ณ.ช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ของวันอังคาร ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งในวัยยี่สิบห้าปีกำลังล้างหน้าไก่อยู่ที่หน้าบ้านของตน
"เอ็งก็อยู่เฉย ๆ สิวะไอ้เหลืองข้าจะได้ป้อนยาให้ ดิ้นอยู่นั่นแหละ"
เสียงของชายหนุ่มคนดั่งกล่าวเอ่ยขึ้นกับ ไอ้เหลือง ไก่คู่ใจของตน ขณะที่มือก็พยายามป้อนยาเข้าไปในปากของไก่ชนตัวนั้น
แง๊น ๆ
"ไอ้ผา ได้เวลาถอนแล้วเว้ยเพื่อน"
ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีเสียงของรถมอเตอร์ไซค์ท่อดังคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของชายหนุ่ม พร้อมกับเรียกชื่อของชายหนุ่มคนนั้นที่นั่งป้อนยาไอ้เหลืองอยู่ ขณะที่มือก็ยกขวดอะไรบางอย่างที่อยู่ในถุงหิ้วโชว์ให้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าดู
"แดดร้อนขนาดนี้เนี่ยนะมึงจะตั้งวงแดกเหล้า เดี๋ยวก็เส้นโลหิตแตกตายหรอกไอ้ห่า"
ภูผา หรือ นาย ภูผา สว่างธรรม ลูกชายคนเดียวของ กำนันไพร ได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับคำด่าเพื่อนของตนเอง เพราะอากาศในตอนนี้ร้อนอบอ้าวมาก ๆ
"โถ่ ๆ มึงก็อย่ากินเยอะสิวะ กินแค่เลือดสูบฉีดก็พอ แค่พอมีเลือดฝาดอะมึงเข้าใจไหม?"
อ๊อด เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ ของผาเอ่ยขึ้น แต่ก่อนอ๊อดก็ไม่ใช่คนติดเหล้าอะไรขนาดนี้หรอก เมื่อก่อนก็กินแค่สังสรรค์แต่เดี๋ยวนี้อ๊อดกับติดเข้าฝักจนขาดไม่ได้แล้ว
"เออ เรื่องของมึงเลยกูจะดูสิว่าเลือดฝาดหรือจะเส้นโลหิตจะแตกตายกันแน่"
"โห เอะอะ ๆ ก็แช่งให้กูตาย ถ้ากูตายจริง ๆ ขึ้นมาใครจะช่วยมึงเผาถ่านห๊ะ มึงคิดบ้างดิเอ้อ"
อ๊อดเอ่ยขึ้นพร้อมกับบรรยายประโยชน์ของตนเองให้ผู้เป็นเพื่อนได้ฟัง ถึงแม้ว่าผาจะเป็นลูกชายของกำนันก็จริงและมีฐานะความเป็นอยู่ดีอยู่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะอยู่เฉย เขาเลยคิดหาอาชีพเสริมทำ และการเผาถ่านขายก็เป็นอีกอาชีพเสริมอีกอาชีพหนึ่งที่เขาถนัด
แถมยังมีเพื่อนอย่างอ๊อดคอยช่วยดู ช่วยสอดส่องให้ ไม่ว่าจะเป็นการเอาไม้ลงเตา คอยดูเตาไม่ให้ทะลุ เพราะถ้าหากเตาถ่านที่กลบไปแล้วมีรูรั่ว ทะลุ หรือมีไฟลุกก็จะไม่ได้ถ่าน แต่อาจจะได้เป็นขี้เถ้าแทน
หลังจากที่ถ่านไหม้จนได้ที่แล้วอ๊อดนี่แหละเป็นคนช่วยผาคุ้ยเอาขี้เถ้าที่กลบถ่านออก และนำถ่านที่เผาแล้วออกมาเอาน้ำเทใส่เพื่อให้อุณหภูมิเย็นลง ก่อนที่จะนำไปตากแดดให้แห้งและน้ำไปบรรจุกระสอบป่านเพื่อนำเข้าสต๊อกไว้ขายให้คนในหมู่บ้าน หรือถ้าหากคนนอกหมู่บ้านต้องการเขาทั้งสองก็พร้อมที่จะส่ง
