เสียงฝนกระทบหลังคาสังกะสีดัง เปาะแปะ ไม่ขาดสาย ราวกับบทเพลงที่โลกบรรเลงซ้ำไปซ้ำมาในคืนอันยาวนาน ห้องไม้เล็ก ๆ กลางหมู่บ้านเงียบสงัด เว้นแต่เสียงฝนที่โหมกระหน่ำกับเสียงสะอื้นเบา ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอนั่งกอดเข่าที่มุมห้อง เสื้อผ้าบางเฉียกชื้นเพราะน้ำฝนที่สาดเข้ามาตามช่องหน้าต่างเก่า ๆ
“อีกแล้ว…” อัยย์พึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ดวงตากลมโตแดงช้ำ น้ำตายังเอ่อคลอไม่หยุด
เสียงทะเลาะกันจากห้องข้าง ๆ ดังแข่งกับเสียงฝน พ่อกับแม่ของเธอแทบไม่เคยพูดจากันด้วยความอ่อนโยน มีแต่คำตำหนิ เสียงตะโกน และเสียงของสิ่งของที่ถูกปาใส่กัน ความรุนแรงเหล่านี้คือสิ่งที่อัยย์เติบโตมาพร้อมกับมัน เธออายุเพียงสิบสองปี แต่ในใจกลับเหมือนผ่านโลกที่เต็มไปด้วยความขมขื่นมานับครั้งไม่ถ้วน
สำหรับเด็กคนอื่น ฝนตกอาจหมายถึงความสุข ได้วิ่งเล่นท่ามกลางสายฝนหรือซุกตัวในผ้าห่มอุ่น ๆ ฟังเสียงหยดน้ำพลางฝันหวาน แต่สำหรับอัยย์ ฝนคือสัญญาณของคืนที่ยาวนาน คืนที่บ้านกลายเป็นสนามรบ และหัวใจเธอเป็นสมรภูมิที่ไม่มีใครเห็น
“หนวกหู…” เธอเอามืออุดหู หวังจะไม่ต้องฟังเสียงโต้เถียง แต่เสียงนั้นก็ยังลอดเข้ามาไม่หยุด
อัยย์เป็นลูกคนสุดท้องของบ้าน มีพี่ชายหนึ่งคน และพี่สาวอีกสามคน บ้านที่ควรจะเต็มไปด้วยความรักและเสียงหัวเราะกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด พี่ ๆ ของเธอบางครั้งก็เข้ามาปกป้อง แต่ส่วนใหญ่ต่างก็เหนื่อยเกินกว่าจะต่อสู้กับความวุ่นวาย พี่ชายโตสุดทำงานต่างจังหวัด ไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนพี่สาวทั้งสามต่างก็มีโลกของตัวเอง การปลอบโยนที่อัยย์เคยได้รับค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือเพียงเธอที่ต้องเผชิญทุกอย่างตามลำพัง
วันรุ่งขึ้น ฟ้ายังมืดหม่นจากฝนที่ตกทั้งคืน กลิ่นดินชื้นอบอวลไปทั่วหมู่บ้าน อัยย์สะพายกระเป๋านักเรียนใบเก่า รองเท้านักเรียนที่พื้นเริ่มสึก เดินฝ่าสายฝนไปโรงเรียนประจำหมู่บ้านซึ่งมีถึงแค่ชั้นประถม 6 เธอเพิ่งจบ ป.6 และกำลังจะเริ่มชีวิตใหม่ในโรงเรียนประจำตำบลที่อยู่ไกลออกไป
“อัยย์ เดี๋ยวกลับมาช่วยแม่ทำกับข้าวด้วยนะ” เสียงแม่ตะโกนตามหลัง แม้จะพูดเสียงดัง แต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงกดดันมากกว่าความห่วงใย
“ค่ะ…” อัยย์ตอบเบา ๆ แม้รู้ว่าแม่อาจไม่ได้ฟัง
โรงเรียนใหม่ในตำบลใกล้เคียงใหญ่กว่าโรงเรียนเก่าหลายเท่า มีนักเรียนมากกว่าสามเท่า เสียงหัวเราะ เสียงทักทาย และกลุ่มเพื่อนที่วิ่งเล่นไปมา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกในทันที
ในห้องเรียนชั้น ม.1 เธอนั่งอยู่แถวกลาง ก้มหน้ากับหนังสือ ทั้งที่ยังไม่มีใครรู้จัก อัยย์เลือกใส่แมสปิดหน้าตลอดเวลา เธอบอกกับเพื่อนครูว่า “ไม่สบาย” แต่ความจริงคือความไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตา เธอเคยถูกเพื่อนล้อจนฝังใจ
“ทำไมใส่แมสตลอดเลยอะ” เสียงเพื่อนผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ ถามด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อกึ่งสงสัย
