NovelToon NovelToon

หลุดมาในโลกมายฮีโร่

บทที่ 1: การตื่นขึ้นในโลกใหม่

"สึคาสะ..."

เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นในความมืดมิด ก่อนที่ความเย็นยะเยือกจะปลุกให้ดวงตาของผมเปิดขึ้น ผมกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัส ภาพแรกที่เห็นไม่ใช่เพดานห้องนอนคุ้นเคย แต่เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันพร่างพราย

ผมลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงง สัมผัสได้ถึงพื้นผิวที่หยาบกร้านของตรอกแคบ ๆ แห่งหนึ่ง กลิ่นอับชื้นและขยะที่กองสุมกันอยู่ข้างกายทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้... ผมกำลังเดินกลับบ้านตามปกติ ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมมาโผล่ที่นี่ได้เลย

ผมยกมือขึ้นจับศีรษะที่กำลังปวดตุบ ๆ และทันใดนั้นเอง ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าที่กระจัดกระจายก็ผุดขึ้นมาในหัว ผมจำได้ว่ามีแสงสว่างจ้าดวงหนึ่งพุ่งเข้าใส่ผมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไป

"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?" ผมพึมพำกับตัวเอง

ผมสำรวจตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวและเนคไทสีดำเข้าชุดกับเสื้อสูทสีเข้มยังคงสะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิม ยกเว้นแค่รอยเปื้อนเล็กน้อยบนแขนเสื้อจากฝุ่นผง ผมเดินออกมาจากตรอกและพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางเมืองที่ไม่คุ้นตา ตึกระฟ้าสูงเสียดฟ้าประดับไปด้วยป้ายโฆษณาที่เรืองแสงหลากสีสัน ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาอย่างเร่งรีบ แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดคือมีคนหลายคนที่มีลักษณะแปลกประหลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ บางคนมีเขาเหมือนแพะ บางคนมีหางเหมือนแมว และบางคนก็มีแขนที่ดูเหมือนจะเป็นหิน

ขณะที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนสองกลุ่มกำลังปะทะกันอยู่ไม่ไกลนัก กลุ่มหนึ่งแต่งกายในชุดแปลก ๆ และมีรูปร่างที่ดูเป็นปีศาจ อีกกลุ่มหนึ่งแต่งกายด้วยชุดฮีโร่หลากสีสันและกำลังใช้อัตลักษณ์ของตัวเองเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด

"นี่มัน... โลกของ My Hero Academia!?" ผมอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ผมในฐานะที่เป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้คนหนึ่งจำได้ว่านี่คือโลกที่ผู้คนมีอัตลักษณ์ หรือพลังพิเศษที่แตกต่างกันออกไป

แต่ก่อนที่ผมจะได้ตั้งสติได้มากกว่านี้ ก็มีบางสิ่งพุ่งเข้าใส่ผมอย่างรวดเร็ว ผมเบี่ยงตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียดด้วยสัญชาตญาณ ก่อนที่หางเหล็กขนาดใหญ่จะฟาดเข้ากับกำแพงด้านหลังผมอย่างรุนแรงจนเกิดรอยบุบขนาดใหญ่

ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของหางเหล็กนั้น เขาคือคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่และดูเหมือนจะเป็นวายร้าย กำลังพุ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วสูง ผมยกมือขึ้นตั้งการ์ดอัตโนมัติ และทันใดนั้นเอง...

บางอย่างในตัวผมก็พลันตื่นขึ้น ผมรู้สึกถึงพลังที่มืดมิดและเย็นยะเยือกไหลเวียนไปทั่วร่าง ดวงตาของผมส่องประกายด้วยสีน้ำเงินอมเทา และรอบตัวผมก็เริ่มมีเงาคล้ายควันที่หมุนวนอยู่รอบกาย เงาเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นวงกลมขนาดเล็กตรงฝ่ามือของผม ก่อนจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและดูดซับแสงสว่างทั้งหมดจากบริเวณนั้นไปชั่วขณะ

เปรี้ยง!

