NovelToon NovelToon

My Stories เรื่องราว โชคชะตา ความรัก เล่ม 2

Stories 16 ความสงสัย

Stories 16 ความสงสัย

และแล้วเวลาก็ได้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่ที่นิทานและอาทิตย์ได้คุยกันในวันนั้น แล้ววันนี้ก็ถึงวันที่รุ้งดาวนั้นต้องไปหาหมออีกครั้ง แต่ในวันนี้คนที่มากับรุ้งดาวนั้นคือนิทานแฟนสาวของเธอเอง ตอนนี้นิทานและรุ้งดาวก็มานั่งรอเพื่อเข้าพบแพทย์ ตัวนิทานเองเธอแอบสงสัยเช่นกัน ว่าที่อาจารย์ฝากข้อความผ่านอาทิตย์มานั้น อาจารย์หมออยากจะพูดคุยอะไรกับเธอ วันนี้จึงเป็นที่นิทานเธอจะได้รู้สักทีว่าอาจารย์หมอนั้นอยากจะคุยกับเธอเรื่องอะไร ในที่สุดก็ถึงเวลาของรุ้งดาวแล้ว นิทานเธอได้พารุ้งดาวเข้าไปพบกับอาจารย์หมอที่กำลังรออยู่ในห้องตรวจ “อาจารย์หมอสวัสดีค่ะ” นิทานเธอได้สวัสดีอาจารย์หมอพร้อมกับรุ้งดาว “เชิญนั่งครับ” อาจารย์หมอได้เชิญให้นิทานกับรุ้งดาวนั่งลง เมื่อทั้งสองคนนั่งลงแล้วอาจารย์หมอจึงทำการทดสอบรุ้งดาว และครั้งนี้ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี “ปัจจัยสำคัญของรุ้งดาวคือหมอนิสินะครับ” อาจารย์หมอเขาได้ถามกับนิทาน “ตอนนี้เราสองคนเป็นแฟนกันอยู่ค่ะ” นิทานได้บอกกับอาจารย์หมอ “แบบนี้นี่เอง” อาจารย์หมอได้ตอบกลับพร้อมกับเข้าใจแล้วว่าทำไมอาการของรุ้งดาวถึงได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดแบบนี้ เป็นอิทธิพลจากนิทานที่คอยเยียวยารักษาใจของรุ้งดาว ซึ่งสิ่งนี้นั้นมันดีกว่ายาไหน ๆ เพราะมันคือยาที่รักษาได้ตรงจุดที่สุดนั่นก็คือ “ความรัก”

เมื่อทั้งสองคนเสร็จสรรพจากการหาหมอแล้ว นิทานจึงได้จะพารุ้งดาวนั้นไปทานข้าวกันต่อ ทั้งสองคนจึงได้เดินออกจากตัวโรงพยาบาลเพื่อไปยังลานจอดรถ แต่เมื่อทั้งสองคนได้เดินมาตามทางเรื่อย ๆ ก็ได้ใครคนหนึ่งยืนมองทั้งสองคนอยู่ด้วยความโกรธแค้น โดยที่ตอนนี้นิทานและรุ้งดาวกลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ทั้งสองคนกำลังจะตกเป็นเป้าหมายของใครบางคนอยู่ เมื่อทั้งสองคนได้มาถึงที่รถและได้ขึ้นรถแล้ว “ดาวอยากกินอะไรเหรอ” นิทานเธอได้ถามกับรุ้งดาว “วันนี้เราตามใจนินะ…นิพาเราไปได้เลย” รุ้งดาวเธอตอบกลับนิทานอย่างอ่อนโยน นิทานเธอจึงได้ออกรถทันที

“น้าสมบัติค่ะ…ช่วยลบยัยเด็กรุ้งดาวนั่นให้หายไปจากสายตาของหนูทีค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นได้โทรศัพท์บอกให้สมบัตินั้นจัดการอะไรบางอย่างกับรุ้งดาว “รับทราบครับคุณหนู” สมบัติน้อมรับคำสั่งของผู้หญิงคนนั้นมา ดูเหมือนว่าตอนนี้รุ้งดาวเธออาจจะต้องเผชิญหน้ากับวิบากกรรมของชีวิตเธออีกครั้งด้วยฝีมือของใครบางคน สมบัติเองที่ได้วางจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขาจึงได้โทรหาใครบางคนต่อ “พวกแกเตรียมตัวให้พร้อม! พวกเราจะต้องลงมือกันแล้ว” เมื่อสมบัติพูดจบเขาก็ได้วางสายโทรศัพท์ทันที พร้อมกับที่เขากำลังยืนคิดอะไรบางอย่าง

นิทานเธอได้พารุ้งดาวมายังร้านอาหารร้านหนึ่ง “สวัสดีครับคุณนิ” ผู้จัดการของร้านได้เดินเข้ามาทักทายนิทาน ดูเหมือนนิทานน่าจะเป็นที่รู้จักของทุกคนในร้านอาหารแห่งนี้ จึงได้ทำให้ผู้จัดการของร้านนั้นต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง “พี่แฟมไม่ต้องบอกอาเอกนะคะว่าหนูมา” นิทานเธอได้บอกกับแฟมที่เป็นผู้จัดการของร้าน “จะดีเหรอครับคุณนิ…คุณนิก็เป็นคนสำคัญของร้านเรานะครับ” แฟมเขาได้ถามกับนิทาน “เอาตามนั้นเลยค่ะพี่แฟม” นิทานเธอจึงตอบกลับแฟมไป

“นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอคะคุณที่รัก?” รุ้งดาวเธอได้ถามนิทานออกมาด้วยความสงสัยหลังจากที่แฟมได้จากไปแล้ว “เจ้าของร้านนี้เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อเราน่ะ…และร้านอาหารนี้ก็อยู่มาตั้งหลายรุ่นแล้วด้วย พ่อเราพาเรามากินข้าวที่ร้านนี้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาสน่ะ” นิทานเธอได้ไขข้อสงสัยกับรุ้งดาว เมื่อรุ้งดาวเธอฟังที่นิทานพูดจบแล้ว มันจึงทำให้เธอได้เข้าใจว่าทำไมทุกคนในร้านถึงให้การต้อนรับนิทานเป็นอย่างดี

ในขณะที่อีกด้านหมอณัฐกับหมอเอมก็ได้มานั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันที่โรงอาหารของโรงพยาบาล “ไอเอม! สรุปมึงจะโกรธไอนิไปแบบนี้อีกนานแค่ไหนกันวะ” หมอณัฐได้ถามหมอเอมด้วยความสงสัย “มึงคิดว่าเรื่องของความรู้สึกมันง่ายขนาดนั้นเหรอวะณัฐ” หมอเอมเธอได้ตอบกลับหมอณัฐด้วยท่าทีที่รู้สึกอึดอัดใจไปหมด “คงต้องใช้เวลาอีกหน่อยสินะ” หมอณัฐได้พูดขึ้นลอย ๆ ก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะทานข้าวกันต่อไป

เมื่อหมอณัฐนั่งทานข้าวไปได้ชั่วครู่หมอณัฐก็ได้เผลอมองไปเห็นสร้อยที่คอของหมอเอม “เห้ยไอเอม! สร้อยสวยดีนะมึง” หมอณัฐได้ทักถึงสร้อยที่อยู่ที่คอของหมอเอม “นี่มึงแค่สังเกตเห็นหรือมึงทะลึ่งกับกูอีณัฐ” หมอเอมเธอได้ถามหมอณัฐ “นี่! กูแค่เป็นคนกวนตีนไม่ใช่โรคจิตนะไอเอม” หมอณัฐเขาได้ตอบกลับหมอเอมด้วยทางกวนประสาทเหมือนอย่างเคย แต่เหมือนว่าหมอณัฐนั้นเหมือนจะติดใจอะไรบางอย่างกับสร้อยคอของหมอเอม แต่หมอณัฐก็ไม่ได้ถามอะไรหมอเอมต่อ หมอเอมเธอก็แอบสงสัยหมอณัฐอยู่เหมือนกันว่าหมอณัฐจะทักเธอทำไม เพราะหมอเอมเธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้หมอณัฐมาสนใจสร้อยคอของเธออยู่แล้ว แต่ว่าหมอเอมก็ไม่ได้ถามอะไรหมอณัฐต่อเช่นกัน

“ณัฐ…มึงได้คุยกับไอนิบ้างป่ะ?” หมอเอมเธอถามกับหมอณัฐด้วยท่าทีที่รู้สึกคิดถึงปนโกรธในตัวของหมอนิทาน “ถ้าเป็นเรื่องมึงอ่ะ! กูก็บอกมันไปแล้วนะว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา แต่ส่วนอื่น ๆ กูยังไม่ได้คุยอะไรเลยว่ะ” หมอณัฐเขาได้ตอบกลับหมอเอมด้วยท่าทีที่ดูชิลล์และไม่ได้คิดอะไรเยอะ แต่หมอณัฐเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าหมอเอมนั้นรู้สึกยังไงกับหมอนิทาน เมื่อบทสนทนาจบลงแล้วทั้งสองคนจึงได้นั่งทานข้าวกันต่อไป

ในขณะที่อีกด้านหนึ่งนิทานกับรุ้งดาวก็ได้กลับมาถึงยังบ้านของรุ้งดาวแล้ว เมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาในบ้านก็ได้พบกับอิงฟ้าที่กำลังรคอยทั้งสองคนอยู่ รุ้งดาวเธอได้แยกตัวเอาของขึ้นไปเก็บบนห้อง “อาการของดาววันนี้เป็นยังไงบ้างคะหมอนิ” อิงฟ้าเธอได้ถามนิทานถึงอาการของหลานของตนเอง “โดยรวมแล้วอาการของดาวดีขึ้นมากเลยค่ะน้าอิง” นิทานเธอได้ตอบอิงฟ้ากลับไปด้วยท่าทีที่ดูปลื้มอกปลื้มใจที่ได้เห็นรุ้งดาวอาการดีขึ้น

“ส่วนเรื่องหนังสือดาวก็เรียนรู้ได้เร็ว…อีกไม่นานดาวก็จะกลับไปเริ่มเรียนได้อีกครั้งแล้วล่ะ” อิงฟ้าเธอได้พูดคุยกับนิทาน “เดี๋ยวเรื่องเรียนของดาวหนูจะช่วยน้าอีกแรงนะคะ” นิทานเธอจึงได้ตอบกลับอิงฟ้าด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยในตัวของรุ้งดาว “น้าดีใจนะ! ที่หมอนิรักหลานของน้ามากขนาดนี้” อิงฟ้าเธอพูดกับนิทานด้วยท่าทีที่รู้สึกขอบคุณในตัวของนิทาน “หนูทำไปเพราะหนูอยากชดเชยเวลาของเราสองคนที่มันได้ขาดหายไปค่ะ” นิทานเธอตอบกลับอิงฟ้าด้วยท่าทีที่รู้สึกผิดกับรุ้งดาว เพราะนิทานเธอได้แอบโทษตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าส่วนหนึ่งที่รุ้งดาวนั้นต้องมาเป็นแบบนี้นั้นตัวเธอเองก็มีส่วนอยู่ไม่น้อย

