ภายในห้องประชุมหรูของบริษัท อัครนิเรศเมธารัฐกรุ๊ป กลิ่นอายความกดดันลอยคลุ้งเต็มไปหมด เงาของโคมไฟระย้าทอดตัวลงบนโต๊ะกระจกยาวสะท้อนสีหน้าที่เคร่งเครียดของ คุณชัช เจ้าของบริษัท ชัชธนกิจ ที่กำลังใกล้จะล้มละลาย
ชายวัยกลางคนยกแฟ้มเอกสารหนาแน่นขึ้นมา ก่อนเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“คุณอัครพล… ช่วยผมด้วยเถอะครับ บริษัทของผมอยู่ได้ไม่เกินสามเดือนนี้ ถ้าไม่ได้เงินอัดฉีด ทุกอย่างที่ผมสร้างมากับมือจะพังหมด…ทั้งพนักงาน..ลูกน้องและครอบครัวผมก็จะลำบาก”
ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานคือ คุณอัครพล อัครนิเรศเมธารัฐ นักธุรกิจใหญ่ผู้มีอำนาจล้นฟ้าในแวดวงการเงิน เขานั่งพิงพนักเก้าอี้หนังอย่างสง่างาม สายตาคมกริบกวาดมองผ่านแฟ้มในมือเพียงชั่วครู่ก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
ริมฝีปากของเขายกยิ้มเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยความเหนือกว่า
“ผมช่วยคุณได้… แต่คุณก็รู้ใช่ไหมว่า ผมไม่เคยทำอะไรฟรีๆ”
คุณชัชกลืนน้ำลายฝืดคอ เขารู้ดีว่าการเดินเข้ามาขอความช่วยเหลือในวันนี้ เท่ากับการเดินเข้ากรงเสือ
“บอกมาเถอะครับ… ขอแค่ช่วยบริษัทของผมไว้ ผมยอมทุกอย่าง”
เสียงหัวเราะเบาๆ หลุดออกมาจากชายผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่เขาจะเอ่ยตอบช้าๆ
“ผมจะลงทุนให้บริษัทของคุณกลับมายืนได้อีกครั้ง… แต่ข้อแลกเปลี่ยนคือ ลูกสาวคุณ… ต้องแต่งงานกับลูกชายของผม”
สิ้นคำพูดนั้น ความเงียบก็ปกคลุมห้องประชุม เหงื่อซึมที่ขมับของคุณชัชไหลช้าๆ เขาแทบไม่อยากเชื่อหู แต่ในเวลาเดียวกัน เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
“คุณหมายถึง… วาริน ลูกสาวผมเหรอครับ?”
“ใช่…” ดวงตาคมของคุณอัครพลทอประกายแน่วแน่ “อคิน ลูกชายผมต้องการคู่สมรสที่เหมาะสม และผมก็เห็นว่าไม่มีใครเหมาะไปกว่าลูกสาวของคุณ”
คำว่า “เหมาะสม” นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมธุรกิจ แต่สำหรับคุณชัช… มันคือ “โซ่ตรวน” ที่จะผูกลูกสาวเอาไว้กับการช่วยเหลือที่เลี่ยงไม่ได้
มือของชายวัยกลางคนสั่นเล็กน้อย เขาหลับตาแน่น พลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ลูกเอ๋ย… พ่อขอโทษ…”
เสียงรถหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน “ชัชธนกิจเรสซิเดนซ์” อย่างเชื่องช้า ประตูบ้านหลังใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นร่างของ คุณชัช ที่เดินเข้ามาพร้อมกับไหล่ที่แบกภาระหนักอึ้งไว้เต็มพลัง เขาไม่ต่างจากชายชราที่ถูกกาลเวลากัดกร่อนลงไปในชั่วข้ามคืน
ในห้องนั่งเล่นอันหรูหรา วาริน ลูกสาวคนเดียว กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เรียบง่าย ผมยาวสลวยถูกรวบไว้หลวมๆ ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กของเธอดูอ่อนหวาน ทว่าดวงตากลับฉายแววเฉลียวฉลาด
เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อที่ดูอิดโรยกว่าทุกครั้ง หัวใจของเธอก็พลันเต้นแรง
“พ่อ… เกิดอะไรขึ้นคะ? ทำไมหน้าตาดูเครียดแบบนั้น”
คุณชัชหยุดก้าวเท้าเพียงชั่วครู่ ก่อนทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับลูกสาว เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นจนบรรยากาศเงียบงันไปทั้งห้อง
“วาริน… พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกลูก”
หญิงสาวขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความไม่ปกติในน้ำเสียงของผู้ให้กำเนิด
“เรื่องอะไรคะพ่อ?”
