NovelToon NovelToon

นิทานก่อนนอน

01

🌙 นิทานก่อนนอน : "แสงดาวกลางทะเล"

ยามเย็นคล้อยฟ้าเปลี่ยนสี ทะเลกว้างสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายสีส้มทอง คลื่นเบา ๆ ซัดเข้าฝั่งอย่างอ่อนโยน ที่หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ริมอ่าว มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ “ดาวเหนือ” เธอเติบโตมากับเสียงคลื่นและกลิ่นเค็มของทะเล

ดาวเหนือชอบนั่งที่ท่าเรือไม้เก่าในทุก ๆ เย็น มองเรือประมงกลับเข้าฝั่งทีละลำ บางวันเธอก็ช่วยชาวบ้านเก็บอวน บางวันก็นั่งฟังตาของเธอเล่านิทานเก่าแก่เรื่อง “ดาวที่ตกลงมาในทะเล”

ตาเล่าว่า เมื่อดวงดาวหล่นลงทะเล มันจะกลายเป็นหอยมุกที่ส่องแสงอบอุ่น ใครได้พบจะมีความสุขในใจตลอดไป ดาวเหนือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เธอแอบหวังว่าจะได้พบมุกแห่งแสงดาวนั้นสักวัน

คืนนั้น หลังจากช่วยแม่ตากปลาเสร็จ ดาวเหนือก็ไปนั่งที่หาดทราย เธอมองท้องฟ้า เห็นดาวระยิบระยับเต็มฟ้า เสียงคลื่นดังประหนึ่งบทเพลงกล่อมใจ อยู่ ๆ เธอก็เห็นแสงหนึ่งพุ่งวาบจากฟากฟ้า ร่วงลงกลางทะเลไกลโพ้น

หัวใจเธอเต้นแรง... “หรือว่าจะเป็นดาวที่ตกลงมาจริง ๆ?”

รุ่งเช้า ดาวเหนือจึงพายเรือเล็กออกไปกลางอ่าว แม้ลมจะพัดแรงแต่เธอก็กล้า เธอเชื่อว่าหากพบหอยมุกแห่งแสงดาว จะสามารถแบ่งความสุขให้ชาวบ้านทุกคนได้

เรือโยกไปตามคลื่น เด็กหญิงไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนคอยเฝ้ามองเธออยู่ใต้ทะเล…

นั่นคือ “ลูน่า” โลมาน้อยแสนซนที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ อ่าวแห่งนี้ ลูน่าเห็นดาวเหนือมาตั้งแต่เล็ก ๆ คอยเล่นกับคลื่นริมฝั่งทุกวัน คราวนี้พอเห็นเธอพายเรือออกมาไกลเกินไป ลูน่าจึงว่ายตามเพื่อช่วยเธอไม่ให้หลงทาง

ดาวเหนือมองลงไปในน้ำแล้วเห็นเงาอะไรบางอย่างว่ายตาม เธอตกใจนิดหน่อย แต่เมื่อหัวโลมาน้อยโผล่พ้นน้ำแล้วส่งเสียง “คลิ๊ก คลิ๊ก” เหมือนหัวเราะ ดาวเหนือก็หัวเราะตาม เธอตั้งชื่อให้มันว่า “เพื่อนคลื่น”

ทั้งสองเดินทางด้วยกัน ดาวเหนือพายเรือ ส่วนลูน่าว่ายอยู่ข้าง ๆ เมื่อถึงจุดที่เธอเห็นดาวตกเมื่อคืน เธอก็หยุดเรือแล้วก้มมองลงไปในน้ำ…

ใต้ทะเลสีน้ำเงินลึกนั้น มีประกายเล็ก ๆ ส่องแสงออกมาเหมือนจุดไฟในความมืด ดาวเหนือร้องออกมาเบา ๆ ด้วยความดีใจ เธอรู้ทันทีว่า… นั่นคือหอยมุกแห่งแสงดาว!

แต่ปัญหาคือมันอยู่ลึกเกินไป เธอไม่สามารถดำน้ำลงไปถึงได้ ลูน่ามองหน้าดาวเหนือ แล้วเหมือนเข้าใจความในใจ มันดำหายลงไปใต้น้ำ ใช้จมูกคีบหอยมุกกลมงดงามขึ้นมาให้เธอ

ดาวเหนือรับไว้ในมือ หอยมุกนั้นส่องประกายอุ่น ๆ เหมือนกอดจากท้องฟ้า แสงมันไม่จ้าเกินไป แต่ทอออกมาเป็นแสงนุ่มนวล ทำให้หัวใจเธออบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

เธออุ้มมันไว้แนบอกแล้วพูดกับลูน่าว่า

“ขอบใจนะเพื่อนคลื่น ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่มีวันได้เจอแสงดาวนี้เลย”