“…ไม่อยากให้ใครเห็นค่ะ” อัยย์ตอบสั้น ๆ ไม่กล้าสบตา
เพื่อนคนนั้นหัวเราะแล้วหันไปเม้าท์กับเพื่อนอีกคน เสียงหัวเราะเบา ๆ ทำให้หัวใจอัยย์สั่น เธอคิดทันทีว่าคงถูกล้ออีกแล้ว
ช่วงพักกลางวัน เธอเดินไปที่มุมโรงอาหาร ซื้อข้าวแกงง่าย ๆ แล้วนั่งกินคนเดียว เธอไม่ได้หิวมาก แต่กินเพื่อไม่ให้ครูสังเกตเห็นว่าเธอเก็บกดเกินไป ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงจอแจของนักเรียนคนอื่นยิ่งชัดขึ้น เธอเหมือนอยู่คนละโลกกับทุกคน
วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า การบ้านซ้อนทับ การสอบย่อยถาโถม และแรงกดดันจากครอบครัวทำให้อัยย์เหมือนหายใจไม่ออก พ่อกับแม่ไม่เคยชมเธอเลย แม้ว่าเธอจะพยายามตั้งใจเรียนมากแค่ไหนก็ตาม ทุกครั้งที่ได้คะแนนดี คำตอบที่ได้รับกลับเป็น “ก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเอง” หรือ “เอาให้ได้ที่หนึ่งสิ ถึงจะน่าภูมิใจ”
บางคืน เธอแอบนั่งร้องไห้ใต้ผ้าห่ม เธออยากจะเล่าให้ใครสักคนฟัง แต่ไม่รู้จะเล่าให้ใคร ความรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในโลกแคบ ๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจ
จุดเปลี่ยนเล็ก ๆ เกิดขึ้นเมื่อเธอขึ้น ม.2 โรงเรียนประกาศตารางกิจกรรมใหม่ ให้นักเรียนทำงานกลุ่มส่งรายงานวิชาสังคม ครูจับคู่ให้อัตโนมัติ และชื่อของเธอก็ไปจับคู่กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เธอไม่คุ้นหน้า
“เอ่อ… เธอคืออัยย์ใช่ไหม” เขาถามหลังเลิกเรียน ใบหน้าเข้มแต่รอยยิ้มดูจริงใจ
“อืม…” อัยย์ตอบสั้น ๆ ยังก้มหน้าเหมือนเดิม
“เราชื่อคีร์นะ ครูให้เราทำรายงานด้วยกัน”
คีร์… ชื่อที่เธอได้ยินครั้งแรก แต่ความจริงเขาย้ายมาเรียนที่นี่ตั้งแต่เทอมที่แล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเหมือนกัน เขาเป็นเด็กที่โตมาในครอบครัวแตกแยก พ่อแม่เลิกกัน บ้านไม่มีที่อยู่ถาวร เขามักมาสาย และบางครั้งหายไปจากโรงเรียนหลายวัน ทำให้ใคร ๆ มองว่าเขาเป็น “เด็กเกเร”
วันนั้น อัยย์กลับมาบ้านช้ากว่าปกติ เพราะต้องวางแผนทำงานกับคีร์ เธอนั่งที่โต๊ะไม้ยาวในบ้าน คีร์จดข้อมูลใส่สมุดอย่างตั้งใจ
“นี่… เธอเก่งจัง ทำเสร็จไปเกือบหมดแล้ว” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ “งั้นเราขอวาดรูปตกแต่งเพิ่มให้ก็แล้วกันนะ”
อัยย์เงยหน้ามองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เธอไม่ชินกับคำชม ไม่ชินกับใครที่พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้
คืนนั้น ขณะนอนฟังเสียงฝนอีกครั้ง อัยย์รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป โลกที่เคยมืดมนอาจไม่ได้ว่างเปล่าเสมอไป มันอาจจะมีแสงเล็ก ๆ ที่เริ่มส่องเข้ามา แม้เพียงริบหรี่ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
วันเวลายังคงดำเนินไปอย่างช้า ๆ ฝนยังคงตกเป็นครั้งคราว ความเศร้าในบ้านยังไม่หายไป แต่ในหัวใจเด็กหญิงคนหนึ่งกลับเริ่มมี “ที่พักเล็ก ๆ” จากรอยยิ้มของใครบางคนที่เธอเพิ่งรู้จัก...
