เสียงเข็มนาฬิกาดัง “ติ๊ก… ต๊อก” ในร้านซ่อมนาฬิกาเล็ก ๆ ริมถนนสายหนึ่ง
มันเป็นร้านเล็กที่ผู้คนแทบไม่สังเกตเห็นหากไม่ได้ตั้งใจ
มีเพียงกระจกใสหน้าร้านที่สะท้อนแสงแดดอ่อน ๆ ของเช้าวันจันทร์
และชายหนุ่มคนหนึ่ง…ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้เก่า
เขาชื่อ พัท
ชายหนุ่มวัยสามสิบที่ไม่ค่อยพูด เขาเป็นช่างซ่อมนาฬิกา
และเจ้าของร้าน “เวลาเดิม”
ร้านที่ดูเก่าแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกของเวลาและเรื่องราว
พัทใช้ชีวิตเรียบง่าย
ทุกเช้าเขาจะเปิดร้านเวลา 7 โมงครึ่ง
เช็ดกระจกหน้าร้าน จัดเรียงนาฬิกาที่รอการซ่อม แล้วนั่งดื่มกาแฟดำที่ไม่มีน้ำตาล
นิ่ง เงียบ และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่…
คือ เธอ คนที่เดินผ่านหน้าร้านในเวลาเดิมทุกวัน
ผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อเชิ้ตทำงานสีอ่อน ๆ ผูกผมหางม้าหลวม ๆ
บางวันมีร่มในมือ บางวันถือแก้วกาแฟ
แต่ทุกวัน เธอจะหยุดเดินหน้าร้านเล็กน้อย
มองนาฬิกาที่โชว์อยู่หน้าร้าน แล้วก็ยิ้มให้ ก่อนจะเดินต่อไป
พัทไม่เคยรู้ชื่อเธอ ไม่เคยทัก ไม่เคยเปิดประตูออกไปเรียก
เขาเพียงแต่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ ยกแก้วกาแฟจิบช้า ๆ
และแอบยิ้มเงียบ ๆ กับตัวเอง เมื่อเธอปรากฏตัว
“วันนี้เธอมาสายนิดหน่อย…”
เขาพึมพำในใจ ขณะเข็มวินาทีกำลังเดินต่อไปไม่หยุด
⸻
ชื่อของเธอคือ มีนา
พนักงานออฟฟิศในบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งที่อยู่ถัดไปอีกสองซอย
เธอชอบร้านนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ย้ายมาทำงานแถวนี้
ไม่รู้ว่าทำไม มันดูสงบ อบอุ่น และมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดใจ
เธอไม่เคยเข้าร้าน
แต่ก็ไม่เคยพลาดที่จะหยุดมอง
โดยเฉพาะชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านใน
เขาไม่เคยหายไปจากที่เดิมเลยสักวัน
⸻
เช้าวันนี้มีนาเดินมาพร้อมกาแฟเย็นแก้วโปรด
เธอหยุดที่หน้าร้านตามปกติ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ…
เขามองมาทางเธอแล้ว พยักหน้าเบา ๆ
หัวใจของมีนาเต้นแรงขึ้น
เล็กน้อย… แต่ชัดเจน
“เขายิ้มให้ฉัน…รึเปล่านะ?”