ชายวัยกลางคนลังเลอยู่นาน เหมือนกับว่าคำพูดที่จะเอ่ยออกมานั้นเป็นดั่งมีดคมที่พร้อมจะบาดหัวใจของลูกสาว แต่ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะพูด
“บริษัทของพ่อ… มันกำลังจะล้มละลาย”
หัวใจของวารินหล่นวูบลงไปทันที หนังสือในมือแทบหล่นลงพื้น
“ว่าไงนะคะ? บริษัทที่พ่อสร้างมากับมือ… จะล้มละลาย?”
คุณชัชพยักหน้าช้าๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ใช่… พ่อพยายามหาทางออกแล้ว แต่ไม่ว่าจะกู้ธนาคารหรือหานักลงทุน ไม่มีใครยอมช่วยเราเลย”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต็มไปด้วยความห่วงใย
“แล้วพ่อจะทำยังไงต่อไปคะ?”
คุณชัชเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยช้าๆ
“วันนี้… พ่อไปเจรจากับคุณอัครพล อัครนิเรศเมธารัฐ เขาเสนอจะช่วยเรา… อัดฉีดเงิน ฟื้นบริษัทให้กลับมายืนได้อีกครั้ง”
ดวงตาของวารินสว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อย
“จริงเหรอคะพ่อ? งั้นก็ดีแล้วสิ อย่างน้อยบริษัทก็ยังอยู่ได้”
แต่รอยยิ้มที่เพิ่งจะปรากฏก็เลือนหายไปทันที เมื่อพ่อของเธอพูดต่อ
“แต่… มันมีข้อแลกเปลี่ยน”
หัวใจของหญิงสาวเริ่มเต้นแรง รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
“ข้อแลกเปลี่ยน… อะไรคะ?”
คุณชัชมองลูกสาวด้วยแววตาที่สั่นไหว ก่อนจะกลั้นใจพูดออกมา
“เขาต้องการให้ลูก… แต่งงานกับอคิน ลูกชายของเขา”
ทันทีที่สิ้นคำพูด ความเงียบก็ปกคลุมห้องทั้งห้อง ราวกับเวลาได้หยุดหมุนไป
วารินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากโซฟา
“อะไรนะคะ!? พ่อพูดจริงเหรอ? ให้รินแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จัก!?”
เสียงของเธอสั่นเครือ เต็มไปด้วยความโกรธปนตกใจ
“พ่อรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา พ่อจะเอาชีวิตลูกสาวไปแลกกับธุรกิจไม่ได้เด็ดขาด!”
คุณชัชก้มหน้าลงต่ำ ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจ
“พ่อรู้… พ่อรู้ว่ามันโหดร้ายกับลูก แต่พ่อไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ”
“ไม่ค่ะรินไม่ยอม!” หญิงสาวน้ำตาคลอเบ้า “การแต่งงานต้องเกิดจากความรัก ไม่ใช่ผลประโยชน์สิ!”
คุณชัชเงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ถ้าพ่อไม่ทำแบบนี้… บริษัทจะล้ม พนักงานหลายร้อยชีวิตจะตกงาน ครอบครัวพวกเขาจะลำบาก… แล้วเราจะอยู่ยังไงริน? พ่อจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลลูก?”
น้ำเสียงสั่นเครือของพ่อทำให้หัวใจของหญิงสาวพลันบีบรัด ความโกรธค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด
“พ่อ…”
คุณชัชเอื้อมมือมากุมมือของลูกสาว น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาชายที่แข็งแกร่งมาตลอดชีวิต
“ริน… พ่อขอโทษที่ต้องเอาชีวิตลูกไปผูกกับข้อตกลงนี้ แต่ถ้าพ่อปล่อยบริษัทล้ม พ่อคงไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว และคนที่ลำบากจะไม่ใช่แค่เรา แต่รวมถึงครอบครัวของพนักงานทั้งหมดด้วย”
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ความคิดตีกันวุ่นวายในหัวใจ ด้านหนึ่งเธออยากจะปฏิเสธอย่างสุดหัวใจ แต่ด้านหนึ่งเธอไม่อาจทำเป็นไม่เห็นน้ำตาของพ่อผู้ที่เสียสละทุกอย่างเพื่อลูกมาตลอดชีวิต
น้ำตาของวารินหยดลงบนหลังมือของพ่อ เธอสั่นไหวไปทั้งตัว ก่อนจะพึมพำเสียงเบาแทบไม่ออก
“ริน… ไม่อยากทำเลยคะพ่อ… แต่ว่า… ถ้ามันช่วยให้พ่อรอด… รินจะยอม”
คำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางหัวใจของเธอเอง แต่ก็เป็นคำตอบเดียวที่เธอเลือกได้
คุณชัชโอบกอดลูกสาวแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ลูกพ่อ… พ่อขอโทษจริงๆ…”
ในอ้อมกอดนั้น หญิงสาวกัดฟันกรอด ดวงตาเต็มไปด้วยหยดน้ำใสที่ไม่อาจห้ามได้
เธอรู้… ว่าตั้งแต่วินาทีนี้ไป ชีวิตของเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
ภายในห้องทำงานหรูหรา ชั้นสูงสุดของตึก อัครนิเรศเมธารัฐกรุ๊ป ประตูไม้สักบานใหญ่ถูกผลักเข้ามา อคิน ลูกชายคนเดียวของตระกูลก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม เขาสวมสูทสีเข้ม บุคลิกสูงโปร่ง สายตาคมกริบ แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ตรงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ คุณอัครพล นั่งอยู่ในท่าทางสุขุม มือข้างหนึ่งกำลังพลิกดูเอกสารอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นลูกชาย
“พ่อมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
เสียงทุ้มต่ำของชายผู้ทรงอิทธิพล ทำให้อคินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เรื่องอะไรครับ?”