และเธอไม่รู้เลยว่า จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ จะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเธอไปตลอดกาล
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ อัยย์ละสายตาจากหน้ากระจกมองตัวเองที่สะท้อนกลับมาในชุดนักเรียนสะอาดเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตขาวพับแขนเรียบร้อยกับกระโปรงนักเรียนสีน้ำเงินเข้ม รองเท้านักเรียนที่ค่อนข้างเก่าของเธอสั่นไหวเบา ๆ บนพื้นไม้ ท่ามกลางความตื่นเต้นและความกังวลใจที่ประเดประดังเข้ามาพร้อมกับแสงเช้าภายนอกหน้าต่าง
แมสสีขาวยังคงปิดหน้าของเธอไว้ แม้เพียงไม่กี่คนในโรงเรียนใหม่อาจเคยเห็นใบหน้าของเธอเต็ม ๆ แต่ความคุ้นเคยในการปกปิดนี้ทำให้อัยย์รู้สึกปลอดภัย แม้มันจะเป็นเพียงแค่รอยบาดแผลเล็ก ๆ ของอดีตที่ฝังใจเธอ
เมื่อเธอเดินเข้าสู่ประตูโรงเรียน ความรู้สึกแปลกแยกก็ซัดเข้ามาอีกครั้ง โรงเรียนใหญ่มากกว่าที่เคยคุ้นเคย เด็กนักเรียนม.ต้นและม.ปลายกระจายตัวอยู่เต็มสนาม เสียงหัวเราะสนุกสนานของกลุ่มเพื่อน เสียงประกาศของครูฝ่ายปกครอง และเสียงรองเท้ากระทบพื้นซีเมนต์ทั้งหมดผสมกันจนทำให้หัวใจอัยย์เต้นแรง
เธอเดินค่อย ๆ ผ่านกลุ่มเพื่อนที่ดูเหมือนรู้จักกันดี แม้แต่บางคนแอบมองมาที่เธอด้วยสายตาสงสัย แต่เธอเลือกที่จะเดินตรงไปที่ห้องเรียนชั้น ม.1/1 โดยไม่สบตาใคร
ทันทีที่เข้าไปในห้อง อัยย์ก้มหน้าพร้อมจัดวางของในกระเป๋า พยายามทำตัวให้กลมกลืนกับโต๊ะว่างที่อยู่ด้านหลังสุด เสียงเด็ก ๆ พูดคุยกันเสียงดัง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนแทบอยากจะซ่อนตัวใต้โต๊ะ
“นี่… เธอชื่ออะไรเหรอ?” เสียงใส ๆ ของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากโต๊ะข้าง ๆ
อัยย์ยกสายตาขึ้นเล็กน้อย มองคนถามแล้วพยักหน้าเบา ๆ
“อ…อัยย์ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา ๆ
“ฉันชื่อพิมพ์ดาว… ดาวเองค่ะ เพิ่งย้ายมาเหมือนกัน”
ความอบอุ่นในน้ำเสียงของดาวทำให้อัยย์ใจเต้นแรง เธอไม่เคยมีใครทักทายเธอด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรตั้งแต่วันแรกในโรงเรียนเก่า ดาวนั่งลงข้าง ๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“เธอมากับใครหรือเปล่า? เห็นเธอเดินมาคนเดียว” ดาวถามต่อ
อัยย์ส่ายหน้าเบา ๆ “มากับพ่อค่ะ แต่พ่อไม่เข้าโรงเรียนหรอก…” เธอหยุดพูด มองลงที่โต๊ะตัวเอง ไม่แน่ใจว่าจะบอกอะไรดี
ดาวหัวเราะเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอก เราก็มาคนเดียวเหมือนกัน เธอกับฉันคงเข้าใจกันได้”
คำพูดง่าย ๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ทำให้อัยย์รู้สึกโล่งใจบางอย่าง น้ำตาเล็ก ๆ ที่เธอเก็บไว้ไม่ไหวก็แทบไหล แต่เธอปาดมันลงอย่างเงียบ ๆ