อิงฟ้าเธอได้เห็นแล้วว่านิทานนั้นรู้สึกยังไงและรู้ว่านิทานนั้นรักในตัวรุ้งดาวหลานของเธอมากแค่ไหน “น้าดีใจนะคะ…ที่ได้ฝากรุ้งดาวไว้กับหมอนิ” อิงฟ้าเธอบอกกับนิทานด้วยท่าทางที่อิ่มเอมใจ ในตอนนี้ที่อิงฟ้าและนิทานนั้นได้คุยกันอยู่ ก็ปรากฏว่ารุ้งดาวนั้นเธอก็ได้แอบฟังอยู่เช่นกัน รุ้งดาวเธอจึงได้สงสัยในคำพูดของนิทานที่ว่า “เวลาของเราสองคนที่ขาดหายไป” นั้นมันหมายความว่ายังไงกันแน่ เพราะคำพูดนี้มันเป็นเหมือนคำพูดของคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน

“เดี๋ยวหนูขอตัวขึ้นไปดูดาวก่อนนะคะน้าอิง” นิทานเเธอพูดกับอิงเพราะสงสัยว่าทำไมรุ้งดาวถึงได้ขึ้นห้องไปนานจัง “จ่ะ…น้าฝากด้วยนะหมอนิ” อิงฟ้าเธอได้ตอบรับนิทานพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินจากนิทานเข้าไปในครัว จากนั้นนิทานเธอได้จึงได้ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้และเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อไปยังห้องของรุ้งดาว เมื่อนิทานได้เดินขึ้นมาถึงชั้นสองจนเดินมาถึงห้องของรุ้งดาวแล้วนิทานเธอจึงได้เปิดประเข้าไปในห้องของรุ้งดาว

เมื่อนิทานเข้ามาในห้องของรุ้งดาวแล้ว นิทานเธอก็ได้เห็นว่ารุ้งดาวนั้นได้นั่งเงียบ ๆ อยู่บนเตียงนอนสีชมพูของตัวเอง นิทานเธอได้เดินมานั่งบนเตียงข้าง ๆ รุ้งดาว “เป็นอะไรไปคะที่รัก…มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?” นิทานเธอได้ถามรุ้งดาวด้วยท่าทีที่เป็นห่วงในตัวรุ้งดาวและพร้อมกับเอามือที่ลูบผมของรุ้งดาวไปด้วย “นิมีอะไรที่อยากจะบอกเรามั้ย?” รุ้งดาวเธอได้ลองถามนิทานดู เผื่อว่านิทานนั้นอาจจะยอมสารภาพหรือบอกอะไรกับเธอ “ถ้าเรื่องที่อยากจะบอกก็คงเป็นห่วงน้องชายที่หนีออกจากบ้านอ่ะแหละ…แล้วก็เรารักดาวนะนี่แหละที่อยากจะบอก” นิทานเธอได้ตอบรุ้งดาวกลับไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ารุ้งดาวกำลังเคลือบแคลงสงสัยอยู่

ตอนนี้รุ้งดาวเธอได้รู้ตัวแล้วว่าเธอคงจะไม่ได้คำตอบอะไรจากเรื่องที่เธอสงสัยในตัวของนิทานอย่างแน่นอนแล้ว รุ้งดาวเธอจึงได้พยายามที่จะปล่อยวางสิ่งเหล่านั้นลง แต่มันก็ยังอดที่จะกลัวหรือกังวลไม่ได้อยู่ดี นิทานเธอได้เห็นท่าทางของรุ้งดาวที่ดูนิ่งไปเธอจึงได้ดึงรุ้งดาวเข้ามากอด “ดาว…ไม่ว่าวันของหน้าจะเป็นยังไง! แต่ใจที่เรารักดาวมันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงนะเราสัญญา” นิทานเธอได้ใช้คำพูดสูตรพิเศษของเธอเพื่อปลอบประโลมใจของรุ้งดาว

และด้วยคำพูดของนิทานที่ได้พูดอยู่ข้าง ๆ หูของรุ้งดาว มันเลยได้ทำให้รุ้งดาวเธอได้รู้สึกคลายความกังวลในจิตใจของเธอขึ้นมาบ้าง คำพูดนิทานมันได้ทำเธอสบายใจขึ้นว่าเธอจะไม่ถูกนิทานทิ้งไปอีก แต่ความคลายกังวลใจนี้มันก็เป็นของหมอนิไม่ใช่นิทาน ซึ่งตัวนิทานเธอเข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่เต็มอกของเธอ แต่นิทานเธอต้องสะกดใจเอาไวเพื่อให้รุ้งดาวลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเธอหานิทานคนที่เธอเฝ้ารอเจอ

นิทานเธอก็ได้แต่คิดในใจว่าโชคชะตานี่ก็ช่างเล่นตลกกับเธอจริง ๆ สวรรค์ส่งให้เธอกลับเจอคนที่เธอตามหาอีกครั้งแต่กลับไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ในตอนนี้ ส่วนตัวรุ้งดาวเองถึงแม้ว่าเธอจะได้รับความมั่นใจจากนิทานมา แต่รุ้งดาวเธอก็ยังคงแอบสงสัยอยู่ดีว่านิทานนั้นได้เก็บซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่ แล้วทำไมเธอถึงได้เป็นคนเดียวที่ห้ามล่วงรู้ถึงความลับนี้ เมื่อทั้งสองคนได้ปล่อยอ้อมกอดออกจากกัน นิทานเธอจึงเอาเอามืออุงไปที่แก้มอันเนียนใสของรุ้งดาว ก่อนที่นิทานเธอจะได้ค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปจูบรุ้งดาวด้วยความรักอย่างอ่อนโยน รุ้งดาวเองก็ได้ตอบรับจูบของนิทานอย่างอ่อนโยนเช่นกัน

ในขณะที่อีกด้านหนึ่งสองเพื่อนสนิทธีมและแดนก็ได้นั่งคุยกับอีกหนึ่งเพื่อนสนิทอยู่ที่ใต้สะพานพระรามแปด “มึงเป็นไงบ้างวะไอแชมป์” ธีมได้ถามแชมป์ผ่านวิดีโอคอลล์ “กูสบายดี…แต่กูอยากให้ช่วงนี้พวกมึงจับตาดูเจ้เป็นพิเศษหน่อยได้ป่ะ” แชมป์ได้ถามสองเพื่อนสนิทผ่านวิดีโอคอลล์ “ช่วงนี้คงจะยากหน่อยว่ะ…เพราะติดเรื่องเข้ามหาวิทยาลัย! แต่พวกกูจะพยายามเต็มที่เท่าที่ทำได้นะ” แดนได้ตอบกลับแชมป์ผ่านวิดีโอคอลล์ “แค่พวกมึงช่วยดูแลเจ้แทนกู…กูก็ดีใจแล้วเพื่อน! แค่นี้ก่อนนะเว้ย…กูกำลังสนุกกับชีวิตชาวบ้านต่างจังหวัดเลย” แชมป์ได้บอกกับเพื่อนสนิททั้งสองคนก่อนที่จะวางสายไป

“ไอแดน…มึงว่ามันแปลก ๆ ป่ะวะ” ธีมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แดนได้ถามกับแดน “เรื่องที่มันย้ำเรื่องพี่นิทานอ่ะเหรอ?” แดนที่นั่งข้าง ๆ ธีมจึงได้ถามธีมกลับไป “ก็เออดิวะ” ธีมได้ตอบกลับแดนด้วยท่าทีที่ดูสงสัยเอามาก ๆ “ลางสังหรณ์คน ๆ นี้ไม่ค่อยจะพลาดด้วยอ่ะดิ…งั้นพวกเราก็พยายามทำตามที่มันขอ ๆ มาหน่อยก็แล้วกัน” แดนได้ตอบกลับธีมไปโดยที่เขาเองก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่เพราะตัวของแดนเขาไม่ใช่คนช่างพูดเท่าไหร่ เขาจึงไม่จึงได้บอกธีมไปว่าเขาก็สงสัยเหมือนกัน

ส่วนแชมป์นั้นเขาก็ได้ไปเรียนรู้การใช้ชีวิตเป็นชาวบ้านต่างจังหวัดทั่ว ๆ ไป กลับกลายเป็นว่าแชมป์กลับรู้สึกสนุกที่ได้ใช้ชีวิตเป็นคนทั่ว ๆ ไป แทนที่จะเป็นคุณชายแห่งบ้านวิริยเทพา แชมป์เขารู้สึกว่าชีวิตแบบคนธรรมดา ๆ นี่แหละคือสิ่งที่เขานั้นต้องการ ที่ผ่านมาแชมป์เขาต้องตกอยู่ภายใต้เงาของรามมาตลอด เมื่อแชมป์หลุดออกมาเป็นอิสระไแ้แบบนี้แล้ว มันจึงทำให้แชมป์ได้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ไม่เคยได้รู้สึกแบบนี้มานานหลายปี

ตอนนี้แชมป์ได้เดินถ่ายรูปบรรยากาศของชุมชน ของชาวบ้าน ของวิวต่าง ๆ แชมป์ได้เข้ามาใช้ชีวิตกับวิถีชีวิตชุมชนและมันดูเหมือนกับว่าจะเป็นสิ่งแชมป์นั้นชอบด้วย แชมป์ได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติจนตอนนี้เขาลืมภาพความเป็นคุณชายแห่งบ้านวิริยเทพาไปจนหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงแค่แชมป์เด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่เดินทางตามหาฝันและท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ เพียงเท่านั้น แชมป์ยังคงใช้ชีวิตต่ออย่างอิสระโดยที่เขาลืมเรื่องที่บ้านวิริยเทพาและไม่สนใจอะไรในวิริยเทพาอีกแล้ว

ณ บ้านวิริยเทพา

“คุณเอิร์ธเรียกผมให้มาหามีธุระอะไรเหรอครับ?” ปกรณ์ได้ถามกับชายชื่อเอิร์ธ “พี่ปกรณ์หาตัวมันเจอรึยังครับ?” เอิร์ธได้ตั้งคำถามกับปกรณ์ “คุณเอิร์ธหมายถึงใครเหรอครับ?” ปกรณ์ได้ทวนถามเอิร์ธอีกครั้ง “จะมีใครซะอีกล่ะครับ…ก็ไอพี่ชายสารเลวของผมไงครับ?” เอิร์ธได้ถามถึงแชมป์กับปกรณ์ “ผมไม่อยากให้คุณเอิร์ธมองคุณแชมป์แบบนั้นเลยครับ” ปกรณ์ตัดพ้อออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากให้เอิร์ธคิดอะไรเลวร้ายกับแชมป์ “ผมจะคิดยังไงกับมันนั่นมันเรื่องของผมครับ! พี่ตอบมาแค่ว่ามันไสหัวอยู่ไหนก็พอครับ?” เอิร์ธถามปกรณ์ “ผมไม่ทราบครับ” ปกรณ์ได้ตอบเอิร์ธก่อนที่จะเดินออกจากห้องของเอิร์ธไป

