NovelToon NovelToon

ฤดูรักสีพาทเทล

1

เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งแผ่วเบาในเช้าวันใหม่ เมืองเล็กๆ ริมทะเลแห่งนี้ยังคงมีเสน่ห์เรียบง่ายเหมือนเดิม ผู้คนเดินไปมาอย่างไม่เร่งรีบ ถนนสายหลักทอดผ่านตลอดแนวชุมชน ร้านรวงเล็กๆ เปิดประตูต้อนรับลูกค้าพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น

มินตรา สาววัยยี่สิบหกที่เพิ่งตัดสินใจย้ายออกจากกรุงเทพฯ มาพักอาศัยที่เมืองนี้ เธออยากหลีกหนีความวุ่นวายเก่าๆ เพื่อหาความสงบและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง กระเป๋าเดินทางเพียงสองใบคือสิ่งที่เธอมี พร้อมความหวังเล็กๆ ที่อยากเก็บเกี่ยวความสุขจากวันธรรมดา

เช้าวันนี้ หลังจากเก็บของเข้าที่พัก มินตราก็เลือกจะออกมาเดินเล่นเพื่อทำความรู้จักเมืองใหม่ให้มากขึ้น สองข้างทางมีร้านค้าที่ตกแต่งน่ารัก บ้างขายของพื้นบ้าน บ้างเป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่มีกลิ่นกาแฟหอมฟุ้ง

จนสายตาของเธอหยุดลงที่ร้านหนึ่ง…

ร้านดอกไม้เล็กๆ ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน หน้าร้านประดับด้วยไม้เลื้อยสีเขียวสด และดอกไม้หลากสีเรียงรายในกระถางทรงกลม กลีบดอกไม้สะท้อนแสงแดดยามเช้าอย่างอ่อนโยน ทำให้ร้านนี้ดูอบอุ่นเหมือนอยู่ในภาพวาด

มินตรายกยิ้มโดยไม่รู้ตัว ก่อนตัดสินใจผลักประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งเล็กๆ ดังกังวานรับแขกคนใหม่

กลิ่นหอมของดอกไม้สดลอยอบอวลไปทั่วร้าน ทุกมุมถูกจัดอย่างเรียบร้อยและใส่ใจ รายละเอียดเล็กๆ บ่งบอกได้ชัดว่าคนจัดคือคนรักดอกไม้อย่างแท้จริง

“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากด้านใน

มินตราเงยหน้าขึ้น ก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับขึ้นถึงข้อศอก เขากำลังจัดช่อดอกกุหลาบสีขาวอยู่บนโต๊ะไม้ ดวงตาคมของเขาสบกับเธอเพียงครู่เดียว แต่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

“อะ…เอ่อ สวัสดีค่ะ” มินตรายกยิ้มเก้อๆ “ร้านสวยจังเลยค่ะ เพิ่งเคยมาเมืองนี้ เลยลองเดินดู…แล้วก็เจอร้านคุณพอดี”

ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่มุมปาก “ขอบคุณครับ สนใจดอกไม้สักช่อไหมครับ”

มินตรากวาดตามองรอบๆ อย่างเพลิดเพลิน สีสันหลากหลายทำให้เธอเลือกไม่ถูก แต่สุดท้ายสายตาก็หยุดที่ดอกยิปโซสีขาวเล็กๆ ที่ถูกจัดวางเรียงกันอยู่ในตะกร้าไม้

“ขอ…ยิปโซได้ไหมคะ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา

“ได้ครับ” เขาเดินไปหยิบยิปโซขึ้นมา ก่อนจัดใส่ห่อกระดาษคราฟท์อย่างพิถีพิถัน นิ้วมือเรียวยาวของเขาเคลื่อนไหวช้าๆ อย่างมั่นคงและชำนาญ ราวกับกำลังใส่ใจทุกดอกไม้ทีละดอก

มินตราเผลอมองภาพนั้นอย่างเพลิน จนเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นส่งดอกไม้มาให้ หัวใจของเธอก็เต้นโครมหนักจนแทบไม่เป็นจังหวะ

“เรียบร้อยครับ”

“ขอบคุณค่ะ…สวยมากเลย” เธอรับช่อดอกไม้อย่างระมัดระวัง กลีบเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์นั้นช่างเข้ากับเช้าวันแรกในเมืองใหม่ของเธอเหลือเกิน

“เอาไว้ตกแต่งโต๊ะทำงานก็ดีนะครับ ยิปโซจะอยู่ได้นานพอสมควร”

มินตราชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ “จริงๆ…ฉันยังไม่มีโต๊ะทำงานเลยค่ะ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถามต่อ เขาเพียงแค่ยิ้มบางและพยักหน้ารับ “งั้นก็คงเอาไว้เป็นเพื่อนในห้องใหม่ได้”

คำพูดนั้นทำให้หัวใจของมินตราอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด เธอก้มมองช่อดอกไม้ในมือราวกับมันไม่ใช่แค่ดอกไม้ แต่เป็นสัญญาณบางอย่าง…สัญญาณแห่งการเริ่มต้นใหม่

ก่อนเดินออกจากร้าน เธอหันกลับมาถามด้วยความอยากรู้ “ขอโทษนะคะ…คุณชื่ออะไรเหรอคะ”

ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่แฝงความอบอุ่น

“อธิษฐ์ครับ”

มินตรายกยิ้มบาง “มินตราค่ะ”

เธอเอ่ยชื่อของตัวเองราวกับอยากฝากไว้ในความทรงจำของเขาเช่นกัน และเมื่อก้าวออกจากร้าน เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เสียงนั้นกลับสั่นสะท้อนในหัวใจเธอไปทั้งวัน…

2

เช้าวันใหม่ในเมืองเล็กยังคงเต็มไปด้วยความเรียบง่าย เสียงนกร้องประสานกับสายลมทะเลพัดเบาๆ สร้างบรรยากาศที่ต่างไปจากความวุ่นวายในกรุงเทพฯ อย่างสิ้นเชิง

มินตราลุกจากเตียงไม้เล็กในห้องเช่าของเธอ เปิดหน้าต่างให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามา กลิ่นเกลือทะเลอ่อนๆ พัดมากับลมจนรู้สึกสดชื่น หญิงสาวสูดหายใจลึก เหมือนจะบอกตัวเองว่า “นี่แหละคือสิ่งที่อยากได้…ชีวิตที่ไม่ต้องรีบวิ่งตามใคร”

หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ เธอก็ออกมาเดินเล่นอีกครั้ง คราวนี้เลือกเส้นทางที่ยาวกว่าวันก่อน เพื่อสำรวจให้ทั่วเมืองเล็กๆ แห่งนี้

ไม่นาน เธอก็เจอร้านกาแฟเล็กๆ ตกแต่งด้วยโทนไม้และกระจกใส ภายในร้านเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วสด ประตูไม้เล็กส่งเสียงเอี๊ยดเบาเมื่อเธอผลักเข้าไป

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” พนักงานสาวยิ้มต้อนรับ

“ขอคาปูชิโน่ร้อนหนึ่งแก้วค่ะ” มินตราตอบพลางกวาดตามองไปรอบๆ

โต๊ะริมหน้าต่างถูกจัดวางตรงข้ามร้านดอกไม้ที่เธอแวะเมื่อวานพอดี จากมุมนี้สามารถมองเห็นประตูไม้สีขาวและกระถางดอกไม้ที่เรียงรายอยู่หน้าร้านได้อย่างชัดเจน

หัวใจของเธอเต้นวูบหนึ่ง ก่อนจะยกยิ้มบางๆ ให้กับตัวเอง บังเอิญเกินไปหรือเปล่านะ

เมื่อกาแฟถูกเสิร์ฟ เธอหยิบสมุดสเก็ตช์เล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า นี่คือของที่ติดตัวมาตั้งแต่เรียนศิลปะ มันเหมือนเป็นที่ระบายความคิดและความรู้สึกของเธอ

แต่แทนที่จะวาดทิวทัศน์ทะเลหรือผู้คนในร้านกาแฟ วันนี้มือของเธอกลับขยับไปตามความทรงจำของเมื่อวาน…

ปลายดินสอร่างเส้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับ เขากำลังโน้มตัวลงจัดดอกไม้บนโต๊ะอย่างตั้งใจ เส้นสายที่ค่อยๆ ปรากฏทำให้หัวใจของเธอสั่นแผ่วอย่างประหลาด

อธิษฐ์… เธอเอ่ยชื่อเขาในใจเพียงเบาๆ

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว กาแฟร้อนเริ่มเย็นลง แต่ภาพร่างในสมุดกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะสมบูรณ์แบบ

กระทั่งสายตาของเธอเผลอมองออกไปยังร้านดอกไม้อีกครั้ง ประตูไม้สีขาวถูกผลักเปิดออก และชายคนนั้นก็เดินออกมาพร้อมกระเช้าดอกไม้ในมือ

