เสียงฟ้าร้องคำรามแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับฟ้ากำลังโกรธใครสักคน บ้านไม้เก่าๆหลังหนึ่งตั้งอย่กลางชุมชนที่เงียบสงัด แสงไฟสีส้มสลัวๆจากหลอดไฟดวงเดียวส่องให้เห็นเพียงเงาของหญิงสาวร่างบอบบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นห้อง
อันนา มองเอกสารกองหนึ่งในมือ ดวงตาสั่นระริก น้ำหมึกที่พิมพ์บรรทัดคำว่า"ใบเตือนชำระหนี้" ทำให้หัวใจเธอหดเกร็งราวกับถูกบีบรัด
"หนูอัน..พ่อขอโทษน่ะลูก"
เสียงสั่นเครือของ พ่อ ดังขึ้นจากเตียงไม้เก่าที่ตั้งชิดผนังชายวัยกลางคนที่ร่างกายซูบผอมเพราะโรครุมเร้า พูดด้วยน้ำเสียงเจือความรู้สึกผิด
อันนาเงยหน้าขึ้นทันที พยายามกลบเกลื่อนความหวาดหวั่นด้วยรอยยิ้มจางๆ
"อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะพ่อ หนูต่างหากที่ต้องหาทางออก เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของพ่อหรอก"
แต่เธอรู้ดี..ทุกอย่างมันหนักเกินกว่าที่หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆอย่างเธอจะรับไหว
หนี้ก้อนมหาศาลที่พ่อเคยไปกู้ยืมเพื่อรักษากิจการเล็กๆของครอบครัว บัดนี้กลายเป็นโซ่ตรวนที่ลากทุกคนลงเหวลึกยิ่งกว่าเดิม กิจการปิดตัวลง หนี้สินทับถม แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ เจ้าหนี้ครั้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
ตระกูลภาคิน—ตระกูลมาเฟียผ้กุมอำนาจทั้งในโลกมืดและโลกสว่าง ชื่อของพวกเขาคือเงามืดที่ไม่มีใครอยากเอ่ยถึง
อันนากำกระดาษในมือแน่นจนสั่น หนี้ก้อนนี้...ไม่มีทางหาเงินมาใช้คืนได้ทันเวลา และเธอรู้ว่าการเบี้ยวหนี้กับคนอย่าง "ภาคิน " เท่ากับเดินเข้าสู่ความตาย
คืนนั้นเอง...
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นหน้าบ้าน ก่อนที่รถยนต์สีดำเงาวับจะค่อยๆจอดลง ท่ามกลางฝนที่ยังตกหนัก เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นน้ำขัง"ก๊อก...ก๊อก..ก๊อก" การเคาะประตูหนักแน่นสามครั้งทำให้เลือดในกายอันนาเย็นเฉียบ
เธอหันมองพ่อที่นอนอย่บนเตียง ดวงตาของชายชราสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว
"อย่าเปิด...อย่าเปิดเลยลูก" พ่อกระซิบเสียงแผ่ว แต่อันนารู้ดี หากเธอไม่เปิด พวกเขาก็จะบุกเข้ามาอยู่ดี
มือเล็กสั่นเทาเมื่อเอื้อมไปบิดกลอนประตู...
ประตูเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ของชายในชุดสูทสีดำสนิท เขายืนอย่ท่ามกลางฝน แต่กลับไม่มีหยดน้ำใดทำให้ภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบนั้นหม่นลง ดวงตาคมดุเย็นชืด ราวกับไม่เคยมีความอบอุ่นหลงเหลือในโลกใบนี้
เขาคือ ภาคิน โรมาโน—ชื่อที่แม้แต่ในข่าวก็ไม่กล้าเอ่ยตรงๆ
"เวลาหมดแล้ว" เสียงท้มต่ำเปล่งออกมาอย่างหนักแน่นทุกถ้อยคำเหมือนค้อนเหล็กที่ทุบลงกลางหัวใจ"หนี้..ไม่ใช่สิ่งที่ฉันทนรอ"
อันนายืนตัวแข่งราวกับถูกตรึง เธอพยายามหายใจแต่กลับรู้สึกว่าปอดถูกบีบรัดจนแทบขาดอากาศ
"ละ...แล้วถ้าเรายังหาเงินมาใช้ไม่ได้...."เธอถามเสียงสั่นทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร
ดวงตาของภาคินหรี่ลง ก่อนก้าวเข้ามาใกล้ เสียงรองเท้าหนังของเขาดังก้องในห้องแคบๆเหมือนคำประกาศิตของโชคชะตา
"ก็ต้องชดใช้ด้วยสิ่งอื่น" ริมฝีปากหยักเอื้อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม แต่เต็มไปด้วนความน่ากลัว
เขากวาดตามองเธอตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ราวกับกำลังตัดสินใจซื้อสินค้ามูลค่าหนึ่ง
"ด้วยเธอเอง"
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของอันนาร่วงหล่น เธอรู้แล้วว่าหนี้ก้อนนี้ไม่อาจหลีกหนี ไม่ว่าจะด้วยเงินหรือชีวิตของเธอเองก็ตาม
และนั่น...คือจุดเมต้นที่ทำให้โลกธรรมดาของหญิงสาวต้องพังทลายลง ก่อนจะถูกดึงเข้าสู่วังวนของมาเฟียที่ทั้งอันตรายและร้อนแรงที่สุดในชีวิต
สายตาคมกริบที่ทอดมองลงมาจากร่างสูงในชุดสูทสีดำทำให้หัวใจของ อันนา เต้นแรงผิดปกติ ความรู้สึกกลัวผสมกับความสับสนปะปนจนแทบหายใจไม่ออก
"ด้วยตัวเธอเอง"
เสียงทุ้มต่ำของ ภาคิน โรมาโน ยังคงก้องในโสดประสาท หญิงสาวก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แผ่นหลังเล็กแทบจะชิดผนังห้อง
"มะ..หมายความว่ายังไงคะ?" อันนาพยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่น แต่ดวงตาที่ฉายแววกังวลกลับปิดบังความกลัวไม่ได้เลย
ภาคินเหยียดยิ้มบางๆ—รอยยิ้มที่ไม่ได้แฝงความอบอุ่นสักนิด หากแต่เต็มไปด้วยความเหนือกว่าที่ทำให้คนตรงหน้าหวาดหวั่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
"ฉันไม่ต้องการคำถาม...ฉันต้องการคำตอบ"เขาก้าวเข้าใกล้ทีละก้าว ราวกับนักล่าที่บีบเหยื่อให้อยู่ในมุมมืด
"เลือกสิ อันนา...เงินสด?หรือชีวิตเธอ?"
เธอกัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกสิ้นหวังถาโถมเข้ามา จนดวงตาร้อนผ่าวไปด้วยน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้
บนเตียงไม้เก่า พ่อของอันนา พยายามยันกายลุกขึ้นดวงตาของชายชราเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและรู้สึกผิด"ผมจะหามาใช้คืนเอง...ขอเวลาอีกหน่อย...!"
