พันธะดวงจิตสองภพ
บทที่ 1 : วันแรกในสำนัก
ยอดเขาสูงเสียดฟ้าเหนือหมอกขาว สายลมพัดเอื่อย ๆ ทำให้ระฆังวัดดังก้องสะท้อนไปทั่วหุบเขา ด้านล่าง ลานกว้างของ สำนักเมฆาเขียว เต็มไปด้วยเด็กหลายสิบคนจากทั่วแผ่นดินที่ถูกพามาเข้าพิธีคัดเลือกศิษย์ใหม่
หยวนอวิ๋นจื่อ
“วันนี้คือวันแรกของการบ่มเพาะ ปราณของทุกคนจะเริ่มตื่นขึ้น จงตั้งใจฝึกฝนให้เต็มที่!”
หยวนอวิ๋นจื่อ ประกาศเสียงก้อง
เด็กชายรูปร่างเรียบง่ายคนหนึ่งยืนอยู่มุมลาน ดวงตาของเขาลึกล้ำ ราวกับซ่อนความลับบางอย่างในอดีต
เด็กสาวผู้ถูกส่งเข้ามาโดยคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุด ก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง
ขณะที่เด็กหลายคนเตรียมตัวสำหรับพิธี ฝูงเด็กที่อยู่รอบตัวเริ่มหัวเราะและวิ่งเล่น
เสียงตะโกนทำให้ หลันอวิ๋น สะดุด
หลันอวิ๋น
//มือของเขายื่นไปคว้าของเด็กสาวอีกคนพอดี
เยว่ลู่ซี
ฉันชื่อ เยว่ลู่ซี”// เธอยิ้มบาง ๆ
พิธีเริ่มขึ้น หยวนอวิ๋นจื่อ เรียกเด็ก ๆ ขึ้นแท่น ทดสอบพลังวิญญาณ
เด็กหลายคนแสดงพลังปกติ แต่เมื่อถึงคิวของ หลันอวิ๋น และ เยว่ลู่ซี แสงสีประหลาดลอยขึ้นเหนือร่างพวกเขา
เด็กอีกห้าคนที่อยู่ร่วมกับพวกเขาก็แสดงพลังโดดเด่นแต่ละแบบ
หยวนอวิ๋นจื่อ กวักมือเรียกทั้งเจ็ดมารวมกัน
หยวนอวิ๋นจื่อ
“เจ็ดวิญญาณนี้ มีชะตาเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่นี้ไปจงอยู่กลุ่มเดียวกัน”
หลันอวิ๋น ฝันเห็น ดวงดาวเจ็ดดวงส่องแสงบนฟ้า และเงาปีศาจในม่านหมอก
เสียงปริศนาดังขึ้นในใจเขา
"เจ็ดดวงดารา หากรวมเป็นหนึ่งจะส่องฟ้า หากแตกแยก จะดับโลก..."
โลกใบนี้…ชะตากรรมของพวกเขากำลังเริ่มต้นจากตรงนี้
บทที่ 2 : การฝึกครั้งแรก
แสงตะวันสายสาดส่องเหนือยอดเขาเมฆาเขียว ลานฝึกอันกว้างใหญ่ในสำนักเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของเหล่าเด็กน้อยที่เพิ่งเข้ามาเป็นศิษย์ใหม่
บ้างก็ตื่นเต้น บ้างก็หวาดกลัวและไม่มั่นใจในตนเอง
ทันใดนั้นร่างหนึ่งในชุดอาภรณ์สีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้นกลางลาน เส้นผมดำยาวถูกรวบไว้เรียบร้อย ใบหน้าอ่อนโยนแต่แฝงอำนาจ บุรุษนั้นคือ
อาจารย์รองผู้มีชื่อเสียงในด้านความเมตตาและความเข้มงวดในเวลาเดียวกัน
ซูเม่ยหรง
“วันนี้คือวันแรกที่พวกเจ้าจะได้เรียนรู้การฝึกพื้นฐานแห่งพลังวิญญาณ
ซูเม่ยหรง
รากฐานที่มั่นคงจะนำเจ้าสู่ยอดเขาที่สูงส่ง
ซูเม่ยหรง
ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์เพียงใดก็ไร้ค่า”
ศิษย์ทั้งหลาย : “ขอรับ!/เจ้าค่ะ!”