ลูน่ากระโดดขึ้นจากน้ำ หมุนตัวกลางอากาศแล้วลงน้ำเสียงดังตูม คลื่นกระเซ็นใส่เรือจนดาวเหนือหัวเราะลั่น

เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน เธอวางหอยมุกไว้ในลานกลางหมู่บ้าน ทุกคนต่างแปลกใจเพราะมันส่องแสงนวล ๆ เหมือนพระจันทร์ย่อส่วน พอใครเดินเข้าไปใกล้ก็จะรู้สึกใจสงบ มีรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว

จากนั้นหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ไม่เคยมีคืนที่มืดมิดอีกต่อไป ทุกครั้งที่คลื่นกระทบฝั่ง แสงของหอยมุกดาวก็จะส่องให้หมู่บ้านอุ่นใจ

และทุกเย็น ดาวเหนือก็ยังนั่งที่ท่าเรือ เฝ้ามองคลื่นกับเพื่อนใหม่ของเธอ—โลมาน้อยเพื่อนคลื่น—พร้อมยิ้มและคิดในใจว่า

“บางครั้ง ดวงดาวไม่ได้อยู่บนฟ้าเสมอไป… มันอาจอยู่ในหัวใจเรากับเพื่อนที่ไม่เคยทิ้งกันก็ได้”

- THE END -

02

🌙 นิทานก่อนนอน : "เกาะแห่งสายรุ้ง"

หลายวันหลังจากที่ดาวเหนือกับเพื่อนคลื่น—โลมาน้อย—ได้พบหอยมุกแห่งแสงดาว หมู่บ้านชาวประมงก็เต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้ม และความอบอุ่น แต่ความสงสัยใหม่ก็เกิดขึ้นในใจเด็กหญิง

ทุกครั้งที่ฝนตกกลางทะเล เธอมักเห็นสายรุ้งทอดโค้งลงไปยังที่ไกลโพ้น เหมือนว่ามันกำลังชี้ทางไปยังที่ใดที่หนึ่ง ดาวเหนืออดสงสัยไม่ได้ว่า… ที่ปลายสายรุ้งนั้นมีอะไรซ่อนอยู่?

วันหนึ่ง หลังฝนซาและสายรุ้งพาดผ่านท้องฟ้า ดาวเหนือจึงตัดสินใจพายเรือออกไปอีกครั้ง เพื่อนคลื่นก็ตามไปเหมือนเคย ทั้งสองมุ่งหน้าตามเส้นสายรุ้งที่ทอดลงแตะขอบทะเลไกลลิบ

พายเรือไปเรื่อย ๆ ทะเลก็เปลี่ยนสี จากน้ำเงินเข้มเป็นฟ้าสดใสจนเกือบโปร่งแสง พวกเขาเห็นฝูงปลาหลากสีแหวกว่ายรอบเรือเหมือนพาไปทางเดียวกัน

จนกระทั่ง… เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

เกาะนี้เต็มไปด้วยหาดทรายสีขาวละเอียด และที่น่าประหลาดคือมีดอกไม้สีรุ้งบานอยู่ทั่วเกาะ มันเปล่งแสงอ่อน ๆ เหมือนแสงเช้าหลังฝนใหม่ ๆ

ดาวเหนือเดินไปบนหาดด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพื่อนคลื่นก็กระโดดน้ำเล่นรอบ ๆ ฝั่ง แล้วทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากพุ่มไม้

จากในพุ่มไม้นั้น ปรากฏเจ้านกแก้วน้อยตัวหนึ่ง ขนของมันไม่ได้มีสีเดียว แต่มีสีรุ้งไล่เฉดราวกับเก็บเอาสายรุ้งทั้งเส้นมาไว้บนปีก

นกแก้วแนะนำตัวเองว่า “รุ้งขอบฟ้า” มันบอกว่าตัวเองอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้มานานนับร้อยปี รุ้งขอบฟ้ามีหน้าที่เฝ้าดูแลเกาะและคอยทำให้สายรุ้งปรากฏหลังฝนตก เพื่อบอกชาวทะเลว่าพรุ่งนี้จะมีแสงแดดอบอุ่น

ดาวเหนือฟังแล้วดวงตาเป็นประกาย เธอบอกว่า “ฉันดีใจจังที่ได้เจอเธอ โลกใบนี้สวยกว่าที่ฉันคิดมากเลย”

รุ้งขอบฟ้ายิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ว่า

“ความสวยงามไม่เคยหายไปหรอก มันแค่รอให้เรากล้าออกตามหา… เหมือนที่เธอทำวันนี้”