จริง ๆ แล้วในใจของเอิร์ธนั้นพอจะเดาได้ว่าที่ปกรณ์พูดออกมานั้นปกรณ์โกหก แต่ไม่ว่าปกรณ์จะโกหกเอิร์ธไปเพราะอะไร แต่ความรู้สึกที่ โกรธ เกลียด แค้น และอาฆาต พี่ชายของตัวเองอย่างถึงที่สุดนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือลดลงไปเลยแม้แต่น้อย เอิร์ธเกลียดที่แชมป์นั้นกำลังจะทิ้งภาระก้อนใหญ่ของบ้านนี้ไว้ที่เขา จากที่เกลียดเข้าไส้อยู่แล้วมันยิ่งทำให้เอิร์ธเกลียดแชมป์ยิ่งกว่าเดิม

เมื่อปกรณ์เดินลงมาถึงชั้นหนึ่งของบ้านและกำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่น เขาก็ได้เห็นว่ารามนั่งอ่านหนังสืออยู่ ปกรณ์เขาจึงได้เดินเขาไปหาราม “คุณรามครับ! เมื่อสักครู่คุณเอิร์ธเรียกผมไปถามเรื่องคุณแชมป์ครับ” ปกรณ์ได้รายงานให้รามทราบ “แล้วแกได้บอกอะไรมันมั้ยล่ะ?” รามจึงได้ถามปกรณ์กลับไป “ไม่ได้บอกครับคุณราม” ปกรณ์ได้ตอบกลับปกรณ์แบบทันควัน “ดีละ…แกไปจัดการเรื่องนั้นต่อเถอะไป” รามออกคำสั่งกับปกรณ์ จากนั้นปกรณ์จึงได้ทำความเคารพต่อรามก่อนที่จะเดินจากไป

และเมื่อปกรณ์ออกจากบ้านวิริยเทพาแล้ว ปกรณ์จึงได้กดโทรศัพท์โทรออกไปหาแชมป์ “ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด” เมื่อแชมป์รับสายปกรณ์แล้วปกรณ์จึงได้พูดกับแชมป์ที่อยู่ปลายสาย “ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คุณแชมป์คิดทุกอย่างเลยครับ” เมื่อแชมป์ฟังที่ปกรณ์พูดจบแล้วแชมป์จึงได้พูดต่อ “ผมรู้ว่าศัตรูในบ้านนั้นมันมีใครบ้าง…ผมจะเดาถูกมันก็ไม่น่าแปลกหรอก” จากนั้นแชมป์จึงได้วางสายจากปกรณ์ไป ปกรณ์จึงได้บ่นกับตัวเองเบา ๆ “ทำไมคุณแชมป์ต้องเอาตัวเองมาสังเวยตลอดเลยด้วย…ผมล่ะไม่เข้าใจการกระทำนี้ของคุณแชมป์จริง ๆ นะครับ”

ปกรณ์เขาได้ขับรถมาถึง ณ ยังบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นคือบ้านของรุ้งดาว แต่ปกรณ์นั้นได้จอดรถมองดูบ้านของรุ้งดาวอยู่ห่าง ๆ เขาได้เฝ้ามองอะไรบางอย่างจากบ้านของรุ้งดาว และสิ่งที่ปกรณ์นั้นกำลังเฝ้ามองจากบ้านของรุ้งดาวนั้นก็คือนิทาน แต่ปกรณ์นั้นยังคงทำตามคำสั่งของแชมป์ที่แชมป์ได้สั่งให้ปกรณ์ค่อยจะบตาดูนิทานเอาไว้

ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วค่ำแล้ว มันเป็นเวลาที่นิทานนั้นจะต้องกลับบ้านแล้ว รุ้งดาวเธอจึงได้เดินออกมาส่งนิทานที่หน้าบ้าน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังร่ำลากันและกอดกันอยู่นั้น นิทานเธอก็ได้สังเกตเห็นว่ารถของบ้านวิริเทพาจอดอยู่ห่างออกไป หลังจากที่นิทานกับรุ้งดาวได้ร่ำลากันเสร็จแล้ว จากนั้นนิทานเธอได้เดินไปที่รถของตัวเองพร้อมกับรุ้งดาวที่ยังคงยืนรอส่งแฟนของเธออยู่

เมื่อนิทานขึ้นรถและได้ขับรถออกไปจากบ้านของรุ้งดาวแล้ว รุ้งดาวเธอจึงได้เดินเข้าบ้านของเธอไป พร้อม ๆ กับปกรณ์ที่ได้ขับรถตามนิทานออกไป เมื่อนิทานขับรถออกมาจากบ้านของรุ้งดาวได้สักพัก นิทานก็ได้มองกระจกหลังเป็นระยะ ๆ นิทานเธอจึงได้รู้ว่ามีคนขับรถสะกดรอยตามเธออยู่ เมื่อนิทานนั้นได้รู้ว่ามีคนขับรถตามเธอมา นิทานเธอจึงได้กดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรออกหาใครบางคน

สายเรียกเข้า : คุณนิทาน

ปกรณ์ได้เห็นว่าเบอร์ที่โทรหาเขานั้นคือเบอร์ของนิทาน ปกรณ์เขาจึงได้จอดรถทำใจก่อนที่จะรับสายของนิทาน “ครับ…คุณนิ” ปกรณ์ได้ทักทายนิทาน “พี่สะกดรอยตามหนูทำไมคะ” นิทานได้ถามปกรณ์กลับไป “ผมต้องขอโทษด้วยครับคุณนิ…แต่นี่เป็นคำสั่งของคุณแชมป์ครับ” ปกรณ์ได้บอกให้นิทานได้รับรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนสั่งให้ปกรณ์คอยจับตาดูนิทานเอาไว้ “พี่เป็นคนของลุงราม…พี่จะทำตามคำสั่งของน้องชายหนูได้ยังไงคะ?” นิทานได้ถามกลับไปหาปกรณ์ด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก “ผมรักคุณแชมป์มากกว่าคุณรามครับ…คุณนิก็รู้นี่ครับว่าคุณแชมป์ต้องเจออะไรมาบ้าง?” ปกรณ์ได้เผยความในของตอนเองให้นิทานได้รับรู้

นิทานได้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดอีกครั้ง “ตอนนี้ไอตัวแสบมันอยู่ที่ไหนคะ” นิทานได้ถามลองเชิงปกรณ์ เพื่อที่จะทดสอบว่าปกรณ์นั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอจริงหรือเปล่า “สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 1 ตำบลมีชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคายครับ คุณขวัญก็ทราบเรื่องนี้เช่นกันครับ ผมรู้ว่าคุณนิไม่เชื่อใจผม…แต่ถ้าเป็นคุณขวัญพูดเอง คุณนิคงจะเชื่อใช่มั้ยครับ?” ปกรณ์ได้บอกถึงที่อยู่ของแชมป์พร้อมกับถามนิทานกลับไป “ขอบคุณนะคะพี่ปกรณ์…ที่พี่ปกรณ์ก็รักน้องชายของหนูเหมือนกัน” เมื่อนิทานพูดจบนิทานจึงวางสายจากปกรณ์ไป ปกรณ์ได้นั่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะขับรถของเขาออกไปจากตรงนั้น

Stories 17 รับแทน

Stories 17 รับแทน

วันต่อมา

หมอนิทานเธอได้มาทำงานตามปกติ และแล้วพักกลางวันในวันนี้สามเพื่อนสนิทก็ได้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน แต่มันกลับเป็นบรรยากาศที่นิ่งเงียบและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ครุ่กรุ่นอย่างบอกไม่ถูก หมอนิทานเธอไม่อยากจะทนกับความรู้สึกแบบนี้อีกต่อแล้ว นิทานเธอจึงได้เริ่มเปิดปากถามหมอเอมไปตรง ๆ “เอม…เราจะกลับมาดีกันไม่ได้แล้วเหรอ?” หมอเอมที่ได้ยินหมอนิทานพูดออกมาแบบนั้นแล้ว หมอเอมเธอจึงเริ่มเปิดปากพูดกับหมอนิทานเช่นกัน “ฉันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร…แต่ฉันก็รักแกเหมือนกันป่ะวะนิทาน?” เมื่อหมอนิทานเธอได้ยินหมอเอมเธอพูดมาแบบนั้นแล้วเธอก็ได้แต่นิ่งเงียบและก็พูดอะไรไม่ออก “เห็นมั้ยล่ะ! แกก็ยังไม่มองฉันอยู่ดี…ฉันเจ็บนะแกรู้บ้างป่ะ?” หมอเอมเธอได้เปิดเผยความในใจของตัวเองให้กับหมอนิทานได้รับรู้ แต่สุดท้ายแล้วหมอนิทานเธอก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกของหมอเอมยังไงอยู่ดี “ถ้าแกจะไม่อะไรกับฉัน…แกก็ปล่อยฉันไว้แบบนี้ดีกว่านะนิ” หมอเอมเธอได้พูดออกมาเพราะเธอรู้ว่าหมอนิทานก็ทำอะไรไม่ได้หรอก หมอณัฐก็ได้แต่นิ่งไม่พูดอะไรและได้แต่มองทั้งสองคนอยู่แบบนั้น

เมื่อหมอเอมเธอพูดจบเธอก็ได้ลุกหนีหมอนิทานไป “มันอุตส่าห์มานั่งด้วยก็ดีแล้ว…มึงก็ไม่น่าไปจี้ต่อมมันเลยไอนิ” หมอณัฐได้พูดด้วยอารมณ์ที่หน่ายใจกับหมอนิทาน “แล้วมึงรู้บ้างมั้ยล่ะว่ากูโคตรอึดอัดเลย กูไม่โอเคเลย ที่เห็นเอมมีนเป็นแบบนี้อ่ะ” หมอนิทานได้พูดเชิงใส่อารมณ์กับหมอณัฐ “พวกมึงนี่ก็แปลกดีเนอะ…ห่วงกันไปห่วงกันมาแต่กลับไม่รักกัน” หมอณัฐได้จิกกัดเชิงประชดกับหมอนิทาน “มึงก็รู้นี่ว่าทำไมกูถึงรักไม่ได้!” หมอนิทานได้พูดเชิงสื่อเป็นนัย ๆ กับหมอณัฐ “เออ…กูรู้!” หมอณัฐตอบกลับหมอนิทาน

หลังจากที่พักกลางวันของหมอนิทานจบลงแล้ว หมอนิทานจึงกลับมาทำงานต่อ โดยที่ในใจของหมอนิทานลึก ๆ เองก็ยังคงคิดเรื่องของหมอเอมอยู่ด้วยว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี เพราะตอนนี้หมอนิทานก็ได้พยายามคิด เพราะหมอนิทานเธอไม่อยากจะต้องอยู่แบบกระอักกระอ่วนใจกับหมอเอมแบบนี้อีกแล้ว เพราะในฐานะเพื่อนแล้วหมอนิทานก็ไม่อยากที่จะเสียหมอเอมไปเช่นกัน มันเลยทำให้หมอนิทานนั้นต้องรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก

และแล้วเวลานั้นก็ได้ล่วงเลยไปจนถึงเวลาเลิกงานของหมอนิทาน หมอนิทานเธอได้เตรียมเก็บของเพื่อที่จะไปหารุ้งดาวที่บ้านเหมือนเฉกเช่นทุกวัน สิ่งนี้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของหมอนิทานไปแล้วนั่นเอง เมื่อนิทานเธอเก็บของเสร็จแล้วเธอก็ได้มาจนถึงที่รถของเธอ เมื่อนิทานเธอขึ้นรถมาแล้วเธอก็ได้แชทหารุ้งดาวว่าตอนนี้เธอเลิกงานแล้ว เธอกำลังจะขับรถไปหารุ้งดาวที่บ้านแล้ว เมื่อหมอนิทานพิมพ์ข้อความบอกกับรุ้งดาวเสร็จแล้ว หมอนิทานเธอก็ได้ขับรถออกไปในทันที

16.00 น.