ในช่วงพักกลางวัน อัยย์นั่งอยู่กับดาว กินข้าวกล่องที่เตรียมมา ข้าง ๆ มีเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ล้อมรอบอยู่ ดาวพยายามคุยเรื่องทั่วไปเพื่อให้บรรยากาศเป็นกันเอง
“อัยย์… เรามาลองนั่งตรงนี้กันดีไหม?” ดาวชี้ไปที่มุมโต๊ะว่างอีกฝั่งหนึ่ง
อัยย์พยักหน้า และทันทีที่พวกเธอนั่งลง กลุ่มเด็กผู้หญิงอีกกลุ่มเดินมามอง
“เฮ้ย! เห็นใส่แมสกันแบบนั้น มาจากไหน
กันเนี่ย?” เสียงหนึ่งถามพร้อมหัวเราะ
อัยย์เกือบจะก้มหน้าหลบ แต่ดาวยื่นมือมาบีบแขนเธอเบา ๆ ก่อนพูดขึ้นเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“เงียบ ๆ หน่อยนะ พวกเธอจะไปล้อทำไม คนอื่นไม่เกี่ยวข้อง” ดาวพูดแบบไม่ต้องลังเล น้ำเสียงมั่นคงจนเด็กกลุ่มนั้นต้องหยุด
อัยย์มองดาวด้วยความตื่นตาและตกใจเล็กน้อย เธอไม่เคยมีใครยืนขึ้นมาปกป้องเธอแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มแผ่ซ่านในใจ เธอพยักหน้าเบา ๆ เป็นการขอบคุณ
ในห้องเรียนช่วงบ่าย ครูให้กิจกรรมแนะนำตัวเองและจับคู่ทำงานกลุ่ม นางเอกกับดาวได้จับคู่กันทันที พวกเธอค่อย ๆ พูดคุย เริ่มรู้จักกันมากขึ้น
“อัยย์ เธอชอบอ่านหนังสือหรือเปล่า?” ดาวถาม
“อืม… ชอบนะ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องพวกนี้เลย” อัยย์ตอบ
“งั้นเราก็เหมือนกันเลย ฉันก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน” ดาวหัวเราะเบา ๆ ทำให้หัวใจอัยย์รู้สึกอบอุ่น
ในขณะที่พวกเธอกำลังทำรายงานร่วมกัน ครูประจำชั้นเรียกให้นักเรียนทุกคนมองไปที่ด้านหน้า ฉากนี้เองที่เธอสังเกตเห็น เด็กผู้ชายคนหนึ่ง นั่งอยู่โต๊ะตรงข้าม แววตาของเขาเงียบและนิ่ง ไม่พูดกับใคร แต่บางครั้งก็หันมามองนางเอกเพียงแวบเดียว ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงการมองนั้นก็ทำให้อัยย์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลก ๆ เข้ามาในหัวใจ
อัยย์มองเขาเพียงครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าทำงานต่อ แต่ความคิดของเธอไม่สามารถละทิ้งใบหน้าเด็กผู้ชายคนนั้นได้ เขาเงียบมาก แต่ก็ทำให้อัยย์รู้สึกเหมือนโลกของเธอเริ่มกว้างขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเลิกเรียน ดาวเดินข้างอัยย์ไปทางออกโรงเรียน
“อัยย์… พรุ่งนี้เรามาเจอกันที่ห้องอาหารก่อนเข้าเรียนไหม?” ดาวถามพร้อมรอยยิ้ม
อัยย์พยักหน้าเบา ๆ “โอเค…” เธอพูดเสียงเบา แต่หัวใจเต้นแรงเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งค้นพบมิตรภาพจริง ๆ
ระหว่างทางกลับบ้าน เสียงฝนที่เคยทำให้เธอกลัว กลับฟังดูเบาลงและสงบขึ้นเล็กน้อย ความอบอุ่นจากดาวทำให้หัวใจอัยย์เริ่มเชื่อว่า… บางทีโลกนี้อาจไม่ได้มืดมนเสมอไป