"อะเพื่อนสักกรึบ"
อ๊อดรินเหล้าขาวสามสิบดีกรีขวดปานกลางใส่แก้วก๊งยื่นให้ผาที่นั่งอยู่โต๊ะเตี้ย ๆ ข้าง ๆ ตน
"มึงนี่ก็น้อ มา ๆ อ๊า บาดคอฉิบหาย"
ผารับแก้วก๊งที่มีเหล้าขาวอยู่ในนั้นยกขึ้นมากระดกดื่มจนหมดแก้ว ก่อนที่จะสบดคำหยาบออกมาเพราะร้อนของเหล้า
"แหม ทำเป็นมาบาดคงบาดคอ ทีแต่ก่อนเลิกกับน้องน้ำมนต์ใหม่ ๆ นี่กูเห็นกระดกเหล้าขาวเป็นขวด ๆ ไม่เห็นบ่นเลย"
"เอ้าอันนั้นมันแต่ก่อนป่ะว่ะ"
"เหรออออ"
"เออ"
"พี่ผาจ๋า หอมเอาข้าวมาส่งจ้า"
หลังจากที่ทั้งสองคนนั่งเถียงกันอยู่สักพักก็มีเสียงแหลม ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อของผามาแต่ไกล พร้อมกับยกปิ่นโตข้าวที่อยู่ในมือชูขึ้นให้ชายหนุ่มที่กำลังเอาไอ้เหลืองเข้าสุ่มดู
"พอดีเลยจ้ะ น้องข้าวหอม พี่กำลังขาดกับแกล้มพอดีเลยจ้ะ"
อ๊อดที่นั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้านรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มหวานให้หญิงสาวที่ชื่อ ข้าวหอม ซึ่งเธอคือคู่หมั้นของผา และเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านโคอีเก้อด้วย
"หลบไปเลยนะอีพี่อ๊อด ฉันทำมาให้พี่ผาของฉันไม่ได้ทำมาให้พี่"
ข้าวหอมหยุดหันไปดุอ๊อดพร้อมกับเดินไปกอดแขนของผาไว้
"พี่ว่าเอ็งเอาข้าวไปให้ไอ้อ๊อดกินเถอะ พี่กินอิ่มแล้ว"
"กินแล้วก็กินอีกได้นี่จ้ะ มาม่ะเดี๋ยวข้าวหอมป้อน"
"ข้าวหอม!"
เมื่อเห็นว่าข้าวหอมยังตื๊อไม่เลิกผาเลยมองเธอทางหางตาพร้อมกับเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่เข้มขึ้น
"พี่ผาอ่ะ ก็ได้อะอีพี่อ๊อดกินให้ติดคอตายไปเลย"
หลังจากที่ข้าวหอมโดนดุแล้วเธอก็ต้องยอมจำนนที่จะให้ข้าวในปิ่นโตกับอ๊อดอย่างไม่เต็มใจ
"ขอบคุณจ้าน้องข้าวหอมคนสวย"
อ๊อดรีบรับปิ่นโตไปวางไว้บนแคร่ พร้อมกับจัดแจงเอาสำรับกับข้าวที่อยู่ในปิ่นโตออกมาวางพร้อมกินอย่างเอร็ดอร่อย
"ไอ้อ๊อดถ้ามึงเสร็จแล้วตามกูไปที่เตาถ่านด้วย"
"มึงจะไปทำไมว่ะเตามันไม่"
"เออน่าไม่เสือกสงสัยเยอะ กูจะไปดูถ่านแดกเสร็จก็รีบตามกูไปด้วย โอเคป่าว"
"เออ ๆ"
"พี่ผาหอมขอไปด้วยได้ไหมจ๊ะ"
"ถ้าไปแล้วเอ็งไม่กลัวตัวเอ็งดำก็แล้วแต่เอ็ง อ่อ แล้วไปต้องช่วยข้าทำงานด้วยนะ"
"พี่ผาอ่ะ โอ๊ย! นี่อีพี่อ๊อดกินเสร็จแล้วเอาปิ่นโตไปคือนด้วยนะ ฉันไปแหละ"
"จ้า ๆ เดี๋ยวพี่ล้างไปคืนให้สะอาดเอี่ยมอ่องเลยจ้า"