เงาที่ผมสร้างขึ้นปะทะเข้ากับหมัดของวายร้ายอย่างจัง ทำให้เขาต้องกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวอย่างงุนงง

"อัตลักษณ์อะไรกันเนี่ย?!" วายร้ายคนนั้นอุทานออกมาอย่างตกใจ

ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ผมไม่เคยมีพลังแบบนี้มาก่อน แต่ผมกลับรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างประหลาด ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของตัวผมมาแต่ไหนแต่ไร

"อัตลักษณ์นี้..." ผมพึมพำกับตัวเอง "มันทำให้ทุกสิ่งรอบตัวมืดมนราวกับเป็นคราสสุริยุปราคา"

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของผม "อัตลักษณ์ที่น่าสนใจจริง ๆ... ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้ฝึกฝนมันเลยสินะ"

ผมหันกลับไปมองและพบกับชายชราที่ดูมีเมตตาคนหนึ่ง เขามีรูปร่างเล็ก แต่มีท่าทีที่ดูสง่างาม เขาสวมเสื้อสูทสีอ่อนและมีผ้าพันคอสีขาวรอบคอ

"คะ... คุณคือ... เนซุ!" ผมเอ่ยชื่อออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา นี่คือครูใหญ่โรงเรียน UA. สุดยอดโรงเรียนสำหรับฮีโร่!

"อืม... เจ้าคงจะรู้จักข้าสินะ" ครูใหญ่เนซุเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ข้าเพิ่งจะมาถึงและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าพอดี ดูเหมือนเจ้าจะตกลงมาจากที่สูงด้วย... หรือไม่ก็มาจากที่ไกลมาก ๆ"

ครูใหญ่เนซุเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น และยกมือขึ้นลูบคางอย่างพิจารณา "ข้าเห็นแววในตัวเจ้า... พลังที่สามารถดูดซับแสงสว่างได้เป็นอัตลักษณ์ที่น่าทึ่งมาก แต่มันยังไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ"

"ข้าไม่รู้ว่านี่คือพลังอะไร... ผมเพิ่งรู้ตัวว่ามีมันเมื่อกี้เอง" ผมสารภาพออกไปตามตรง

"นั่นยิ่งน่าสนใจ" ครูใหญ่เนซุยิ้มกว้าง "ถ้าอย่างนั้น... เจ้าสนใจที่จะมาเรียนที่โรงเรียน UA. กับข้าไหม? ข้าจะช่วยเจ้าควบคุมพลังนี้และสอนให้เจ้าเป็นฮีโร่ที่ดี"

ผมมองไปยังครูใหญ่เนซุอย่างอึ้ง ๆ การถูกเชิญให้เข้าเรียนในโรงเรียนฮีโร่อันดับหนึ่งของโลกในวันที่ผมเพิ่งจะหลุดมายังโลกใบนี้ มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะจินตนาการได้

"ผม..." ผมลังเลเล็กน้อย "ผมควรจะไปกับคุณเหรอครับ?"

ครูใหญ่เนซุหัวเราะเบา ๆ "เจ้าไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ จริงไหม? เจ้าหลุดมาในโลกที่เจ้าไม่รู้จัก... และข้าก็คือคนเดียวที่สามารถช่วยเจ้าได้ในตอนนี้"

ผมมองไปยังกลุ่มฮีโร่ที่กำลังเก็บกวาดวายร้ายอยู่ไกล ๆ มองไปยังผู้คนที่กำลังชื่นชมยินดีกับการต่อสู้ และมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ผมเพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก

"ก็จริงครับ..." ผมเอ่ยออกมาเบา ๆ "ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว"

ผมเงยหน้าขึ้นมองครูใหญ่เนซุ "ถ้าอย่างนั้น... ได้โปรดนำทางผมด้วยครับ"

ครูใหญ่เนซุยิ้มอย่างพอใจ "ยินดีต้อนรับสู่โลกของฮีโร่... สึคาสะ"

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้มาพร้อมกับอัตลักษณ์ "Eclipse" ในโลกที่เต็มไปด้วยฮีโร่และวายร้าย

โปรดติดตามตอนต่อไป...