ในขณะที่อีกด้านรุ้งดาวเองเธอก็อยากลองใช้ชีวิตในโลกภายนอกอย่างที่นิทานได้บอกกับเธอไว้ วันนี้รุ้งดาวเธอเลยขอเป็นคนไปจ่ายตลาดแทนอิงฟ้า เพราะรุ้งดาวเธอนั้นอยากให้นิทานนั้นได้มาเห็นว่าเธอก็สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ รุ้งดาวเธออยากได้คำชื่นชมจากนิทานผู้เป็นโลกทั้งใบของเธอ ในขณะเดียวกันกับที่นิทานนั้นก็กำลังจะไปหาเธอที่บ้าน รุ้งดาวได้เดินไปจ่ายตลาดแทนอิงฟ้าที่ตลาดซอยข้าง ๆ ซอยบ้านของเธอ และรุ้งดาวเธอก็ได้ค่อย ๆ เดินซื้อของที่อิงฟ้าจดใส่กระดาษมาให้เธอทีละชิ้นสองชิ้น ในขณะที่นิทานก็ได้มาถึงบ้านของรุ้งดาวและได้รับรู้เรื่องราวจากอิงฟ้า นิทานเธอเลยรู้สึกเป็นห่วงในตัวของรุ้งดาว นิทานเธอเลยจะขับรถไปหารุ้งดาวที่ตลาด

เมื่อนิทานได้ออกมาจากบ้านของรุ้งดาว นิทานก็ได้เห็นว่ารถของบ้านวิริยเทพานั้นจอดอยู่ และคนที่อยู่ในรถคันนั้นก็คือปกรณ์นั่นเอง แต่นิทานเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว นั่นก็เพราะเธอรู้แล้วว่าปกรณ์นั้นอยู่ฝ่ายเดียวกันกับแชมป์ผู้เป็นน้องชายที่เธอรักและห่วงที่สุด นิทานเธอได้เดินมาขึ้นรถของเธอเพื่อที่จะขับรถไปหารุ้งดาวที่ตลาด แต่ด้วยความที่นิทานเธออยากที่จะเซอร์ไพรส์รุ้งดาว นิทานเธอจึงไม่ได้บอกรุ้งดาวแต่แรก และตัวของนิทานเองก็อยากที่จะแอบดูพัฒนาการของรุ้งดาวด้วย นิทานเธออยากจะรู้ว่ารุ้งดาวจะเริ่มปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้หรือเปล่า นั่นก็เพราะว่ารุ้งดาวนั้นไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดามาเป็นเวลา 8 ปี จึงต้องคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด

นิทานเธอได้ขับรถมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดเธอก็ได้มาถึงตลาด เมื่อนิทานเธอจอดรถเสร็จแล้วเธอก็ได้ลงจากรถไปเดินหาตัวของรุ้งดาว แต่เมื่อนิทานเดินไปและเดินมาซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าหลายรอบก็กลับไม่พบแม้แต่วี่แววของรุ้งดาวเลย นั่นจึงทำให้นิทานได้คิดว่ารุ้งดาวอาจจะสวนกับเธอก็เป็นไปได้ เพราะว่าซอยบ้านของรุ้งดาวกับตลาดนั้นมันสามารถที่จะเข้าออกได้หลายทิศทาง บางทีรุ้งดาวอาจจะใช้เส้นทางที่คนเขานิยมเดินกันก็เป็นไปได้

ในขณะที่อีกด้านตัวของรุ้งดาวนั้นเธอก็ได้เดินมุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะกลับไปบ้านของเธออย่างสบายใจ เพราะตัวของรุ้งดาวนั้นเธอคิดว่าในวันนี้นั้นเธอจะต้องได้รับคำชื่นชมจากนิทานผู้เป็นแฟนสาวของเธออย่างแน่นอน แต่เมื่อรุ้งดาวเธอเดินไปได้สักพักตัวเธอก็กลับมีความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่ากำลังมีใครบางคนนั้นได้เดินตามเธออยู่ข้างหลัง เมื่อรุ้งดาวเธอหันไปมองด้านหลังแล้วก็กลับไม่พบใคร

แต่เมื่อรุ้งดาวเธอหันหน้ากลับมารุ้งดาวเธอกลับได้พบชายคนหนึ่งในชุดสีดำทั้งตัวและคลุมหมวกไอ้โม่ง ชายคนนั้นได้ง้างมือตบไปที่ใบหน้าอันเนียนนุ่มของรุ้งดาว เมื่อรุ้งดาวเธอถูกชายคนนั้นตบแล้วรุ้งดาวเธอก็ได้ล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับข้าวของในมือของเธอ จากนั้นก็ได้มีชายอีกสามคนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของรุ้งดาว ตอนนี้รุ้งดาวเธอได้ถูกเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนยืนล้อมรุ้งดาวเอาไว้ ตอนนี้รุ้งดาวเธอกำลังตื่นตระหนกตกใจด้วยความกลัวอย่างสุดขีด รุ้งดาวเธอทั้งกลัว ทั้งสับสน รุ้งดาวเธอไม่รู้เลยว่าเหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นต้องการอะไรจากเธอกันแน่

แต่เมื่อชายที่อยู่ด้านหลังของรุ้งดาวที่ได้ถือไม้หน้าสามมาด้วย เขาได้ง้างมือและยกไม้หน้าสามเตรียมที่ฟาดเข้าไปที่กลางศรีษะของรุ้งดาว ก็ได้ปรากฏแขน ๆ หนึ่งที่ได้ยื่นมารับไม่หน้าสามนั้นเอาไว้แทนศรีษะของรุ้งดาว และแขน ๆ นั้นก็คือแขนของนิทานที่ตามมาช่วยรุ้งดาวเอาไว้ ร่างของนิทานได้ทรุดลงไปกับพื้นข้าง ๆ ตัวของรุ้งดาว ตอนนี้แขนของนิทานที่ได้ถูกไม้หน้าสามฟาดไปก็ได้หักไปแล้ว ตอนนี้นิทานเธอรู้สึกเจ็บที่บริเวณที่ถูกไม้หน้าสามตีอย่างมาก “นี่พวกแกเป็นใครพวกแกมาทำร้ายดาวทำไม” นิทานได้ตะคอกถามเหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยความเจ็บปวด

ในขณะที่รุ้งเธอได้เห็นว่านิทานปกป้องเธอและถูกเหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นทำร้าย มันจึงให้รุ้งดาวเธอสติแตกเพราะห่วงนิทานและร้องไห้ไม่หยุด น้ำตาของรุ้งดาวที่ไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก รุ้งดาวเธอได้แต่กลัวว่านิทานจะเป็นอะไรไป แต่เมื่อชายฉกรรจ์เหล่านั้นเห็นว่านิทานเข้ามาพัวพันด้วยแล้วแบบนี้ ชายฉกรรจ์เหล่านั้นจึงได้คิดที่จะทำร้ายนิทานไปด้วย

แต่และแล้วปกรณ์ก็ได้พุ่งเข้ามาต่อยตีกับชายฉกรรจ์เหล่านั้นเพื่อปกป้องนิทานและรุ้งดาว เมื่อชายฉกรรจ์ทั้งสี่ต่อสู้กับปกรณ์ไปมา เขาก็พบว่าเขาไม่สามารถที่จะสู้ปกรณ์ได้ เพราะไม่ว่าเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งสี่จะถาโถมใส่โจมตีปกรณ์ยังไง ก็ถูกปกรณ์บล็อคเอาไว้ได้และสวนกลับไปได้หมด ชายฉกรรจ์ทั้งสี่จึงได้ล่าถอยและหนีไป ตอนนี้ก็เหลือเพียงนิทานที่ถูกทำร้าย รุ้งดาวที่เอาแต่ร้องไห้สติแตกไม่หยุด และปกรณ์ที่เข้ามาช่วยทั้งสองคนเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ปกรณ์เขาได้ยืนมองดูคนรักทั้งสองคนเป็นห่วงกันและกันอยู่เบื้องหน้า

นิทานเธอได้ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกทำร้ายมาอุงที่แก้มของรุ้งดาวเพื่อเรียกสติของรุ้งดาวกลับมา “ดาว…เราไม่เป็นอะไร! หยุดร้องไห้ได้แล้ว” นิทานเธอได้ปลอบรุ้งดาวไปด้วยทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เจ็บเหมือนกัน “นิ…เราขอโทษ เราขอโทษ เราขอโทษ!” รุ้งดาวเธอได้แต่ฟูมฟายและร้องขอโทษนิทานซ้ำ ๆ รุ้งดาวเธอได้แต่พูดคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด นิทานเธอจึงได้ดึงรุ้งดาวเข้ามากอดด้วยแขนข้างเดียวที่มี

“คุณนิไหวมั้ยครับ” ปกรณ์เขาได้ถามนิทานที่กำลังกอดกับรุ้งดาวอยู่ “นิยังไหวอยู่ค่ะพี่ปกรณ์” นิทานเธอได้ตอบปกรณ์พร้อมกับกอดปลอบรุ้งดาวไปด้วย “ดาวหยุดร้องไห้ได้แล้วเราไม่เป็นอะไร” นิทานเธอได้ปลอบรุ้งดาว “นิ…นิอย่าเป็นอะไรนะ” รุ้งดาวเธอยังคงร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่ “คุณดาวครับ! ผมว่าเรารีบพาคุณนิไปโรงพยาบาลก่อนเถอะครับ” เมื่อปกรณ์พูดจบปกรณ์จึงได้เข้าไปประคองนิทานให้ลุกขึ้นยืนและรุ้งดาวเธอก็ได้ลุกขึ้นด้วย

