“นี่มันลดราคาถูกเกินไปหรือเปล่า”
นนท์มองกล่องสีดำด้านที่วางกองอยู่ในร้านขายของมือสอง ในตลาดแถวบ้าน แบตเตอรี่สำรองที่ดูเรียบง่าย แต่แปลกตรงไม่มีชื่อยี่ห้อ ไม่มีแม้แต่สเปกบอกว่าเก็บไฟได้เท่าไร
ป้ายเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดงเพียงบอกว่า “ใช้ได้นาน…ไม่เคยหมด”
ตอนแรกนนท์คิดว่าเป็นการตลาดตลก ๆ แต่ด้วยราคาถูกและความจำเป็น เขาก็ซื้อมันกลับบ้านมา
---
คืนนั้น นนท์เสียบสายชาร์จมือถือเข้ากับแบตเตอรี่สำรองตัวใหม่ ไฟสีแดงเล็ก ๆ ที่ด้านข้างกะพริบขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาขนลุกคือ มันกะพริบเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจของเขา
โทรศัพท์เต็มแบตภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที แต่ไฟบนแบตเตอรี่ก็ยังคงโชว์เต็มเหมือนไม่ได้ถูกใช้เลย
“คงเป็นของปลอมจีนแหละมั้ง…” เขาพึมพำกับตัวเอง
---
หลายวันผ่านไป นนท์เริ่มสังเกตเห็นบางอย่าง
ทุกครั้งที่เขาเสียบสายชาร์จ มือเขาจะชา หัวใจเต้นแรง ร่างกายอ่อนแรงเหมือนถูกดูดพลังบางอย่างออกไป
และเมื่อถอดสายออก เขาจะรู้สึกเหมือนหายใจโล่งขึ้น แต่โทรศัพท์กลับแบตเต็มทุกครั้งโดยที่แบตเตอรี่สำรองไม่เคยลด
---
คืนหนึ่ง หลังกลับจากทำงานเหนื่อย ๆ นนท์นั่งพิงผนังเสียบโทรศัพท์เข้ากับแบตเตอรี่สำรองตามเคย
เขาเผลอหลับไป…
แต่สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆ
เสียงเหมือน ลมหายใจ…ไม่ใช่ของเขา
เขาก้มมองลงไปที่แบตเตอรี่สำรอง
ไฟแดงเล็ก ๆ ไม่ได้กะพริบธรรมดาแล้ว มันสว่างเป็นสีแดงทั่วทั้งห้อง และมีเสียงของชายวัยกลางคน ดังออกมา จากทุกทิศทาง
“ขอบใจ…ที่ให้พลังชีวิตแก่ข้า” พร้อมเสียงหัวเราะของ เด็ก ผู้หญิง ชายชรา หญิงแก่ ปนเปกันไปทั่วทั้งห้อง
มือถือบนมือนนท์เต็มแบต 100%
แต่ตัวเขาเอง…ไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว
เช้าวันถัดมา เพื่อนบ้านพบศพของนนท์นั่งนิ่ง ๆ มือยังจับโทรศัพท์ที่เต็มแบตเตอรี่ ส่วนแบตเตอรี่สำรองสีดำสนิทวางอยู่ข้าง ๆ ไร้เครื่องหมายใด ๆ แต่ไฟแดงยังคงกะพริบ…เหมือนหัวใจที่เต้นต่อไปอย่างไม่มีวันดับ อย่างกับว่ากำลังรอผู้ใช้งานคนต่อไป
รถทัวร์สายกรุงเทพ–หนองคาย ออกเดินทางท่ามกลางฝนตกพรำ ผู้โดยสารต่างง่วงซึมอยู่กับที่นั่งของตน
หญิงสาวชื่อ พลอย นั่งริมหน้าต่าง มือถือของเธอแบตเหลือเพียง 8% แต่เธอยังมีไฟล์งานต้องส่งตอนเช้า
“ซวยแล้ว…ลืมพกพาวเวอร์แบงก์ พลอยเอ๊ยพลอย” เธอฐานพร้อมกับอารมณ์เซ็งตัวเองนิดๆ
ทันใดนั้นเอง ชายแปลกหน้าที่นั่งเบาะข้าง ๆ หันมายื่นแบตเตอรี่สำรองสีดำสนิทให้เธอ มันไม่มีโลโก้ ไม่มีสติ๊กเกอร์ใด ๆ มีเพียงไฟสีแดงเล็ก ๆ ที่กะพริบอยู่
“ใช้ได้นานนะครับ…ไม่เคยหมด” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มที่มุมปากนิดนึง
แม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่ด้วยความจำเป็น พลอยก็รับมาเสียบสายชาร์จ "ขอบคุณค่ะพี่ถ้าไม่ได้พี่นี่แย่เลย" ชายแปลกหน้ายิ้มตอบกลับเล็กน้อย และก้มหน้าเล่นมือถือตัวเอง ในขณะที่พลอยกำลังรู้สึกโล่งใจอยู่นั้น มือถือของเธอค่อย ๆ เติมแบตอย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายกลับรู้สึกหนาวเหน็บจนต้องกอดแขนตัวเองแน่น
---
เวลาผ่านไปเกือบตีสอง รถทัวร์แล่นฝ่าความมืด พลอยกะพริบตาพยายามฝืนไม่ให้หลับ
แต่แล้วเสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นที่ข้างหู