เสียงขานรับดังก้อง ลานฝึกเงียบสงบลงทันที
เด็ก ๆ เริ่มนั่งลงตามที่อาจารย์สั่ง
หลันอวิ๋น
//หลันอวิ๋นหลับตา หายใจเข้าออกช้า ๆ เขาสัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดวนรอบกายคล้ายสายน้ำที่กำลังไหลเวียน
เยว่ลู่ซี
//เยว่ลู่ซีก็หลับตาตาม แสงน้ำสีฟ้าอ่อนปรากฏรอบกายเธอเป็นประกายอ่อนโยน ราวกับสายน้ำแห่งชีวิต
เสียงซุบซิบดังขึ้นจากรอบด้าน
ศิษย์ชายคนหนึ่ง : “นั่น…นางทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยหรือ!”
ศิษย์หญิงอีกคน : “ช่างน่าประหลาดจริง…”
ขณะที่หลายคนยังควบคุมพลังตนเองไม่ได้ แต่อีกมุมหนึ่ง
เซินอี้หานไอร้อนพวยพุ่งออกจากกายทำให้เส้นผมลู่ไปตามกระแสอุ่น ๆ
ส่วน ไป๋เฉิงห้าว เผลอกดมือลงกับพื้นหินจนลานฝึกสั่นสะเทือนเบา ๆ เรียกเสียงหัวเราะประหลาดใจจากศิษย์ข้าง ๆ
ทว่าก็มีเสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากด้านหลัง
หานเฟิง
ฮึ ใช้รดต้นไม้ยังจะดีกว่า อย่าได้ฝันว่าจะก้าวขึ้นเหนือข้าเลย”
สบตาอีกฝ่ายด้วยความสงบ ไม่ตอบโต้แม้สักคำ ส่วนเยว่ลู่ซีเม้มปากแน่น แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยแววไม่ยอมแพ้
จู่ ๆ แสงเพลิงจากเด็กอีกคนที่เสียสมาธิพลันระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เปลวไฟพุ่งกระจายใส่ศิษย์รอบข้าง เสียงกรีดร้องดังระงม
แต่ในชั่วพริบตา เยว่ลู่ซียกมือขึ้น สายน้ำใสปรากฏเป็นม่านบางกั้นเปลวไฟไม่ให้เผาผลาญผู้คน
ขณะที่หลันอวิ๋นพุ่งไปคว้าตัวเด็กคนนั้นออกมาได้ทันเวลา
ซูเม่ยหรง
//เดินออกมาด้วยแววตาชื่นชม
ซูเม่ยหรง
“ดีมาก… เจ้าสองคน
ซูเม่ยหรง
แม้ยังไม่ชำนาญ แต่หัวใจแห่งการปกป้องผู้อื่น นั่นแหละคือแก่นแท้ของผู้ฝึกตน”
เสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้เต็มไปด้วยความชื่นชมและทึ่งในความสามารถ หลายคนที่เคยหัวเราะเยาะสองเด็กน้อย กลับมองด้วยสายตาเปลี่ยนไป
เด็ก ๆ แยกย้ายกลับเรือนพักหลังการฝึกอันเหน็ดเหนื่อย แต่หลันอวิ๋นยังคงนั่งอยู่บนลานฝึก มองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสี
เยว่ลู่ซี
//เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยเช่นกัน
เยว่ลู่ซี
“เจ้าคิดหรือไม่ว่าสักวัน เราจะสามารถแข็งแกร่งเหมือนอาจารย์ใหญ่ได้จริง ๆ ?”
