NovelToon NovelToon

รักร้ายในรอยแค้น

Evil love in the scars of revenge.

ผมนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำตัวใหญ่ในห้องรับแขกที่เงียบสงัด ความมืดมิดในห้องถูกขับไล่ด้วยแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างบานสูง แม้จะมีแสงบางเบาส่องเข้ามา แต่หัวใจกลับมืดมนยิ่งกว่าห้องรอบกาย

ในขณะนั้นมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้องและหยุดอยู่ตรงหน้าของผมอย่างกระทันหันผมเงยหน้ามองใบหน้าที่คมเข้มดวงตาของเขาเป็นสีดำเข้มถึงจะมองไม่ชัดแต่ผมมองออกได้ว่าสีหน้าของเขากลับดูเย็นชาอย่างมาก

ขณะที่ผมจ้องหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าผมเขาได้พูดกับผมว่า "ที่กูกับมึงแต่งงานเพราะธุระกิจ"เสียงของเขาดังขึ้นเป็นเสียงที่หนักแน่นและเยือกเย็นมากที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา ทันใดนั้นเขาได้ยื่นเอกสารบ้างอย่างให้กับผมแล้วพูดขึ้น

"เซ็นตอนนี้"

ผมตอบกลับอย่างลังเลไม่กล้าที่จะพูดเสียงดังมากเพราะผมกลัวเขาจะหงุดหงิด

"เอกสารอะไรหรอครับ" น้ำเสียงของผมเบาพอๆกับสายลมที่พัดผ่านทางกระจกที่ยังคงเปิดไว้ผ้าม่านที่

ปลิ้วตามสายลม

"สัญญาแต่งงานรีบเซ็นซะกูจะขึ้นห้อง" น้ำเสียงของเขาดูหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆจนผมไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรอีกผมจำใจเซ็นอย่างไม่เต็มใจมากนักเพราะเรื่องที่เราแต่งงานกันมันเกี่ยวกับตระกูลของผม

หลังจากที่ผมเซ็นเสร็จเขาก็ได้เดินออกจากห้องรับแขกพร้อมกับรอยยิ้มที่พึงพอใจอะไรสักอย่างผมทำได้มองแล้วล้มตัวลงบนโซฟาหนังสีดำที่ดูเหมือนจะแพงเอามากๆ ไม่นานนักผมก็เผลอหลับไป

เวลาประมาณจะเข้าเที่ยงคืนมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นอยู่ข้างหูผม ผมสะลืมสะลือแล้วขยี้ตามองให้ดีๆว่าเป็นใครตอนนี้ดวงตาของผมเบิกกว้างเพราะคนที่มานั้นก็คือคุณโรส คุณแม่ของคิงผู้ชายที่พึ่งให้ผมเซ็นใบสัญญาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วผมมองหน้าคุณโรสอยู่สักพักจนกระทั่งคุณโรสเรียกชื่อผมพร้อมสะกิจตัวผม

"หนูนับดาวจ๊ะ" เสียงที่เรียกผมนั้นอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเอ็นดูอย่างบอกถูกต่างจากลูกชายของเขาอย่างมาก หลักจากที่เสียงอ่อนโยนนี้จบลงผมก็ตอบกลับอย่างสุภาพ

"ครับ คุณน้า"

"คุณน้าอะไรกันหนูเป็นสะใภ้ตระกูลแม่แล้วนะ"

"ครับคุณแม่"

คุณโรสเอ่ยถามผม"ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ" ตอนนี้น้ำเสียงของคุณโรสเปลี่ยนจากอ่อนโยนเป็นดุเล็กน้อยผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก

 ''ผมนอนอยู่ตรงก็ถูกแล้วครับ"

คุณโรสดูตกใจเล็กน้อยคำกับคำพูดของผมที่ตอบออกไปสีหน้าตอนนี้ดูโกรธเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวผมพร้อมกันพูดขึ้นว่า

"เดี่ยวแม่พากลับห้องเจ้าคิงนะ"

ผมเตรียมที่จะปฏิเสธแต่ทันใดนั้นมีเสียงชายหนุ่มดังขึ้นเป็นเสียงที่เย็นชาและดูรำคาญเอามากๆ

"สำออยอะไรขนานนั้นมี๊ก็ตามใจมันเหลือเกิน"

"ไอบ้าคิงพาขึ้นไปนอนด้วยเลยนะ"

"ผมไม่ยอมให้มันเข้าห้องผมเด็ดขาด สกปรก"

คำว่าสกปรกคำนั้น เหมือนกรีดลงกลางหัวใจของผม ผมได้แต่นั่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ คุณโรสโกรธจนตวาด

"นั้นปากหรอคิง เดี่ยวมี๊ตบจบซะเลย"

หลักจากคำพูดที่คุณโรสพูดขึ้นคิงผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวกลับมองบนพร้อมกับทำหน้าตาไม่ใส่ใจใยดีอะไรมากนักแล้วเดินไปที่ครัวเพื่อหยิบน้ำแล้วเดินกลับเข้าห้องเหมือนเดิมอย่างไม่แคร์อะไรทั้งนั้น

