เสียงฝีเท้าของวรัตน์ดังแผ่วเบาไปตามโถงสำนักงานใหญ่กลางใจเมือง ร่างเล็กในชุดเชิ้ตสีขาวเรียบกับกางเกง
สแลคดำกำเอกสารแน่นในมือ หัวใจเขาเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ตั้งแต่เห็นป้ายประกาศรับสมัครงานที่ติดอยู่หน้าบริษัท ธีรารักษ์กรุ๊ป อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝันอยากเข้าไปทำงาน
รับสมัครตำแหน่งเลขานุการประธานบริษัท 1 ตำแหน่ง (เฉพาะผู้สมัครเพศรองเบต้าเท่านั้น)
ตัวอักษรบนกระดาษประกาศยังคงติดตา วรัตน์จำได้แม่น แต่สิ่งที่เขาซ่อนเอาไว้ในใบสมัครคือความจริงที่ไม่มีใครควรรู้ เขาไม่ได้เป็นเบต้า แต่เป็นโอเมก้า
เพราะถ้าไม่โกหก เขาคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะยื่นใบสมัคร…
ก่อนเดินเข้าห้องสัมภาษณ์ วรัตน์เอื้อมมือหยิบขวดน้ำหอมจากในกระเป๋า ฉีดพรมทั่วร่างจนกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบที่เบต้ามักใช้ตลบอบอวลไปทั่ว ทั้งเพื่อกลบความกังวลของตนเอง และเพื่อปกปิดกลิ่นโอเมก้าที่อาจถูกใครบางคนจับได้
“ใจเย็นนะวรัตน์ นายต้องทำได้สิ…” เขาสูดลมหายใจลึก มือเรียวจับลูกบิดประตูพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้องที่อาจเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
ที่นั่น… เขาได้พบกับ ธีระ ประธานหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผู้มีสายตาคมกริบจนทำเอาวรัตน์ตัวสั่นวูบตั้งแต่เพียงแรกสบตา
......................
ห้องทำงานชั้นบนสุดของตึกใหญ่กว้างขวาง หรูหราและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่กดดัน เงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่เผยให้เห็นวิวเมืองที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา
วรัตน์นั่งลงอย่างเกร็งๆ ตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน มือเรียวกำชายกางเกงแน่นเหมือนกำลังหาที่พึ่งพิง หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา
ประตูปิดลงช้าๆ …ไม่นานชายร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น ธีระ ในชุดสูทเข้ารูป สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาและเสื้อกั๊กสีดำทับอยู่ ร่างสูงสง่างาม ก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง ก่อนจะทอดสายตาคมกริบมองมายังคนตัวเล็กที่กำลังนั่งรอ
เพียงแค่สบตาแรก วรัตน์ก็รู้สึกเหมือนถูกอ่านทะลุถึงข้างใน
“คุณ… วรัตน์สินะ” ธีระเอ่ยเสียงทุ้มเรียบ ก่อนวางแฟ้มประวัติลงบนโต๊ะ “บอกผมหน่อยสิ ว่าทำไมถึงอยากทำงานในตำแหน่งเลขานุการ”
วรัตน์สูดหายใจเฮือกใหญ่ พยายามกลบเกลื่อนความตื่นเต้นด้วยรอยยิ้มสุภาพ
“คือ… ผมคิดว่าตำแหน่งนี้เหมาะกับความสามารถของผมครับ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ผมมีทักษะด้านการจัดการเอกสาร การประสานงาน และสามารถทำงานภายใต้แรงกดดันได้… อีกเหตุผลหนึ่งคือ…”
เขาหยุดไปชั่วครู่ ดวงตาก้มต่ำ แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจที่ไม่อาจปิดบังได้
“ครอบครัวของผม… มีหนี้สินที่ต้องชำระ ผมเลยอยากหางานที่มั่นคง และสามารถรองรับภาระทางบ้านได้ครับ”
บรรยากาศเงียบลงทันที มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ
ธีระจ้องคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างพิจารณา ใบหน้าคมเข้มไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ในแววตากลับเหมือนกำลังวัดความหนักแน่นของคำพูดที่ได้ยิน
