"เดสมาเทียร์ยอมแพ้ซะเถอะ! พวกเราจะไม่ยอมให้แกมาทำลายโลกอันแสนสงบสุขของพวกเราเด็ดขาด!!"
เสียงจากโทรทัศน์ยังคงดังกึกก้องอยู่ในห้องนั่งเล่นเด็กชายผมสีดำแซมขาวมีดวงตาสีดำนั่งอยู่บนโซฟากำลังจ้องมองจอที่กำลังฉายอนิเมะฮีโร่เรื่องดัง
แอ๊ด~เสียงประตูถูกเปิดออกและมีคนเดิรเข้ามาแต่เด็กชายไม่ได้รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งศีรษะเล็กขยับเข้ามาเกยคางอยู่บนหัวของเขาผมยาวสลวยสีเงินทอดตัวยาวลงมา ปลายผมไล่เฉดสีอ่อนลงจนเกือบขาว
"พี่เอเลน?"
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเด็กสาวที่ก้มลงมามองเขาเช่นกัน
ดวงตาสีดำมืดของนอร์นและดวงตาคู่สีเขียวอมฟ้าของเอเลนจ้องมองกันและกัน
ฮึบ! เอเลนใช้มือสองข้างจับโซฟาและค่อยๆยกตัวขาขึ้นทีละข้างลอยขึ้นจากพื้นเป็นท่าหกสูงก่อนจะทิ้งตัวลงมานั่งลงข้างน้องชายอย่างนิ่มนวล
เด็กน้อยไม่ประหลาดใจกับสิ่งที่พี่สาวทำอยู่ตรงหน้ามากนัก เพราะเขาเคยเห็นสิ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าของเด็กสาวมาก่อนแล้ว
"ดูอะไรอยู่เหรอ นอร์น?" เอเลนเอ่ยถามเสียงอ่อนโยนพลางลูบผมสีเข้มของน้องชายเบาๆ
นอร์นหันมามองพี่สาว แววตาฉายแววเบื่อหน่ายเล็กน้อย "อนิเมะฮีโร่น่ะพี่เอเลน ดูไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรสนุกเลย"
เอเลนหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของน้องชาย เธอขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น
"ถ้าเบื่อละก็ งั้นมาเล่นเกมกับพี่แทนเอาไหม" เอเลนยิ้มกริ่ม
"เกม? เกมอะไรหรอ?" นอร์นถามอย่างสนใจ
"พี่ขอตั้งชื่อเกมนี้ว่า 'เกมฝึกฮีโร่'" เอเลนยิ้มกว้างขึ้น
นอร์นจากตอนแรกที่ดูเบื่อๆเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย "แล้วเราจะเล่นกันยังไงหรอ?"
นอร์นจ้องมองพี่สาวอย่างใสซื่อก่อนที่เขาจะถูกลากไปโรงฝึก
ปัจจุบันคนทั้งสองอยู่ในชุดสีขาวและยืนห่างกันห้าเมตร
"เข้ามาเลย" เอเลนเรียก
"จะให้ผมต่อยพี่เนี่ยน่ะ ไม่เอาด้วยหรอก" นอร์นปฏิเสธทันที
"ถ้าไม่ทำอย่างงั้นก็เล่นกันไม่ได้น่ะสิ" เอเลนยิ้มอย่างไม่ลดละ
"เราหาอย่างอื่นเล่นกันไม่ได้หรอ?" นอร์นถามแต่ เอเลนกลับไม่ตอบและพูดอย่างอื่นขึ้นมาแทน
"ถ้านอร์นชนะพี่ได้ พี่จะทำตามคำขอของนอร์นหนึ่งอย่าง" เอเลนเสนอ
ดวงตาของเด็กชายแม้จะดำมืด แต่มันกลับดูส่องประกายขึ้นมาชั่วขณะก่อนจะจางหายไป
"แต่ผมไม่อยากทำร้ายพี่..." นอร์นพูดเบาๆ
เอเลนที่เห็นน้องชายไม่อยากทำจริงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเสนอ "งั้นแค่แตะตัว ถ้าแตะตัวพี่ได้ก็ชนะไปเลย"
"แต่กลับกัน ถ้านอร์นแตะไม่ได้ นอร์นจะต้องทำตามคำขอของพี่หนึ่งอย่างด้วยนะ" เอเลนเสริมเงื่อนไข
"พี่พูดจริงน่ะ" นอร์นถามย้ำ
"พี่เคยโกหกนอร์นด้วยหรอ?" เอเลนเลิกคิ้ว
นอร์นจ้องมองเอเลนอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูด "งั้นผมจะเข้าไปแล้วนะ"
เอเลนที่เห็นว่านอร์นจริงจังขึ้นมาแล้วก็ยิ้ม จากนั้นทั้งสองก็เริ่มเล่นเกมกัน
1 ชั่วโมงต่อมา...