เธอถามตัวเองเบา ๆ ก่อนจะยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อย และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
⸻
หลังประตูไม้บานเก่าปิดสนิท พัทยังคงนั่งเงียบ แต่ภายในใจกลับคึกคักกว่าทุกเช้า
กาแฟดำที่ขม กลับรู้สึกอุ่นขึ้นแปลก ๆ
เขาเหลือบมองนาฬิกาพกเรือนหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
มันหยุดเดินไปเมื่อสามวันก่อน
พัทเพิ่งซ่อมมันเสร็จเมื่อเช้านี้พอดี
เขาหยิบมันขึ้นมา ค่อย ๆ เปิดฝา
เสียงติ๊กต๊อกดังเบา ๆ… มันเดินได้อีกครั้งแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แต่ในใจเขาคิดแวบขึ้นมา…
“ถ้าเธอเป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้ก็คงดี…”
⸻
วันต่อมา
มีนาเดินมาพร้อมรอยยิ้มและหัวใจที่อยากรู้อะไรบางอย่าง
วันนี้เธอกล้าหยุดนานกว่าเดิม… นิดหนึ่ง
และในวินาทีนั้นเอง ประตูร้านที่ไม่เคยเปิด ก็ถูกเปิดออก
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังกรุ๊งกริ๊ง
และเธอเห็นเขา… เดินออกมายืนตรงหน้า
“เอ่อ… นาฬิกาพกเรือนนี้ เดินได้แล้วนะครับ”
เสียงเขาเรียบนิ่ง แต่มีแววเขินที่หูแดงนิด ๆ
มือของเขายื่นนาฬิกาพกเรือนหนึ่งให้เธอ
มีนาเบิกตากว้าง “เอ่อ… ฉันไม่ใช่เจ้าของนะคะ”
เธอยิ้มเจื่อน ๆ แต่ในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด
“ผมรู้ครับ” เขาตอบ พร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“แต่ถ้าคุณชอบ ผมจะให้ก็ได้นะ…”
วินาทีนั้น ไม่มีเสียงนาฬิกา ไม่มีเสียงรถบนถนน
มีเพียงดวงตาสองคู่ ที่มองกันอย่างประหลาดใจ
และหัวใจสองดวงที่เพิ่งเริ่มเดิน…เหมือนนาฬิกาเรือนนั้น
เสียงฝนตกในช่วงสายของวันอังคาร กลายเป็นเพลงประกอบฉากที่เหมาะเจาะเกินไปสำหรับร้านเล็ก ๆ อย่าง “เวลาเดิม”
ร้านซ่อมนาฬิกายังคงตั้งอยู่เงียบ ๆ เหมือนทุกวัน
กลิ่นอายของไม้เก่า หนังสือมือสอง และกลไกนาฬิกา…
มันช่างเข้ากับเสียงฝนที่ซัดกระจกเบา ๆ อย่างพอดิบพอดี
พัทนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ตามปกติ แต่ในใจของเขาไม่ปกติเหมือนวันอื่นอีกต่อไป
นับจากวันที่เขายื่นนาฬิกาพกให้หญิงสาวคนนั้น เขารู้สึกว่าอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป
ไม่ใช่ที่ร้าน ไม่ใช่ที่ฝนตก… แต่เป็นในใจของเขาเอง
เขาจำได้ดีถึงเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเธอ
และประโยคที่ว่า “ฉันไม่ใช่เจ้าของนะคะ”
เสียงที่ฟังดูเป็นกันเองแบบไม่ต้องพยายาม
แม้เธอจะรับนาฬิกาไว้ แต่ไม่ได้สัญญาว่าจะกลับมาอีก
“จะมาวันนี้ไหมนะ…”
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะจิบกาแฟดำแก้วเดิม
สายตาเหลือบมองหน้าร้านอยู่เป็นพัก ๆ แม้จะมีฝนพรำต่อเนื่อง
⸻
มีนาเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะรู้สึกกระวนกระวายขนาดนี้
เธอนั่งทำงานตรงโต๊ะหน้าต่างมุมเดิมของบริษัทที่อยู่ห่างจากร้านเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
แต่วันนี้…กลับรู้สึกไกลเหลือเกิน
ใจของเธอเผลอคิดถึงผู้ชายเงียบ ๆ คนนั้นอยู่หลายครั้ง
แม้จะไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ
“หรือเราควรไปขอบคุณเขาให้ชัด ๆ ดีไหมนะ?”