เสียงแหบพร่าของคนป่วยแทบไมได้ทำให้ภาคินเหลียวแลเขาเพียงปรายตาไปทางนั้นแวบเดียว ก่อนพูดเสียงเย็นเฉียบ"เวลาของคุณ...หมดแล้ว
คำพูดนั้นเหนือนตัดเส้นด้ายแห่งความหวังจนขาดสะบั้น
อันนาหอบหายใจแรง หัวใจเต้นระส่ำราวกับจะหลุดออกมาแต่แล้วเธอกลับตัดสินใจทำสิ่งที่แม้แต่ตัวเองยังไม่คิดว่าจะกล้าทำ—
หญิงสาวก้าวออกมายืนขวางระหว่างเตียงพ่อกับชายมาเฟีย ดวงตาที่สั่นไหวพยายามแข็งกร้าวขึ้น
"ได้ค่ะ! ถ้าต้องกาตัวฉัน...ฉันจะไปกับคุณ"
ประโยคนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงไปชั่วขณะ
ภาคินชะงักเพียงเสี้ยววินาที ก่อนหัวเร่ะในลำคอเบาๆ"น่าสนใจ...อย่างน้อยเธอก็ไม่โง่พอที่จะหนี
ไม่นานนัก ลูกน้องสองคนที่ยืนรออย่หน้ประตูเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นยื่นเสื้อคลุมสีดำให้เจ้านาย ภาคินหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินเข้าใกล้หญิงสาว
เขาคลุมเสื้อไว้บนไหล่บางๆของอันนาโดยไม่ขออนุญาต แววตาคมดุสบเข้านัยน์ตากลมโตที่เต็มไปด้วยน้ำตา
"ตั้งแต่วินาทีนี้...เธอเป็นของฉัน"เสียงเขาต่ำและหนักแน่น จนอันนาหมดแรงยืน
หญิงสาวหันไปมองพ่อที่กำลังร้องไห้ น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
"อย่าพาเธอไป...ได้โปรด..."พ่อร้องขอเสียงสั่น แต่กลับไร้ค่าดังสายลม
ภาคินเพียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา ก่อนหันหลังเดินนำทางออกไป ลูกน้องสองคนพยักหน้าเรียกให้อันนาตามไป เธอกันกลับมามองพ่อเป็นครั้งสุดท้ายภาพน้ำตาของชายผู้ให้กำเนิดคือสิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนที่ประตูบ้านจะปิดลง
สายฝนยังคงตกหนักไม่หยุด รถยนต์สีดำเงาวับเปิดประตูรออยู่ อันนาถูกพาให้ขึ้นไปนั่งข้างๆร่างสูงที่ตอนนี้ทอดตัวอย่างสง่างามบนเบาะหนังแท้ กลิ่นหอมของน้ำหองผู้ชายหรูราคาแพงลอยคล้งในอากาศ ขัดกับหัวใจของหญิงสาวที่กำลังสั่นระรั้วด้วยความกลัวและสับสน
ภาคินปรายตามองเธอเพียงเสี้ยววินาที ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ "จำเอาไว้ อันนา...โลกของฉัน ไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้ามาแล้วออกไปได้ง่ายๆ"
คำพูดนั้นเหมือนเป็นตราประทับ ที่บ่งบอกว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
รถเคลื่อตัวออกไปท่ามกลางความมืดมิด ฝนยังตก แต่สิ่งที่หล่นกระทบแก้มอันนา...กลับเป็นหยดน้ำตาของเธอเอง
เสียงฝนยังไม่ทันหยุด รถยนต์สีดำหรูคันนั้นก็แล่นฝ่าความมืดมิดไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้องโดยสารเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจของ อันนา ที่สะท้อนกับความสั่นไหวในอก เธอนั่งตัวแข็ง ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
ภาคิน โรมาโน นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าที่สงบนิ่ง มือหนึ่งถือแก้วไวน์คริสตัลที่ลูกน้องเพิ่งรินให้ตั้งแต่ขึ้นรถเสียงน้ำแข็งกระทบแก้วดังแผ่วๆ ทุกครั้งที่เขาเอียงมันไปมา ท่าทีเรียบเฉยแต่เต็มไปด้วยอำนาจนั้น กดดันเสีจนหญิงสาวแทบหายใจไม่ออก