และแม้คีร์จะยังคงเป็นเงียบ ๆ อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องเรียน เพียงแค่สังเกตเธอจากระยะไกล การปรากฏตัวของเขาเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอให้หัวใจของอัยย์เต้นแปลกไป
ในค่ำคืนนั้น ขณะที่อัยย์นอนฟังเสียงฝนอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าทั้งดาวและเด็กผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตเธออย่างไรในอนาคต แต่ความรู้สึกอบอุ่นครั้งแรกจากเพื่อนใหม่ ทำให้เธอรู้สึกว่า… เธอไม่ต้องเผชิญโลกนี้เพียงลำพังอีกต่อไป
และนี่คือจุดเริ่มต้นของ มิตรภาพและเรื่องราวในรั้วโรงเรียนใหม่ ที่กำลังค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้นทีละน้อย…..
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอีกครั้งในเช้าวันธรรมดา อัยย์ขยับตัวลุกจากที่นอน ผมที่พันกันเล็กน้อยและเสื้อเชิ้ตที่พับเรียบร้อยทำให้เธอดูเหมือนนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง แต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรงและเต็มไปด้วยความกังวล
วันนี้เป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่งในโรงเรียนใหม่ แต่สำหรับอัยย์ ทุกวันในโรงเรียนที่เพิ่งย้ายมาถือเป็น “วันพิเศษ” เพราะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่เธอไม่คุ้นเคย
เธอสวมแมสสีขาวเหมือนเดิม แม้รู้ว่าเพื่อนบางคนอาจสงสัย หรือบางคนอาจคิดล้อเล่นกับเธอ แต่ความคุ้นเคยกับการปกปิดใบหน้าได้กลายเป็นเกราะป้องกันเธอเอง
ระหว่างทางไปโรงเรียน อัยย์เดินข้างดาวเพื่อนใหม่ที่พึ่งย้ายมาเหมือนกัน
“อัยย์… วันนี้เรามาให้ทันเข้าแถวหน้าเสาธงกันไหม?” ดาวถามพลางยิ้ม
“ได้นะ… แต่กลัวว่า…” อัยย์เริ่มพูดไม่จบเพราะกลัวเสียงหัวเราะของคนอื่น
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันอยู่กับเธอ” ดาวบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง ทำให้อัยย์ใจชื้นขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเดินเข้าโรงเรียน เสียงหัวเราะและเสียงประกาศยังคงดังรอบตัว เหมือนทุกอย่างแข่งกันทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว แต่เมื่อดาวเดินเคียงข้าง ความกลัวนั้นเบาบางลง
ในห้องเรียน ครูให้ทุกคนทำกิจกรรมกลุ่ม อัยย์นั่งอยู่ข้างดาว ทำรายงานวิชาภาษาไทยด้วยกัน
“วันนี้ครูให้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตเราในโรงเรียนใหม่ค่ะ” ดาวบอก พลางหันมองอัยย์
อัยย์พยักหน้าเบา ๆ แต่เสียงหัวเราะและการพูดคุยจากเพื่อนโต๊ะใกล้ ๆ ทำให้เธอกังวล
“เฮ้ย! นี่ใส่แมสทำไม? ดูแปลกชะมัดเลย!” เสียงเด็กผู้หญิงจากโต๊ะตรงข้ามแทรกขึ้น
อัยย์เกือบก้มหน้าหลบ แต่ดาวเอื้อมมือมาบีบแขนเธอเบา ๆ และพูดขึ้น
“เงียบ ๆ หน่อย พวกเธอทำแบบนี้ไม่ดีนะ”
ื เสียงดาวชัดเจนและมั่นคง จนเด็กกลุ่มนั้นหยุดหัวเราะอึกอัก อัยย์มองดาวด้วยความรู้สึกประทับใจ เธอไม่เคยมีใครยืนขึ้นปกป้องเธอแบบนี้มาก่อน