หัวใจของมินตราเต้นแรงจนมือที่ถือดินสอสั่นเล็กน้อย เธอรีบก้มหน้าลงทำทีเหมือนกำลังเขียนอะไรในสมุด แต่หางตาก็ยังแอบมองเงาร่างสูงที่กำลังส่งดอกไม้ให้ลูกค้าด้วยรอยยิ้มบางๆ

มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่กว้างนัก แต่กลับอบอุ่นพอจะทำให้ใครก็ตามที่มองต้องเผลอยิ้มตาม

มินตราก้มลงมองภาพวาดในสมุดอีกครั้ง แล้วเติมรายละเอียดเล็กๆ บนใบหน้าของเขา รอยยิ้มที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อครู่นี้ถูกบันทึกไว้ด้วยเส้นสายดินสอ พร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

บ่ายวันนั้น มินตรานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟนานกว่าปกติ เธอเฝ้ามองร้านดอกไม้ตรงข้ามสลับกับการจิบกาแฟและขีดเขียนลงบนสมุด สายตาของเธอเหมือนถูกดึงดูดไปที่ร้านเล็กๆ นั้นทุกครั้งโดยไม่รู้ตัว

จนกระทั่ง…

“คุณชอบวาดรูปเหรอคะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยถามขณะเดินมาเก็บแก้วบนโต๊ะ

มินตราสะดุ้งเล็กน้อยก่อนยิ้มเก้อๆ “ค่ะ…ก็วาดเล่นไปเรื่อย”

“สวยดีนะคะ” พนักงานชะโงกมองเล็กน้อย แต่โชคดีที่เธอรีบปิดสมุดทันก่อนจะเห็นว่าเป็นรูปใคร

“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ

หลังจากนั้นมินตราก็ตัดสินใจเก็บของ เตรียมกลับที่พัก แต่ในจังหวะที่เธอเดินออกจากร้านกาแฟ ดวงตาของเธอก็สบเข้ากับสายตาคมคู่นั้นพอดี…

อธิษฐ์กำลังยืนอยู่หน้าร้านดอกไม้ของเขา ดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนอยู่ในมือ ราวกับเพิ่งจัดเสร็จ เขาหันมามองทางนี้เพียงเสี้ยววินาที แต่ก็เพียงพอจะทำให้มินตรารีบก้มหน้าหลบด้วยความเขิน

หัวใจเธอเต้นแรงเกินกว่าจะอธิบายได้ และไม่รู้ว่าความบังเอิญครั้งนี้จะพาไปสู่เรื่องราวแบบไหนต่อไป…

แต่สิ่งที่เธอรู้แน่ชัดก็คือ ในแก้วกาแฟเช้านี้ เธอได้เก็บรอยยิ้มของใครบางคนเอาไว้ในหัวใจเรียบร้อยแล้ว

3

เสียงลมทะเลพัดเข้ามาทางหน้าต่างร้านกาแฟ มินตรานั่งอยู่ที่มุมเดิมเหมือนเช่นเคย มือขีดเขียนรูปดอกไม้ในสมุดสเก็ตช์เล็กๆ ที่เธอพกติดตัวไปทุกที่

ท้องฟ้าวันนี้ต่างไปจากวันก่อน เมฆสีเทาเริ่มก่อตัวหนาทึบ แสงแดดที่เคยสดใสกลับถูกกลืนหายไป ความชื้นในอากาศบอกเป็นนัยว่าฝนกำลังจะมา

มินตราเงยหน้ามองร้านดอกไม้ตรงข้ามที่เธอเฝ้ามองอยู่บ่อยครั้ง ประตูไม้สีขาวเปิดอยู่ เผยให้เห็นชายหนุ่มเจ้าของร้านที่กำลังจัดช่อดอกไม้เหมือนทุกวัน

อธิษฐ์… เธอเผลอเรียกชื่อเขาในใจเหมือนเป็นนิสัย

เพียงไม่นาน เสียงฟ้าร้องก็ดังครืน ฝนเม็ดโตเริ่มโปรยลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้คนที่เดินอยู่บนถนนรีบวิ่งหาที่หลบตามร้านรวงข้างทาง