ตอนนี้รุ้งดาวเธอพะว้าพะวงเพราะความที่เป็นห่วงนิทานเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้รุ้งดาวเธอจะเลิกฟูมฟายแล้วแต่เธอก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด ปกรณ์จึงได้มาปฐมพยาบาลให้กับนิทานแล้วพานิทานและรุ้งดาวไปที่รถของเขา เมื่อนิทานและรุ้งดาวได้ขึ้นนั่งที่เบาะหลังแล้ว ปกรณ์เขาก็ได้ขับรถพานิทานไปส่งโรงพยาบาลทันที ตอนนี้ทั้งสามคนก็ได้มาถึงโรงพยาบาลแล้ว นิทานก็ได้ถูกนำตัวไปยังห้องฉุกเฉินทันทีโดยมีรุ้งดาวและปกรณ์ได้รออยู่ด้านนอก “พี่คะ…นิจะเป็นอะไรมั้ยคะ” รุ้งดาวเธอได้หันไปถามกับปกรณ์ทั้งน้ำตา “คุณนิอยู่ในมือหมอแล้วนะครับ…คุณดาวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ปกรณ์เขาได้พูดให้รุ้งดาวนั้นได้คลายกังวล

เมื่อนิทานเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว ก็ปรากฏว่าหมอณัฐเองก็อยู่ในห้องฉุกเฉินเช่นกัน หมอณัฐได้เดินมาซักถามอาการของนิทาน “คนไข้โดนอะไรมาครับ?” หมอณัฐได้เริ่มถามนิทาน “ถูกคนร้ายและตีแขนมาจนแขนหักค่ะหมอ” นิทานเธอได้บอกเรื่องราวและอาการกับหมอณัฐ หลังจากนั้นนิทานก็ได้นอนรอรับการรักษาจากหมอ แต่หมอณัฐได้ออกจากห้องฉุกเฉินมาโทรบอกเอมว่านิทานถูกทำร้ายมาจนต้องเข้าโรงพยาบาล

เมื่อเอมเธอได้ข่าวจากหมอณัฐเธอจึงได้วางสายจากหมอณัฐเพื่อที่จะมุ่งตรงมายังโรงพยาบาลเพื่อมาดูนิทานทันที ตอนนี้รุ้งดาวได้เฝ้ารอคอยนิทานอย่างใจจดใจจ่อ แต่ปกรณ์ได้แยกตัวออกมาคุยโทรศัพท์ และคนที่ปกรณ์กำลังโทรไปหาอยู่นั้นก็คือแชมป์ “คุณแชมป์ครับ…คุณนิถูกทำร้ายครับ” แชมป์ที่อยู่ปลายสายจึงได้พูดโต้ตอบกับปกรณ์ “เป้าหมายของพวกมันคือพี่ดาวสินะ” เมื่อปกรณ์ฟังจบปกรณ์จึงได้ตอบกลับแชมป์ “ใช่ครับคุณแชมป์” ตอนนี้แชมป์รู้สึกโมโหและโกรธแค้นแทนนิทานเป็นอย่างมาก

“พี่ปกรณ์ครับ…เจอตัวพวกมันเจอเมื่อไหร่พี่บอกผมด้วยนะครับ” แชมป์ออกคำสั่งกับปกรณ์ให้ปกรณ์นั้นตามสืบหาตัวคนที่ทำร้ายนิทานมาให้ได้ จากนั้นแชมป์จึงได้วางสายจากปกรณ์ไป และแชมป์ก็ได้กดโทรศัพท์โทรออกหาสองเพื่อนซี้ทันที “พวกมึง…เกิดเรื่องแล้ว! เจ้ถูกทำร้าย…ถึงเวลาที่พวกเราต้องรวมตัวกันละ เอาเป็นว่าเดี๋ยวได้เรื่องแล้วกูจะบอกอีกที เตรียมตัวกันเอาไว้ให้พร้อม” แชมป์ได้บอกให้สองเพื่อนซี้อย่างธีมและแดนให้รู้เรื่องของนิทาน “งานนี้คงได้ออกกำลังกายอีกแล้วล่ะสิ?” ธีมได้ตั้งคำถามกับแชมป์

“ปรึกษาผู้ใหญ่จะไม่ดีกว่าเหรอ…เรื่องนี้มันใหญ่มากเลยนะเว้ย” แดนได้ถามแชมป์และธีม “กูมั่นใจว่ากูกับไอแชมป์เอาอยู่…มึงไม่ต้องคิดมากหรอกหน่าไอแดน” ธีมได้บอกกับแดนเพื่อไม่ให้แดนฟุ้งซ่าน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล “กูไม่ได้ห่วงเรื่องฝีมือของพวกมึง…แต่กูห่วงว่าเรื่องมันจะบานปลายโว้ย” แดนได้พูดตะคอกใส่ธีม “เอาเป็นว่าถ้าได้เรื่องแล้วกูจะบอกพวกมึงก็แล้วกัน” แชมป์ได้พูดตัดบทก่อนที่จะวางสายโทรศัพท์จากทั้งสองคนไป

ในขณะที่อีกด้านตอนนี้เอมก็ได้มาถึงที่โรงพยาบาลแล้ว และเมื่อเอมได้เจอกับรุ้งดาวเอมจึงรุดหน้าเข้าไปตบหน้ารุ้งดาวทันที “ที่นิมันต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะแก…แล้วถ้านิมันเป็นอะไรไป ฉันจะให้แกรับผิดชอบอย่างสาสมแน่อีดาว” เอมเธอได้พูดกับรุ้งดาวอย่างโกรธแค้น ในขณะที่รุ้งดาวเธอก็ยังคงร้องไห้เสียใจอยู่ กับการที่นิทานนั้นต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอแบบนี้ รุ้งดาวเธอยังคงเอาแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ เพราะรุ้งดาวเธอได้แต่คิดเสมอว่าตัวเธอคือต้นเหตุ

ตอนนี้อาทิตย์ก็ได้ตามมาหารุ้งดาวที่โรงพยาบาล “น้องพี่เป็นไงบ้างเจ็บตรงไหนรึเปล่า” อาทิตย์ได้ถามรุ้งดาวด้วยท่าทีที่ห่วงน้องสาวเอามาก ๆ เอมที่ได้เห็นอาทิตย์โอ๋รุ้งดาวแบบนั้นเอมเธอจึงรู้สึกหมั่นไส้จนต้องเหน็บแนม “เป็นพี่ชายประสาห่าอะไรวะถึงได้สอนให้น้องสาวเป็นตัวซวย” เมื่ออาทิตย์ได้ยินแบบนั้นอาทิตย์ก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า อาทิตย์ได้พุ่งเข้าไปหาเอม แต่กลับชายคนหนึ่งมาห้ามอาทิตย์ไว้และชายคนนั้นคือปกรณ์ “ใจเย็น ๆ ครับคุณอาทิตย์! คุณแชมป์เขาขอไว้ครับ” ปกรณ์ได้กระซิบในขณะที่กำลังห้ามอาทิตย์ไปด้วย

อาทิตย์ที่ได้ยินปกรณ์พูดถึงขนาดนั้นจึงได้เริ่มสงบใจลง “คุณเอมครับ…ผมรู้จักคุณดี! และเพราะผมยังเห็นแก่คุณนิ…เพราะงั้นขอความกรุณาช่วยหยุดปากมากด้วยครับ ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือนนะครับ” ปกรณ์ได้พูดกับเอมพร้อมกับแผ่จิตสังหารใส่เอมไปด้วยจนอาทิตย์ยังรู้สึกได้ “จะปล่อยผมได้ยังครับ” อาทิตย์ได้ถามกับปกรณ์ที่ยังคงล็อคตัวของเขาไว้อยู่ “ขอโทษด้วยครับคุณอาทิตย์” ปกรณ์ได้กล่าวขอโทษอาทิตย์พร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยอาทิตย์

หมอณัฐได้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วเดินมาหารุ้งดาว “นิไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ…เดี๋ยวพอนิฟื้นก็กลับบ้านได้เลยครับ” หมอณัฐได้บอกถึงอาการของนิทานกับรุ้งดาว “ขอบคุณนะคะหมอณัฐ” รุ้งดาวเธอได้กล่าวขอบคุณหมอณัฐพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงอาบเต็มสองแก้ม อาทิตย์ได้ดึงตัวรุ้งดาวเข้ามากอดพร้อมกับปลอบรุ้งดาว “นิไม่เป็นอะไรแล้ว…เลิกร้องไห้ได้แล้วน้องพี่” อาทิตย์ได้พยายามที่จะปลอบให้รุ้งดาวสงบจิตสงบใจขึ้น

“งั้นผมขอฝากคุณอาทิตย์ดูแลคุณนิต่อทีนะครับ…เดี๋ยวจะไปสืบหาตัวคนที่ทำร้ายคุณนิ” ปกรณ์ได้บอกกับอาทิตย์ก่อนที่ปกรณ์จะเดินจากไป เสียงแจ้งเตือนได้ดังขึ้นที่โทรศัพท์ของอาทิตย์ มือของอาทิตย์ที่ได้ล้วงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เสียงเตือนนั้นมันคือเสียงจากแชทและเมื่ออาทิตย์เปิดไปดูข้อความก็ได้ข้อความ “เดี๋ยวถึงเวลาผมฝากพี่รับเพื่อนผมอีกสองมาร่วมแก๊งด้วยนะ” เมื่ออาทิตย์อ่านข้อความของแชมป์อาทิตย์ได้ตอบกลับข้อความของแชมป์ “มึงคิดจะหาตัวมันด้วยตัวเองรึไง” ข้อความของอาทิตย์ได้ขึ้นว่าอ่านแล้ว

“ผมให้พี่ปกรณ์ไปสืบหาตัวแล้ว…พี่เองก็เตรียมตัวด้วย! งานนี้พวกเราคงต้องลุยกันเอง” แล้วนี่คือการตอบข้อความกลับไปหาอาทิตย์ของแชมป์ เมื่ออาทิตย์อ่านข้อความจากแชมป์แล้ว อาทิตย์ก็ได้แต่คิดว่า “ไอเด็กคนนี้มันน่ากลัวจริง ๆ” แต่อาทิตย์เองเขาก็โกรธแค้นที่น้องสาวคนเดียวของเขาได้ถูกทำร้ายเหมือนกัน อาทิตย์เขาจึงไม่มีความลังเลใจเลยที่จะร่วมกับแชมป์ในเรื่องนี้ เพราะตัวอาทิตย์เองเขาก็อยากเอาคืนพวกที่มาทำร้ายน้องสาวของเขาเหมือนกัน