ระหว่างทำรายงาน อัยย์เริ่มเปิดใจมากขึ้น เธอเล่าเรื่องบ้าน ครอบครัว และความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัว
“ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกแปลกไปหมดเลย…” อัยย์พูดเสียงเบา
“ฉันเข้าใจ… ฉันก็เพิ่งย้ายมาเหมือนกัน เราต้องช่วยกันนะ” ดาวพูด พลางยิ้มอ่อน ๆ
ขณะที่สองสาวทำงานกันอย่างตั้งใจ เธอไม่รู้ตัวเลยว่า มีเด็กผู้ชายที่นั่งโต๊ะตรงข้ามคอยสังเกตเธออยู่ เขานิ่งสงบ ไม่พูดอะไร เพียงแค่เงยหน้ามองเธออย่างสังเกต ทุกครั้งที่อัยย์เงยหน้าขึ้นบ้าง เขาก็จะก้มหน้าเหมือนไม่ได้สนใจ แต่สายตาของเขานั้นจับจ้องเธอแบบไม่รู้ตัว
ช่วงพักกลางวัน ดาวชวนอัยย์ไปนั่งกินข้าวด้วยกันใต้ร่มไม้ที่สนามโรงเรียน
“รู้ไหม… ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก แค่เรายังไม่คุ้นกับมันเท่านั้นเอง” ดาวพูดพลางมองรอบ ๆ
อัยย์พยักหน้า น้ำตาเกือบไหลอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความอบอุ่นที่เพิ่งได้รับ
ขณะนั้น เด็กผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านมา เพียงแค่เงียบ ๆ มองมาทางอัยย์จากระยะไกล แล้วก็เดินผ่านไป โดยไม่มีใครสังเกตความสนใจของเขา
อัยย์มองตามเขาแล้วถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแปลกไป แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร
หลังจากกลับเข้าห้องเรียน กิจกรรมในช่วงบ่ายให้ทุกคนทำรายงานต่อ อัยย์และดาวแบ่งงานกันอย่างเรียบร้อย
“ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าเพื่อนย้ายมาใหม่แบบเธอจะน่ารักแบบนี้” ดาวพูดเบา ๆ พลางหัวเราะ
อัยย์หน้าแดงเบา ๆ ก้มลงทำงานต่อ เธอไม่เคยได้รับคำชมแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกประหลาด ๆ เริ่มซึมซับเข้ามาในใจ
เมื่อเลิกเรียน ดาวและอัยย์เดินกลับบ้านพร้อมกัน
“พรุ่งนี้เราเจอกันก่อนเข้าเรียนอีกนะ เธอไม่ต้องกลัวอะไรเลย ฉันอยู่ข้าง ๆ เธอ” ดาวพูดด้วยรอยยิ้ม
อัยย์พยักหน้าเบา ๆ ความอบอุ่นครั้งแรกจากเพื่อนใหม่ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีที่ที่เธอไม่โดดเดี่ยว
แม้ว่าคีร์จะยังคงเป็นเพียงคนที่เงียบ ๆ อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องเรียน การปรากฏตัวของเขาเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอให้หัวใจของอัยย์เต้นแปลกไป…
และนี่คือ จุดเริ่มต้นของวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ในรั้วโรงเรียนใหม่ ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความกังวล และความอบอุ่นเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อย…..
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!