บทที่ 2: บททดสอบของฮีโร่และดวงจันทร์สีดำ

เช้าวันรุ่งขึ้น สึคาสะยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียน UA. ที่สูงเสียดฟ้าด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันไปหมด ทั้งตื่นเต้น ประหม่า และยังคงสับสนกับโลกใบใหม่นี้ เขาสวมชุดนักเรียนใหม่เอี่ยมซึ่งเป็นเสื้อสูทสีเทาและกางเกงสีเข้มที่ครูใหญ่เนซุได้จัดเตรียมไว้ให้เป็นการพิเศษ

เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในอาคารเรียนขนาดมหึมา สึคาสะรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่มากกว่าโรงเรียน เสียงพูดคุยที่ดังอึกทึกบ่งบอกว่าเขาไม่ได้มาสายเกินไป เขาตามหาห้องเรียน 1-A ที่ครูใหญ่เนซุได้บอกไว้ และเมื่อเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือห้องเรียนขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนนั่งอยู่เต็มไปหมด ทุกคนต่างมีลักษณะที่โดดเด่นและอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป

"นั่นไง! คนใหม่ที่ครูใหญ่เนซุพามา" เสียงของเด็กหนุ่มผมสีเขียวเข้มคนหนึ่งดังขึ้น เขาคือมิโดริยะ อิซึคุ หรือ 'เดกุ' ที่สึคาสะจำได้จากในการ์ตูน

ทุกคนหันมามองที่สึคาสะเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มผมสีเงินครึ่งดำยกมือทักทายอย่างเก้อเขิน ก่อนจะเดินไปหาที่นั่งว่างตรงกลางห้อง ทันใดนั้น ประตูห้องเรียนก็เปิดออกอีกครั้ง และมีผู้ชายผมยาวสีดำดูซอมบี้คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับถุงนอนสีเหลือง

นั่นคือ ไอซาวะ โชตะ หรือ อีเรเซอร์เฮด ครูประจำชั้นห้อง 1-A

"ถ้าพวกเธออยากจะเป็นฮีโร่ที่ดีจริง ๆ ก็หุบปากแล้วมาฟังครู" ไอซาวะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เนือย ๆ แต่น่าเกรงขาม "วันนี้เราจะทำ 'การทดสอบอัตลักษณ์' กัน"

คำพูดของไอซาวะสร้างความสับสนให้แก่นักเรียนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสึคาสะที่เพิ่งจะค้นพบอัตลักษณ์ของตัวเองได้ไม่นาน การทดสอบนี้จะวัดความสามารถของอัตลักษณ์แต่ละคนโดยที่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรบ้าง

การทดสอบเริ่มต้นด้วยการขว้างลูกซอฟต์บอล สึคาสะยืนมองนักเรียนคนอื่นทำทีละคน แต่ละคนใช้อัตลักษณ์ของตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง เช่น อุรารากะ โอชาโกะ ที่ทำให้ลูกบอลลอยขึ้นไปในอากาศได้อย่างไร้ขีดจำกัด หรือบาคุโก คัตสึกิ ที่ใช้ระเบิดจากฝ่ามือเพื่อขับเคลื่อนลูกบอลไปข้างหน้า

เมื่อถึงคิวของสึคาสะ เขายืนนิ่งอยู่กลางสนาม ไอซาวะมองเขาด้วยสายตาที่สงสัย "นายเป็นคนใหม่ที่ครูใหญ่พามาสินะ... แสดงให้พวกเราเห็นหน่อยซิว่าอัตลักษณ์ของนายคืออะไร"

สึคาสะหลับตาลงและรวบรวมสมาธิ เขานึกถึงความรู้สึกในคืนที่เขาถูกดูดมายังโลกใบนี้ ความมืดมิดและพลังอันเย็นยะเยือกที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขา

"Eclipse..." สึคาสะพึมพำ และในชั่วพริบตา แสงสว่างรอบตัวเขาก็เริ่มหรี่ลง เงาขนาดเล็กก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของเขาก่อนจะรวมตัวกันเป็นก้อนพลังงานสีดำทมิฬขนาดเท่าลูกบอล สึคาสะขว้างมันออกไปสุดแรง