ในตอนนี้คนทั้งบ้านวิริยเทพาก็ได้รับรู้แล้วว่านิทานนั้นถูกทำร้ายและตอนนี้ตัวของนิทานก็ได้อยู่ที่โรงพยาบาล เพราะปกรณ์นั้นได้รายงานเรื่องของนิทานให้รามได้ฟังจนหมดแล้ว รามเองก็ได้ออกคำสั่งให้ปกรณ์ออกหาตัวคนที่ทำร้ายนิทานเหมือนกัน เพราะตัวของรามเองก็ต้องหาคำตอบเอาไว้รอเรมผู้เป็นน้องชายและเป็นพ่อของนิทาน เพราะรามเขารู้ว่าเรมต้องมาเอ๊ะอ๊ะโวยวายกับเขาอย่างแน่นอน

รามได้บอกเรื่องของนิทานให้กับเรมผู้เป็นน้องชายได้รับรู้เรื่องของนิทาน แล้วก็เป็นอย่างที่รามคิดเอาไว้จริง ๆ เพราะเรมผู้เป็นน้องของเขาก็ได้ตั้งคำถามปนต่อว่ารามทันที นั่นก็เพราะว่าตอนที่นิทานเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ รามเขาได้รับปากกับเรมเอาไว้ว่าเขาจะดูแลนิทานให้เอง รามเขาเลยต้องมีส่วนในการรับผิดชอบเรื่องของนิทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเรมกับวันรักแม่ของนิทานได้รับรู้ว่าลูกสาวของตัวเองถูกทำร้าย ทั้งสองคนจึงเตรียมตัวเพื่อที่จะลงมาที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะมาดูอาการของลูกสาวตัวเองทันที

ในที่สุดนิทานเธอก็ได้ฟื้นหลังจากที่เธอนั้นได้รับการรักษาจากแพทย์ นิทานเธอยังคงสลึมสลือเพราะฤทธิ์ของยาสลบ ตอนนี้นิทานเธอได้มองไปรอบ ๆ นิทานเธอพบว่าตัวเองนั้นยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน เมื่อหมอณัฐได้เห็นว่านิทานฟื้นแล้ว หมอณัฐจึงได้เดินเข้ามาดูอาการของนิทาน เมื่อหมอณัฐเดินมาจนถึงตัวของนิทานแล้วหมอณัฐจึงได้ถามนิทาน “เป็นไงบ้างเพื่อนรัก” นิทานเธอได้นอนมองหน้าหมอณัฐ “นี่ฉันหลับไปนอนเท่าไหร่วะเนี้ย!” นิทานเธอได้บ่นออกมาเบา ๆ “สองชั่วโมงครึ่งละ…แต่ฟื้นมาแล้วก็ดี! จะได้กลับบ้าน…รุ้งดาวรออยู่หน้าห้องน่ะ” หมอณัฐได้พูดคุยกับนิทานด้วยความโล่งใจ

นิทานเธอยังคงนอนมองหมอณัฐอยู่ “ขอบใจนะเพื่อน” นิทานได้พูดขอบคุณณัฐอย่างสลึมสลือ “ลุกไหวมั้ย” หมอณัฐได้ถามนิทาน “ขออีกแป๊ปนะ” นิทานได้ตอบกลับหมอณัฐ “ลืมบอกไป! เรื่องค่ารักษาพยาบาลพี่คนที่ชื่อปกรณ์จัดการให้แล้วนะ” หมอณัฐได้บอกกับนิทานก่อนที่จะเดินจากไป เพื่อที่จะไปนั่งเขียนใบสั่งยาให้กับนิทาน นิทานเธอได้นอนมองเพื่อนของเธออย่างหมอณัฐ หมอณัฐเองก็เขียนใบสั่งยาไปมองนิทานไปด้วย เมื่อหมอณัฐเขียนใบสั่งยาเสร็จหมอณัฐก็ได้เดินกลับมาหานิทาน เมื่อหมอณัฐเดินมาถึงตัวของนิทานหมอณัฐก็ได้พยุงตัวของนิทานให้ลุกขึ้นนั่ง เมื่อนิทานนั่งได้แล้วหมอณัฐจึงได้ยื่นใบสั่งยาให้กับนิทาน “ถ้ารับยาแล้วก็กลับบ้านได้เลยนะเพื่อน” หมอณัฐได้บอกกับนิทาน

Stories 18 จากปากนิทาน

Stories 18 จากปากนิทาน

          ตอนนี้นิทานได้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับหมอณัฐ นิทานได้เห็นว่ามี รุ้งดาว อาทิตย์ และเอมที่ได้ยืนรอคอยนิทานด้วยใจเป็นห่วง “นิ…เดี๋ยวฉันไปส่งแกที่บ้านเองนะ” เอมได้ออกตัวว่าจะพานิทานกลับไปส่งที่บ้าน “นิ…มึงให้คนขับรถบ้านไอแชมป์มารับกลับเถอะ” หมอณัฐได้บอกกับนิทาน “ฉันจะดูแลนิเอง…ไม่ต้องยุ่ง!” เอมได้หันกลับไปตอบหมอณัฐด้วยท่าทีที่หวงในตัวของนิทาน “คุณนิครับ…คุณรามให้ผมมารับคุณนิกลับบ้านครับ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นแทรกทุกบทสนทนา ชายคนนั้นได้ก้มศรีษะเพื่อเป็นการเคารพในตัวของนิทาน “แล้วพี่ปกรณ์ไปไหนคะอาภพ” นิทานเธอได้ถามชายคนนั้นที่ชื่อภพ นิทานเธอเองก็รู้สึกได้ว่าถ้าตอนนี้เธอเลือกที่จะกลับกับเอมหรือรุ้งดาว ถ้าเลือกใดทางหนึ่งมันจะต้องเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อมีคนกลางที่เข้ามาแบบนี้นิทานเธอจึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เพราะนิทานเธอกลัวว่าตัวเธอจะไปทำร้ายความรู้สึกของรุ้งดาวหรือเอมเข้า “ปกรณ์กลับไปหาคุณรามแล้วคุณรามก็ส่งผมมาแทนครับ” ภพได้บอกให้นิทานรับรู้ถึงสถานการณ์ “นิ…เธอกลับไปกับคนขับรถเถอะ! เดี๋ยวพี่ดูแลน้องสาวพี่เอง” อาทิตย์ได้บอกให้นิทานกลับบ้านไปกับคนขับรถ เพราะเหมือนว่าอาทิตย์เองก็มองออกว่านิทานลำบากใจ

          “อาภพ…หนูรบกวนอาภพไปเอารถของหนูกลับมาที่บ้านได้มั้ยคะ” นิทานได้ถามภพผู้เป็นคนขับรถของบ้านวิริยเทพา “เดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง…กุญแจรถเราอยู่กับพี่” อาทิตย์ได้บอกกับนิทาน ส่วนรุ้งดาวก็ได้แต่มองนิทานด้วยความห่วงใยและความรู้สึกผิดแต่ก็พูดอะไรไม่ออก “กลับกันเถอะครับคุณนิ” ภพได้เชิญให้นิทานนั้นไปกับเขา “ดาว…” นิทานเธอได้เรียกชื่อของรุ้งดาว “พรุ่งนี้เจอกันนะคะที่รัก” รุ้งดาวเธอได้พูดแทรกนิทานก่อนที่เธอจะเดินจากนิทานไปพร้อม ๆ กับอาทิตย์

          “นิ…ฉันขอไปส่งแกที่บ้านนะ” เอมเธอยังคงเป็นห่วงและขอร้องนิทาน “คุณเรมบอกว่าให้คุณนิไปรอที่บ้านครับ…คุณเรมกับคุณวันรักกำลังมาครับ” ภพได้บอกกับนิทาน “เอม…เราโอเค! แกกลับบ้านเถอะ…เดี๋ยวเราต้องคุยกับพ่อแม่ต่ออ่ะ” นิทานเธอได้ปฏิเสธเอมอย่างที่พยายามจะรักษาน้ำใจของเอมไปด้วย เมื่อนิทานเธอพูดจบนิทานเธอก็ได้เดินจากไปกับภพ โดยที่มีหมอณัฐยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ

           เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ก็ได้เหลือเพียงแต่เอมที่ยืน เสียใจ เจ็บใจ และอีกหลากหลายความรู้สึกอยู่คนเดียว หมอณัฐที่เห็นเอมเป็นแบบนั้นเขาก็สงสารเอม แต่หมอณัฐเขาขอยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ดีกว่า จากนั้นเอมเธอก็ได้เดินจากไปเหลือแต่หมอณัฐที่ยืนส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความหน่ายใจอยู่คนเดียว “กูไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของพวกมึงสองคนยังไงจริง ๆ ว่ะ” หมอณัฐเขาได้บ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่หมอณัฐจะหันกลับไปทางห้องฉุกเฉินและเดินกลับเข้าไปทำงานของตัวเองต่อไป

          เมื่อภพได้มาส่งนิทานจนถึงบ้านแล้วเขาก็ได้ขับรถกลับออกไป นิทานเธอได้เดินเข้าบ้านที่ดูเงียบเหงาของตัวเอง นิทานเธอได้เดินมานั่งที่โซฟากลางบ้านพร้อมกับคิดหลาย ๆ เรื่องไปด้วย “ปี๊บ ปี๊บ” เสียงแจ้งข้อความโทรศัพท์ของนิทานได้ดังขึ้น นิทานเธอจะได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู นิทานเธอก็ได้เห็นว่าข้อความนั้นเป็นของน้องชายตัวแสบของเธอ “เจ้โอเครึเปล่า!” นิทานเธอได้อ่านข้อความของแชมป์ “ฉันตอบกลับแกไม่ได้…แกจะรู้ได้ไงล่ะไอน้องบ้า” นิทานเธอได้บ่นกับตัวเองเบา ๆ ด้วยท่าทีเหมือนจะนอยด์ ๆ

            นิทานเธอได้ยินเสียงรถที่มาจอดยังหน้าบ้านของเธอ นิทานเธอเดาได้เลยว่าคนที่มาจอดหน้าบ้านของเธอน่าจะเป็นเรมและวันรักพ่อแม่ของเธออย่างแน่นอน สักพักเสียงประตูก็ได้ดังขึ้นพร้อมวันรักที่เดินเข้ามา “นิทานลูกแม่” วันรักเธอได้วิ่งเข้าไปมาหานิทานด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่เป็นดั่งกล่องดวงใจของเธอ โดยที่มีเรมเดินตามหลังเข้ามา “เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนเก่งของพ่อกันเนี้ย” เรมเขาได้ถามนิทานด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน

            “เรื่องมันยาวมากเลยค่ะพ่อแม่” นิทานได้พูดกับเรมและวันรัก “พ่อกับแม่มีเวลาฟังหนูเล่าได้ทั้งคืนอ่ะเล่ามาเถอะลูก” เรมเขาได้บอกกับนิทาน “พ่อแม่จำรุ้งดาวเพื่อนสมัยเด็กของหนูได้มั้ยคะ?” นิทานเธอได้ถามเรมกับวันรัก “ที่ย้ายบ้านไปตอนหนูสิบขวบอ่ะเหรอ?” วันรักเธอได้ถามนิทานกลับไป “ใช่ค่ะแม่! หนูหาตัวดาวเจอแล้วนะคะแม่” นิทานเธอได้บอกกับวันรัก “แล้วที่บอกว่าเรื่องมันยาวนี่คือยังไงล่ะลูกแม่?” วันรักเธอได้ถามนิทาน โดยที่มีเรมยืนฟังสองคนแม่ลูกคุยกันอยู่เงียบ ๆ

          นิทานเธอได้นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนที่นิทานเธอจะเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องของรุ้งดาวให้กับวันรักและเรมได้ฟัง “หนูได้ไปฝึกงานที่สถาบันจิตเวชศาสตร์มาค่ะ! หนูได้ไปเจอกับดาวที่นั่นในฐานะคนไข้จิตเวชที่รักษาตัวมานานกว่าแปดปี ดาวเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตา ดาวเลยช็อกจนสติหลุดจากนั้นดาวก็เลยกลายเป็นหนึ่งในคนไข้ที่รับมือด้วยยากที่สุด แต่ตอนนี้หนูรักษาดาวได้แล้วนะคะแม่” เรมที่ยืนฟังอยู่ก็ได้ตั้งคำถามกับนิทาน “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ลูกถูกทำร้าย?”