รถใช้เวลาขับไม่นานนัก ก่อนหยุดลงหน้าคฤหาสน์ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางเนินสูง ประตูเหล็กสีดำถูกเปิดออกอย่างน่าเกรงขาม แสงไฟสีทองสว่างไสวเผยให้เห็นตัวอาคารสถาปัตยกรรมหรูราวประสาทยุโรป
อันนาแทบลืมหายใจเมื่อก้าวลงจากรถ สายฝนเริ่มซาลง เหลือเพียงกลิ่นดินเปียกที่คล้งไปทั่วอากาศ แต่กลิ่นนั้นกลับถูกกลบด้วยกลิ่นของความหวาดหวั่นที่ท่วมท้นในใจเธอ
ภายในคฤหาสน์หรู เธอถูกพาเดินผ่านโถงกว้าง เพดานสูงประดับด้วยโคมระย้าคริสตัลตระการตา ทุกฝีเท้าที่ก้าวไป เสียงรองเท้าของเธอดังก้องจนชัดเจนราวกับประกาศว่าตัวเองเป็นคนแปลกปลอมในโลกใบนี้
"หยุดตรงนี้"
เสียงเข้มของภาคินสั่งขาดเมื่อทั้งคู่มาหยุดที่ห้องหนึ่ง ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นห้งพักหรูที่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชาเหมือนกรงทอง
"ที่นี่จะเป็นห้องของเธอ ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป"
อันนาเบิกตากว้าง ห้องของเธอ...? ความหมายของประโยคนี้ยิ่งตอกย้ำว่า เธอไม่มีสิทธิ์เสือกทางใดเลยนอกจากการอย่ที่นี่
เธอรวบรวมความกล้าเงยหน้ามองเขา"แล้วฉัน...ต้องทำอะไร?"
ภาคินยกยิ้มมุมปาก แววตาแฝงความเจ้าเล่ห์ "คำถามที่ดี...แต่เธอจะได้คำตอบในเร็วๆนี้"
เขาก้าวเข้ามาใกล้จนหญิงสาวต้องถอยหลังไปชิดโต๊ะไม้โอ๊คข้างเตียง ความสูงใหญ่ของเขากับออร่าที่แผ่กระจายออกมาเหมืนกำแพงหนาทำให้เธอแทบหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้าน
"จำเอาไว้...หนี้ของครอบครัวเธอ จะถูกชดใช้ด้วย"อิสรภาพ ของเธอเอง" เสียงเข้มกระซิบข้างหู ความร้อนจากลมหายใจแผ่วๆทำให้สติของอันนาแทบดับวูบ
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล"คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้..."
ภาคินหัวเราะในลำคอเบาๆ"สิทธิ์?อันนา...ในโลกของฉัน มีเพียง อำนาจ ไม่ใช่สิทธิ์"
เธอสะด้งเฮือกเมื่อเขาเอื้อมมือมาจับปลายคางให้เงยหน้าขึ้น สายตาคมกริบจ้องทะลุเข้าไปในดวงตากลมโตของเธอราวกับอ่านใจทุกอย่างออกหมด
"ตั้งแต่คืนนี้...ทุกสิ่งของเธอเป็นของฉัน"
อันนาสะบัดหน้าออกจากการควบคุมนั้นทันที ความหวาดกลัวผสมกับความดื้อรั้นทำให้เธอพูดออกมาเสียงสั่น"ฉันไม่ใช่ของเล่นของใคร"
บรรยากาศในห้องเงียบลงจนได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นแรง ริมฝีปากของภาคินค่อยๆยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นไม่ใช่ความโกรธ แต่กลับเต็มไปด้วยความท้าทาย
"ดี...เธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้ไม่กี่คนหรอก" เขาพูดช้าๆน้ำเสียงไม่ดัง แต่กดดันเสียจนขนลุก "ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่"
"พักผ่อนหย่อนใจ...พรุ่งนี้ฉันจะบอกว่า ของฉัน ควรทำหน้าที่อะไรบ้าง"
ประตูปิดลงอย่างแผ่วเบา ทิ้งไว้เพียงความเงียบในห้องกว้าง และหญิงสาวที่ยืนตัวสั่น น้ำตาเอ่อคลอ แต่ความดื้อดึงในใจยังคงตะโกนว่า—
ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ...ต่อให้ต้องอย่ในกรงทองของปีศาจตนนี้ก็ตาม
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!