หลังจากที่ผาพูดจบเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างสีแดงคู่ใจออกไปทันที ปล่อยให้ข้าวหอมวีนเหวี่ยงอยู่แบบนั้นคนเดียว
ส่วนข้าวหอมโมโหลงที่ใครไม่ได้ก็หันไปลงที่อ๊อดทันที ก่อนที่จะสะบัดก้นเดินกลับบ้านไป ส่วนอ๊อดที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา ก็ตะโกนตอบรับตามหลังเธอไปว่าจะล้างปิ่นโตไปส่ง และก็นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปจนหมด
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปผาได้ขี่รถไปถึงเตาถ่านของตนเอง ซึ่งมีทุ่งนาล้อมรอบหลังจากที่เขาจอดรถไว้ใต้ต้นมะขามใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ กับเตาถ่านเสร็จ เขาก็เดินดุ่ม ๆ ไปยังกระท่อมหลังน้อยทันที ซึ่งกระท่อมหลังนี้ปลูกไว้เพื่อนอนเฝ้าถ่านในตอนกลางคืน เพราะถ่านเวลาเผาแล้วต้องมีคนเฝ้าตลอดเผื่อมันทะลุ หรือมีไฟลุกขึ้นมาจะได้แก้ไขได้ทัน
ลักษณะของกระท่อมหลังนี้จะเป็นกระท่อมที่ขนาดไม่ใหญ่มาก นอนกันได้สองคน พอกันแดดกันฝนได้เหมือนกระท่อมทุ่งนาทั่ว ๆ ไป
เขาเดินเข้าไปนั่งในกระท่อมก่อนที่จะเอนหลังลงบนหมอนที่เอามาไว้นอนเฝ้าถ่านได้ไม่นาน ในหัวของเขาก็คิดเรื่องเก่าขึ้นมาอีกจนได้
ทำไมฉันยังไม่ลืมเธอไปสักที
เขาพึมพำกับตนเองพร้อมกับยกมือขึ้นมาก่ายบนหน้าผากของตนก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"ไม้ก็ยังไม่ได้เอาลง มึงจะให้กูตามมึงมาทำไมว่ะไอ้ผา"
ผาถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกและกำลังจะเดินเข้ามา
"โห่! ไอ้ห่าอ๊อดมึงมาทำไมเงียบ ๆ แล้วรถมึงไปไหนเนี่ย"
ผาที่ตกใจลุกขึ้นนั่งชันเข่าอยู่เมื่อครู่ร้องด่าขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาหาเขาในกระท่อมคืออ๊อด
"เออกูอ๊อดเองมึงจะตกใจอะไรขนาดนั้นว่ะ หรือว่ามึงคิดว่าเป็น น้องน้ำมนต์ มาหามึงหรอ?"
"เดี๋ยวกูถีบร่วงแคร่เลยไอ้สัตว์ รู้มากนะมึงอะแล้วรถมึงไปไหน?"
ผายกเท้าขึ้นมาทำท่าจะถีบอ๊อดจริง ๆ พร้อมกับด่าเพื่อนก่อนที่จะถามหารถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่มาหาเขาเมื่อตอนเช้า เพราะตอนที่อ๊อดเดินเข้ามาเขาไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของอ๊อดเลย จะว่าเขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่ได้ยินเสียงก็คงไม่ใช่ เพราะเสียงท่อของอ๊อดนั้นมันดังมาก ๆ ต่อให้เขาเหม่อขนาดไหนก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว
"น้ำมันหมดอะดิกูเลยเอาตัวแรงมึงมาเนี่ย"
"ตัวแรงกู คันไหนวะ?"