ทันทีที่ก้อนพลังงานนั้นออกจากมือของเขา มันก็กลายเป็น "ดวงจันทร์สีดำ" ขนาดเล็กที่ห่อหุ้มลูกซอฟต์บอลไว้ เมื่อมันเคลื่อนที่ออกไปในอากาศ "ดวงจันทร์สีดำ" นั้นก็เริ่มดูดซับแรงเสียดทานและแรงต้านของอากาศทั้งหมด ทำให้ลูกซอฟต์บอลพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ และเมื่อมันตกลงสู่พื้น มันก็ดูดซับแรงกระแทกทั้งหมดไว้ ทำให้เกิดรอยบุ๋มขนาดใหญ่บนพื้นสนาม

เครื่องวัดระยะทางของไอซาวะแสดงตัวเลขขึ้นมา... "825.1 เมตร"

ตัวเลขนี้ทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึง เพราะมันเป็นระยะทางที่ไกลกว่าผลงานของบาคุโกเสียอีก

"โอ้โห! สุดยอดไปเลย!" เดกุอุทานด้วยความตื่นเต้น

บาคุโกมองมาที่สึคาสะด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "แกเป็นใครวะ?!"

ไอซาวะเองก็มองสึคาสะด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม เขาก้มลงอ่านตัวเลขบนเครื่องวัดอย่างถี่ถ้วน "อัตลักษณ์ของนาย... คือการดูดซับแรงเสียดทานและแรงต้านของทุกสิ่งรอบตัวสินะ"

"ครับ... ผมคิดว่าอย่างนั้น" สึคาสะตอบอย่างไม่แน่ใจนัก

"ความสามารถในการดูดซับของมันดูเหมือนจะไม่มีขีดจำกัด..." ไอซาวะพึมพำกับตัวเอง "แต่การควบคุมยังไม่แม่นยำเท่าที่ควร"

การทดสอบยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง 50 เมตร การกระโดดไกล หรือการทดสอบแรงบีบมือ สึคาสะสามารถใช้อัตลักษณ์ Eclipse ของเขาในการดูดซับแรงต้านทานและการเสียดทานได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขาสามารถทำคะแนนได้ดีแทบจะทุกการทดสอบ

ในการวิ่ง 50 เมตร เขาดูดซับแรงต้านอากาศทั้งหมด ทำให้เขาวิ่งได้เร็วกว่านักเรียนคนอื่น ๆ มาก ส่วนในการกระโดดไกล เขาก็ใช้พลังของเขาในการลดแรงเสียดทานบนพื้น ทำให้เขาสามารถกระโดดได้ไกลจนน่าตกใจ

เมื่อสิ้นสุดการทดสอบ ไอซาวะก็ประกาศผลการจัดอันดับออกมา สึคาสะมองไปยังบอร์ดและพบว่าชื่อของเขาอยู่บนสุดของตาราง

"สึคาสะ... อัตลักษณ์ Eclipse... อันดับ 1"

เด็กหนุ่มผมสองสีรู้สึกถึงความโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก การทดสอบในครั้งนี้ทำให้เขามั่นใจในตัวเองมากขึ้น และทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่นี้ได้

แต่ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างคึกคัก ก็มีเสียงของไอซาวะดังขึ้นอีกครั้ง "เอาล่ะ... เลิกคุยกันได้แล้ว"

สายตาของไอซาวะจับจ้องไปที่สึคาสะ "สึคาสะ... อัตลักษณ์ของนายมันน่าสนใจจริง ๆ แต่มันก็เป็นดาบสองคม"

"ดาบสองคม?" สึคาสะถามด้วยความสงสัย

"ใช่... ถ้าใช้พลังของนายอย่างไม่ระมัดระวัง... มันอาจจะดูดกลืนแสงสว่างและความหวังของคนอื่นไปก็ได้" ไอซาวะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "การจะเป็นฮีโร่ที่ดี ไม่ได้หมายถึงแค่การมีพลังที่แข็งแกร่ง... แต่หมายถึงการรู้จักควบคุมมันและใช้มันในทางที่ถูกต้องด้วย"