“พลังของเธอ…ช่างหวานเหลือเกิน”
เธอสะดุ้งหันไปมองชายแปลกหน้า…แต่ที่นั่งว่างเปล่า
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ แบตเตอรี่สำรองสีดำ วางบนเบาะข้าง ๆ ไฟสีแดงกะพริบถี่ขึ้น เหมือนหัวใจที่กำลังเต้นแรง และ ไฟสีแดงก็ได้สว่างไปทั่วรถทัวร์ พร้อมกับเสียงหัวเราะ ของเหล่าสัมภเวสี
ที่ได้ดังไปทั่วทั้งรถทัวร์
พลอยพยายามจะตะโกนแต่เธอรู้สึกเหมือนโดนบีบคออยู่ มือข้างนึงพยายามดึงสายชาร์จออก แต่ร่างกายกลับชา มือไม่ขยับตามใจ เธอหายใจติดขัดดิ้นทุรนทุราย
สุดท้ายสติของเธอเลือนหายไปพร้อมกับเสียงหัวใจของตัวเองที่ช้าลง…ช้าลง…
---
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อรถถึงปลายทาง
พนักงานประจำรถทัวร์เดินมาพบหญิงสาวนั่งนิ่งในท่าเดิม โทรศัพท์ในมือนั้นแบตเต็ม 100%
แต่เธอไม่หายใจอีกแล้ว
บนเบาะข้าง ๆ วางแบตเตอรี่สำรองสีดำที่ไฟแดงยังคงกะพริบ…รอผู้โดยสารคนถัดไป...
สิบปีก่อน ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมีชายวัยกลางคนชื่อ ดร.เกรียงไกร
เขาเป็นวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ที่หมกมุ่นกับความฝันเพียงอย่างเดียว
> “สร้างแหล่งพลังงานที่ไม่สิ้นสุด”
เขาทดลองทุกวิธี ทั้งโซลาร์เซลล์ กังหันไฟฟ้า ไปจนถึงการดัดแปลงเซลล์เชื้อเพลิง แต่ไม่เคยสำเร็จ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาบังเอิญพบสมุดบันทึกโบราณจากตลาดมืด หน้ากระดาษที่ซีดเหลืองบอกถึง พิธีกรรมผูกพลังชีวิตมนุษย์เข้ากับวัตถุ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงที่ไม่มีวันหมด
ดร.เกรียงไกร หัวเราะตอนแรก…แต่ความสิ้นหวังทำให้เขาตัดสินใจลอง
---
คืนเดือนดับ
เขาวาดวงกลมแปลกประหลาดด้วยเลือดไก่บนพื้นห้องทดลอง
ตรงกลางวาง แบตเตอรี่สำรองเปล่า ๆ สีดำที่เขาประกอบขึ้นเอง
เขาท่องคาถาจากสมุดเก่า เสียงสั่นเครือแต่เต็มไปด้วยความโลภ
“พลังชีวิต…จงกลายเป็นพลังงานนิรันดร์”
เมื่อพิธีจบลง ไฟสีแดงเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนแบตเตอรี่โดยไม่ต้องต่อสายไฟ
มันกะพริบ…เหมือนหัวใจเต้น
---
ตอนแรกเขาดีใจสุดขีด
แบตเตอรี่สำรองนั้นสามารถชาร์จเครื่องมือได้ไม่รู้จบจริง ๆ
แต่ไม่นานเขาก็เริ่มรู้สึกแปลก—อ่อนแรง เหนื่อยง่าย เหมือนร่างกายถูกดูดพลัง
วันหนึ่งเขาได้เข้าไปทำบุญกับวัดที่เขาเข้าเป็นประจำ เขาจึงได้ไปเล่าให้หลวงพ่อฟังกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
"เรื่องมันก็เป็นแบบนี้หระครับหลวงพ่อ"
"เอ็งไปทำพันธสัญญากับมันไว้เเล้วมันจะสูบพลังชีวิตเอ็งจนหมดตัว" หลวงพ่อกล่าว แล้วเสริมต่อว่า "ข้าหนะช่วยเอ็งไม่ได้หรอกเอ็งไปผูกกรรมกับมันเอง มีโอกาสก็ทำบุญเยอะๆหระเห้ออ"
แล้วเขาก็เข้าใจ…
พลังงานที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่ มาจากชีวิตของเขาเอง
เขาพยายามทำลายมัน
แต่ทุกครั้งที่โยนทิ้ง ไฟแดงก็ยังคงกะพริบและแบตเตอรี่จะกลับมาที่บ้านของเขาเสมอ
---
หนึ่งเดือนต่อมา เพื่อนบ้านพบศพดร.เกรียงไกรในสภาพผิวซีดคล้ำ เหมือนถูกสูบเลือดและพลังชีวิตจนหมด
บนโต๊ะทำงานมีเพียงแบตเตอรี่สำรองสีดำวางเงียบ ๆ
นับแต่นั้นมา มันก็เริ่มเปลี่ยนมือ…จากเหยื่อสู่เหยื่อ
และทุกครั้งที่มีคนเสียบสายชาร์จ ไฟสีแดงเล็ก ๆ ก็เต้นตามจังหวะหัวใจของเจ้าของใหม่
---
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!