คุณโรสหันกลับมาหาผม เอ่ยด้วยความห่วงใย

"มาเถอะเดี่ยวแม่พาไปเองนะ"

ผมเพียงส่ายหน้า…

"ไม่ต้องหรอกครับ ผมนอนที่ห้องรับแขกดีกว่า''

ผมตอบกลับอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่สีหน้าคุณโรสกลับหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องรับแขก

หลักจากนั้นไม่นานผมพยายามที่จะข่มตานอนแต่กลับไม่เป็นผลผมจึงลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองดูนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะของเตียงที่ผมนอนอยู่ ผมมองออกไปทางหน้าต่างแล้วคิดในใจว่า

''ทำไมพ่อ...ต้องทำกับผมแบบนี้..''

@ในเมื่อเลือกจะเดินบนเส้นทางแห่งความฝัน

ก็ต้องยอมรับความเจ็บปวดที่อาจไม่มีวันจางหาย

Evil love in the scars of revenge.

ผมก้มหน้าลงซ่อนน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า มือบีบเข้าหากันแน่น ความรู้สึกอ้างว้างเข้าเกาะกุมจนแทบจะหายใจไม่ออก เรื่องราวทั้งหมดมันเหมือนความฝันร้ายที่ไม่อาจตื่นได้ ผมได้แต่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ความคิดพาตัวเองย้อนกลับไปในวันที่ผมยังมีความสุข

เช้าวันหนึ่งเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ ปรากฏชื่อของพ่อ ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ปกติพ่อจะไม่โทรหาผมในเวลาแบบนี้

"ฮัลโหลครับพ่อ" ผมกรอกเสียงลงไปอย่างแผ่วเบา

"นับดาว...ลูกอยู่ที่ไหน พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย"

"ผมอยู่บ้านครับ มีอะไรหรือเปล่าครับพ่อ"

"กลับบ้านใหญ่เดี๋ยวนี้ พ่อจะรออยู่ที่บ้าน"

พ่อพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็วางสายไป

ผมรีบเก็บข้าวของแล้วขับรถกลับไปที่บ้านใหญ่ทันที ใจหนึ่งก็คิดว่าพ่อคงมีเรื่องด่วนจริงๆ แต่ความจริงแล้ว...เรื่องที่พ่อจะคุยด้วยมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย

เมื่อไปถึงบ้านใหญ่ พ่อก็นั่งรอผมอยู่ในห้องทำงาน พ่อดูเหนื่อยล้ากว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็น และเมื่อพ่อเริ่มพูดขึ้น น้ำเสียงของพ่อก็ฟังดูหนักอึ้ง

"นับดาวพ่อมีเรื่องอยากจะบอก"

พ่อเว้นจังหวะไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

"ครอบครัวเราตอนนี้กำลังมีปัญหาทางการเงิน"

"ครับพ่อ" ผมตอบรับสั้นๆ

"เรา...จำเป็นต้องหาคนมาช่วย"

พ่อพูดขึ้นแล้วมองหน้าผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

"เรา...ต้องแต่งงานกับลูกชายของตระกูลวรากร"

คำพูดของพ่อเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจ ผมเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น

 "พ่อหมายความว่ายังไงครับ"

"พ่อหมายความว่า...ลูกจะต้องแต่งงานกับลูกชายของท่านประธานวรากร"

พ่อตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดแต่ก็เจือไปด้วยความเศร้า เพื่อกอบกู้ธุรกิจของตระกูลเรา

ผมได้แต่นั่งฟังพ่อพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ผม...ต้องแต่งงานกับคนที่ผมไม่เคยรู้จัก เพื่อกอบกู้ธุรกิจที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องเลยสักนิด น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพ่อจะทำกับผมแบบนี้

"พ่อครับ...ทำไมต้องเป็นผม" ผมถามเสียงสั่น

"ลูกเข้าใจพ่อนะ นับดาวพ่อพูดเสียงอ่อนลงเรื่องนี้...พ่อจำเป็นต้องทำจริงๆ"

แต่ผมไม่เข้าใจเลยทำไมต้องเป็นผมทำไมต้องเป็นผมที่ต้องมาแบกรับเรื่องราวทั้งหมดนี้

ผมเหม่อมองไปยังแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง คิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผมเคยมีความสุข พ่อเคยรักผมและไม่เคยทำร้ายผมแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไร

แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องรับแขกที่เงียบสงัด ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ผ้าม่านที่ปลิวไหวตามสายลมเหมือนจะปลอบประโลมผมในคืนที่โดดเดี่ยว ผมเอื้อมมือออกไปสัมผัสกับสายลมที่พัดผ่านมาอย่างแผ่วเบา และได้แต่ภาวนาให้ความจริงที่โหดร้ายนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน...