วรัตน์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกทดสอบ แม้ไม่ได้มีคำถามเฉียบคมใดๆ แต่เพียงสายตาของชายตรงหน้าก็กดดันจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
ธีระขยับกายเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มเรียบที่ทำให้หัวใจ
วรัตน์กระตุก
“เหตุผลตรงไปตรงมาดี… ครอบครัวเป็นหนี้สิน แต่คุณก็ยังกล้าที่จะยอมรับตรงๆ …”
ปลายนิ้วเรียวของธีระเคาะเบาๆ ลงบนแฟ้มเอกสาร
“ผมไม่สนใจอดีตหรือปัญหาของคุณหรอก สิ่งที่ผมต้องการคือ… คนที่สามารถทำงานให้ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
วรัตน์รีบพยักหน้า “ครับ ผมจะตั้งใจทำงานเต็มที่แน่นอน”
ธีระมองนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คล้ายรอยยิ้มที่หายากนัก
“ดี งั้น… คุณก็ได้ตำแหน่งแล้ว”
วรัตน์เงยหน้าขึ้นตาโตอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมาจากอก ความดีใจประดังเข้ามาในทันที แต่เขาก็รีบกดมันไว้ในใจ ไม่ให้แสดงออกเกินไป
ความจริงที่เขาเป็นโอเมก้า… จะถูกปกปิดไว้จะไม่มีใครรู้
แสงไฟสลัวในบ้านไม้สองชั้นย่านชานเมืองตัดกับความมืดของยามเย็น บนโต๊ะกินข้าวเก่าๆ มีเพียงกองเอกสารวางกองสูง มันคือใบแจ้งหนี้ที่กดทับหัวใจของคนเป็นแม่อย่างหนัก
วรัตน์ผลักประตูเข้ามาอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ทันทีที่เห็นแผ่นหลังบอบบางของมารดาซึ่งนั่งก้มหน้ามองกระดาษกองนั้น เขาก็รีบเดินเข้าไปหา
“แม่…” เสียงทุ้มแผ่วเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวไปนั่งข้างๆ มือเล็กเอื้อมไปแตะหลังมือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของผู้หญิงที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก
คนเป็นแม่เงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความกังวลที่ไม่เคยหายไปจากทุกวัน “วรัตน์… หนี้ก้อนนี้มันมากเหลือเกิน แม่ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาจ่ายแล้ว”
วรัตน์ยกยิ้มอ่อนโยน ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายขึ้นทั้งที่หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะจากความกังวลตลอดวัน “แม่ครับ… ไม่ต้องห่วงนะ ผมได้งานแล้ว”
“จริงเหรอลูก!” แม่เบิกตากว้าง จับมือของเขาแน่นด้วยแรงดีใจ
วรัตน์พยักหน้าแรง “ครับ ผมได้ทำงานเป็นเลขาของท่านประธานบริษัทธีรารักษ์กรุ๊ป เงินเดือนสูงแน่นอน เราจะเริ่มมีเงินมาจ่ายหนี้แล้วครับแม่”
น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เอ่อล้นออกมาบนดวงหน้าของผู้เป็นแม่ทันที “ดีจริงๆ… ดีใจด้วยนะวรัตน์ลูกแม่…”
วรัตน์กุมมือแม่ไว้แน่น ความรู้สึกอบอุ่นแล่นเข้ามาเต็มหัวใจ เขารู้ดีว่าภาระนี้มันหนักแค่ไหน แต่ต่อให้ต้องเสี่ยงแค่ไหน เขาก็เลือกแล้วที่จะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว
......................
เช้าวันถัดมา
กลิ่นกับข้าวลอยอบอวลไปทั่วบ้าน โต๊ะอาหารไม้ถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความใส่ใจของแม่ที่ตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารให้ลูกชาย
“กินเยอะๆ นะลูก วันนี้วันแรกของงานใหม่ ต้องมีแรงไว้สู้กับมัน” แม่ยื่นถ้วยข้าวที่ตักให้
“ครับแม่” วรัตน์ยิ้มบางๆ นั่งกินข้าวอย่างเรียบร้อย ภายในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังปนความกังวล วันนี้… จะเป็นวันแรกที่ต้องเจอกับงานจริง และ… เจอกับท่านประธานธีระอีกครั้ง
เสียงน้องสาวตัวเล็กที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นใสซื่อ
“พี่วรัตน์ได้ทำงานใหญ่แล้ว ต้องอย่าลืมส่งหนูไปโรงเรียนด้วยนะ!”