แฮก..แฮก..แฮก
นอร์นนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว เสื้อผ้าเปียกชุ่ม
'แตะตัวไม่ได้เลย...' นอร์นคิดพลางเหลือบมองพี่สาวที่ดูยังคงสบายๆ เหมือนกันกับตอนแรกที่มา ไม่มีแม้แต่รอยเหงื่อบนใบหน้าสวย
"ยังจะเล่นต่ออยู่ไหม พี่ไม่ได้จำกัดเวลาน่ะ" เอเลนถามเสียงนุ่มนวล
"ผมยอมแพ้แล้ว" นอร์นตอบอย่างอ่อนแรง
"งั้นตามข้อตกลง ทำตามคำขอของพี่หนึ่งอย่าง" เอเลนยิ้ม
นอร์นลุกขึ้นนั่งและรอฟังอย่างใจจดใจจ่อว่าพี่สาวผู้มีทุกอย่างอยากได้อะไรจากเขา
"อย่าทิ้งพี่ไปไหนน่ะ" เอเลนพูดเสียงแผ่วเบา แต่แววตาดูจริงจัง
"แค่นั้นเองหรอ?" นอร์นถาม
"อืม" เอเลนพยักหน้า
"ผมจะไม่ทิ้งพี่ไปไหน" นอร์นตอบ
"ถ้างั้นสัญญากับพี่นะ" เอเลนยื่นนิ้วก้อยออกมา
"อืม ผมสัญญา" นอร์นยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวก้อยกับพี่สาวด้วยรอยยิ้ม
และทั้งสองก็เกี่ยวก้อยกัน
เช้าวันต่อมา...
นอร์นในชุดนักเรียนกำลังจะเดินออกจากบ้านแต่ก็ถูกเอเลนหยุดไว้ที่หน้าประตู
"พี่มีอะไรหรอ?" นอร์นถาม
"ช่วงนี้พี่ได้ยินข่าวมาว่าเด็กหลายคนของเมืองข้างๆ หายตัวกันไปตอนกลับจากโรงเรียนก็รีบกลับมาเลยนะ" เอเลนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
นอร์นพยักหน้าหงึกๆ รับคำ เขารู้ว่าพี่สาวเป็นห่วงมากแค่ไหน เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่มี 'กิฟต์' ที่จะใช้ปกป้องตัวเองได้เลย...