สึคาสะมองไปที่ครูไอซาวะที่กำลังเดินจากไปพร้อมกับถุงนอนของเขา และนึกถึงคำพูดของครูใหญ่เนซุที่บอกว่าเขาอาจจะดูดซับความหวังของคนอื่นไปได้เช่นกัน เขาเริ่มตระหนักว่าพลังที่เขาได้รับมานั้นไม่ใช่แค่พลังในการต่อสู้ แต่เป็นพลังที่มีผลกระทบต่อสิ่งรอบข้างอย่างมหาศาล

การเรียนในห้องเรียนฮีโร่ 1-A เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และสึคาสะก็รู้ดีว่าเขาจะต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย ไม่ใช่แค่การใช้อัตลักษณ์ของเขา แต่คือการเป็นฮีโร่ที่แท้จริงในโลกใบนี้

โปรดติดตามตอนต่อไป...

บทที่ 3: ความท้าทายครั้งใหม่และเงาในเงามืด

หลังจากวันทดสอบอัตลักษณ์ผ่านพ้นไป สึคาสะเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตในโรงเรียนฮีโร่ UA ได้ดีขึ้น แม้ว่าความสนใจที่เพื่อนร่วมชั้นมีต่อเขาจะยังไม่จางหายไป แต่เขาก็เริ่มผูกมิตรกับพวกเขาได้บ้าง โดยเฉพาะกับมิโดริยะ อิซึคุ หรือ เดกุ ที่เข้ามาพูดคุยเรื่องอัตลักษณ์ของเขาอยู่เสมอด้วยความสนใจใคร่รู้

“อัตลักษณ์ของนายสุดยอดมากเลยนะสึคาสะ! การดูดซับแรงเสียดทานน่ะมันทำให้นึกถึงเรื่อง ‘ดวงจันทร์สีดำ’ ในตำนานเลย” เดกุพูดด้วยดวงตาเป็นประกายขณะที่พวกเขาเดินกลับบ้านด้วยกันหลังเลิกเรียน

“ดวงจันทร์สีดำ?” สึคาสะถามอย่างงงๆ “มันคืออะไรเหรอ?”

“มันเป็นตำนานเก่าแก่ที่เล่าขานกันมาน่ะ” เดกุอธิบาย “เขาว่ากันว่ามีดวงจันทร์สีดำดวงหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และมันจะดูดกลืนแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทั้งหมดจนโลกมืดมิด มีแต่เงามืดที่ครอบคลุมไปทั่ว...”

สึคาสะฟังด้วยความรู้สึกแปลกๆ คำพูดของเดกุทำให้เขาหวนนึกถึงคำเตือนของครูไอซาวะและครูใหญ่เนซุ เขาได้แต่หวังว่าพลังที่เขาได้รับมาจะไม่เป็นเหมือนกับ ‘ดวงจันทร์สีดำ’ ในตำนานจริงๆ

สัปดาห์ต่อมา ห้องเรียน 1-A ก็มีวิชาใหม่เข้ามา นั่นคือ ‘การฝึกซ้อมต่อสู้ขั้นพื้นฐาน’ ซึ่งมีออลไมท์ ฮีโร่อันดับหนึ่งและอาจารย์ผู้สอนของวิชามาเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง

“เอาล่ะ! วันนี้เราจะมาฝึกซ้อมกันในรูปแบบ ‘การต่อสู้ในเมือง’ โดยแบ่งออกเป็นสองทีม ได้แก่ ทีมฮีโร่ และทีมวิลเลิน! ครูจะจับฉลากจับคู่ให้พวกเธอเอง!” ออลไมท์ประกาศด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง ขณะที่นักเรียนทุกคนต่างตื่นเต้นกับบทเรียนใหม่นี้

สึคาสะถูกจับคู่ให้เป็น ‘ทีมฮีโร่’ คู่กับอุรารากะ โอชาโกะ และจะต้องเผชิญหน้ากับบาคุโก คัตสึกิ และอีดะ เท็นยะ ที่อยู่ใน ‘ทีมวิลเลิน’ การจับคู่นี้ทำให้สึคาสะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะบาคุโกดูไม่พอใจเขาตั้งแต่ตอนทดสอบอัตลักษณ์แล้ว

การฝึกซ้อมเริ่มต้นขึ้นในอาคารจำลองขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาให้คล้ายกับเมืองจริง ภารกิจของทีมฮีโร่คือการเข้ายึด ‘นิวเคลียร์บอมบ์’ ที่ทีมวิลเลินซ่อนไว้ให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด

“นี่เป็นการฝึกซ้อมจริงจังนะสึคาสะ อย่าประมาทเด็ดขาดเลย” อุรารากะเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง

“อืม... ฉันรู้แล้ว” สึคาสะตอบ ขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในตัวอาคารอย่างเงียบๆ

ทันใดนั้น บาคุโกก็พุ่งเข้ามาโจมตีจากมุมตึกด้วยการระเบิดอันรุนแรงอย่างไม่ทันตั้งตัว “แกนั่นแหละ! แกมาเลยไอ้คนใหม่! ฉันจะทำลายแกเอง!”

สึคาสะรีบหลบการโจมตีอย่างหวุดหวิด เขายกมือขึ้นและใช้พลัง Eclipse สร้างเกราะป้องกันบางๆ รอบตัวเพื่อดูดซับแรงกระแทกจากการระเบิดของบาคุโก ซึ่งทำให้บาคุโกยิ่งหัวเสียมากขึ้นไปอีก

“หนอย! เก่งแต่วิ่งหนีรึไง! ออกมาสู้กันตัวต่อตัวเลย!” บาคุโกตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

“เราไม่มีเวลามาสู้กับเขานะสึคาสะ! เราต้องไปหานิวเคลียร์บอมบ์ให้เจอ!” อุรารากะตะโกนบอกเขาขณะที่วิ่งนำหน้าไป

สึคาสะพยักหน้า ก่อนจะรวบรวมสมาธิและสร้าง ‘ดวงจันทร์สีดำ’ ขึ้นบนฝ่ามืออีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้มันเป็นอาวุธ แต่เป็นเครื่องมือในการรับรู้ เขาขว้างมันขึ้นไปบนอากาศ ทำให้มันดูดซับ ‘เสียงสะท้อน’ และ ‘คลื่นความร้อน’ ที่กระจายอยู่ในอาคารทั้งหมด ทำให้เขาสามารถรับรู้ตำแหน่งของนิวเคลียร์บอมบ์และอีดะที่อยู่คนละชั้นได้

“อุรารากะ! นิวเคลียร์บอมบ์อยู่ชั้น 5! เราต้องไปที่นั่น!”

“โอเค! ฝากบาคุโกไว้กับนายนะ!” อุรารากะพูดก่อนจะแยกตัวไปอีกทางหนึ่ง

ตอนนี้เหลือเพียงสึคาสะและบาคุโกที่ต้องเผชิญหน้ากัน การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด บาคุโกใช้การระเบิดที่รุนแรงและรวดเร็วเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่สึคาสะก็ใช้พลัง Eclipse ของเขาในการดูดซับแรงระเบิดและแรงกระแทกทั้งหมด ทำให้บาคุโกไม่สามารถโจมตีเขาได้อย่างเต็มที่

“ทำไมแกถึงไม่แสดงพลังที่แท้จริงของแกออกมาเลยวะ!” บาคุโกตะโกนอย่างหงุดหงิด

สึคาสะรู้สึกได้ว่าบาคุโกไม่ได้ต้องการแค่จะเอาชนะเขา แต่ต้องการที่จะทดสอบพลังของเขาอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้อยากทำร้ายนาย!” สึคาสะตอบกลับ

“หุบปาก! การเป็นฮีโร่ก็ต้องพร้อมที่จะสู้!” บาคุโกพูดก่อนจะใช้ท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของเขา ‘Howitzer Impact’ ซึ่งเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ที่สร้างแรงกดอากาศมหาศาล

สึคาสะหลับตาลงและรวบรวมพลัง Eclipse ของเขาให้เข้มข้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาปล่อยพลังงานสีดำออกมาจากตัวเป็นวงกว้างในรัศมีหลายเมตร และมันดูดซับแรงกดอากาศจากการระเบิดของบาคุโกทั้งหมด... รวมไปถึงแสงสว่างในบริเวณนั้นด้วย

