิดว่าความผูกพันของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าสิ่งใด ไม่มีสิ่งใดจะแยกพวกเขาออกจากกันได้ เช้าวันหนึ่ง ณ โรงเรียนเตรียมทหาร เพทาย ในวัย 14 ปี ซึ่งแวะมารอ จรินทร์ ที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ในสนาม ถูกกลุ่มชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันสามสี่คนเข้าล้อมไว้ที่ทางเดิน
“นั่นมันคุณหนูตระกูลค้าเพชรพลอยนี่นา” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเยาะ “เห็นเขาบอกว่าเป็นคู่หมั้นของ จรินทร์ ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ดูท่าแล้วคงเป็นได้แค่ของเล่นสินะ”
เพทายก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวและอับอาย เธอไม่ชอบการเผชิญหน้าและไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรดี
“พูดอะไรของพวกเจ้า” ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ทรงอำนาจดังขึ้นจากด้านหลัง เหล่าชายหนุ่มต่างหันไปมอง และเห็น จรินทร์ ในชุดนักเรียนกำลังเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ
“อ้าว จรินทร์…นี่พวกเราก็แค่ทักทายคุณหนูของแกเฉยๆ” ชายคนเดิมตอบกลับอย่างไม่ลดละ
จรินทร์เดินเข้ามาบังร่างของเพทายไว้ “ถ้าไม่อยากโดนทำโทษจนไม่ได้ลงสนามอาทิตย์หน้า ก็ไปให้พ้นหน้าพี่” น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจนชายกลุ่มนั้นต้องผงะ ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ เพราะไม่มีใครในโรงเรียนกล้าต่อกรกับความเด็ดขาดของจรินทร์ได้
เมื่อชายกลุ่มนั้นเดินจากไปแล้ว จรินทร์หันกลับมาหาเพทายที่ยังคงยืนตัวสั่นด้วยความกลัว “ไม่เป็นไรนะ…ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว” เขาเอื้อมมือไปจับมือที่เย็นเฉียบของเธอ
“ขอบคุณนะพี่จรินทร์…” เพทายมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและความชื่นชม “ท่านเป็นฮีโร่ของข้าจริงๆ”
...จรินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาลูบศีรษะเธออย่างแผ่วเบา “พี่เคยบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าจะปกป้องเจ้าตลอดไป จำไว้นะ…ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่จะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญหน้ากับความกลัวเพียงลำพังเด็ดขาด”...
ผ่านไปไม่นานก็ถึงงานเลี้ยงเต้นรำประจำปีของโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนชายได้เชิญแขกจากตระกูลชั้นสูงมาเข้าร่วมงาน เพทาย ได้รับเชิญจาก จรินทร์ ให้มาเป็นคู่ควงของเขาในคืนนั้น เธอดูโดดเด่นท่ามกลางสาวๆ ทุกคนในชุดราตรีสีชมพูอ่อนหวาน ท่าทางที่เรียบร้อยและอ่อนโยนของเธอทำให้หนุ่มๆ จากหลายตระกูลต่างก็เข้ามารุมล้อมขอเต้นรำและพูดคุยด้วย
“คุณเพทายเต้นรำงดงามจริงๆ”
“คุณคงเป็นที่ต้องการของทุกคนในงานนี้อย่างแน่นอน”
“ได้โปรดให้เกียรติผมได้เต้นรำกับคุณนะครับ”
เพทายยิ้มรับด้วยท่าทีสุภาพ แต่ก็รู้สึกอึดอัดใจ เธอพยายามมองหาจรินทร์ที่ปลีกตัวไปคุยกับอาจารย์ใหญ่ แต่แล้วก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของจรินทร์เข้ามาขวางทาง
“พี่จรินทร์ให้ผมมาดูแลคุณเพทายแทนครับ” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวอย่างเป็นมิตรแต่ก็ดูมีเจตนาแอบแฝง
ในจังหวะนั้นเอง จรินทร์ ที่คุยงานเสร็จแล้ว ก็เดินเข้ามาหาด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง แต่ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
“คงไม่มีใครดูแลคู่หมั้นของข้าได้ดีไปกว่าตัวข้าเองหรอกนะ” จรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดจนทุกคนต้องผงะถอยไปอย่างอัตโนมัติ เขาหันไปมองเพทายด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้น “ไปกันเถอะเพทาย…พี่หาเจ้าตั้งนาน”