"พี่ก็ระวังตัวด้วยนะ" นอร์นเองก็อดเป็นห่วงพี่ของตนไม่ได้เหมือนกัน
เพราะเธอเองก็ไม่มีกิฟต์เช่นเดียวกัน
เสียงจอแจในโรงเรียนประถมดังระงมยามเที่ยงนอร์นนั่งอยู่ตรงมุมในโรงอาหารที่คุ้นเคยกำลังตักข้าวเข้าปากอย่างเงียบๆเมินเฉยต่อความวุ่นวายรอบตัวตรงข้ามกับเขาคือลุคเด็กชายผมแดงตาสีแดงอ่อนดูเย็นชาและไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่ถึงอย่างนั้นลุคก็เป็นเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของนอร์น
"นอร์น ไม่กินผักเหรอไง?" ลุคเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเรียบๆเมื่อเห็นนอร์นเขี่ยผักออกจากจานนอร์นได้แต่ส่ายหน้าเบาๆตอบ "มันไม่อร่อย"
ลุคจ้องมองอย่างนิ่งๆก่อนจะตักผักขึ้นมาชิม เขาเคี้ยวมันด้วยใบหน้าเรียบนิ่งจนยากจะคาดเดาความรู้สึก "ก็จริง" ลุคยอมรับแต่ถึงจะกล่าวงั้นเขาก็ยังคงกินมันทั้งหมดอยู่ดี
"เฮ้ยพวกนาย ไปสำรวจป่าท้ายหมู่บ้านกันไหม!" เสียงของเด็กชายคนหนึ่งจากกลุ่มมุมห้องดังขึ้นมา
"ที่อาจารย์เตือนในตอนเช้านะเหรอ?" อีกคนถามอย่างไม่แน่ใจ
"เอ็งเอาจริงดิ?"
"เออ ถ้าใครไม่ไปฉันจะเรียกว่าไอ้ขี้ขลาดไปตลอดเทอมนี้เลย!" จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังตามมาอย่างสนุกสนาน
นอร์นเหลือบมองเพียงครู่เดียว เขาไม่ได้ใส่ใจกับบทสนทนานั้นมากนักก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
"เจ้าพวกนั้นชอบหาเรื่องใส่ตัวกันจริงๆ" ลุคหันมองกลุ่มเด็กชายพร้อมกล่าวเสียงเรียบก่อนจะหันกลับมา
แต่ในจานข้าวที่เคยว่างเปล่าของลุคบัดนี้กลับปรากฏผักจำนวนมากกองรวมกันอยู่
"นอร์น อย่าตักผักของนายโยนมาใส่จานฉันสิ" ลุคมองนอร์นด้วยคิ้วที่กระตุกอย่างเห็นได้ชัดแต่นอร์นก็ยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ไม่นานนักเสียงออดบอกเวลาเรียนคาบบ่ายก็ดังขึ้นนักเรียนต่างทยอยกันกลับเข้าห้องเรียน นอร์นกับลุคเดินเข้าห้องเรียนวิชาต่อไปซึ่งเป็นวิชาหลักของที่นี่ทุกคนต่างจับจองที่นั่งเงียบ ๆเพื่อรออาจารย์เข้ามาสอน
อาจารย์เอลล่าสาวใหญ่ท่าทางใจดีและเปี่ยมด้วยความรู้เดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้ม "สวัสดีนักเรียนทุกคน วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่อง กิฟต์กันต่อซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัว"
อาจารย์เอลล่าเดินไปที่กระดานดำและเริ่มสอน
กิฟต์หรือพลังวิเศษต้นกำเนิดของมันไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ากิฟต์เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือกิฟต์เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางวิวัฒนาการของมนุษย์ที่เกิดจากคลื่นพลังงานลึกลับที่แผ่กระจายไปทั่วโลกเมื่อหลายร้อยปีก่อนคลื่นพลังงานนี้ได้ปลุกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในยีนส์ของมนุษย์บางคนและทำให้พวกเขาสามารถใช้พลังพิเศษได้
โดยกิฟต์จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
ประเภทกายภาพ เป็นกิฟต์ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความสามารถทางกายภาพของผู้ใช้ เช่น ความแข็งแกร่ง ความเร็ว ความทนทาน หรือการเปลี่ยนแปลงร่างกายให้มีลักษณะพิเศษ เช่นงอกปีกเพื่อใล้บิน เสริมผิวหนังให้แข็งแกร่งหรือแขนที่ยืดยาว
ประเภทพลังงาน เป็นกิฟต์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง ควบคุม หรือเปลี่ยนแปลงพลังงานต่าง ๆ บนโลก เช่น ไฟ น้ำ ลม ดิน สายฟ้า หรือแม้กระทั่งพลังงานที่มองไม่เห็นอื่นๆ
อย่างสุดท้ายก็คือกิฟต์ประเภทพิเศษ
กิฟต์ประเภทนี้ไม่สามารถประเมินได้ตามสามัญสำนึกความสามารถของมันจะเป็นอะไรก็ได้
...