คุณอัครพลพยักหน้าเบาๆ ราวกับตัดสินใจได้แล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“แก… จะแต่งงาน”
ทันทีที่สิ้นคำพูด อคินถึงกับชะงักไป ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงหัวเราะเยาะหยันจะดังขึ้น
“แต่งงาน? พ่อพูดเล่นหรือเปล่า ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนั้นเลย”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น อคิน” เสียงของคุณอัครพลหนักแน่น “พ่อได้ตกลงกับคุณชัชแล้ว ลูกสาวของเขาจะมาเป็นภรรยาของแก”
เลือดในกายของอคินพลันสูบฉีดขึ้นอย่างเดือดดาล
“ไม่มีทาง! ผมไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น เพราะผม… มีดารินอยู่แล้ว!”
ชื่อของผู้หญิงคนนั้นทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที แววตาของคุณอัครพลเข้มขึ้น ริมฝีปากเหยียดยิ้มเย็น
“ผู้หญิงคนนั้นเหรอ? ดาริน…”
“ใช่!” อคินยืนยันหนักแน่น “เธอคือคนที่ผมรัก พ่อไม่มีสิทธิ์มาบังคับผมให้แต่งงานกับใคร!”
คุณอัครพลวางปากกาลงบนโต๊ะ ก่อนเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสงบ แต่แววตากลับเฉียบคมราวกับเลเซอร์
“อคิน… ผู้หญิงที่แกเรียกว่ารัก มันไม่ได้ดีอย่างที่แกคิดหรอก”
อคินขมวดคิ้วทันที “พ่อหมายความว่ายังไง?”
“พ่อแค่ใช้ตาดูก็รู้แล้ว… ผู้หญิงคนนั้นต้องการอะไร เธอไม่ได้รักแกจริงๆ สิ่งที่เธออยากได้คือสมบัติของตระกูลเรา”
คำพูดแทงใจดำราวกับมีดคมกริบ ทำให้อคินกำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์
“พ่อไม่มีสิทธิ์มาดูถูกผู้หญิงที่ผมรัก! ดารินไม่ใช่คนแบบนั้น!”
“เพราะแกตาบอดไง ถึงมองไม่ออก” คุณอัครพลพูดเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ทำให้ห้องทั้งห้องกดดัน
อคินกัดฟันกรอด พยายามควบคุมโทสะ แต่เสียงหัวใจของเขากำลังเต้นแรงจนแทบระเบิด
“ต่อให้พ่อไม่ยอมรับ ผมก็จะไม่แต่งงานกับลูกสาวของคุณชัชนั่นเด็ดขาด!”
สิ้นคำปฏิเสธ คุณอัครพลหยุดนิ่งเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงเย็นชาเสียจนทำให้ความเงียบกลายเป็นดั่งคมมีด
“ถ้าแกเลือกจะปฏิเสธการแต่งงาน… งั้นแกก็ไม่ได้อะไรจากฉันเลย”
ดวงตาคมกริบของเขาสบเข้ากับลูกชายตรงๆ
“ไม่ว่าจะเป็นมรดก… หรือแม้แต่บริษัทนี้ แกก็ไม่มีสิทธิ์จะแตะต้อง”
คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของอคิน เขายืนนิ่ง กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นชัด ความโกรธปะทุขึ้นมา แต่ปากกลับไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้
ความเงียบปกคลุมห้องอีกครั้ง เสียงนาฬิกาเดินติ๊กต่อกเหมือนตอกย้ำความอึดอัดที่ไม่มีทางออก
ก่อนที่คุณอัครพลจะลุกขึ้นยืน เขาเหลือบตามองลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย
“ถ้าแกฉลาดพอ… แกก็น่าจะเลือกทางที่ถูกต้อง”
สิ้นประโยคนั้น เขาก็ก้าวเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงอคินที่ยืนตัวแข็ง ใบหน้าเคร่งเครียด ร่างกายเต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่กำลังเผาไหม้จากภายใน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!