หลันอวิ๋น
“ตราบใดที่เรายังไม่หยุดก้าว… ไม่ว่ายอดเขาจะสูงเพียงใด วันหนึ่งเราย่อมไปถึง”
ลมยามเย็นพัดผ่าน สะท้อนเสียงหัวใจของเด็กน้อยทั้งสอง
เสียงแห่งความมุ่งมั่นและโชคชะตาที่เพิ่งเริ่มต้น…
ถ้าไม่อยากพลาดเรื่องดีๆ กดไลค์เเล้วกดติดตามผลงานด้วยนะคะ
บทที่ 3 : การประลองแรก
ลานประลองใหญ่กลางสำนักคึกคักเป็นพิเศษ ศิษย์น้อยมากหน้าหลายตาต่างตื่นเต้น เพราะวันนี้คือวันที่สำนักจะทดสอบศิษย์ใหม่ด้วยการประลองเบื้องต้น เพื่อวัดศักยภาพและกำหนดการฝึกฝนต่อไป
ศิษย์ทุกคนหยุดยืนตรง เงยหน้ามองเวทีไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางลาน
บนแท่นสูงสุด อาจารย์ใหญ่ ชิงอวิ๋นเทียนปรากฏกาย ท่านสวมชุดยาวสีขาวขลิบทอง ดวงตาคมกริบเหมือนมองทะลุใจคนได้เพียงแวบเดียว
ชิงอวิ๋นเทียน
“การประลองในวันนี้ หาใช่เพื่อโอ้อวดไม่
ชิงอวิ๋นเทียน
หากเพื่อให้พวกเจ้าได้เรียนรู้ขอบเขตของตน และรู้ว่าต้องก้าวเดินไปเช่นไร
ชิงอวิ๋นเทียน
จงสู้ด้วยใจที่เที่ยงตรง อย่าให้ความริษยาและอคติครอบงำ”
ศิษย์ทั้งหลาย : “พะยะค่ะ!/เจ้าค่ะ!”
เสียงตะโกนขานรับดังก้องสะท้อนทั่วลาน
ศิษย์แต่ละคู่ก้าวขึ้นเวที บ้างใช้พลังสายลมรวดเร็วว่องไว บ้างเรียกพลังธาตุไฟอันร้อนแรง เสียงเชียร์ เสียงปรบมือดังสลับกันไป บรรยากาศคึกคักจนลืมหายใจ
เมื่อถึงคิวถัดไป ชื่อที่ถูกเรียกออกมา ทำให้ทั้งลานเงียบลงชั่วขณะ
ศิษย์ประกาศ : “การประลองรอบนี้—หลันอวิ๋น ปะทะ หานเฟิง!”
เสียงซุบซิบดังขึ้นแทบจะทันที
ศิษย์ชายคนหนึ่ง : “หานเฟิงนี่นะ… เขาเป็นที่หนึ่งของรุ่นตั้งแต่ทดสอบวันแรกเลยนี่”
ศิษย์หญิงอีกคน : “แล้วเจ้าหลันอวิ๋นที่เพิ่งแสดงพลังลมได้เล็กน้อย จะไปสู้ได้อย่างไรกัน
เยว่ลู่ซี
//กำมือแน่น แววตาเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ส่งสายตาให้กำลังใจไปยังเวที
หานเฟิง
“เจ้ากล้าขึ้นมาประลองกับข้า… ข้ามิรู้ว่าเจ้ากล้า หรือว่าโง่กันแน่”
หลันอวิ๋น
//ยืนตรง มองอย่างสงบ
หลันอวิ๋น
“ข้าเพียงอยากรู้ ว่าตนเองจะไปได้ไกลแค่ไหน”
เสียงกลองดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้!