            นิทานเธอได้นิ่งเงียบอีกครั้งก่อนที่เธอจะตอบเรม “มันมีคนจะมาทำร้ายดาว! หนูก็ไม่รู้เหตุผลของคนพวกนั้น แต่หนูเอาตัวเข้าไปปกป้องดาว สภาพก็เลยเป็นอย่างที่พ่อกับแม่เห็นนี่แหละค่ะ” วันรักเธอได้ลูบหัวนิทานอย่างทนุถนอม “พ่อกับแม่ไม่โทษดาวหรอก…ลูกสบายใจเถอะนะ” วันรักเธอได้ปลอบนิทาน “เอายังไงกันต่อดีคะคุณ” วันรักเธอได้หันไปถามเรม “เราต้องหาตัวคนที่มันร้ายลูกเรามาให้ได้ก่อน…จากนั้นพวกเราถึงจะได้รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร?” เรมเขาได้ตอบกลับวันรัก

             นิทานเธอได้จับมือของวันรักที่กำลังลูบหัวของเธอ “จะอ้อนอะไรแม่คะลูก” วันรักเธอได้ถามนิทาน “หนูรักพ่อกับแม่นะคะ” นิทานเธอได้บอกรักเรมและวันรัก “จะเอาอะไรว่ามาลูกพ่อ?” เรมเขาได้ได้ถามนิทานกลับไปทันที “หนูอยากจะพาดาวกลับไปอยู่บ้านเก่าของเราน่ะค่ะ” นิทานเธอได้บอกความต้องการของเธอให้กับเรมและวันรักได้รับรู้ “แม่เข้าใจแล้วจ่ะ…ถ้าหนูตัดสินใจดีแล้วแม่ก็เคารพการตัดสินใจของหนูนะ! แล้วคุณล่ะคะ?” วันรักเธอพูดกับนิทานพร้อมหันไปถามเรม “คุณว่ายังไงผมก็ว่าแบบนั้นแหละ” เรมตอบกลับวันรักอย่างเข้าใจ

          “แม่ลูกคุยกันไปดูแลกันไปนะ…เดี๋ยวผมขอไปที่บ้านวิริเทพาหน่อย! ผมจะไปเอาคำตอบจากพี่รามเรื่องลูกของเราหน่อย…เดี๋ยวผมกลับมา” เรมได้บอกกับวันรักและนิทาน “อย่าฝืนร่างกายนะคะคุณ…ฉันเป็นห่วงค่ะ!” วันรักเธอได้บอกกับเรมด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณครับ…รักคุณกับลูกนะครับ” เมื่อเรมพูดจบเรมเขาก็ได้เดินจากไปและปล่อยให้สองแม่ลูกได้คุยกันแบบผู้หญิง ๆ

            “หนูอยากแต่งงานกับดาวมั้ยลูก” วันรักเธอได้ถามนิทานพร้อมกับยังคงลูบหัวของนิทานอยู่ “งั้นหนูแต่งนะคะ” นิทานเธอได้พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “จ่ะ” วันรักเธอเพียงสั้น ๆ พร้อมกับดึงนิทานเข้ามากอดด้วยความรัก ความเอ็นดู ในตัวของลูกสาวตัวเอง “ขอบคุณนะคะแม่” นิทานเธอพูดออกมาจากในอ้อมกอดของวันรัก “แค่หนูมีความสุขพ่อกับแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ” วันรักเธอพูดไปพร้อมกับที่กอดนิทานไปด้วย

            เมื่อทั้งสองคนได้ปล่อยอ้อมกอดออกจากกันแล้ววันรักเธอจึงถามหาแชมป์กับนิทาน “แล้วแชมป์ไปไหนเหรอลูก…เห็นตัวติดกันออกปานนั้น” วันรักเธอได้ถามนิทานด้วยความสงสัย “น้องหนีออกจากบ้านค่ะแม่…หนูว่าแม่น่าจะเดาได้นะคะว่าทำไม?” นิทานได้บอกพร้อมกับถามวันรักกลับไป “แล้วน้องได้ติดต่อมาหาหนูมั้ย?” วันรักเธอได้ถามนิทาน “ติดต่อมาอยู่บ้างค่ะแม่…แต่น้องบอกว่าถึงเวลาน้องจะกลับมาหาหนูแน่นอนค่ะ” นิทานได้นำคำพูดของแชมป์มาบอกกับวันรัก “ชวนน้องไปอยู่ที่บ้านด้วยกันสิลูก…เดี๋ยวพ่อกับแม่ช่วยดูแลให้เอง” วันรักเธอได้เสนอกับนิทาน “เอาไว้หนูจะลองคุยกับน้องดูนะคะ” นิทานเธอได้ตอบรับข้อเสนอของวันรักด้วยความเต็มใจ

ณ บ้านวิริยเทพา

          เรมเขาได้เดินเข้ามาในบ้านวิริยเทพาเพื่อไปหารามพี่ชายของเขาเพื่อที่จะถามเรื่องของลูกสาวคนเดียวอย่างนิทาน เรมได้เดินตรงไปหารามที่ห้องทำงาน ในขณะที่รามเองก็รู้อยู่เหมือนกันว่าเรมน้องชายของเขาจะต้องมาคาดคั้นเรื่องของนิทานแน่ ๆ เมื่อเรมเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานเรมก็ได้เห็นว่ารามนั่งอยู่ในห้องทำงานราวกับว่ารามนั้นกำลังรอเรมอยู่ “ผมขอคำอธิบายเรื่องนิทานหน่อย?” เมื่อเรมเจอหน้ารามเรมก็ได้ถามเรื่องของนิทานกับรามทันทีโดยไม่ได้มีแต่คำทักทายกัน “นี่แกไม่คิดจะทักทายพี่ชายของตัวเองหน่อยเลยรึไง?” รามเขาได้ตั้งคำถามกับเรม

          เมื่อเรมได้ฟังแบบนั้นแล้วเขาจึงเดินไปที่เก้าอี้และนั่งลงที่เก้าอี้ “ผมได้ข่าวว่าช่วงนี้ธุรกิจพี่สะดุดนี่…มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” เรมเขาได้ถามกับรามด้วยความสงสัย “เพราะไอลูกทรพีของฉันไง” รามได้สบถคำพูดออกมาด้วยความโกรธ “เกิดอะไรขึ้น?” เรมเขาได้ตั้งคำถามกับราม “ไอลูกทรพีมันหนีออกจากบ้านไป” รามได้กัดฟันพูดด้วยความโกรธ “ว่าไงนะ!” เรมเขาได้อุทานออกมา “นี่แกไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งไม่รู้?” รามเขาได้มองหน้าเรมและตั้งคำถามกับเรม “นิทานไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเลย…ผมเองก็เพิ่งรู้จากปากพี่ หรือพี่คิดว่าผมกำลังให้ท้ายหลานงั้นเหรอ?” เรมเขาได้ตั้งคำถามกับรามด้วยความตกใจ “เอาเถอะ…ครั้งนี้ฉันจะเชื่อแกก็ได้ ส่วนเรื่องนิทานฉันกำลังให้ปกรณ์สืบอยู่ ถ้าได้เรื่องอะไรเดี๋ยวฉันบอกอีกทีก็แล้วกัน” รามเขาตอบกลับเรม

          เรมที่ฟังรามพูดจบแล้วเขาก็ได้ถามราม “พี่จะทำยังไงกับลูกพี่?” รามได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรเรม “ผมขอนะพี่…ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง พี่ก็ปรับเข้าใจกันเถอะ…อย่าไปเผด็จการกับลูกพี่อีกเลยไม่ว่าจะแชมป์หรือเอิร์ธก็ตาม” เรมเขาก็เข้าใจสถานการณ์บ้านของรามดี เรมเขาจึงไม่อยากให้รามทำผิดพลาดไปมากกว่านี้ “ฉันตั้งใจว่าจะให้ไอแชมป์มันมาบริหารธุรกิจต่อจากฉัน…เพราะมันต้องเป็นเสาหลักต่อจากฉัน เพราะแบบนี้มันถึงต้องเดินบนเส้นทางที่ฉันปูทางเอาไว้ให้” รามเขาได้ตอบกลับเรม

           เรมเขารู้ตัวแล้วว่าต่อให้เขาจะพูดอะไรไปรามก็คงไม่เปลี่ยนความคิด เรมเขาจึงทำได้แต่แอบสงสารแชมป์อยู่ในใจเพียงเท่านั้น “เออเรม…นิทานได้เล่าอะไรให้แกฟังบ้าง?” รามเขาได้ตั้งคำถามกับเรม “นิทานปกป้องเพื่อนสมัยเด็กเอาไว้…เห็นว่าเป้าหมายของคนพวกนั้นมันไม่ใช่นิทานแต่แรก” เรมได้บอกเล่าให้รามได้ฟัง “ออกตัวรับแทนงั้นสินะ” รามได้บ่นออกมาเบา ๆ “ใช่พี่…แล้วจะได้ตัวพวกมันมามั้ย?” เรมได้ตั้งคำถามกับราม “เรื่องนั้นฉันจะจัดการให้แกเอง” รามได้ตอบกลับเรม

           “อ่อ…ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้! ฝากบอกนิทานด้วยนะว่าให้ไอลูกทรพีนั่นมันกลับบ้านมาทำหน้าที่ของมันได้แล้ว เพราะถ้าฉันหมดความอดทนเมื่อไหร่ชีวิตมันจะไม่ได้มีอิสระอะไรอีกเลย” รามได้บอกกับเรม เพราะรามรู้ดีว่าแชมป์นั้นต้องติดต่อกับนิทานอย่างแน่นอน เพราะสองคนพี่น้องคู่นี้รักกันออกปานนั้นยังไงทั้งสองคนก็ตัดกันไม่ขาด เรมที่ฟังรามพูดจบแล้วก็ได้แต่คิดสงสารแชมป์ สงสารที่แชมป์ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง เรมจึงได้คิดว่าปล่อยให้แชมป์หนีไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