วรัตน์หัวเราะเบาๆ ยกมือไปลูบศีรษะน้อง “แน่นอนครับ หนูคือกำลังใจของพี่เลย”
หลังมื้อเช้า เขาจัดแจงแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา กางเกงสแลคเข้ารูป และฉีดน้ำหอมกลบกลิ่นโอเมก้าเช่นเคย ก่อนจะหยิบกระเป๋าทำงานขึ้นบ่า
“แม่ครับ ผมไปก่อนนะครับ”
“โชคดีนะลูก… ทำเต็มที่ แม่กับน้องเป็นกำลังใจให้เสมอ”
เสียงอวยพรอบอุ่นดังตามหลังไปจนประตูบ้านปิดลง ร่างเล็กก้าวออกไปสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความลับที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้
วันนี้… คือวันแรกในฐานะ เลขานุการของธีระ คนที่อาจเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
เสียงก้าวเดินของผู้คนดังสะท้อนก้องไปตามโถงสำนักงานชั้นบนสุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเร่งรีบและเคร่งเครียด ทุกคนดูเหมือนมีงานล้นมือจนแทบไม่มีเวลาเงยหน้าขึ้นมา
วรัตน์ก้าวตามเลขาสาวรุ่นพี่เข้ามาจนถึงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องประธาน โต๊ะนั้นคือ โต๊ะเลขาของท่านประธาน ตำแหน่งใหม่ที่เขากำลังจะรับช่วงต่อ
แต่สิ่งแรกที่เห็นคือ…
กองเอกสารสูงจนแทบจะล้มทับ
ตารางงานที่วางกองไว้ในถาดจัดเรียง แฟ้มรายงานหลายสิบเล่มที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ และบันทึกการนัดหมายที่ถูกขีดเขียนไว้จนแทบล้นออกมา
วรัตน์ยืนตัวแข็งอยู่หน้าโต๊ะ ใบหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นปริมาณงานที่เกินกว่าที่เคยเจอมาก่อน
“เอ่อ… นี่คือ…” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มตรงไหน
เลขารุ่นพี่ที่ยืนกอดแฟ้มอยู่ข้างๆ เหลือบตามองกองงานนั้นก่อนถอนหายใจเบาๆ
“ใช่… นี่แหละ งานของเลขาประธาน ถ้าจะอยู่ตำแหน่งนี้ได้ ต้องจัดการกับทั้งหมดนี่ให้เป็นระบบ ไม่งั้นโดนตำหนิแน่”
วรัตน์กลืนน้ำลายลงคอ ฝ่ามือที่กำเอกสารแน่นเริ่มมีเหงื่อซึม
“พะ…พี่ครับ แล้วผมต้องเริ่มจากตรงไหนดี”
เลขาสาวเหลือบมองเขาเล็กน้อย คลี่ยิ้มบางๆ อย่างเข้าใจ
“ใจเย็นๆ ก่อน วันนี้พี่จะช่วยสอนงานให้… แต่ตอนนี้พี่ติดธุระด่วน ต้องลงไปข้างล่างสักพัก”
เธอวางแฟ้มในมือลงบนกองเอกสาร “งั้นวรัตน์ ช่วยเก็บกวาดโต๊ะนี้ให้เรียบร้อยก่อนนะ อย่างน้อยก็จัดให้ดูเป็นระเบียบ เดี๋ยวพี่กลับมาจะสอนงานให้”
พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้วรัตน์ยืนอยู่ลำพังท่ามกลางภูเขาเอกสาร
บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ในอก ร่างเล็กค่อยๆ ยกมือแตะแฟ้มที่กองซ้อนกันสูง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก
“ไม่เป็นไรวรัตน์… นายทำได้ นายต้องทำให้ได้… เพื่อแม่ เพื่อครอบครัว…”
วรัตน์พึมพำกับตัวเองเบาๆ เเละเริ่มต้นด้วยการจัดแฟ้มที่วางเกะกะให้เรียงตามหมวดหมู่ แยกบันทึกการนัดหมายที่สำคัญออกมาวางไว้ด้านบน และค่อยๆ ตรวจสอบปฏิทินงานทีละแผ่นด้วยความระมัดระวัง แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เขาตั้งใจไม่ให้มือสั่นไปมากกว่านี้
กระทั่งแสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านกระจกสูงข้างหลังมา
วรัตน์ยังคงยืนอยู่หน้าโต๊ะอย่างตั้งใจ… จนกระทั่งเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง
“เลขาคนใหม่?”
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก หันไปเจอกับ ธีระ ที่ยืนมองเขาด้วยสายตาคมกริบ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเข้ารูปทำให้บรรยากาศรอบข้างดูหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม
และนี่… คือการเผชิญหน้าครั้งแรกในฐานะเลขาโดยสมบูรณ์
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!