"ก็จักรยานคันแดงมึงไงไอ้ควาย!"
"อ๋อ ห๊ะ! มึงปั่นจักรยานจากบ้านกูมาถึงนี่อะนะ"
"ก็เออดิว่ะ"
"สร่างไหม?"
"จะเหลือหรือล่ะ ตาสว่างเลยเนี่ยเหนื่อยฉิบหายมีน้ำเย็นกินไหม?"
"มีในกระติกอะ"
หลังจากที่ทั้งคู่คุยกันจบอ๊อดก็ถามหาน้ำทันที ผาก็ยกกระติกน้ำแข็งสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์มาตั้งไว้ให้ข้าง ๆ อ๊อดที่ในตอนนี้กระหายน้ำเต็มทีก็รีบเปิดกระติกน้ำพร้อมกับตักน้ำขึ้นมาดื่มอย่างรู้สึกกระหาย
"เฮ้อ! ค่อยอย่างชั่วหน่อย"
อ๊อดพูดขึ้นมาหลังจากดื่มน้ำเสร็จ
"มึงมียาเส้นป่ะ?"
ผาพูดขึ้นในขณะที่ตนนั่งมองทุ่งนาที่ขึ้นต้นอ่อนกำลังเขียวขจียาวไปจนสุดลูกหูลูกตา
"มี เอ้าเมื่อกี้มึงก็ผ่านร้านยายศรีทำไมมึงไม่ซื้อบุหรี่มาล่ะ"
"ตอนกูหนีข้าวหอมมากูไม่ได้เข้าไปเอาเงินติดมาด้วย"
"โถ่ ๆ ชีวิตน้อชีวิตอะนี่"
อ๊อดพูดจบก็ยื่นยาเส้นให้ผาพร้อมกับกระดาษแข็งเอาไว้พันยาเส้น
"กูว่าน้องข้าวหอมก็สวยดีออก ทำไมมึงถึงรำคาญน้องเขาว่ะ
"ไม่รู้ว่ะ แต่ที่รู้ ๆ คือกูไม่ชอบ"
ผาพูดขึ้นในขณะที่มือก็พันยาเส้นไปด้วย
"ไม่ชอบแล้วมึงจะหมั้นกับน้องมันเพื่อ?"
"กูเห็นแก่พ่อผู้ใหญ่เฉย ๆ หรอก"
"หรอ ใช่หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าจะเอาชนะเขาคนนั้นหรือเปล่า"
อ๊อดพูดแซวขึ้นขณะที่ตนเองยืนจุดยาสูบอยู่
"ไอ้สัตว์นี่รู้มากไปเอาไม้ลงเตาเลยไป"
ผาที่ตอนนี้เริ่มโมโหก็ขึ้นมานิดหน่อยจึงสบดคำด่าออกไป พร้อมกับใช้ให้เพื่อนไปทำงานทันที เพราะเขารู้สึกว่าไอ้ห่านี่มันเริ่มพูดไม่เข้าหูเขาซะแล้ว
อีกทางด้านหนึ่งของประเทศที่อยู่ในเมืองใหญ่อันวุ่นวาย ได้มีหญิงสาวร่างเล็กความสูงของเธอไม่เกินร้อยห้าสิบกำลังนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนในสวนของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
"อ้าวแกทำไมมานั่งเหม่อคนเดียวตรงนี้เขาขึ้นเรียนกันหมดแล้ว"
ไม่นานก็มีเสียงของผู้หญิงอีกคนเอ่ยทักขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นกับไม่มีท่าทีว่าจะตอบกลับหรือลุกขึ้นแต่อย่างใด
"น้ำมนต์ น้ำมนต์ ไอ้น้ำมนต์!"