เธอคิดในใจ แล้วก็เงยหน้ามองฟ้าเทา ๆ
แม้ฝนจะยังตกไม่หยุด แต่เธอก็ตัดสินใจลุกขึ้น คว้าร่มและนาฬิกาพกในกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากบริษัท
⸻
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้งในรอบหลายวัน
พัทเงยหน้าขึ้นและเห็นเธอ…
เธอยืนอยู่ตรงประตูในชุดทำงานที่มีหยดฝนเกาะพราว
“สวัสดีค่ะ” เธอยิ้ม “ฉัน…เอ่อ ฉันแค่แวะมา ขอบคุณเรื่องนาฬิกาวันก่อนค่ะ”
“ครับ” พัทยิ้มบาง ๆ แต่ในใจกลับอุ่นกว่าผ้าห่มในวันที่ฝนตก
เธอหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาวางบนโต๊ะ
“ฉันลองเปิดดูที่บ้าน มันสวยมากเลยนะคะ… แถมยังเดินได้จริง ๆ ด้วย”
“มันเก่า แต่ยังเดินได้เสมอ ถ้าดูแลมันดี ๆ”
เขาพูดเรียบ ๆ แล้วเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถาม
“ขอโทษนะครับ… แต่ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย”
มีนาชะงักไปนิด ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้น
“ฉันชื่อ ‘มีนา’ ค่ะ แล้วคุณล่ะ?”
พัทเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“พัท”
เสียงชื่อของทั้งสองคนเหมือนจะลอยค้างอยู่ในอากาศชั่วครู่
ก่อนจะถูกกลบด้วยเสียงฝนที่ซัดแรงขึ้นบนหลังคาร้าน
⸻
“คุณเป็นช่างซ่อมนาฬิกาเหรอคะ?”
มีนาถามพลางเดินดูรอบ ๆ ร้านอย่างอยากรู้อยากเห็น
มือของเธอลูบผ่านกรอบรูปนาฬิกาโบราณ และสมุดโน้ตเล่มเก่า ๆ ที่วางเรียงกันเป็นชั้น
“ใช่ครับ ซ่อมทุกอย่างที่เดินตามเวลาได้”
พัทตอบ พลางมองเธอด้วยสายตานุ่มนวล
“แล้วคุณ…เดินตามเวลาของใครเหรอคะ?”
คำถามนั้นไม่ได้ตั้งใจให้ลึก
แต่กลับทำให้บรรยากาศในร้านเงียบลงชั่วขณะ
พัทสบตาเธอ ก่อนจะพูดช้า ๆ
“บางทีก็เดินตามคนบางคน…ที่หยุดอยู่หน้าร้านผมทุกวัน เวลาเดิม”
⸻
วินาทีนั้น มีนารู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุด
เธอหลบตาเล็กน้อย แต่ยิ้มไม่หาย
“งั้นฉันจะพยายามเดินผ่านให้ตรงเวลานะคะ”
เธอพูดเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เปิดประตูออกจากร้าน
เสียงกระดิ่งดังอีกครั้ง
แต่คราวนี้…มันไม่ได้แค่บอกว่าเธอมา
แต่มันเหมือนบอกว่า “หัวใจของเขาเพิ่งเริ่มเดินตามเธอ”
หลังจากวันฝนพรำในวันนั้น
มีนาก็เริ่มเปลี่ยนเส้นทางเดินของเธอเล็กน้อยในทุกเช้าและเย็น
แทนที่จะตรงไปยังบริษัทเหมือนทุกวัน เธอเลือกเดินผ่านร้าน “เวลาเดิม”
และบางครั้ง…ก็หยุดพูดคุยกับชายหนุ่มเจ้าของร้านนาฬิกาที่เธอเพิ่งรู้จักชื่อ
“พัท”
ชื่อของเขาอาจจะธรรมดา
แต่ความเงียบของเขา กลับมีเสน่ห์อย่างประหลาด
มันไม่ใช่ความเงียบที่ทำให้รู้สึกอึดอัด
แต่มันเป็นความเงียบที่ทำให้มีนารู้สึกปลอดภัย เหมือนได้พักจากโลกที่วุ่นวาย
⸻