มินตราถอนหายใจเบาๆ เมื่อมองกระเป๋าของตัวเอง—ไม่มีร่มเลยสักคัน เธอคิดว่าจะนั่งรอให้ฝนหยุดก่อน แต่เมื่อเห็นผู้คนยังคงวิ่งวุ่น เสียงฝนตกหนักลงเรื่อยๆ ใจเธอก็เริ่มกังวล เพราะถ้ารอนานเกินไปอาจกลับห้องช้า

ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจวิ่งออกจากร้านกาแฟพร้อมสมุดสเก็ตช์ที่กอดแน่นไว้แนบอก รองเท้าผ้าใบเปียกฝนทันทีที่ก้าวออกมา

ฝนหนักจนมองเห็นไม่ชัด แต่ในจังหวะนั้นเอง ประตูร้านดอกไม้ตรงข้ามถูกเปิดออก พร้อมเงาร่างสูงที่ก้าวออกมาพร้อมร่มสีดำในมือ

“คุณครับ!” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นท่ามกลางสายฝน

มินตราเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ อธิษฐ์ยื่นร่มมาเหนือหัวเธอโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เพียงเท่านั้นหัวใจของเธอก็สั่นระรัว

“ค…คุณ” เธอพูดติดขัดเล็กน้อย น้ำฝนไหลอาบแก้มจนเธอแยกไม่ออกว่าหน้าร้อนเพราะอากาศหรือเพราะความใกล้ชิดที่ไม่ทันตั้งตัว

“ฝนตกหนัก เดี๋ยวไม่สบาย” เขาพูดเรียบง่าย แต่แฝงความห่วงใย

มินตราพยักหน้าเบาๆ แล้วปล่อยให้เขาเดินนำ เธอก้าวตามไปอย่างเงียบๆ ใต้ร่มคันเดียวที่ทั้งสองต้องเบียดไหล่กันอยู่ใกล้ๆ

เสียงฝนตกกระทบผืนถนนดังระรัวเป็นจังหวะ ร่มสีดำบังสายฝนเหนือศีรษะ แต่ไม่อาจปิดกั้นความรู้สึกอบอุ่นที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของมินตราได้

เธอเหลือบตามอง横ใบหน้าของชายหนุ่มที่เดินเคียงข้าง เขาดูสงบเหมือนปกติ แต่แววตาของเขาเมื่อหันมามองเธอชั่วขณะกลับทำให้เธอใจเต้นแรง

“ร้านคุณอยู่ใกล้แค่นี้เองสินะคะ” มินตราพยายามชวนคุย

“ครับ” อธิษฐ์ตอบสั้นๆ แต่แค่เสียงทุ้มต่ำของเขาในระยะใกล้ก็ทำให้ใจของเธอสั่นได้ง่ายเหลือเกิน

เมื่อทั้งคู่ถึงร้านดอกไม้ อธิษฐ์เปิดประตูให้ เธอก้าวเข้าไปท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้สดที่อบอวลไปทั่ว ความเย็นจากฝนถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นทันที

เขาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กจากหลังร้านแล้วยื่นให้ “เช็ดผมก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย”

มินตรารีบรับมา ดวงตาสบกับเขาเพียงชั่วครู่ก็ต้องหลบเพราะความเขินอาย “ขอบคุณค่ะ”

เธอนั่งลงที่เก้าอี้ไม้เล็กๆ ในร้าน พลางเช็ดผมไปอย่างเก้อเขิน หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด

อธิษฐ์หันกลับไปจัดดอกไม้ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบในร้านกลับอบอุ่นกว่าที่เคย มันเต็มไปด้วยเสียงฝนข้างนอกที่ตกกระทบหลังคา และเสียงหัวใจของใครบางคนที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

กว่าฝนจะซาเป็นเพียงละอองเล็กๆ เวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมง มินตราลุกขึ้นเตรียมกลับ พลางหันไปยิ้มให้เขา “วันนี้…ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้ร่มของคุณ ฉันคงเปียกจนไข้ขึ้นแน่ๆ”

อธิษฐ์เพียงพยักหน้ารับ ไม่พูดอะไร แต่ในสายตานั้นกลับมีประกายอบอุ่นที่ทำให้มินตรารู้สึกเหมือนถูกโอบกอดทั้งหัวใจ

และเมื่อเธอก้าวออกจากร้านไปพร้อมร่มคันนั้นที่เขายืนยันให้ยืมติดมือไปด้วย เธอก็รู้แล้วว่า…เสียงฝนวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่สายฝนธรรมดา แต่มันคือจังหวะเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจของเธอและเขาได้ใกล้กันมากขึ้น

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!