เมื่อทั้งสองเดินห่างออกมาจากกลุ่มชน เพทายก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่จรินทร์ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะเจ้าคะ ข้าดูแลตัวเองได้”
จรินทร์หันมามองเธอ “พี่รู้ว่าเจ้าดูแลตัวเองได้…แต่พี่ไม่อยากให้ใครมาทำความรำคาญใจให้เจ้า” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “และพี่ก็ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เจ้ามากไปกว่าที่ควร”
บ่ายวันหนึ่งที่อากาศอบอุ่น ณ สวนหลังบ้านของตระกูลจรินทร์ ทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อจิบน้ำชาและพูดคุยอย่างมีความสุข พ่อของจรินทร์เล่าเรื่องความสามารถในการบังคับบัญชาของลูกชายให้พ่อของเพทายฟังด้วยความภาคภูมิใจ ส่วนแม่ๆ ก็ยิ้มและพูดคุยถึงแผนการจัดงานแต่งงานของทั้งคู่ที่จะมีขึ้นในอีกไม่นาน
“เมื่อไหร่หนอพ่อจรินทร์ถึงจะยอมแต่งงานสักที แม่แทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว” แม่ของเพทายเอ่ยขึ้นด้วยความเอ็นดู
“ลูกยังต้องรับใช้ชาติอีกนานขอรับท่านแม่” จรินทร์ตอบอย่างสุภาพ แต่แล้วเขาก็หันไปมองเพทายที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ไม่ไกล ดวงตาของเขาอ่อนลง “แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้แน่นอน”
เพทายหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอเดินไปหาจรินทร์และพิงศีรษะลงบนไหล่ของเขาอย่างออดอ้อน “ข้าแค่หวังว่าสงครามที่ชายแดนจะสงบลงในไม่ช้า ท่านจะได้ไม่ต้องจากไปไหนไกล”
...จรินทร์ยกมือขึ้นลูบผมของเธออย่างแผ่วเบา “ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีอะไรมาพรากเราสองคนออกจากกันได้หรอกเพทาย” เขาเอ่ยคำนี้ออกมาจากใจจริง หลังจากนั้นจรินทร์ได้พาเพทายไปเที่ยวลดความไม่สบายใจที่ห้างสรรพสินค้าอันแสนวุ่นวาย จรินทร์ ในชุดลำลองดูไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศที่จอแจเท่าไหร่นัก เขาเดินตามหลัง เพทาย ที่ดูจะมีความสุขกับการเลือกซื้อของเป็นพิเศษ...
“พี่จรินทร์เดินเร็วหน่อยสิเจ้าคะ” เพทายหันมาส่งยิ้มให้ “นานๆ ทีเราจะได้มาเดินเล่นด้วยกันแบบนี้นะ”
“ผู้คนเยอะแยะไปหมด” จรินทร์บ่นเบาๆ เขาใช้มือโอบไหล่ของเธอไว้เพื่อกันไม่ให้คนเดินมาชน “ปกติพี่ชินกับความเงียบสงบมากกว่า”
เพทายหัวเราะคิกคัก “นี่แหละคือเสน่ห์ของมันไงเจ้าคะ” เธอหยุดยืนที่หน้าตู้โชว์ร้านขายอัญมณีขนาดใหญ่ ดวงตาเป็นประกายทันที “ดูสิพี่จรินทร์! สวยจังเลย!”
จรินทร์มองตามสายตาเธอไป และเห็นสร้อยเพชรเส้นหนึ่งที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายใต้แสงไฟ “เจ้าชอบมันเหรอ”
“ชอบสิเจ้าคะ” เพทายตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่คือสิ่งที่ข้าคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก”
จรินทร์พยักหน้า ก่อนจะพาเธอเข้าไปในร้าน เขาบอกให้พนักงานหยิบสร้อยเส้นนั้นมาให้ “ห่อให้ข้าเลย” เขาบอกสั้นๆ
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าคะ มันแพงเกินไป” เพทายรีบเอ่ยห้าม
“สำหรับคนที่พี่รัก…ไม่มีคำว่าแพงหรอก” จรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลอย่างที่ไม่ค่อยได้แสดงให้ใครเห็น เขาหันไปมองเธอแล้วพูดต่อ “ในสายตาของพี่ เจ้าเปล่งประกายยิ่งกว่าเพชรพวกนี้เสียอีก”
คำพูดนั้นทำให้เพทายหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะซบหน้าลงกับแผงอกของเขาอย่างออดอ้อน ท่ามกลางผู้คนมากมายในห้างสรรพสินค้า โลกของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเหลือแค่เพียงสองคน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!