          เมื่อเรมออกมาจากบ้านวิริยเทพาแล้วเรมจึงได้โทรบอกกับวันรักว่าตอนนี้เขากำลังจะกลับไปหาวันรักและนิทานที่บ้าน วันรักเธอก็ได้รู้แล้วว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาบ้าน ในขณะที่นิทานก็เกะติดกับวันรักไม่ปล่อย “เข้านอนได้มั้ยแล้วลูก?” วันรักเธอได้ถามนิทานด้วยความเป็นห่วง “หนูขอรอพ่อกลับมาก่อนนะคะแม่” นิทานเธอได้ตอบกลับวันรักด้วยความเป็นห่วงเรม วันรักและนิทานยังคงนั่งเล่นกันอยู่ที่โซฟากลางบ้านเพื่อรอการกลับของเรม

            “ยังเจ็บแขนยู่มั้ยลูกสาวแม่?” วันรักเธอได้ถามถึงอาการของนิทาน “ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยค่ะแม่…แต่หนูยังสบายดีอยู่ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ” นิทานเธอได้ตอบกลับวันรักอย่างมีกำลังใจ “จากที่ลูกเล่ามา…แม่ว่าชีวิตของดาวน่าสงสารมากเลยนะลูก” วันรักเธอได้พูดถึงรุ้งดาวกับนิทาน “ตอนนี้หนูไม่สงสารหรอกค่ะ…แต่หนูรักของหนูมากกว่า” นิทานเธอได้ตอบวันรักอย่างมีความสุข ในขณะที่วันรักเองก็เข้าใจในความรู้สึกของนิทานเป็นอย่างดี

             และแล้วเรมก็ได้กลับมาถึงบ้าน เมื่อเรมเดินเข้ามาในบ้านเขาก็ได้เจอกับคำถามของวันรักทันที “ไปคุยกับพี่รามได้เรื่องอะไรบ้างมั้ยคะคุณ?” เรมเขาได้ยืนมองสองคนแม่ลูกที่เกะติดกันราวกับปลาท่องโก๋ก่อนที่จะตอบกลับวันรัก “พี่รามบอกว่าเขาจะหาตัวคนทำมาให้…แต่พ่ออยากจะขออะไรลูกสักเรื่องได้มั้ย?” เรมได้ตั้งคำถามกับนิทาน “ได้สิคะพ่อ” นิทานเธอตอบรับคำขอของเรมอย่างเต็มใจ “ปิดเรื่องของน้องไว้เป็นความลับ…อย่าส่งตัวน้องกลับบ้านนั้นเด็ดขาด พ่อไม่อยากเห็นแชมป์ต้องทรมานอีกแล้ว” เรมได้พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา “หนูเองก็คิดแบบเดียวกันกับพ่อนะคะ” นิทานเธอได้บอกให้เรมรู้ว่าเธอเองก็คิดเหมือนกับเรม

          วันรักเธอได้มองหน้าเรมด้วยความมึนงงก่อนที่เธอจะถามเรม “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณ” เรมได้เดินมานั่งข้าง ๆ วันรักและเอามือตีมาที่ตักของวันรักเบา ๆ “พี่รามเขาต้องการเปลี่ยนให้แชมป์เป็นเพียงนกในกรง…คุณคิดว่าพวกเราควรจะปกป้องแชมป์มั้ย?” วันรักเธอได้จับที่มือของเรม “ถ้าคุณบอกว่าคุณจะปกป้องแชมป์…ฉันกับนิทานก็พร้อมจะสนับสนุนคุณค่ะ” วันรักเธอพูดด้วยความรู้สึกที่เข้าใจความรู้สึกของเรม “ขอบคุณนะคะพ่อ…ที่เข้าใจในตัวน้อง” นิทานเธอได้พูดกับเรม

            เรมเขาได้มองหน้าของนิทานก่อนจะถามนิทาน “แล้วลูกกับดาวล่ะว่ายังไง?” นิทานเธอฟังคำถามของเรมแล้วเธอจึงได้ยิ้มให้กับเรม “ฉันให้ลูกแต่งนะคะ” วันรักเธอได้ชิงตอบเรมไปก่อนที่นิทานจะได้ตอบอะไรเรม “คุณให้แล้วผมก็ไม่มีปัญหาครับ” เรมได้ตอบกลับวันรัก “คุณไปอาบน้ำนอนเถอะค่ะ…คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” วันรักเธอได้บอกกับเรม และแล้วเรมเขาก็ได้เดินจากไปและปล่อยให้สองคนแม่ลูกได้อ้อนกันต่อไป

             “ไปนอนได้แล้วนะลูก…เดี๋ยวแม่ไปส่งเข้านอน” วันรักเธอได้พูดไปพร้อม ๆ กับที่กำลังกอดนิทานอยู่ด้วย “ค่ะแม่” นิทานเธอได้ตอบกลับวันรัก ทั้งสองคนแม่ลูกจึงได้พากันขึ้นไปบนห้องนอนของนิทาน เมื่อวันรักเธอได้ส่งนิทานเข้านอนแล้ว วันรักเธอได้เดินกลับมาดูเรม แต่เธอกลับพบว่าเรมนั้นยังไม่หลับ “ยังไม่นอนเหรอคุณ?” วันรักเธอได้ถามเรม “ผมรอคุณอยู่น่ะครับ” เรมได้ตอบกลับวันรัก “ฉันรู้ค่ะว่าคุณอยากจะพูดอะไร…แต่ลูกของเราหนักแน่นในความรู้สึกมาก ๆ ฉันจึงยอมรับการตัดสินใจของลูก” วันรักเธอได้ตอบคำถามทั้งหมดในใจของเรมจนสิ้นสงสัย

วันต่อมา

          ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้มานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน “เดี๋ยวแม่กับพ่อต้องกลับไปเคลียร์งานต่อ…ลูกอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย?” วันรักเธอได้ถามนิทานในขณะที่นั่งทานข้าวกันไปด้วย “ไม่เป็นไรค่ะแม่…เดี๋ยวดาวจะมาอยู่ดูแลหนูเองค่ะ! พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ” นิทานเธอได้ตอบกลับคำถามวันรักอย่างชิลล์ ๆ สบาย ๆ “อีกไม่กี่เดือนลูกพ่อก็จะเรียนจบแล้วสินะ…กลับบ้านคราวนี้พาดาวมาหาพ่อกับแม่ด้วยสิ” เรมได้บอกกับนิทาน เมื่อทั้งสามคนได้ทานข้าวกันจนเสร็จสรรพแล้ว ก็ถึงเวลาที่เรมกับวันรักต้องกลับบ้านกันแล้ว นิทานเองก็ได้เดินออกมาส่งเรมกับวันรักที่รถ

          “แม่กับพ่อกลับก่อนนะคะลูกรักของแม่” วันรักเธอได้ร่ำลานิทานพร้อมกับกอดนิทานก่อนที่เรมและวันรักจะขึ้นรถและขับรถจากไป นิทานเธอได้มองดูเรมและวันรักที่ขับรถออกไป นิทานเธอรู้สึกขอบคุณพ่อแม่ของเธอ ที่เรมและวันรักมีแต่ความเข้าใจกับเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต จนทำให้นิทานเธอไม่เคยรู้สึกขาดอะไรในชีวิตนี้เลย นิทานเธอได้กลับเข้าบ้านเพื่อไปนั่งรออาทิตย์ที่จะรุ้งดาวและรถของเธอกลับมาส่งให้เธอที่บ้าน นิทานเธอได้แต่นั่งคิดถึงรุ้งดาวอยู่ตลอด เพราะเมื่อตอนที่แยกกันนั้นนิทานเธอสัมผัสได้ว่ารุ้งดาวนั้นยังคงโทษตัวเองอยู่ แต่นิทานเธอกลับไม่มีความคิดที่จะโกรธหรือโทษรุ้งดาวเลยแม้แต่น้อย

          ในที่สุดรถของนิทานก็ได้มาจอดที่หน้าบ้านของนิทาน นิทานเธอก็ได้รู้แล้วอาทิตย์กับรุ้งดาวได้มาหาเธอแล้ว รุ้งดาวและอาทิตย์ได้เข้ามาในบ้านของนิทาน ทั้งสองพี่น้องก็ได้เห็นว่านิทานนั้นกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ “นิ” รุ้งดาวเธอได้เรียกนิทานด้วยความห่วงใย “คิดถึงจังเลย…มาให้กอดหน่อยสิที่รัก” นิทานเธอได้เชื้อเชิญให้รุ้งดาวเข้ามาในอ้อมกอดของเธอ รุ้งดาวเธอได้ยืนสะอึกสะอื้นก่อนที่จะเดินไปหานิทาน รุ้งดาวเธอได้นั่งลงข้าง ๆ นิทาน จากนั้นรุ้งดาวเธอได้กอดนิทานด้วยความรักและความห่วงใย

             “พี่ฝากนิดูแลดาวด้วยนะนิ” อาทิตย์ได้ฝากฝังรุ้งดาวเอาไว้กับนิทาน ในขณะที่นิทานเธอก็ได้กอดกับรุ้งดาวพร้อมกับพยักให้กับอาทิตย์ เพื่อเป็นสัญญาณบอกกับอาทิตย์ว่าเธอเข้าใจแล้ว นิทานเธอได้กอดรุ้งดาวด้วยความคิดถึง ส่วนภายในใจของรุ้งดาวนั้น เธอยังคงรู้สึกผิดกับนิทานอยู่อย่างเต็มหัวใจ “ดาว…เรารักดาวนะ” นิทานเธอได้บอกรักรุ้งดาวอย่างอ่อนโยน “เราก็รักนินะ…รักนิที่สุดเลย” รุ้งดาวเธอได้บอกรักนิทานกลับไปพร้อมกับที่อยู่ในอ้อมกอดของนิทาน

          อาทิตย์ได้ยกมือโบยเป็นสัญญาณให้กับนิทานได้รับรู้ว่าเขาจะกลับแล้ว นิทานเธอจึงได้พยักหน้ารับสัญญาณจากอาทิตย์ จากนั้นอาทิตย์จึงได้เดินจากไปเหลือไว้เพียงแค่นิทานกับรุ้งดาว “ดาว…” นิทานเธอได้เรียกรุ้งดาว “คะ” รุ้งดาวเธอได้ตอบรับพร้อมกับมองหน้าของนิทาน จากนั้นนิทานก็ได้จูบรุ้งดาวอย่างทะนุถนอมและทั้งสองคนก็จูบกันด้วยความรักอย่างอ่อนโยนและโหยหากันและกัน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!