ภาพที่บาคุโกเห็นคือภาพที่น่าตกตะลึง ท้องฟ้าจำลองในอาคารที่เคยสว่างไสวกลับมืดมิดลงในชั่วพริบตา มีเพียงเงามืดที่ล้อมรอบตัวสึคาสะอยู่ และเงามืดนั้นก็ค่อยๆ ขยายตัวออกไปอย่างช้าๆ ราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งให้หายไป

บาคุโกตัวสั่นด้วยความกลัวที่ไม่เคยเจอมาก่อน เขาจ้องมองไปยังเงาที่มืดมิดนั้น และรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจ นี่ไม่ใช่แค่พลังในการดูดซับ... แต่เป็นพลังที่ดูดกลืนทุกสิ่งให้หายไปอย่างแท้จริง

ทันใดนั้น เสียงเตือนก็ดังขึ้น “ทีมฮีโร่เอาชนะได้แล้ว!”

การฝึกซ้อมสิ้นสุดลงแล้ว... อุรารากะสามารถแตะนิวเคลียร์บอมบ์ได้สำเร็จในขณะที่บาคุโกกำลังต่อสู้กับสึคาสะอยู่

แสงไฟในอาคารกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง สึคาสะทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า และบาคุโกก็จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม... เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและเคารพปะปนกันไป

“นายมัน...” บาคุโกพึมพำ “นายมันเป็นอะไรกันแน่...”

สึคาสะไม่ได้ตอบอะไร เขาได้แต่จ้องมองฝ่ามือของตัวเอง ที่ซึ่งความมืดมิดยังคงหลงเหลืออยู่เล็กน้อย และเขาก็เริ่มตระหนักว่าพลังของเขา... อาจจะเป็น ‘ดาบสองคม’ ที่ครูไอซาวะเคยกล่าวไว้จริงๆ

หลังจบการฝึกซ้อม ครูใหญ่เนซุได้เรียกสึคาสะไปที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง

“การฝึกซ้อมวันนี้... ครูติดตามดูอยู่ตลอดนะ” ครูใหญ่เนซุกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การใช้อัตลักษณ์ Eclipse ของเธอ... มันน่าประทับใจมาก”

“แต่... ผมรู้สึกว่ามันอันตรายเกินไปครับ” สึคาสะตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย “ผมไม่รู้ว่าผมจะควบคุมมันได้หรือเปล่า”

“นั่นแหละคือสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้ในโรงเรียนแห่งนี้” ครูใหญ่เนซุตอบ “พลังทุกอย่างล้วนมีทั้งด้านสว่างและด้านมืด หน้าที่ของฮีโร่คือการเลือกใช้พลังนั้นให้ถูกต้อง”

“...แล้วถ้าวันหนึ่งผมทำไม่ได้ล่ะครับ?” สึคาสะถาม “ถ้าผม... กลายเป็นเหมือน ‘ดวงจันทร์สีดำ’ ที่กลืนกินทุกสิ่งล่ะครับ?”

ครูใหญ่เนซุมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน “เธอจะไม่เป็นแบบนั้นหรอก... ครูเชื่อในตัวเธอ”

“แต่... มีสิ่งหนึ่งที่ครูต้องบอกเธอเอาไว้...” ครูใหญ่เนซุกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย “ความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้ในคืนที่มายังโลกนี้... ความมืดมิดและพลังอันเย็นยะเยือกนั้น...”

“มันไม่ใช่แค่อัตลักษณ์ของเธอ... แต่มันคือพลังที่เชื่อมโยงเธอกับอีกโลกหนึ่ง... โลกที่กำลังถูกคุกคามจากบางสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน”

“และครูเชื่อว่า... เธอคือคนเดียวที่จะหยุดมันได้”

สึคาสะมองไปที่ครูใหญ่เนซุด้วยความตกใจ... อีกโลกหนึ่ง? บางสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้จัก?

“แต่ตอนนี้... เธอแค่ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นฮีโร่ที่ดีให้ได้ก่อน” ครูใหญ่เนซุกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “เราจะเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้ไปด้วยกัน... สึคาสะ”

เด็กหนุ่มผมสองสีมองออกไปนอกหน้าต่างห้องทำงานของครูใหญ่... ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า และท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท... เขารู้สึกได้ว่าการผจญภัยของเขาในฐานะฮีโร่... เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!