ผมหันกลับมามองในห้องอีกครั้ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม โซฟาหนังสีดำตัวใหญ่ที่ผมเคยนั่งยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง แต่หัวใจของผมกลับยังคงเต้นรัวด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความเสียใจ ความเจ็บปวด และความโดดเดี่ยว ผมก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปยังโซฟาตัวเดิม แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

ผมหลับตาลง พยายามบังคับให้ตัวเองหลับให้ได้ แต่ภาพของชายหนุ่มที่ชื่อคิงยังคงฉายชัดอยู่ในหัว คำพูดที่เจ็บปวดของเขาดังก้องอยู่ในหู

 "สกปรก"

คำนั้นเหมือนมีดที่กรีดลงบนแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา

ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ผมไม่รู้ว่าชีวิตแต่งงานที่ไม่ได้เริ่มจากความรักจะเป็นยังไง แต่ผมรู้เพียงแค่ว่าคืนนี้เป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของผมเลยทีเดียว

@ความเงียบอาจเป็นคำตอบที่เจ็บปวดที่สุด เพราะมันทำให้เราต้องอยู่กับคำถามที่ไม่มีวันหาคำตอบได้

Evil love in the scars of revenge.

เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลอดผ้าม่านเข้ามา ปลุกให้ผมรู้สึกตัวจากฝันร้ายอันยาวนาน ผมลืมตาขึ้นช้าๆ มองเพดานสีขาวอย่างเลื่อนลอย ความเจ็บปวดที่เคยหนักอึ้งเมื่อคืนยังคงตราตรึงอยู่ในใจ แต่ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า

ผมลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกเมื่อยล้าถาโถมไปทั่วทั้งร่างกาย ผมเดินไปที่หน้าต่าง เปิดผ้าม่านออกรับแสงอาทิตย์ยามเช้า และทอดสายตามองออกไปนอกบ้าน ต้นไม้ใบหญ้ายังคงสดชื่นและมีชีวิตชีวา ในขณะที่ใจของผมกลับเฉาเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาลงในพริบตา

เสียงนกน้อยร้องจิบๆ อยู่บนกิ่งไม้ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของวันใหม่สำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับผมแล้ว เช้าวันนี้เป็นเพียงแค่วันเริ่มต้นของชีวิตที่ผมไม่ต้องการ เสียงของคิงยังคงดังก้องอยู่ในหัว ผมพยายามจะลืมมันแต่ก็ไม่สำเร็จ

ผมเดินไปยังห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นจากฝักบัวให้ไหลผ่านร่างกาย หวังว่าความเย็นจะช่วยชะล้างความรู้สึกที่หนักอึ้งออกไปได้บ้าง แต่ก็ไร้ผล ผมยืนนิ่งๆ อยู่ใต้สายน้ำที่เย็นเฉียบ ปล่อยให้น้ำตาไหลปะปนไปกับสายน้ำที่รินไหลลงมา

เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินลงบันไดมายังห้องอาหารแต่ผมต้องชะงักเพราะเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กินทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารพร้อมกับคุณโรสผมเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อผมยืนอยู่ใกล้โต๊ะพอสมควร

“ขอโทษด้วยครับ ตื่นสายไปหน่อย”

ผมเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว พยายามทำให้น้ำเสียงดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ในใจรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออกคิงมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดเท้ารอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

 “เสียเวลาชิบหาย”

เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในรถโดยไม่รอช้า

ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวกับคำพูดของเขา ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่หัวใจอีกครั้ง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เมื่อคืนเหมือนจะไหลออกมาอีกครั้ง แต่ผมก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ภายใน

คุณโรสหันมามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร

“ไปเถอะ นับดาว”

ผมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามคิงไปขึ้นรถ ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศภายในรถ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่ ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่บนเบาะข้างคนขับ ปล่อยให้ความคิดพาตัวเองย้อนกลับไปในวันที่ผมยังมีความสุข

ผมได้แต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ภาพต้นไม้และอาคารข้างทางวิ่งผ่านไปอย่างเลื่อนลอย ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกับพ่อที่เคยรักผมผุดขึ้นในสมอง ผมจำได้ว่าพ่อเคยบอกผมว่าผมคือดวงดาวที่ส่องแสงที่สุดในชีวิตของพ่อ แต่ตอนนี้คำพูดนั้นกลับเหมือนมีดที่กรีดลงบนแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“มองอะไร” เสียงของคิงดังขึ้นทำลายภวังค์ของผม ผมหันกลับมามองเขา เขาไม่ได้มองผม แต่สายตาจับจ้องไปที่ถนนเบื้องหน้า ผมได้แต่เงียบ ไม่รู้จะตอบอะไรดี

ไม่ต้องมาทำเป็นเศร้า” เขาพูดต่อ “เพราะคนอย่างมึงไม่มีวันที่จะได้มีความสุขหรอก”

คำพูดของเขาเหมือนมีดที่กรีดลงบนแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายในรถคันนี้

@

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!