เวลายามเย็นใกล้หกโมงตรง แสงแดดอ่อนสีส้มทองส่องลอดกระจกหน้าร้านดอกไม้เข้ามา ดอกไม้หลากสีที่ถูกจัดเรียงอยู่เต็มทั้งร้านสะท้อนประกายวิบวับราวกับถูกเคลือบด้วยแสงจากพระอาทิตย์ยามอัสดง กลิ่นหอมละมุนจากดอกกุหลาบ ลิลลี่ และทิวลิปผสมผสานกันจนอบอวลไปทั่วร้าน
ภายในร้านเล็กๆ แห่งนั้น เด็กหนุ่มร่างโปร่งวัยยี่สิบปี รพี กำลังยืนจัดช่อดอกไม้ด้วยสัมผัสของปลายนิ้วที่คุ้นเคย เขาไม่อาจมองเห็นความงามของดอกไม้เหล่านี้ได้ แต่กลับใช้ประสาทสัมผัสอื่นแทน …กลิ่น…สัมผัส ล้วนถูกนำมาเรียงร้อยเป็นช่อดอกไม้ที่งดงามกว่าฝีมือใคร
พี่เจ้าของร้านกำลังวุ่นอยู่กับคนขนส่งดอกไม้ใหม่ที่เพิ่งมาถึง
“เอาของไปไว้หลังร้านนะ ระวังหน่อยอย่าให้ก้านหักเด็ดขาด” เสียงของเจ้าของร้านสั่งกำชับ ก่อนจะเดินหายไปด้านใน ทิ้งให้รพียืนอยู่เงียบๆ กับงานตรงหน้า
กริ๊ง
เสียงกระดิ่งเหนือประตูดังขึ้นทันทีที่บานประตูถูกผลักเข้ามา
รพีหันหน้าไปตามเสียงนั้น ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางอย่างเป็นมิตร ก่อนที่เขาจะก้มลงจัดช่อดอกไม้ต่ออย่างไม่ขาดจังหวะ
ชายหนุ่มร่างสูงที่ก้าวเข้ามาในร้านคือ อัครินทร์ ประธานบริษัทห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ใบหน้าคมเฉียบภายใต้สูทสีเข้มยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาดูสง่างามและทรงอำนาจในทันที ดวงตาคมกวาดมองรอบร้านเหมือนกำลังมองหาใครสักคน
และแล้วสายตาก็หยุดลงที่เด็กหนุ่มซึ่งกำลังยืนจัดดอกไม้อยู่ตรงมุมหนึ่ง ภาพนั้นทำให้อัครินทร์ชะงักไปชั่วขณะชายหนุ่มผิวขาวซีด แววตา หน้านิ่งสงบขณะจับดอกไม้ทีละก้านราวกับกำลังวาดภาพด้วยมือแทนสายตา
‘เด็กคนนั้น…ใครกัน’
อัครินทร์กำลังจะก้าวเข้าไปหา เพื่อถามถึงดอกไม้ที่เขาสั่งไว้ แต่ก่อนที่เสียงทุ้มจะได้เปล่งคำใดออกมา เจ้าของร้านก็เดินกลับออกมาจากหลังร้านพอดี
“อ้าว! คุณอัคร!” เสียงทักทายดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มของหญิงเจ้าของร้าน “มารับดอกไม้หรอคะเนี่ย รอสักครู่นะคะ ดอกไม้ของคุณเพิ่งมาส่งเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
อัครินทร์ยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า
“ครับ ไม่เป็นไร ผมรอได้”
หญิงเจ้าของร้านหัวเราะเบาๆ พลางหันไปหยิบเอกสาร
“ดอกไม้ที่คุณสั่งไว้รอบนี้สวยมากเลยนะคะ กุหลาบขาวกับไลแลคกำลังบานพอดี เหมาะจะเอาไปประดับงานมากๆ เลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ คุณช่วยจัดเป็นช่อดอกไม้เรียบๆ ให้หน่อยได้มั้ยครับ?” อัครินทร์ถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ได้ค่ะ แต่ขอเวลานิดนึงนะคะ ฉันจะให้เด็กในร้านห่อเพิ่มให้สวยงามอีกหน่อย”
ว่าแล้วเธอก็หันไปทางรพีที่ยังคงก้มหน้าจัดดอกไม้อยู่
“รพี…เดี๋ยวช่วยห่อช่อกุหลาบขาวให้คุณอัครหน่อยนะ”
รพีเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ริมฝีปากโค้งเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ
“ครับพี่” เขาตอบเสียงใส ก่อนจะใช้มือคลำหาก้านดอกไม้ที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะด้านข้าง
สายตาของอัครินทร์เฝ้ามองทุกอากัปกิริยานั้นอย่างไม่อาจละไปได้
เสียงเก้าอี้ไม้ถูกขยับเบาๆ เมื่ออัครินทร์เลือกนั่งลงข้างๆ โต๊ะเล็กที่วางแจกันดอกไม้ไว้หลายใบ เขามองรอบร้านไปพลาง สนทนากับเจ้าของร้านที่เดินกลับมานั่งด้วยชั่วครู่ เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเหงาจนเกินไป
“พักนี้คุณอัครดูงานยุ่งๆ นะคะ เห็นในข่าวบ่อยเลย”
หญิงสาวเจ้าของร้านยิ้มพลางเอ่ยชวนคุย
อัครินทร์หัวเราะเบาๆ “ก็นิดหน่อยครับ ช่วงนี้ห้างเพิ่งเปิดโซนใหม่ เลยต้องดูแลใกล้ชิดกว่าปกติ”
“สมแล้วล่ะค่ะ ประธานหนุ่มไฟแรง” เธอชมด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
ทำให้อัครินทร์ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มบางๆ ก่อนที่สายตาคมจะเผลอเลื่อนไปยังร่างของเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนจัดดอกไม้อยู่ตรงมุมเดิม
ดวงตาที่ปิดสนิทนั้นทำให้คนมองรู้สึกสะดุดใจ รพีใช้เพียงสัมผัสของมือประคองก้านดอกไม้ทีละช่ออย่างระมัดระวัง ความจริงจังและอ่อนโยนในท่าทางเรียบง่ายนั้น กลับทำให้บรรยากาศรอบข้างดูนิ่งสงบอย่างประหลาด
เวลาผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง ช่อดอกไม้กุหลาบขาวกับไลแลคก็ถูกจัดเสร็จอย่างงดงาม
รพีสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนจะยกช่อดอกไม้ขึ้นแนบอก ใช้สองมือประคองอย่างทะนุถนอม เขาก้าวช้าๆ พร้อมใช้มืออีกข้างไล่ไปตามขอบโต๊ะและผนังเพื่อควานหาทิศทางที่พี่เจ้าของร้านยืนอยู่
“เสร็จแล้วครับ…พี่” เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล
หญิงเจ้าของร้านรีบก้าวเข้าไปหาเด็กหนุ่ม ยิ้มเอ็นดูพลางรับช่อดอกไม้มาจากมือเขา ก่อนจะหันไปยื่นให้อัครินทร์
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณอัคร ขอโทษที่ให้ต้องรอนานนะคะ”
อัครินทร์ละสายตาจากรพีมารับช่อดอกไม้อย่างสุภาพ เขาสูดกลิ่นหอมละมุนของกุหลาบขาวแทรกด้วยกลิ่นหวานอ่อนของไลแลค แล้วเอ่ยเสียงทุ้มเรียบว่า
“ไม่เป็นไรครับ…ช่อนี้สวยมาก”
“ฝีมือรพีน่ะค่ะ” เจ้าของร้านหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่ม “ถึงจะตาบอด แต่เก่งไม่แพ้ใครเลยใช่ไหมล่ะคะ”
อัครินทร์ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่สายตาคมจะหันกลับไปยังรพีอีกครั้ง ดวงใจพลันรู้สึกเหมือนถูกกระตุกบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
“ใช่…ผมเห็นแล้ว ว่าฝีมือเขาไม่ธรรมดา”
รพีได้ยินเสียงสนทนานั้นก็เพียงยกยิ้มบางๆ อย่างสงบ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เขาเพียงแค่ก้มศีรษะเล็กน้อยแทนการตอบรับ