หานเฟิง
//พุ่งออกไปก่อน ฝ่ามือแผดเผาด้วยเปลวไฟร้อนแรง พลังไฟพุ่งตรงใส่หลันอวิ๋นอย่างรุนแรง
ศิษย์รอบข้าง : “เร็วมาก!”
หลันอวิ๋น
//หายใจเข้า ก้าวถอยเพียงครึ่งก้าว ก่อนเรียกกระแสลมหมุนวนรอบตัว ลมแรงพัดพาเปลวไฟให้กระจายออกไป ไม่อาจเผาโดนร่างเขาได้เต็ม ๆ
หานเฟิง
“หึ คิดจะใช้สายลมมาสู้ไฟ? เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว!”
เปลวไฟพลันก่อตัวเป็นลูกไฟลูกใหญ่ พุ่งใส่หลันอวิ๋นอย่างแรงจนพื้นเวทีสั่นสะเทือน
หลันอวิ๋น
//กัดฟันแน่น หลับตาชั่วขณะ พลังวิญญาณภายในพลันหมุนวนรวดเร็วขึ้น เขาโบกแขนทั้งสองข้าง ลมหมุนกลายเป็นเกลียวพายุเล็ก ๆ ปะทะลูกไฟก้อนใหญ่จนระเบิดเสียงดังสนั่น!
ฝุ่นควันตลบอบอวล เสียงผู้ชมอื้ออึงไปทั่ว
ศิษย์หญิง : “เขาป้องกันได้… หลันอวิ๋นป้องกันได้จริง ๆ!”
เมื่อควันจางลง ร่างหลันอวิ๋นยังคงยืนอยู่ แม้หอบหายใจแรง แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
หานเฟิง
“เจ้าทำได้ดี… แต่ข้าจะไม่หยุดเพียงเท่านี้!”
เขารวบรวมพลังอีกครั้ง เปลวเพลิงบนร่างยิ่งรุนแรงขึ้นจนเวทีร้อนผ่าวไปทั้งแถบ ทันใดนั้น
ซูเม่ยหรง
“พอเพียง! ถึงขอบเขตแล้ว อย่าให้การประลองกลายเป็นการทำร้ายสหายร่วมสำนัก!”
เสียงประกาศหยุดการต่อสู้ดังขึ้น
หานเฟิงแม้ไม่พอใจ แต่ก็จำใจหยุด หลันอวิ๋นยืนนิ่ง กำหมัดแน่น ยอมรับว่าตนยังอ่อนแอ ทว่าแววตาเปี่ยมด้วยความหวังและความมุ่งมั่น
ชิงอวิ๋นเทียน
//ยืนขึ้น เอ่ยเสียงเข้ม
ชิงอวิ๋นเทียน
“หานเฟิง เจ้ามีพลังรุนแรงแต่ยังไร้การยั้งคิด
ชิงอวิ๋นเทียน
ส่วนหลันอวิ๋น แม้ยังด้อยกว่า แต่เจ้ามีหัวใจแห่งความไม่ยอมแพ้
ชิงอวิ๋นเทียน
วันนี้ไม่มีผู้แพ้ มีเพียงบทเรียนที่พวกเจ้าต้องจำไปใช้ในวันหน้า”
เสียงปรบมือจากเหล่าศิษย์ดังลั่นทั่วลาน เยว่ลู่ซีมองหลันอวิ๋นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตาเปล่งประกาย
หลันอวิ๋นกลับไปที่ลานเงียบ ๆ นั่งลงคนเดียว สายลมยามเย็นพัดเบา ๆ
เยว่ลู่ซี
“เจ้าทำได้แล้ว… แม้จะเหนื่อยแต่เจ้าก็ไม่ถอย”
หลันอวิ๋น
“ข้าจะไม่ถอย จนกว่าจะไปถึงที่สูงสุด”
ลมเย็นพัดพาเสียงคำมั่นนั้นไปไกล ราวกับสวรรค์เบื้องบนกำลังรับฟัง…
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!