เมื่อเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้นประตูโรงเรียนก็เปิดออกนักเรียนต่างพากันเดินออกมาจับกลุ่มกันหน้าประตูโรงเรียนเสียงเจื้อยแจ้วของการพูดคุยและเสียงหัวเราะดังระงมไปทั่วลุคกับนอร์นเดินกลับบ้านด้วยกันตามปกติบรรยากาศเงียบสงบในแบบของพวกเขา
"วันนี้เหนื่อยชะมัด" นอร์นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"โทษทีนะที่วันนี้ต้องกินผักเยอะขนาดนั้น" ลุคพูดประชดประชันเล็กน้อยขณะที่พวกเขาเดินผ่านพุ่มไม้ข้างทาง
นอร์นทำแค่ส่ายหน้ายิ้มไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ซึ่งเป็นปกติของเขาแต่เพียงชั่ววินาทีต่อมาเขากลับขมวดคิ้วมุ่นและหยุดเดิน
ลุคที่เห็นนอร์นหยุดหันมองด้วยความสงสัยและกำลังจะถามแต่เด็กชายกลับทำนิ้วเป็นสัญญาณให้เงียบ
ปราศจากเสียงเดินของทั้งสองทุกอย่างกลายเป็นเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงลม
สถานที่ที่เคยพลั้งพูไปด้วยผู้คนตอนนี้กลับมีเพียงเด็กชายสองคน
ลุคเองก็เริ่มสังเกตเห็นเขาเริ่มรู้สึกกังวลแต่นอร์นนั้นยิ่งกว่า
เขามีสัมผัสที่ไว้ต่ออันตรายกว่าคนอื่นๆสถานการณ์ในเวลานี้มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกหล่นวูบ
เพียงพริบตาเดียวที่เขาเริ่มมองเห็นภาพต่างๆกลายเป็นบิดเบี้ยวสติเริ่มหลุดลอย
ตุบ...ลุคล้มลงหมดสติก่อนนอร์นพยายามคงสติแต่สุดท้ายเขาก็ล้มลง
แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติเขาได้ยินเสียงเอ้อระเหยสายหนึ่งดังขึ้น
"ถ้าจะลักพาตัวเด็กมันก็ต้องโรงเรียนนี้ล่ะน่า~"
ชายชุดดำส่วมสวมหน้ากากตัวตลกเดินเข้ามาพร้อมกับพรรคพวกของเขาอีกสองคน
คลายภาพหลวงตา
ชายหน้ากากตัวตลกดีดนิ้วภาพทางเดินโล่งๆเปลี่ยนไปในเวลานี้ทั่วทั้งทางเดินเต็มไปด้วยเหล่าเด็กๆที่กำลังนอนหลับไหลอยู่บนพื้น
หนึ่งในนั้นคือลุคและนอร์น
ครืน~ครืน~
นอร์นเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกไม่คุ้นเคยความมืดมิดเข้าปกคลุมทุกสิ่งเพราะดวงตาของเขาถูกผ้าเนื้อหยาบปิดไว้แน่น มือและเท้าของเขาถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจมือ
ลุค! เขาพยายามจะเรียกชื่อเพื่อน แต่เพราะถูกปิดปากเอาไว้มันจึงออกมาเป็นเสียงอูอี้แทน
เสียงเครื่องยนต์คำรามก้องอยู่ในโสตประสาทของนอร์นความสั่นสะเทือนของรถที่วิ่งไปตามถนนขรุขระทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกโยนไปมาในถุง
หัวใจของเด็กน้อยรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกความกลัวเริ่มคืบคลานเข้าสู่จิตใจเขาพยายามรวบรวมสติ ค่อยๆ ขยับตัวเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ
เขาสัมผัสได้ถึงพื้นผิวที่เย็นและแข็งกระด้างใต้ร่างคงเป็นพื้นของรถบรรทุกเขาได้ยินเสียงหายใจแผ่วๆ และเสียงขยับตัวเล็กน้อยอยู่รอบๆ ตัว ซึ่งบ่งบอกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว นอร์นพยายามใช้สมาธิเพื่อรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวให้มากที่สุด
ทันใดนั้น รถบรรทุกก็เริ่มชะลอความเร็วลงและค่อยๆ จอดสนิท เสียงเครื่องยนต์ดับลง ตามมาด้วยเสียงประตูรถที่เปิดออก แสงสว่างจ้าสาดเข้ามาจากด้านนอก ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่นอร์นก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของแสงรอบตัว
เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวขึ้นมาบนรถ พร้อมกับเสียงพูดคุยที่แผ่วเบาแต่ฟังดูคุกคาม นอร์นเกร็งตัว แกล้งทำเป็นยังคงหมดสติ เขาพยายามควบคุมการหายใจให้เป็นปกติมากที่สุด
"เอาพวกมันลงไปขังไว้ในกรง" เสียงทุ้มต่ำที่ไม่คุ้นเคยสั่ง
นอร์นรู้สึกถึงมือที่หยาบกร้านสัมผัสตัวเขา ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกยกขึ้นและลากออกไปจากรถบรรทุก เขาได้ยินเสียงเด็กคนอื่นๆ ถูกลากลงไปเช่นกัน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถูกทำให้เงียบลง
เท้าของเขาแตะพื้นดินที่เย็นเฉียบและเต็มไปด้วยกรวดหิน กลิ่นอับชื้นและกลิ่นดินโคลนลอยเข้ามาในจมูก บ่งบอกว่าพวกเขาอาจจะอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากความเจริญ
คลืน~ปึง!
เสียงประตูปิดลงนอร์นยังไม่รีบขยับเขารอจนแน่ใจก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ดวงตาของเขายังคงถูกผ้าปิดไว้ทำให้เขามองไม่เห็นรอบตัว
นอร์นพยายามเอาผ้าปิดตาออกอย่างยากลำบากจนในที่สัดเขาก็กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เด็กหนุ่มหันมองสำรวจรอบตัวเวลานี้เป็นตอนกลางคืนทำให้มันมืดมากแต่เขายังสามารถเห็นเด็กคนอื่นๆจากแสงจันทร์ที่สาดส่องเขามา
นอร์นไม่รีบที่จะปลุกเด็กคนอื่นๆเขาก้มลงมองมทอและเท้าที่ถูกล็อกด้วยกุญแจมือ แต่มันดูไม่เหมือนกุญแจมือปกติเขาเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน
'เคยเห็นมันจากที่ไหนกันนะ?'นอร์นคิดก่อนจะพยายามเอาออกและปรากฏว่ามันหลุดออกได้อย่างง่ายดาย
'...'นอร์นอ้าปากค้าง
แต่ในขณะที่เขากำลังอึ้งเสียงใสสายหนึ่งก็ดังขึ้น
"เปล่าประโยชน์"
"กุญแจมือนั้นนะเป็นของที่เอาไว้ใช้ผนึกกิฟต์ ถึงมันจะเป็นรุ่นเก่าแต่เด็กอย่างนายก็ไม่มีทางแกะมันออกได้ง่ายๆหรอก"
นอร์นหันหน้าไปตามเสียงก่อนจะเห็นเจ้าของเสียง
เธอเป็นเด็กสาวดูจากรูปลักษณ์อายุน่าจะไล่เลี่ยกันเธอมีผมสีชมพูดวงตาสีแดงอ่อนอยู่ในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนคุณหนูสีขาวนํ้าเงิน
เธอกำลังจะพูดต่อแต่เมื่อเห็นว่ากุญแจมือผนึกกิฟท์ของนอร์นมันเปิดอยู่ก็อ้าปากค้าง
นายทำมันได้ยังไง?
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!