"ห้ะ! ว่า ๆ อ้าวยายมัดหมี่จะตะโกนทำไมเนี่ย ฉันตกใจหมดเลย"
เสียงของ น้ำมนต์ หญิงสาววัยยี่สิบปีเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่ตกใจ เมื่อเห็นว่า มัดหมี่ เพื่อนสาวสุดที่รักของตนมาตะโกนเรียกอยู่ข้าง ๆ หูของเธอ
"เอ้า ก็ฉันเรียกแกเป็นสิบรอบแล้วแกก็ไม่หัน ฉันเลยต้องเรียกข้าง ๆ หูไง"
"นี่ฉันเหม่อขนาดนั้นเลยหรอ"
"ใช่จ้า"
"แล้วแกเรียกฉันมีอะไรอะ"
น้ำมนต์ถามกลับเพราะเมื่อกี้เธอไม่ได้ยินอะไรเลยสักนิดเดียว แล้วเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอนั่งเหม่อแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
"ไปเรียนจ้า หรือจะไม่เรียนหึ"
มัดหมี่พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนทำท่ากอดอก
"เออ จริงด้วยวันนี้มีเรียนตอนบ่ายสองนี่หว่าฉันลืมไปเลย"
"รู้แล้วก็ลุกดิรอไรล่ะ"
"ไปดิไป"
เมื่อน้ำมนต์รู้แบบนั้นก็รีบพากันวิ่งขึ้นตึกไป เพราะเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่นาทีก็จะบ่ายสองอยู่แล้ว ดีนะที่ตึกเรียนอยู่ไม่ไกลจากที่เธอนั่งเท่าไหร่นัก เลยทำให้วิ่งแป๊บเดียวก็ถึง
เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว พี่เขาก็จบไปนานแล้วทำไมฉันยังทำใจไม่ได้สักที
เธอวิ่งไปก็พูดกับตนเองในใจไป ใช่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว แต่ทำไมนะ ทำไมถึงยังต่างคนต่างยังลืมกันไม่ลงสักที
น้ำมนต์เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ ไกร ซึ่งไกรเป็นนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งในกรุงเทพฯ และมีคนนับหน้าถือตาอยู่มากพอสมควร คงอาจจะเป็นเหตุผลนี้จึงทำให้เธอเป็นคนที่เอาแต่ใจนิดหนึ่ง เพราะโดนพ่อกับแม่ของเธอตามใจมาตั้งแต่เด็ก
ตกเย็นของวันนั้น
"แกกลับยังไง?"
หมัดหมี่เอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังเดินลงมาจากตึกเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน เพราะขณะนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว
"ยังไม่รู้เลยอะ วันนี้พ่อฉันบอกว่ามีประชุมด้วยอะดิ"
น้ำมนต์ตอบกลับด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ
"กลับพร้อมฉันไหมล่ะ ฉันเอารถมา"
มัดหมี่ชวนให้น้ำมนต์ไปด้วยกันกับเธอ เพราะถ้าหากรอพ่อของน้ำมนต์มารับก็คงจะอีกนานและอีกอย่างบ้านของน้ำมนต์ก็เป็นทางผ่านของมัดหมี่ด้วย เลยสามารถแวะส่งได้โดยไม่ต้องย้อนไปย้อนมาให้เปลืองน้ำมัน
น้ำมนต์ไม่ได้ตอบอะไรกลับแต่พยักหน้าตอบรับไป
"งั้นแกเดินไปรอฉันที่ศาลาหน้าวิลัยเลย เดี๋ยวฉันขับรถไป"
"โอเค"
มัดหมี่บอกให้น้ำมนต์เดินไปรอเธอที่ศาลาหน้าวิทยาลัยก่อน เพราะเธอจะต้องเดินไปอีกทางเพื่อไปเอารถ น้ำมนต์ก็ยกนิ้วอันเรียวยาวของเธอขึ้นมาทำท่าโอเค พร้อมกับเดินแยกไปอีกทาง
น้ำมนต์กับมัดหมี่เป็นนักศึกษาปีสองที่กำลังจะขึ้นปีสาม คณะบัญชีทั้งคู่เธอทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่สนิทกันมาก ๆ เพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ และคนที่รู้ใจน้ำมนต์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตามแต่ ก็คงจะมีแค่มัดหมี่นี่แหละที่ดูออกและอยู่เคียงข้างน้ำมนต์มาโดยตลอด ไม่เคยทิ้งไปไหน
"ยังไม่กลับอีกหรอคะน้องน้ำมนต์?"