เวลายามค่ำ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีหม่นคล้ำ แสงไฟระยิบระยับจากตึกสูงตัดกับเงาความมืดของค่ำคืน ภายในร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ บรรยากาศเต็มไปด้วยความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา เครื่องแก้วคริสตัลวางเรียงรายสะท้อนแสงโคมระย้าเหนือศีรษะ เสียงดนตรีเปียโนขับกล่อมเบา ๆ แทรกไปกับเสียงสนทนาอันแผ่วเบาของเหล่าลูกค้าระดับสูง
โต๊ะอาหารด้านในติดกระจกบานใหญ่ เผยให้เห็นวิวเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟ โต๊ะนั้น ญาณิน สตรีสาวร่างบางในชุด
เดรสผ้าไหมสีงาช้างกำลังนั่งรออยู่ ใบหน้าสวยหวานเปี่ยมด้วยความมั่นใจ เธอเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะรู้สึกถึงมืออบอุ่นคู่หนึ่งที่ปิดดวงตาของเธอไว้จากด้านหลัง
“ทายซิ…ใครเอ่ย” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นข้างหู
ญาณินหลุดหัวเราะเบาๆ “พี่อัครคะ…โตกันแล้วนะคะ ยังจะเล่นเหมือนเด็กอีก”
เสียงหัวเราะแผ่วดังขึ้น ก่อนที่มือจะค่อยๆ คลายออกจากดวงตา เผยให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของอัครินทร์
เขาก้าวมายืนตรงหน้า ก่อนจะหยิบช่อดอกไม้กุหลาบขาวผสมไลแลคที่ห่ออย่างงดงามจากพนักงานยื่นให้ตรงหน้าเธอ
“ดอกไม้สวยๆ สำหรับคนสวยครับ”
แววตาของญาณินเป็นประกายทันทีที่เห็น เธอรับช่อดอกไม้มาด้วยรอยยิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะพี่อัคร”
อัครินทร์เพียงยิ้มบางๆ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามดวงตาคมทอดมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
“หิวมั้ย สั่งอะไรรึยังครับ”
“ยังเลยค่ะ รอพี่นี่แหละ” ญาณินเอ่ยเสียงใส ดวงตาสื่อความเอ็นดูปนอบอุ่น
อัครินทร์หัวเราะเบาๆ “งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยเลือกนะครับ ที่นี่สเต็กขึ้นชื่อเลย…แต่ณินไม่ค่อยทานเนื้อใช่ไหม?”
ญาณินพยักหน้าพร้อมหัวเราะ “ค่ะ พี่อัครจำได้ด้วย”
“พี่ก็ต้องจำได้สิ” อัครินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขากวาดตามองเมนูครู่หนึ่ง ก่อนเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร “เอาปลากะพงอบสมุนไพรกับสลัดผลไม้ครับ แล้วก็ไวน์ขาวหนึ่งขวด”
พนักงานโน้มตัวจดรายการอย่างสุภาพ ก่อนผละออกไป เหลือเพียงบรรยากาศสบายๆ ระหว่างทั้งคู่
ญาณินเอียงคอพิงมือพลางมองเขา “พี่อัครนี่สมบูรณ์แบบเสมอเลยนะคะ ไม่ว่าที่ไหน ทุกอย่างก็ดูพร้อมไปหมด”
“สมบูรณ์แบบงั้นเหรอ” เขายกยิ้มจางๆ “พี่ก็แค่ทำให้ดีที่สุดในทุกเรื่อง…โดยเฉพาะเรื่องที่สำคัญที่สุด”
“เรื่องที่สำคัญที่สุด?” เธอเลิกคิ้วถามกลับ
“ก็…ณินไง” อัครินทร์ตอบอย่างไม่ลังเล
คำพูดนั้นทำให้แก้มของญาณินขึ้นสีระเรื่อ เธอหัวเราะกลบเกลื่อน “ปากหวานอีกแล้วนะค่ะพี่อัคร”
บนโต๊ะอาหาร เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความอบอุ่น และความสมบูรณ์ของความรักของเขาทั้งคู่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!