เด็กหญิงยิ้มกว้าง รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะนั่งลงบนหาด ฟังเสียงนกรุ้งขอบฟ้าขับขานทำนองคล้ายเพลงกล่อม เสียงคลื่นก็ซ้อนประสานเหมือนดนตรีจากธรรมชาติ

คืนนั้น เธอหลับตาบนเรือเล็ก ข้าง ๆ เพื่อนคลื่นที่คอยคุ้มกันให้ ส่วนรุ้งขอบฟ้าก็โบยบินเหนือฟ้า ปล่อยประกายสายรุ้งจาง ๆ ส่องแสงอ่อนราวกับดาว

และตั้งแต่นั้นมา ดาวเหนือก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกหนึ่ง—นกสายรุ้งแห่งเกาะลับ—ที่ทำให้การผจญภัยของเธอเต็มไปด้วยแสงสีและความอบอุ่นในหัวใจ

- THE END -

03

🌊 นิทานก่อนนอน : "ประภาคารแห่งแสงใจ"

คืนหนึ่งที่ลมทะเลพัดแรง คลื่นซัดฝั่งดังซู่ ๆ ดาวเหนือมองไปไกล ๆ เห็นแสงไฟกะพริบจากเกาะหินกลางทะเล เธอจำได้ว่าตาเคยเล่า—ที่นั่นมีประภาคารเก่าแก่ซึ่งเคยช่วยชาวเรือให้หาทางกลับบ้าน แต่ตอนนี้มันดับไปนานแล้ว เพราะไม่มีใครดูแล

หัวใจเด็กหญิงพลันคิดขึ้นว่า… ถ้าประภาคารกลับมาส่องแสงได้อีกครั้ง จะมีชาวประมงสบายใจขึ้นมากเลยนะ

รุ่งเช้า ดาวเหนือจึงชวนเพื่อนคลื่น โลมาน้อย และรุ้งขอบฟ้า นกแก้วสายรุ้ง ให้ร่วมออกเดินทางไปยังเกาะหินที่มีประภาคารนั้น

พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็ถึงเกาะ ประภาคารสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน แต่เต็มไปด้วยเถาวัลย์เลื้อยคลุมและหินแตกพัง บันไดวนข้างในสึกกร่อนจนเสียงดังเอี๊ยดทุกครั้งที่ก้าวขึ้น

เมื่อขึ้นไปถึงยอด ประตูห้องไฟยังคงปิดสนิท ดาวเหนือผลักเข้าไปข้างใน—ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นหนาและกระจกแตกกระจาย

“ประภาคารนี่เหมือนหัวใจที่ถูกลืม…” เด็กหญิงพึมพำเบา ๆ

แต่แล้ว หอยมุกแห่งแสงดาวที่เธอเคยได้มาก็เปล่งประกายส่องออกมาจากกระเป๋าผ้าเล็ก ๆ ที่เธอพกติดตัวตลอดเวลา แสงอุ่นของมันค่อย ๆ เติมเต็มห้องไฟให้สว่างขึ้น

เพื่อนคลื่นส่งเสียงร้องคล้ายเชียร์ ส่วนรุ้งขอบฟ้าก็โบยบินรอบห้อง ปีกสีรุ้งสะท้อนแสงจนเหมือนสายรุ้งหมุนวนรอบ ๆ

ดาวเหนือจึงหยิบหอยมุกนั้นวางลงบนแท่นกลางประภาคาร—ทันใดนั้น!

แสงอบอุ่นนุ่มนวลก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่องไกลข้ามทะเลเหมือนแขนยักษ์แห่งความหวัง

จากหมู่บ้านริมอ่าว ชาวบ้านทุกคนต่างเห็นแสงสว่างที่หายไปนานกลับคืนมา พวกเขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่น บางคนถึงกับน้ำตาคลอ เพราะประภาคารคือสัญลักษณ์ว่าทุกคนจะกลับบ้านได้เสมอ ไม่ว่าคลื่นลมจะแรงเพียงใด

ดาวเหนือยืนมองแสงนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง เธอหันไปบอกเพื่อน ๆ ว่า

“ไม่ใช่ฉันหรอกที่ทำให้มันส่องแสงอีกครั้ง… แต่เป็นพวกเราทั้งหมดที่เชื่อในความหวัง”

เพื่อนคลื่นกระโดดน้ำเสียงดังตูม ส่วนรุ้งขอบฟ้าก็ขานเสียงใส ๆ ราวกับร้องเพลงรับแสงใหม่

คืนนั้น ประภาคารไม่ได้เป็นแค่หอไฟธรรมดาอีกต่อไป มันกลายเป็น ประภาคารแห่งแสงใจ ที่คอยบอกให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า ไม่ว่ามืดมิดเพียงใด แสงแห่งความอบอุ่นก็จะยังคงอยู่เสมอ

- THE END -

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!