หลังจากที่น้ำมนต์เดินใกล้จะถึงศาลารอรถหน้ามหาวิทยาลัยก็ได้มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาจากทางด้านหลัง
"อ๋อ ยังค่ะ"
น้ำมนต์หันไปมองตามที่มาของเสียงเรียกนั้น เมื่อรู้แล้วว่าคือใครเธอก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ พร้อมกับยิ้มให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
"กลับกับพี่ไหมคะ?"
ผู้ชายคนนั้นถามขึ้นอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ซัน เดี๋ยวกลับกับมัดหมี่ก็ได้ค่ะ บอกกับมัดหมี่ไว้แล้ว"
เธอตอบปฏิเสธผู้ชายคนนั้นพร้อมกับยิ้มให้อีกครั้งด้วยความลำบากใจ เพราะผู้ชายที่ชื่อ ซัน คนนี้ยังตามตื๊อเธอไม่เลิกสักที
"น้ำมนต์ขึ้นรถเร็วฉันมาแล้ว"
เวลาผ่านไปไม่นานนักก็มีรถเก๋งสีชมพูคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าศาลา พร้อมกับลดกระจกลงปากก็ตะโกนเรียกน้ำมนต์ที่กำลังโดนผู้ชายที่ชื่อ ซัน ตามตื๊ออยู่ให้ขึ้นรถ
"เอ่อ...หนูไปก่อนนะคะ พี่ซัน มัดหมี่มาแล้ว"
น้ำมนต์ไม่รอให้ผู้ชายตรงหน้าตอบกลับ เธอก็รีบเดินขึ้นรถไปหามัดหมี่ทันที ส่วนมัดหมี่ก็รีบปิดกระจกและรีบขับออกไปโดยไม่สนใจผู้ชายคนนั้นเลยสักนิดเดียว
บรรยากาศภายในรถ
"อีตา พี่ซัน อะไรเนี่ยยังตามตอแยแกไม่เลิกอีกหรอว่ะ?"
จู่ ๆ มัดหมี่ก็ถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบสงบก่อนหน้านี้
"อือ ตามตื๊อไม่เลิกเลยตั้งแต่โดนจับให้หมั้นกันอะ ฉันนี่โคตรจะรำคาญเลย"
น้ำมนต์ตอบกลับพร้อมกับกอดอก และถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจเพราะว่าผู้ชายที่ชื่อ ซัน คนเมื่อครู่นี้เป็นคู่หมั้นของเธอเอง แถมยังเป็นการหมั้นที่เธอไม่เต็มใจอีกตั้งหาก เพราะเธอโดนพ่อกับแม่ของเธอบังคับ
เพื่อให้ธุรกิจของพ่อเธอได้ไปต่อ แล้วอีกอย่างซันก็เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อเธออีกตั้งหาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอจะปฏิเสธยังไง จะดื้อดึงเอาแต่ใจแค่ไหน พ่อของเธอก็ไม่ยอมแถมก่อนหน้านี้เธอยังโดนพ่อเธอตี และจับขังไว้ในห้องไม่ให้ไปไหนอีกตั้งหาก
"แล้วแกจะเอาไงต่อ"
มัดหมี่ถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมองหน้าเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งก้มหน้าไม่พูดอะไร
"ก็คงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมนั่นแหละ เพราะยังไงฉันก็เกิดมาเป็นแค่หุ่นเชิดของพวกเขาอยู่แล้ว"
น้ำมนต์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ พร้อมกับน้ำตาคลอเธอรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย สังคมที่ดี แต่ทำไมเธอกับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเธอนั้นมีแต่ความทุกข์ เพราะพ่อของเธอที่เห็นแก่อำนาจ จึงใช้เธอเป็นเครื่องมือต่อยอดเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้น