เช้านี้ ท้องฟ้าแจ่มใสจนดูเหมือนเมื่อคืนฝนไม่เคยตก
มีนาเดินมาหยุดหน้าร้าน พร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ บนริมฝีปาก
วันนี้เธอมีแผน
ไม่ใช่แผนใหญ่โตอะไรหรอก แค่…จะพกขนมปังชิ้นหนึ่งมาให้เขา
เธอเปิดประตูร้าน เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ เหมือนเคย
พัทเงยหน้าจากโต๊ะทำงาน และพยักหน้าเบา ๆ
“สวัสดีค่ะคุณพัท”
“สวัสดีครับคุณมีนา”
เสียงทักทายธรรมดา…แต่ทำไมมันอบอุ่นกว่าคำหวาน ๆ จากใครหลายคนที่เธอเคยรู้จัก
มีนาวางขนมปังไว้บนโต๊ะ
“ฉันซื้อมาฝากค่ะ ขนมปังครัวซองต์อัลมอนด์เจ้านี้อร่อยมากเลยนะ ลองดูค่ะ”
พัทมองกล่องกระดาษเล็ก ๆ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง
ไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ยิ้มบาง ๆ
ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ราวกับมันเป็นของมีค่ามากกว่าขนมธรรมดา
⸻
“คุณชอบเพลงมั้ยคะ?”
มีนาถาม ขณะสายตากวาดมองรอบร้าน
“ชอบครับ” พัทตอบเรียบ ๆ
“แล้ว…ฟังแนวไหนเหรอคะ?”
เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดวิทยุเครื่องเล็ก ๆ ข้างโต๊ะทำงาน
เสียงเพลงเก่าค่อย ๆ ลอยมาในอากาศ — เป็นเสียงเปียโนช้า ๆ กับเสียงนักร้องหญิงนุ่ม ๆ ราวกับลูบหัวใจ
“เพลงนี้ฉันก็ชอบค่ะ…”
มีนายิ้มบาง ๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา
เป็นครั้งแรกที่เธอได้นั่งในร้านนี้ ไม่ใช่แค่ยืนคุยผ่านกระจกหรือประตู
พัทวางขนมลง ขยับนาฬิกาข้อมือเก่า ๆ ที่เขากำลังซ่อมอยู่ออกไป
ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า
“ผมไม่ค่อยพูดเก่งหรอกครับ… เพลงเลยเป็นเหมือนเพื่อน”
ประโยคนั้นทำให้หัวใจของมีนาสะดุดเล็กน้อย
ชายคนนี้…เขาไม่ได้เงียบเพราะไม่สนใจ
แต่เพราะเขาเลือกจะเงียบ เพื่อฟัง…และเข้าใจ
⸻
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
เสียงเพลงลอยไปเรื่อย ๆ สลับกับเสียงกลไกนาฬิกาและเสียงฝีเท้าของลูกค้าบางคนที่แวะเข้ามา
มีนารู้ตัวอีกทีตอนที่นาฬิกาแขวนในร้านบอกว่าเกือบจะเก้าโมงแล้ว
เธอสะดุ้งเบา ๆ ลุกขึ้นรวบกระเป๋า
“ฉันต้องไปแล้วค่ะ เดี๋ยวเข้าออฟฟิศสาย”
“ครับ” พัทตอบ “ขอบคุณสำหรับขนม… แล้วก็ เพลง”
มีนาหันมายิ้มกว้าง
“แล้วเจอกันนะคะคุณพัท”
เธอพูดก่อนจะเปิดประตูออกไป เสียงกระดิ่งยังคงดังเช่นเคย
⸻
พัทมองตามหลังเธอเงียบ ๆ
มือขวาค่อย ๆ เปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบสมุดเล่มเล็กที่เขาจดทุกอย่างไว้
เขาเขียนบรรทัดใหม่อย่างเงียบงัน
“อังคารที่แดดดี – เธอชอบเพลงเดียวกับฉัน”
“ชื่อของเธออยู่ในเพลงรักมากกว่าที่เธอคิด…”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!