โดยไม่คำนึงถึงจิตใจของเธอเลยสักนิดเดียว จนเธอต้องเสียคนที่เธอรักมากที่สุดไป ต้องยอมให้คนที่เธอรักที่สุดเกลียดเธอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นเพราะว่าพ่อของเธอที่เห็นแก่ตัว และบ้าอำนาจเกินไป
น้ำมนต์จากเด็กที่ร่าเริงในตอนแรก ก็เริ่มซึมมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นคนที่เงียบและไม่พูดอีกเลย ก็มีแต่มัดหมี่นี่แหละที่เป็นความสบายใจ ในเวลาที่เธออยู่ด้วยก็พอได้คลายเครียดอยู่บ้าง
เอาง่าย ๆ มัดหมี่คือคนเดียวที่เข้าใจ และเป็นเซฟโซนที่ดีของน้ำมนต์มากกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ซะอีก
"แล้วแกลืมพี่เขาได้แล้วหรอ?"
มัดหมี่ถามขึ้น เพราะเธอรู้ดีว่าคนที่น้ำมนต์รักนั้นเป็นใคร
"หึ ยังหรอกแต่เพื่อความปลอดภัยของเขาฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้"
น้ำมนต์พูดขึ้นพร้อมกับก้มหน้าดูรูปของใครบางคนที่อยู่ในมือถือไปด้วย ก่อนที่น้ำตาของเธอจะค่อย ๆ ไหลออกมาและหยดลงบนหน้าจอโทรศัพท์
เธอกดปิดหน้าจอมือถือและรีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาด้วยมือทั้งสองข้าง ทำให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะว่าตอนนี้ใกล้จะถึงบ้านของเธอเต็มทีแล้ว
ส่วนมัดหมี่เธอก็ขับรถไปและไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะกลัวว่าจะทำให้เพื่อนไม่สบายใจ จนในที่สุดก็ถึงบ้านของน้ำมนต์
"ขอบใจมากนะแก"
"อือ ฉันไปแล้วนะ"
"โอเค ขับรถดี ๆ นะ"
"จ้า"
หลังจากที่เธอร่ำลากันเสร็จเธอก็เดินเข้าไปในบ้าน บ้านของน้ำมนต์จะเป็นบ้านทรงโมเดิร์นสองชั้น ด้านล่างเดินเข้าไปจะเป็นห้องโถง เดินเข้าไปอีกหน่อยทางด้านซ้ายมือจะเป็นห้องของน้ำมนต์เดินไปอีกนิดก็จะเป็นบันได,กระไดขึ้นชั้นสองของบ้าน เดินไปอีกนิดหนึ่งก็จะเป็นห้องน้ำของชั้นล่าง
"น้ำมนต์มานั่งตรงนี้สิลูก"
หลังจากที่น้ำมนต์ลามัดหมี่เสร็จแล้วเธอก็เดินเข้าบ้านและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่พอเธอกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน ก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงอยู่ก่อนแล้วเรียกขึ้น
อาจเป็นเพราะเธอเดินก้มหน้าเข้ามา และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจึงทำให้เธอมองไม่เห็นหญิงวัยกลางคนคนนี้ เธอจึงเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ด้วยความสงสัย
"มีอะไรหรอคะ?"
"แม่เรื่องจะบอกลูก เอ่อ...คือ...ว่า..."
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!